Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่ 50 เธอขโมยโฆษณาของฉัน
ตอนที่ 50 เธอขโมยโฆษณาของฉัน
สามวันหลัง ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นขึ้นมาเช้าๆแล้วแต่งหน้าที่ดูสวยงาม จากนั้นก็สวมใส่ชุดสูทสีขาวที่เป็นขาสั้น และใส่รองเท้าส้นแหลม จากนั้นก็มวยผมให้หลวมๆแล้วมัดรวบอยู่ข้างหลังหัว การแต่งตัวแบบนี้ของเธอทำให้เธอดูเป็นสวยธรรมดา พอเธอทำทุกอย่างให้เสร็จ ประตูห้องของเธอจึงถูกคนเคาะ
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ตอบกลับไปด้วยและยื่นมือไปเอากระเป๋าของตัวเองแล้วกำลังจะออกไปข้างนอก พอเธอเปิดประตูออกไป เธอจึงเห็นยินจื่อเจิ้นยืนอยู่ตรงนอกประตู เธอจึงเผยยิ้มอันอ่อนหวานออกไป ลักยิ้มของเธอเป็นที่ดึงดูดคนมากๆ จากนั้นเธอจึงเรียกขึ้น “พี่ชาย อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ยินจื่อเจิ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเอาวิทยานิพนธ์ในมือเธอแล้วพาเธอขึ้นรถของตัวเอง
วันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยว จะต้องสอบป้องกันจบ
ระหว่างทาง ยินจื่อเจิ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับที่กลังดื่มนมอยู่ จึงได้ถามขึ้น “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้า แล้วไม่มีอะไรเงยหน้าและพูดเลย มือถือที่อยู่ในมือก็ดังขึ้นไม่หยุด ถาวหยีหาเธอบ่อยมากๆ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ ต่อให้เป็นแบบนี้ ยินจื่อเจิ้นก็ไม่ได้พูดอะไร จึงได้ส่งยินเสี้ยวเสี้ยวไปมหาลัยTด้วยความราบรื่น
“พี่ ฉันไปก่อนนะ ขับรถระวังๆด้วยล่ะ” พึ่งจะพูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงหายตัวไปบนถนนใหญ่ที่ข้างนอกมีพุ่มไม้ในมหาลัยโดยทันที ยินจื่อเจิ้นจึงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ จากนั้นก็ยื่นมือเอามือถือของตัวเองออกมา แล้วโทรหาผู้ชายที่ช่วงนี้กำลังจะกลายเป็นคนในครอบครัวของเขา
……
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่พึ่งวิ่งไปถึงตึกคณะออกแบบนิเทศศิลป์ ตอนนี้เธอเหนื่อยจนยังหายใจหอบอยู่ ถาวหยีเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวปรากฏตัว เธอจึงได้ทักทายเพื่อนที่อยู่ข้างๆเสร็จก็เดินมาหาเธอ แค่ยังไม่ทันได้พูดอะไรขึ้น ก็ได้เห็นเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนอยู่จึงได้หันไปยังทิศทางที่เสียงส่งมา สีหน้าจึงดูเย็นชาเล็กน้อย
เฉิงฉิงที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดง ตอนนี้กำลังเดินมากับจางหมืงที่ใส่เสื้อยืดธรรมดาๆกับกางเกงยีนส์ขายาว อีกทั้งหลี่เจียที่ใส่ชุดกางเกงสีฟ้าชมพูเดินมา พวกเธอปรากฏตัวปุ๊บ คนรอบข้างที่ทีแรกกำลังตกอยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับการสอบป้องกันจบ แต่ตอนนี้บรรกาศกลับเปลี่ยนไปทันที
“ฉันก็ว่าเธอคือใคร ที่แท้ก็ยินเสี้ยวเสี้ยวที่มีชื่อเสียงสุดในมหาลัยT คุณหนูใหญ่ของตระกูลยินนี่เอง?”
