Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่55ลือกันว่าเป็นผู้ครอบครองมือฉมังคู่หนึ่ง
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่55ลือกันว่าเป็นผู้ครอบครองมือฉมังคู่หนึ่ง
ตอนที่55ลือกันว่าเป็นผู้ครอบครองมือฉมังคู่หนึ่ง
ออกมาจากห้องทำงานของหัวหน้าภาควิชาแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีหัวเราะออกมาเสียงดังที่ชีวิตสี่ปีได้สิ้นสุดลงแล้ว
ทั้งสองคนมานั่งกันที่ร้านชานม ตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นน้ำมะม่วงหนึ่งแก้ว ส่วนด้านหน้าของถาวหยีเป็นน้ำมะนาวหนึ่งแก้ว หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็โดดเด่นพอๆกัน นี่บางทีอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจในมหาวิทยาลัยแบบนี้อีก
ถาวหยีเงยหน้ามองยินเสี้ยวเสี้ยว เอ่ยถามเสียงนิ่ง “เสี้ยวเสี้ยว โฆษณานี้ของเธอเคยเอาให้ใครดูบ้างหรือเปล่า?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้า เพราะนอกจากถาวหยีแล้วเธอก็ไม่ได้ให้ใครดูอีกเลย ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปที่นั่งข้างๆเธออยู่ๆก็มีคนเข้ามานั่ง ในมือถือน้ำแตงโมงของตัวเองเอาไว้แล้วส่งรอยยิ้มสดใสออกมา
“หัวหน้า นี่คุณมาได้ยังไง?” ถาวหยีเหล่คิ้วมองไปยังต๋งไขที่อยู่ๆก็โผล่มา เธอไม่เคยรู้เลยว่าต๋งไขจะพูดภาษารัสเซียได้ด้วย แล้วยังพูดได้คล่องขนาดนั้น
ต๋งไขยิ้มแล้วก้มลงไปดื่มน้ำแตงโมในมือจากนั้นก็หันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยวทีมองถาวหยีที แล้วพูดออกไปว่า “ทำไมผมถึงมาไม่ได้? เห็นดอกไม้ประจำคลาสเราทั้งสองนั่งกันอยู่ที่นี่ผมจะไม่มาเป็นผู้พิทักษ์ดอกไม้ทั้งสองได้หรอ? อีกอย่าง วันนี้พวกเราก็เรียนจบกันแล้ว กว่าจะได้นั่งกับพวกเธอสองคนอีกใครจะรู้ว่าจะต้องรอไปนานเท่าไหร่?”
ต๋งไขเป็นหนุ่มฮอตของที่นี่ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องผู้หญิง แม้กระทั่งรุ่นพี่และรุ่นน้องที่เป็นผู้ชายเองก็ล้วนชอบเขากันทั้งนั้น สดใสดั่งแสงอาทิตย์ จริงใจร่าเริงเข้าถึงง่าย และมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม ชาติตระกูลดี นับว่าเป็นชายในฝันของผู้หญิงหลายๆคน….
มุมปาก ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มค้างไว้แต่ไม่ได้พูดอะไร กับความรู้สึกของต๋งไขนั้น เธอเองก็รับรู้มาโดยตลอด
ถาวหยีเม้มปากยิ้มมองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วเอ่ยออกไปกับต๋งไขอย่างเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ “ฉันหมายความว่านายเป็นผู้ชายจะตามผู้หญิงสองคนอย่างพวกเรามาทำไม? จะทำอะไรก็ไปทำ อย่ามารบกวนการพูดคุยของฉันกับเสี้ยวเสี้ยว!
