Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่57 ห้องหมายเลขศูนย์ไม่เคยรับคนนอก
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่57 ห้องหมายเลขศูนย์ไม่เคยรับคนนอก
ตอนที่57 ห้องหมายเลขศูนย์ไม่เคยรับคนนอก
ในมุมโซฟาตรงนี้ ชายหนุ่มทั้งสองคนเงียบใส่กันอยู่นาน ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งยังไงอย่างนั้น
ผ่านไปเป็นเวลานาน จิ๋นลี่ยวนก็ได้ยื่นมือออกไปรินไวน์ใส่แก้วเปล่าของยินจื่อเจิ้น จากนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมจดจำมาโดยตลอด ว่าภรรยาของผมมีชื่อว่ายินเสี้ยวเสี้ยว”
พวกเขาทราบดีว่า บางทีนี่อาจจะเป็นคำพูดเล่นๆไม่จริงจัง และบางทีนี่อาจจะเป็นการให้คำสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูอีกทีว่าจิ๋นลี่ยวนจะเลือกทำแบบไหน ถ้าเขายินยอม ยินเสี้ยวเสี้ยวก็จะได้เป็นคุณผู้หญิงของคุณชายสามแห่งบ้านจิ๋นอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากจิ๋นลี่ยวนไม่ยอมรับเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็คงเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่น่าสงสารแค่นั้น
ยินจื่อเจิ้นเองก็ทราบดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา วินาที่ต่อมาพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก เพียงพูดถึงเรื่องทั่วๆไปเพื่อให้ยินเสี้ยวเสี้ยวคิดว่าบรรยากาศการคุยของพวกเขาทั้งสองคนไม่แย่นัก
เพียงแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่คิดว่าแม้แต่การจะกินข้าวก็ต้องมาเจอกับคนที่ทำให้กินข้าวไม่ลงขึ้นมา ถ้าเธอรู้ว่าการกระทำของเธอได้นำเรื่องวุ่นวายเข้ามา เธอเลือกที่จะไม่พูดเสียน่าจะดีกว่า
“จริงสิ ‘น่องไก่มะม่วง’ของที่นี่อร่อยมาก ถาวหยีเธอลองกินสิ” พูดไปอย่างนั้นแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็กดเรียกพนักงานทันที เพียงไม่นานพนักงานก็เดินเข้ามา “พวกเราขอเพิ่ม‘น่องไก่มะม่วง’มาที่นึงนะคะ…”
เธอยังพูดไม่จบ หลังจากพนักงานเดินเข้ามานั้นประตูก็ยังไม่ปิด แต่ก็ไม่นึกว่าจะทำให้มีคนอื่นเดินเข้ามาได้
“นี่เสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่หรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอใกล้แต่งงานแล้วนี่” เสียงพูดที่ดังตามออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นคนที่เธอคนนั้นที่คอยกุมอำนาจของบ้านเซี่ยงเอาไว้ ที่เธอได้ยินชื่อมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้ง เซี่ยงโก่ซิวเดินเข้ามา “เซี่ยงเฉิง ฉันได้ยินมาว่าพวกเธอเรียนที่มอTเหมือนกันนี่ ปกติไม่ได้เจอกันหรอ?”