เฉิงฉิงยืนอยู่ตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยี มือทั้งสองข้างกอดอกไว้ และค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองพวกเธอ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความได้ใจ “ฉันได้ยินมาว่าเธอจะแต่งงานกับหมอในโรงพยาบาลหนันหยูใช่ไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้กระตุกมุมปากขึ้น แค่ท่าทางที่ดูเย็นชาของเธอก็สามารถทำให้ใครๆก็ดูออกแล้ว จึงได้ตอบกลับด้วยเสียงเบา “ฉันรู้สึกเริ่มหวาดกลัวเพราะถูกคนอื่นโปรดปรานแล้วสิ แม้แต่คุณเฉิงยังติดตามเรื่องของฉันมาขนาดนี้”
เฉิงฉิงจึงได้ทำเสียงฮึดฮัดขึ้นเสียงเบา จู่ๆสายตาก็จับจ้องไปยังจางหมืง ยิ้มตรงมุมปากของเธอเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย
หลี่เจียและจางหมืงจับจ้องยินเสี้ยวเสี้ยวไว้อย่างไม่คลาดสายตา เหมือนกำลังจะปอกเปลือกของเธอออกมาแล้วสังเกตดูให้ดีๆ และคิ้วของถาวหยีที่ขมวดขึ้นเล็กน้อยพลางมองพวกเธออยู่ ทำท่าทางเหมือนเตรียมตัวพร้อมมากๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้ยื่นมือไปจับมือเล็กๆของเธอ และไม่พูดไม่จาใดๆ
“วันนี้พวกเธอทำไมถึงดูเงียบขนาดนั้น มันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรอ?”
ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงที่มีพิรุธดังขึ้น ถาวหยีจึงได้มองสีหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อยของจางหมืง เรือนร่างเล็กๆก็ได้เดินไปหลบอยู่ข้างหลังของเฉิงฉิงและหลี่เจีย จากนั้นผู้คนกลุ่มนั้นก็ได้หลีกทางให้อัตโนมัติ ทุกคนเห็นคนที่ยืนอยู่อยู่อีกข้าง ก็คือผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เรือนร่างเปียกปอนไปด้วยเหงื่อเพราะพึ่งเล่นกีฬาเสร็จ คนๆนั้นก็คือต๋งไข
พอเห็นยินเสี้ยวเสี้ยว นัยน์ตาของต๋งไขจึงได้เปล่งประกายแสงออกมาอย่างไม่อดกลั้นไว้ไม่อยู่ จากนั้นก็อุ้มลูกบาสและเดินมาพลางพูดขึ้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอไม่ได้ปรากฏตัวในมหาลัยนานแล้วจริงๆ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเผยรอยยิ้มออกมาผ่านใบหน้าอันเรียวเล็กของเธอ แล้วจึงตอบกลับ “ขอโทษทีนะ ช่วงนี้ยุ่งๆอะ”
เสียงของเธอที่พึ่งพูดจบ ก็ได้ทำให้สีหน้าของต๋งไขเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ใช่ ช่วงนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวยุ่งมากจริงๆ คิดว่าคนทั้งเมืองTก็รู้ว่า เธอที่ยุ่งกับการแต่งงาน และในขณเดียวกันก็ยุ่งกับการที่ต้องยืนยันให้กับผู้อื่นได้เห็นว่าเธอยังบริสุทธิ์ จะไม่ยุ่งได้ยังไง?
ต๋งไขมองใบหน้าที่สวยงามเหมือนดั่งดอกไม้ผลิบานของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็อ้าปากกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา นัยน์ตากลับเห็นข้างๆที่มีเฉิงฉิงและอีกสองคนยืนอยู่ ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางพูดขึ้น “พวกเธอมาทำอะไรที่นี่?”