ถาวหยีพูดไปแบบนั้นก็เพื่อไล่ต๋งไขให้ออกไป ต๋งไขก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหยิกงอออกมาเพียงแค่มองไปยังสองสาวแล้วพูดออกไป “งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน พวกเธอก็รอฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกเราออกไปกินข้าวกัน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ได้ยินดังนั้นก็เตรียมจะปฏิเสธออกไป ถาวหยีเองก็รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับต๋งไขให้มากเกินก็ได้เตรียมปฏิเสธออกไปเช่นเดียวกัน แต่ทว่าต๋งไขกลับเอาบางอย่ามาล่อ ทั้งยังเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจเป็นอย่างมาก!
“ยินเสี้ยวเสี้ยว” ทันใดนั้นต๋งไขก็ได้มองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้บางทีอาจจะเกี่ยวเนื่องกับจางหมืง”
ได้ชัดว่าคำพูดประโยคนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องโฆษณาที่เพิ่งเกิดไป เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ถาวหยีและยินเสี้ยวเสี้ยวจึงทำได้แค่เพียงนั่งรออยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังเตือนต๋งไขให้เขารีบหน่อย
เมื่อต๋งไขเดินออกไปแล้ว ระหว่างยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีเองก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ ทั้งสองคนเหมือนกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่าง
หลังจากผ่านไปช่วงนึงแล้ว ถาวหยีก็พูดออกมาว่า “เสี้ยวเสี้ยว ในใจเธอตอนนี้พอจะรู้ว่าเป็นใครแล้วหรือยัง?”
เธอก็ยังส่ายหัวเหมือนเดิม โฆษณาชิ้นนี้นอกจากถาวหยีแล้วนั้นเธอก็ไม่เคยให้ใครดูอีก
ถาวหยีกัดลงที่หลอดน้ำมะนาวของเธอ จากนั้นก็พูดออกไปว่า “งั้นนอกจากฉันแล้วก็ไม่มีใครได้ดูอีก แต่หลังจากที่ฉันได้ดูโฆษณาของเธอแล้วก็ได้ลบไปแล้วนี่ แล้วใครกันที่คิดร้ายกับเธอ?”
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังคิดเลือกคนที่น่าจะเป็นไปได้ ต้องรู้ก่อนว่าโฆษณาของเธอเพิ่งทำเสร็จได้ไม่นาน หลังจากที่เธอเพิ่งทำเสร็จก็ได้หลุดออกไป ถ้าบอกว่าเป็นฝีมือของคนที่ไม่ได้มุ่งมาดที่จะทำจริงๆเธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!
ในส่วนของจางหมืงที่ยืนยันว่าเธอเป็นคนขโมยโฆษณาไปเองนั้น ทำยังไงเธอก็ไม่อ้าปากพูดแม้แต่ครึ่งคำสุดท้ายก็ถูกตำรวจนำตัวไป สุดท้ายเพราะว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีผลเลวร้ายอะไรตามมา ดังนั้นเรื่องการจ่ายเงินค่าปรับและคุมขังนั้นก็ถือว่ามากแล้ว เพียงแต่คนที่อยู่เบื้องหลังจางหมืงคนนั้น ก็ยังทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกไม่รู้สึกปลอดภัยขึ้นมา
เห็น ถาวหยีกำลังกลัดกลุ้มตามเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยิ้มออกไปทันทีแล้วพูดออกไปว่า “อย่าคิดมากไปเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่อไปฉันก็แค่ระวังตัวขึ้นอีกหน่อยก็พอ”
ถาวหยีมองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วยิ้มออกมา ถึงตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่เคยสงสัยเธอเลยสักครั้ง เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกเพียงคนเดียวของเธอ เธอจะต้องถนอมมิตรภาพนี้ให้ดี!