ต่อจากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นคนจากบ้านเซี่ยงและบ้านยินที่นอกจากเธอและยินจื่อเจิ้นก้าวเข้ามาในห้องนี้
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ค่อยดีนัก บางทีก็อาจเป็นเพราะเธอยังเด็กเกินไป ผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เธอก็ยังไม่อาจควบคุมสีหน้าของเธอได้สักที นี่อาจเป็นสาเหตุบางอย่างที่หลายคนมักจะคิดว่ายินรั่วอวิ๋นน่ารักน่าเอ็นดูอยู่เสมอ ก็เพราะว่าอย่างน้อยยินรั่วอวิ๋นก็รู้จักปิดซ่อนความรู้สึกของตัวเอง ไม่ได้ซื่อตรงถึงขนาดนี้
เซี่ยงเฉิงเดินเข้ามาแล้วนั้น สายตาก็หยุดอยู่ตรงร่างของยินเสี้ยวเสี้ยว ชุดสูทสีขาวกับรองเท้าส้นสูงที่ดูเรียบง่าย ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงน่ารักไร้เดียงสาเหมือนเคย จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ใช่ครับคุณพ่อ เธอเป็นพี่สาวของรั่วอวิ๋น คุณหนูใหญ่ของบ้านยิน ยินเสี้ยวเสี้ยวครับ เป็นรุ่นน้องของผมที่มหาวิทยาลัย”
“ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” ทันใดนั้นเองก็มีเสียง หลี่หมึ้งดังออกมา คำพูดเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธออย่าคอยหลบอยู่ข้างหลังพี่ชายแบบนี้สิ โตแล้วนี่? อย่าให้พี่ชายของเธอต้องไปขอความช่วยเหลือจากบ้านจิ๋นเพื่อรักษาหน้าเธอสิ ถึงแม้ว่าครอบครัวของเราจะมีความสัมพันธ์อันดีกับบ้านจิ๋นก็ตามแต่ก็ไม่ได้เอาไว้ให้เธอเอามาใช้ประโยชน์ตามใจแบบนี้ได้นะ”
เซี่ยงโก่ซิวที่ได้ยินคำพูดของหลี่หมึ้งแล้วนั้น ก็เหล่คิ้วเล็กน้อย หันไปมองยินรั่วอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆเซี่ยงเฉิงอย่างไร้ปากเสียง ก็ยิ่งพอจากขึ้น จากนั้นก็เอ่ยปากพูดออกไปว่า “ฮ่าๆ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าที่แท้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านยินและบ้านจิ๋นไม่เลวเลยนี่ พวกเราได้ญาติพี่น้องที่เกี่ยวดองกันที่ไม่เลวเลยทีเดียว รั่วอวิ๋น ต่อไปถ้าเซี่ยงเฉิงรังแกหนู หนูบอกพ่อได้เลยนะ พ่อจะช่วยหนูจัดการเอง!”
คำพูดเหล่านี้ได้ตัดสินวางสถานะของยินรั่วอวิ๋นต่อไปในบ้านเซี่ยง
ยินเสี้ยวเสี้ยวรับไม่ได้กับการกระทำอย่างนั้นของหลี่หมึ้งอย่างยิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความบาดหมางที่ไม่จบสิ้นระหว่างครอบครัวของเธอกับบ้านจิ๋น ถึงแม้ว่าพี่ชายของเธอจะเป็นเพื่อนกับคุณชายใหญ่บ้านจิ๋น แต่หลี่หมึ้งก็ไม่ควรเอามาประกาศไปทั่วแบบนี้ได้ ถ้าคนจากบ้านจิ๋นเค้ารู้เข้า ไม่แน่ว่าคงได้อับอายไม่กล้าพบหน้าใครอีกแน่! แต่ถึงยังไงหนังหน้าของหลี่หมึ้งก็หนาไม่ธรรมดาอยู่นะ!