เฉิงฉิงมองต๋งไขกำลังอ้าปากและจะพูด จางหมืงที่อยู่ข้างหลังเธอกลับยื่นมือมาห้ามไว้ เธอจึงได้เก็บคำพูดของตัวเองไว้ แต่กลับเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกมุมปากขึ้น รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกภูมิใจ เจ้าเล่ห์และตื่นเต้นดีใจ จากนั้นจึงพูดขึ้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันก็อยากจะดูจริงๆ วันนี้ต๋งไขจะสามารถป้องกันเธอได้หรือไม่!”
พูดจบ ก็ไม่รอให้คนอื่นเอ่ยพูด เฉิงฉิงพวกเธอทั้งสามคนก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไป
ในใจของถาวหยีและยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย ถาวหยีถือโอกาสที่ต๋งไขจากไป ก็ได้รีบเล่าเรื่องที่เธอได้ยินมาจากเพื่อนเมื่อกี้ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวฟัง “เสี้ยวเสี้ยว ฉันได้ยินมาว่าโฆษณาที่จางหมืงทำขึ้นเหมือนโฆษณาน้ำหอมเหมือนของเธอ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงหันไปมองถาวหยีด้วยความรู้แปลกใจเล็กน้อย ไม่น่าล่ะวันนี้ถาวหยีเอาแต่จะรีบตามตัวเธอ การสอบป้องกันจบได้เจอกันปัญหาแบบนี้ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ “แน่ใจหรอ? เป็นน้ำหอมเหมือนกัน เป็นของผู้ชายหรือว่าผู้หญิง”
ถาวหยีจึงห่อปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก “เธอก็รู้ ฉันรู้ว่าเป็นโฆษณาของเธอ ตอนนี้ฉันบอกเธอแบบนี้ เธอกับจางหมืงทำเหมือนกัน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้เบะปากขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ลูกตาหมุนไปหมุนมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ถาวหยีมองยินเสี้ยวเสี้ยวทำสีหน้าแบบนี้ จึงได้ยื่นมือไปปลอบใจเธอ “อย่ากังวลไปเลย ต่อให้หัวข้อเรื่องเหมือนกัน โฆษณาของพวกเธอก็คงไม่เหมือนกันหรอก ถึงเวลาก็แค่คุยกับอาจารย์ดีๆ แต่ก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงพยักหน้าและไม่พูดไม่จา แค่หวังว่าวันนี้ทุกอย่างจะลุล่วงไปด้วยดี
ไม่นาน การสอบป้องกันจบก็เริ่มขึ้น สาขาของพวกเขามีย่อยไปอีกห้าคณะ ทุกคนต่างกำลังจ้องที่จะทำให้วิทยาพิพนธ์ของเธอเปิดปัญหาที่จะได้นำเสนอเป็นเพาเวอร์พ้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่เป็นนักศึกษาคณะออกแบบนิเทศสาตร์ แต่สิ่งที่ไม่โชคดีคือ ยินเสี้ยวเสี้ยว ถาวหยี เฉิงฉิง หลี่เจียและจางหมืง ต้องแบ่งเป็นสามคนต่อหนึ่งกลุ่ม
ในห้องมีที่ห้องแค่สองแถว แถวแรกมีอายุนั่งอยู่ แถวที่สองพวกเขาห้าเป็น
คนแรกที่ไปก็คือถาวหยี เธอทำโฆษณาเกี่ยวกับลิปติก แค่โฆษณๆเดียวก็สามารถถูกเธอทำจนผู้หญิงบริสุทธิ์และสงวนตัวคนหนึ่งกลับแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ แล้วยังมีหน้าตาที่สวยงาม แค่มองก็สามารถทำให้คนอยากซื้อ พอพรีเซ้นท์เสร็จ อาจารย์ก็ได้ถามขึ้นในคำถามข้อสาม ถาวหยีตอบได้อย่างมีเหตุผล คนที่สองจึงจะถึงคิวของจางหมืง
แสงไฟในห้องจึงค่อยๆปิดให้มันมืดลง โฆษณาของจางหมืงได้ปรากฏอยู่ในจอโปรเจคเตอร์และค่อยๆฉายออกมา สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงขาวซีดขึ้นมาทันที แม้แต่ถาวหยีเองก็ยังทำหน้าที่ไม่น่าเชื่อแล้วมองยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ ต่อให้ก่อนหน้านี้จะรู้ว่าทั้งสองได้ทำหัวข้อเดีวกัน แต่ไม่เคยนึกเลยว่า โฆษณาของทั้งสองจะเหมือนกันขนาดนี้
แม้กระทั่งไม่ใช่แค่เหมือนอย่างเดียว
ถาวหยีเคยเห็นโฆษณาของยินเสี้ยวเสี้ยว มันเหมือนกับที่จางหมืงฉายออกมาตอนนี้เด๊ะๆ!