หญิงสาวทั้งสองคนนั่งคุยกันไปในระหว่างที่รอต๋งไข ยิ้มกันอย่างสดใส งดงามราวกับว่าเป็นดอกไม้ตามฤดูที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง ความสวยสะดุดตาผู้คน รอยยิ้มที่สดใส ใบหน้าแต่งอย่างพิถีพิถัน เป็นที่จับตามองของชายหนุ่มหลายคน…
ในตอนที่จิ๋นลี่ยวนก้าวเข้ามาในร้านชานมแห่งนี้ ก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมาจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆทั้งสองข้างออกมาอย่างน่ารักและมีเสน่ห์น่ามอง ทันใดนั้นหัวใจที่สงบนิ่งของเขาก็ได้เต้นรัวขึ้นมาทันที
และการปรากฏตัวของจิ๋นลี่ยวนเองก็ได้ดึงดูดสายตานักศึกษาในร้านอย่างรวดเร็ว มีหลายคนที่มองมายัง
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้มองออกไป ในตอนที่เห็นนัยน์ตาคมดั่งเหยี่ยวจ้องมานั้น ใบหน้าเล็กก็แดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ถาวหยีที่เห็นก็ยิ้มออกมา ใช้โอกาสในตอนที่จิ๋นลี่ยวนยังไม่เดินเข้ามาเอ่ยแซวออกไป “จุ๊ๆ เห็นท่าทางใจละลายของเธอตอนนี้สิ คนที่ไม่รู้เขาคงคิดว่าเธอกับจิ๋นลี่ยวนไปถึงไหนถึงไหนกันแล้วล่ะมั้ง?”
“พูดอะไรมั่วๆฮะ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวมองถาวหยีอย่างไม่พอใจ ใบหน้าเล็กขึ้นสีเล็กน้อย “อะไรคือไปถึงไหนกันแล้วฮะ?”
ถาวหยีที่เห็นท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็ยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น จากนั้นก็แอบเหลือบมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่กำลังเดินเข้ามา สายตาสังเกตเข้ามาจิ๋นลี่ยวนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
จิ๋นลี่ยวนเดินมาจนถึงร่างของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็นั่งลงข้างเธออย่างเป็นธรรมชาติ มองไปยังน้ำมะม่วงที่อยู่ตรงหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเรียกพนักงานให้เอาน้ำเปล่ามาให้หนึ่งแก้ว ทุกการกระทำของเขาล้วนเป็นที่จับตามองของคนในร้าน
-พระเจ้า นั่นเป็นสามีของยินเสี้ยวเสี้ยวหรือเปล่า? หล่อจัง!
-หล่อกว่าผู้ชายในมอเราเยอะเลยว่ามั้ย ฉันว่าต๋งไขก็ยังเทียบเขาไม่ติดเลย!
-โชคของยินเสี้ยวเสี้ยวทำไมถึงได้ดีแบบนี้นะ พอเข้ามหา’ลัยมาก็ได้เจอเลยแบบนี้ แต่ทำไมพวกเราถึงไม่เจอเลยสักคนกันนะ!
……
ผู้คนโดยรอบต่างก็พูดถึงเรื่องของยินเสี้ยวเสี้ยว ใบหูของยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังฟังเรื่องที่พวกเขาพูดกันก็แดงขึ้นมา ถาวหยีเองก็ไม่ได้พูอะไรออกมาเพียงนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ เพียงแค่ฟังไปสักพัก ร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวก็แข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย
-ทันทีที่เธอเข้ารั้วมหา’ลัยลัยมาก็เป็นที่รู้จักกันในนามเด็กของเซี่ยงเฉิงผู้ชายที่อ่อนโยนที่สุดของมอT จะไม่โชคดีได้ยังไง?
-ไม่ใช่แค่นั้นนะก็คือเซี่ยงเฉิงน่ะดูแลหล่อนมาถึงสี่ปีเลยนะ แต่ต๋งไขเองก็แอบปกป้องหล่อนอยู่ข้างหลังอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรอ?
– ยินเสี้ยวเสี้ยวคนนี้จะโชคดีอะไรขนาดนี้กัน มีทั้งเซี่ยงเฉิง ต๋งไข แล้วตอนนี้ก็ยังมีคุณหมออีกคน อย่างว่าหน้าตาดีจะทำอะไรก็ได้! พวกเราเทียบหล่อนไม่ติดเลยสักนิด!