“คุณแม่ นี่พวกท่านมาได้ยังไง?” ยินจื่อเจิ้นเดินเข้ามา เผยให้เห็นใบหน้าที่มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยดีที่ตอนนี้อารมณ์ดูไม่ค่อยคงที่ดีนัก ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าคนในครอบครัวของเขาใช้ประโยชน์จากเขามาทำร้ายยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วนั้น จึงทำให้ในช่วงนั้นเขาพูดคุยกับพวกเขาน้อยลง และในขณะเดียวกันก็ได้ตอบคำถามของหลี่หมึ้งไปด้วย “วันนี้ผมได้รับเชิญจากสามีของน้องสาวมากินข้าวด้วยกันครับ”
พูดจบลง หลี่หมึ้งก็ดูเหมือนว่าจะมองเห็นจิ๋นลี่ยวนเข้า เลิกคิ้วแล้วพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “เฮอะ ถึงจะเชิญกันมากินข้าวแต่ก็คงทำได้แค่ยืมชื่อของลูกมาเปิดห้องใน‘ร้านอาหารเทาถี้’แห่งนี้ แม่ว่าลูกไปเคลียร์บิลให้มันเรียบร้อยก่อนเถอะ แม่กลัวว่าพอถึงเวลาจริงๆเขาจะไม่ยอมจ่ายเงินขึ้นมาแล้วจะทำให้ลูกเสียหน้ามาได้”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามระงับไฟโทสะที่ก่อขึ้นในใจอย่างสุดความสามารถ แขนก็ถูกถาวหยีจับเอาไว้แน่น ต๋งไขที่ยืนอยู่ข้างๆทำเพียงแค่ยืนดูอยู่เฉยๆไม่ได้พูดอะไรออกมา
“พี่คะ วันนี้พวกพี่กับสามีก็มากินข้าวกันด้วยหรอคะ?” อยู่ดีๆยินรั่วอวิ๋นก็เอ่ยปากพูดออกมา น้ำเสียงเจือไปด้วยความอ่อนหวาน เซี่ยงเฉิงที่กำลังขมวดคิ้วแน่นพอได้ยินแบบนั้นแล้วก็คลายลงมาไม่น้อย “ถ้าอย่างนั้นมาร่วมโต๊ะกินข้าวกับพวกเราเถอะค่ะ พอดีเลยจะได้ปรึกษากันเรื่องงานแต่งกัน พี่กับสามีของพี่ก็จะได้ใช้โอกาสนี้ศึกษาเอาไว้ใช่มั้ยล่ะคะ?”
คำพูดประโยคนี้ฟังดูเผินๆก็ไม่ได้แย่อะไร แต่ถ้าฟังดีๆกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยถาวหยีมองไปยังยินรั่วอวิ๋นด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก ในตอนนี้กลับเป็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่ต้องคอยยั้งไม่ให้เธอระเบิดอารมณ์ออกมา
คนในที่นี่5คน มียินเสี้ยวเสี้ยว ถาวหยี ต๋งไข เซี่ยงเฉิง และยินรั่วอวิ๋นล้วนเป็นนักศึกษาจากมอT นอกจากเซี่ยงเฉิงที่เรียนการบริหารธุรกิจแล้วนั้นที่เหลือก็ล้วนแล้วแต่เรียนด้านการออกแบบโฆษณากันทั้งนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงในมหา’ลัย มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มที่เธอคบมาสี่ปีนั้นคือเซี่ยงเฉิง! จนคนอื่นมองว่าทำไมยินรั่วอวิ๋นถึงได้ใจกล้าได้ถึงขนาดนั้นที่แย่งแฟนคนอื่นมา แล้วยังมีหน้ามาแสดงความรักต่อหน้าคนอื่นอย่างไร้ยางอายได้อีก!
หล่อนต้องการแต่งงานก่อนยินเสี้ยวเสี้ยว แต่เมื่อสักครู่ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ได้คุยกับต๋งไขและถาวหยีแล้วว่า แต่เดิมพวกเขาได้เลือกจัดงานแต่งหลังจากยินรั่วอวิ๋นจบการศึกษา แต่เนื่องจากยินรั่วอวิ๋นอายุน้อยกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวหนึ่งปี ทำให้แม้ว่าช่วงเวลาที่จะเรียนจบนั้นเหลือเพียงแค่หนึ่งปี แต่ในหนึ่งปีนี้ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งบ้านเซี่ยงหรือทางบ้านยินล้วนถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานเกินไปเลย ดังนั้นจึงได้ทำการตกลงกันแล้วจัดไปอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งทุกคนก็รู้ดีแก่ใจว่าจนถึงตอนนี้คนทางบ้านเซี่ยงกับคนทางบ้านยินจะยังไม่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่าระหว่างยินเสี้ยวเสี้ยวและเซี่ยงเฉิงเลยหรอ? ผายลมเถอะ!