พอโฆษณาเริ่มขึ้น ในฤดูอบอุ่นที่มีแสงแดดที่อบอุ่นสอดส่อง ในห้องอาบน้ำเต็มไปด้วยความอบอุ่นและมีฟองหลายสีลอยอยู่ในอากาศ ทำให้ผู้หญิงที่ดูทันสมัยได้คลุมผ้าคลุมอาบน้ำที่ขาวสะอาดเดินออกจากอ่างอาบน้ำ ตอนที่เธอส่งยิ้มให้กับแสงอาทิตย์ และผ้าคลุมอาบน้ำก็ดูหลวมเล็กน้อย จึงได้ไหล่ข้างซ้ายที่เปลือยอยู่มีผีเสื้อตัวหนึ่งเกาะอยู่ พอจังหวะที่เธอหมุนตัว ผู้หญิงที่สวยงามคนนี้จึงได้ไปปัดโดนน้ำหอมสีชมพูดอย่างไม่ทันได้ระวังตัว จึงทำให้กลิ่นอ่อนๆที่เรียบหรูลอยขึ้นมา และฟองอากาศหลากสีจึงได้เปล่งประกายความงดงามออกมาเหมือนได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง และผีเสื้อที่เกาะเพื่อพักผ่อนอยู่ในไหล่ของเธอ ก็ได้กางปีกหลากสีแล้วโบยบินขึ้นมาอย่างงดงาม……
จู่ๆฉากๆนี้ก็ได้เลือนรางไป ตอนนี้จึงเห็นแค่ผู้หญิงที่หน้าตางดงามพริ้วเพราะนั้นกำลังมองตัวเองและกระพริบตายิ้มขึ้นในกระจก และยังมีผีเสื้อหลากสีที่มีสีสันสดสวยงามก็ได้กินเนื้อที่กระจกไปหนึ่งครึ่ง จึงได้เผยความมีชีวิตชีวาและความมีเสน่ห์ในตัวเอง…..
จากนั้นก็มีตัวหนังสือสีชมพูเป็นแถวปรากฏขึ้นตรงข้างล่างของโปรเจคเตอร์ และได้เขียนไว้ว่า: น้ำหอมของคุณ เป็นกลิ่นกายของเขา
พอโฆษณาได้เปิดจนจบ แสงไฟในห้องจึงสว่างขึ้นมาทันที ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปยังทิศทางที่จางหมืงอยู่ จากนั้นจึงเผยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยการว่ากล่าวตำหนิ และอาจารย์ที่นั่งอยู่ข้างหน้าจึงได้ปรึกษาหารือกันขึ้น แล้วก็เต็มไปด้วยการชื่นชม
มือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังจะเปิดโฆษณาขึ้นก็ได้กำมือไว้แน่นๆ จนทำให้ปลายเล็บกลายเป็นสีขาว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ถาวหยีจะบอกกับเธอกับหัวข้อของเธอกับจางหมืงชนกัน เธอเลยรู้สึกว่าชนกันก็ช่างมันเถอะ ไม่มีทางที่เธอจะทำอะไรแล้วไม่อนุญาตให้คนอื่นทำแบบนี้ นั่นมันไม่มีเหตุผล แค่เธอนึกไม่ถึงจริงๆว่าโฆษณาของจางหมืงคือโฆษณาของเธอ!