……
ไม่รู้ว่าคนรอบๆเมาท์มอยกันตามปกติหรือจงใจจะพูดแบบนั้นออกมา จะถึงจะเป็นอย่างไหนก็ตามพอยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินคำพูดพวกนั้นไป ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกไปสักพัก เรื่องเซี่ยงเฉิง จิ๋นลี่ยวนก็รับรู้มาโดยตลอด ส่วนเรื่องต๋งไขคิดว่าเมื่อกี้ที่ห้องหัวหน้าภาควิชาเขาเองก็คงสังเกตเห็นอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่แสดงท่าทางไม่ไว้หน้าเขาขนาดนั้นออกมา เพียงแค่ถูกคนพวกนี้เมาท์มอยต่อหน้าว่าที่สามีของเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา
ถาวหยีเองก็มองออกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกอึกอัด จึงรีบหันไปพูดกับจิ๋นลี่ยวน
“จริงสิ ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นคุณหมอจากหนันหยู? คุณเป็นคุณหมอแผนกไหนหรอคะ?”
จิ๋นลี่ยวนทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงคนเมาท์มอยจากโดยรอบ เอ่ยปากพูดออกมา “ผมเป็นศัลยแพทย์ประจำห้องผ่าตัดครับ”
ทันทีที่ถาวหยีได้ยินอย่างนั้นแล้วดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที พูดออกไปด้วยท่าทางชื่นชม “คุณเป็นศัลยแพทย์หรอคะ? ฉันได้ยินมาว่าสองปีมานี้มีศัลแพทย์ท่านนึงจากหนันหยูของพวกคุณจบมาจากประเทศอังกฤษ ลือกันว่าเป็นมือฉมังในการรักษาเชียว คุณรู้จักเขามั้ยคะ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ได้ยินคำถามของถาวหยีนั้นแล้วก็เกิดอยากรู้ขึ้นมา เธอรู้มาโดยตลอดว่าถาวหยีคลั่งไคล้คนเป็นหมออย่างมาก กับเรื่องพวกนี้แล้วเธอรู้ดียิ่งนัก ในตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้
แผนกศัลยกรรมเป็นแผนกที่ไม่ใช่ใครก็เข้าไปได้ง่ายๆมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มือของศัลยแพทย์เป็นมือที่มีค่าที่สุดในโลก ทั้งสามารถช่วยเหลือคนได้และยังสามารถฆ่าคนได้เช่นกัน ทักษะการใช้มีดองพวกเขาจะทำให้สามารถฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ ในสายงานนี้มักจะมีการผ่าตัดใหญ่อยู่เสมอ การผ่าตัดครั้งนึงก็ใช้เวลาหลายสิบชั่วโมง บางครั้งก็ต้องทำงานโดยที่ไม่ได้หยุดพัก เป็นงานทางกายภาพที่ต้องการความรอบคอบอย่างมาก ดังนั้นพวกแผนกศัลยกรรมเหล่านี้จะไม่ค่อยจะเห็นศัลยแพทย์หญิงกัน เพราะว่าพวกเธอไม่อาจรับมือกับงานที่หนักที่กินเวลาเป็นเวลานานได้ และอีกอย่างหนันหยูเองก็เป็นโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อเรื่องศัลยแพทย์มือฉมัง เมื่อสองปีก่อนก็ได้มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองT
ไม่ทันต้องให้ถาวหยีได้เร่งถาม ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็จ้องมองไปยังจิ๋นลี่ยวนถามออกไปอย่างรอคอยคำตอบ “เป็นใครหรอคะ? ฉันเคยเจอมั้ย?”
จิ๋นลี่ยวนหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม เห็นแววตาอยากรู้ของยินเสี้ยวเสี้ยว นัยน์ตาคมเหล่ถามออกไปอย่างท้าทาย “แล้วผมดูไม่คู่ควรกับฉายานั้นหรอ?”