สิ่งที่ยินเสี้ยวเสี้ยวทำไปในงานเลี้ยงวันเกิดของยินรั่วอวิ๋นวันนั้น เพียงแค่ตั้งใจตรวจสอบให้ดีก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะแสร้งทำเป็นรับรู้แล้วมองข้ามันไป หนังหน้าพวกเขาถือว่ายังห่างชั้นจากที่เธอคิดอยู่นัก
จิ๋นลี่ยวนเอ่ยออกไปเสียงเรียบ อาจจะเป็นเพราะดื่มไวน์ไป ยินเสี้ยวเสี้ยวคิดว่าเสียงแหบห้าวของจิ๋นลี่ยวนเจือปนไปด้วยกลิ่นหอมของไวน์แดง “ไม่ต้องหรอกครับ ทางบ้านของผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
สีหน้าของ ยินรั่วอวิ๋นแข็งกระด้างลงทันใด ถึงแม้ว่าเธอได้ทำใจเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ทุกครั้งที่เพียงแค่มองไปยัง จิ๋นลี่ยวนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็มลายหายไปจนหมด เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมผู้ชายอย่างจิ๋นลี่ยวนถึงได้มองยินเสี้ยวเสี้ยวได้? หรือตัวเธอจะดีไม่เท่ายินเสี้ยวเสี้ยวหรอ?
“พี่เขย…” ยินรั่วอวิ๋นอ้าปากยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นผู้จัดการร้านนำพนักงานมาด้วยตัวเอง จึงขัดให้คำพูดของเธอต้องหยุดชะงัก ทุกคนทำเพียงมองพวกเขาที่เดินเข้ามา สายตามองลงไปที่‘น่องไก่มะม่วง’ที่ส่งกลิ่นหอมออกมา ยินรั่วอวิ๋นที่ได้สติกลับมาก็ถามออกไปว่า “ไม่ใช่ว่า‘น่องไก่มะม่วง’ของ‘ร้านอาหารเทาถี้’จำกัดแค่วันละหนึ่งร้อยชุดหรอคะ? เมื่อกี้เพิ่งบอกไปนี่ว่าหมดแล้ว แล้วทำไมมาตอนนี้กลับมีได้ล่ะคะ?”
เมื่อคำพูดนั้นได้หลุดออกมาทั้งคนจากบ้านเซี่ยงและบ้านยินต่างก็หันไปมองทางผู้จัดการหวงกัน
ผู้จัดการหวงผันกลับไปมองพนักงานที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง พนักงานก็เสิร์ฟอาหารต่อไป จากนั้นผู้จัดการหวงก็ได้พูดออกมาว่า “ต้องขออภัยคุณหนูยินด้วยครับ ‘น่องไก่มะม่วง’ของร้านเรามีจำกัดหนึ่งร้อยชุดต่อวันจริงๆครับ ส่วนในตอนที่คุณหนูสั่งก็หมดแล้วจริงๆ แต่จานนี้เป็นคนของบ้านจิ๋นเป็นสั่งครับ”
เพียงคำว่าคนของบ้านจิ๋นคำเดียว ก็ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์เงียบลงทันที แต่ก็ยังคงที่จะจ้องมองผู้จัดการหวงอย่างไร้สติ จากนั้นผู้จัดการหวงก็พูดต่อออกมาว่า “ถึงแม้ว่า‘ร้านอาหารเทาถี้’จะมีชื่อเสียงลำดับต้นๆในเมืองT แต่กับคนจากบ้านจิ๋นแล้วนั้น พวกเราไม่อาจจะขัดความต้องการของพวกเขาได้ แต่ถ้าหากว่าคุณหนูยินมีความสามารถในเรื่องนี้ อย่าว่าแต่‘น่องไก่มะม่วง’ของ‘ร้านอาหารเทาถี้’เลยครับ ถึงจะให้ผมมาบริการให้คุณหนูด้วยตัวเอง ผมเองก็ยินดีทำด้วยความเต็มใจครับ”
คำพูดนี้ของผู้จัดการหวงที่พูดออกมา ทำเอาคนที่ในที่นี้สั่นกลัวออกมาอย่างเสียไม่ได้
โดยทั่วๆไปอาจดูเหมือนว่าผู้จัดการหวงจะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการร้านอาหารทั่วๆไป แต่ร้านอาหารแห่งนี้กลับเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุด หยิ่งยโสที่สุด ร่ำรวยที่สุด มีอำนาจอย่างมากในเมืองT ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข่าวลือที่ว่าร้านอาหารร้านนี้ยังเป็นผลงานชิ้นเอกของนักประกอบการมือผี ใครจะกล้าล่วงเกินกัน? ถ้าผู้จัดการเล็กๆแบบนี้ เกิดเป็นCEOในบริษัทใหญ่ๆขึ้นมา พวกเขามีหรือจะกล้าล่วงเกิน?