นัยน์ตาที่เปล่งประกายของเธอก็ค่อยๆหม่นหมองลง ตั้งแต่ตอนที่เธอเริ่มเปิดโฆษณาของเธอ เธอก็กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี
น้ำเสียงอันอ่อนหวานของจางหมืงจึงส่งเสียงดังขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงหันไปมอง “สวัสดีอาจารย์ทุกท่าน และเพื่อนๆทุกคน วันนี้โฆษณาที่ดิฉันได้ทำขึ้นนั้นเกี่ยวกับน้ำหอม ต่อไปนี้……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรู้สึกโมโหมากๆ สุดท้ายก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้ลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเองแล้วตะคอกเสียงดัง
“จางหมืง เธอขโมยโฆษณาของฉัน!”
คำๆนี้ ก็ได้ทำงานในห้องเต็มไปด้วยความเงียบกริบ แม้แต่เสียงเข็มที่หล่นลงบนพื้นยังสามารถได้ยินได้ ถาวหยีก็ได้ลุกขึ้น แล้วมองจางหมืงด้วยความเกรี้ยวโกรธ
อาจารย์ที่อยู่ข้างหน้าได้ยินแบบนี้จึงได้หันมามอง จากนั้นก็ได้ขมวดคิ้วถามขึ้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว การสอบป้องกันจบครั้งนี้ เธอมีปัญหาอะไรทำไมไม่ลงไปข้างล่างค่อยพูด ต้องมาโวยวายที่นี่เลยหรือไง?”
ชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ถือว่าดีมากนัก รวมไปถึงตอนที่เธออยู่ปีสามก็ได้รับงานจากข้างนอกด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นดีไซน์เนอร์เล็กๆที่ออกแบบโฆษณาแล้ว เธอทำแบบนี้จึงจะทำให้คนอื่นอิจฉาจนตาร้อน จากนั้นก็ยังมีคนลือกันว่าเธอใช้หน้าตาของตัวเองเพื่อไปแลกกับงานที่ก้าวหน้าก้าวไกลที่เธอได้รับ อาจารย์จึงไม่ได้มองว่าเธอดีมากนัก
ถึงแม้ครั้งนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเองต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ความคิดบางอย่างก็ได้คิดอย่างแน่ใจว่าเป็นแบบนั้นไปแล้ว ต่อให้รู้ว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็อยากที่จะเปลี่ยนท่าทีแบบนั้นไป
แน่นอนว่ายินเสี้ยวเสี้ยวรู้ดีว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง แต่ว่าเธอก็ยิ่งรู้ดี ถ้าวันนี้เธอทำตัวเหมือนคนไบ้ ถ้าโฆษณาของเธอเปิดออก จางหมืงอาจจะกัดเธอก่อนเป็นว่าได้ ถึงเวลานั้นเธอคงจะได้ตกลงไปในแมาน้ำและไม่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องแลกมาด้วยความยากลำบากเธอจะงยอมคนอื่นได้ยังไง?
เธอสามารถอดกลั้นควมโมโหในใจของตัวเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวมองจางหมืงด้วยสายตาที่อาฆาต จากนั้นก็หันไปมองอาจารย์ที่อยู่ตรงแถวหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างยืนหยัด “อาจารย์ทุกท่านคะ งานโฆษณาของจางหมืงเป็นผลงานของดิฉัน ไม่ใช่ของเธอ ดิฉันไม่รู้ว่าเธอได้มายังไง แต่ดิฉันแน่ใจได้ว่าโฆษณาเมื่อครู่ที่เธอเปิดเป็นของฉัน!”