ประโยคที่ถามกลับมา ทำเอายินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีพวกเธอทั้งสองมองเขาอย่างตกตะลึง
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ได้สติกลับมาแล้วก็มองไปยังจิ๋นลี่ยวนทั้งๆที่อากาศก็เย็นเล็กน้อย แต่ก็มีมือใหญ่ที่อบอุ่นจับมือเธอไว้ตลอด
จิ๋นลี่ยวนก็คือแพทย์มือฉมังที่เขาลือกัน?
ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่ใช่คนโง่ มือของศัลยแพทย์มีค่าแค่ไหนถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจสายงานนี้เท่าไหร่นักแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่านั่นถือเป็นชีวิตของศัลยแพทย์เชียว ลือกันว่ามีศัลยแพทย์บางคนยอมทำประกันมือของตัวเองเป็นจำนวนหลายสิบล้านหยวน แล้วจิ๋นลี่ยวนที่มีมือฉมังคู่นี้นั้น กลับมาจับมือเธอแน่นแบบนี้ เขาไม่กลัวว่าเธอจะไม่ระวังแล้วไปทำให้มือเขาบาดเจ็บหรอ?
จิ๋นลี่ยวนเห็นสีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร ริมฝีปากก็ยกยิ้มออกมา เอามือลูบลงบนหัวของเธอเบาๆแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ เที่ยงแล้วก็ควรกินข้าว พรุ่งนี้ผมยังมีเคสผ่าตัด เดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จแล้วผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็ลุกขึ้น แต่ไม่คิดว่าสีหน้าที่อ่อนโยนเมื่อสักครู่พอเห็นร่างที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าประตูเขาก็ดูเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆของเขานั้นนอกจากยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขาแล้วก็ไม่มีใครรับรู้ได้
“ดีจังเลย พวกเธอกำลังจะไป ฉันก็มาได้ทันพอดีเลย!” ต๋งไขยืนอยู่ตรงนั้นพูดออกมาอย่างดีใจ เขาอยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาวที่ดูเรียบง่าย เปล่งประกายความหล่อเหลาออกมา ในขณะที่เห็นจิ๋นลี่ยวนสีหน้าก็นิ่งลงอย่างเห็นได้ชัด “คุณจิ๋นก็อยู่ด้วยหรอครับ”
สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาคมมองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ
ในตอนนั้นเองยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกมือเท้าชาไปหมด ทันใดนั้นก็นึกถึงตอนที่จิ๋นลี่ยวนคุยเรื่องเซี่ยงเฉิงกับเธอในตอนนั้น เขาเคยบอกว่าถ้าเธอไม่จัดการให้เรียบร้อยก็จะให้คุณย่าจิ๋นมาจัดการแทน ลำตัวของเธอเย็นเฉียบขึ้นมาทันที พอได้สติกลับมายินเสี้ยวเสี้ยวก็รีบลุกยืนขึ้น ไม่รอให้จิ๋นลี่ยวนยื่นมือมาเธอก็เข้าไปจับมือให้ของเขาด้วยตัวเอง
“เขามารับฉันน่ะ พอดีเลยถ้าอย่างนั้นพวกเราไปด้วยกันเถอะ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจำใจพูดแบบนั้นออกไป ถึงแม้เธอจะไม่อยากให้ต๋งไขและจิ๋นลี่ยวนต้องมากินข้าวโต๊ะเดียวกัน แต่เธอก็อยากรู้เรื่องโฆษณาของเธอที่ถูกขโมยไปเป็นอันดับแรก เรื่องที่สองก็คืออยากบอกอ้อมๆให้ต๋งไขได้รับรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว อย่างที่สามก็คืออยากให้จิ๋นลี่ยวนเมตตาเธอและไม่ให้เธอต้องไปอยู่กับคุณย่าจิ๋นโดยเด็ดขาด