“ผู้จัดการหวงล้อเล่นแล้ว ลูกสาวของผมเธอก็แค่อยากรู้แค่นั้นเองครับ” ยินไป่ฝันลุกขึ้นพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณชายใหญ่บ้านจิ๋นคนนี้ขี้เกรงใจเกินไปแล้ว”
ประโยคนี้ที่พูดออกมาแท้จริงนั้นเป็นการจับเอาบ้านจิ๋นมาเกี่ยวข้องกับบ้านยิน หน้าด้านเกินคำบรรยายจริงๆ!
ดวงตาที่หลบอยู่ภายหลังแว่นตากรอบทองของผู้จัดการหวงกระตุกขึ้นเล็กน้อย ไม่พูดอะไรจากนั้นก็ผันตัวออกไปจากห้อง
เซี่ยงโก่ซิวและยินไป่ฝันทั้งสองคนยังคงเตรียมที่จะเดินเข้าไป หลี่หมึ้งพูดคุยหัวเราะกับเว่ยโถ้หยีมารดาของเซี่ยงเฉิงอย่างสนุกสนานจนไปถึงโต๊ะอาหาร บนโต๊ะนอกจาก‘น่องไก่มะม่วง’ที่เพิ่งมาเสิร์ฟแล้วนั้น ยังมีอาหารอื่นๆอีกมากมาย เพียงแค่ขยับตะเกียบไปไม่กี่ครั้งอย่างธรรมชาติแล้ว หลี่หมึ้งก็เอ่ยปากพูดออกมา
“นี่เกิดอะไรขึ้น? รีบให้คนเอาไปเก็บแล้วเอามาเสิร์ฟให้ฉันใหม่!” ทันใดนั้นเองอยู่ดีๆหลี่หมึ้งตะหวาดเสียงดังออกมาถึงข้างนอกด้วยความไม่พอใจ ท่าทางแบบนั้นราวกับว่าเธอถูกผู้อื่นมาเหยียบหางเข้าให้แล้ว “ของเหลือพวกนี้ทำไมถึงเอามาเสิร์ฟได้ห๊ะ? ให้พวกฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลยใช่มั้ย นี่อยากจะตบหน้าพวกเราบ้านยินกันใช่มั้ย?”
พนักงานของ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ที่อยู่คอยบริการอยู่หน้าห้องเข้ามาในห้องก็ถูกหลี่หมึ้งต่อว่าแสกหน้าไปหนึ่งที
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เดินก้าวออกไปพูดว่า “คุณแม่คะ พวกคุณไม่ใช่ว่ามีเรื่องต้องคุยกันหรอกหรอคะ? ไปที่ห้องส่วนตัวของพวกคุณเถอะค่ะ พวกเราตรงนี้ยังกินกันไม่เสร็จ”
สีหน้าของหลี่หมึ้งนิ่งขรึมขึ้นมาทันที ฝ่ามือก็ทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วชี้หน้าด่ายินเสี้ยวเสี้ยวออกไป “แก! นังเด็กหน้าไม่อาย! ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพี่ชายของแก แกคิดว่าแกจะเข้ามาที่นี่ได้รึไง? ที่นี่คือที่ไหน แกถึงได้พาเพื่อนพวกนี้ของแกเข้ามาที่นี่? แล้วยังให้‘ร้านอาหารเทาถี้’จัดห้องหมายเลขศูนย์ให้แก แกได้ใช้สมองส่วนไหนคิดกันห๊ะ ห้องหมายเลขศูนย์ห้องนี้เป็นห้องที่คนของบ้านจิ๋นใช้ได้เท่านั้น คุณชายใหญ่บ้านจิ๋นไว้หน้าครอบครัวของเรา แต่แกกลับเอามาทำลายไปอย่างนี้น่ะหรอ? ที่นี่เป็นห้องที่พี่ชายแกขอกับบ้านจิ๋นเอาไว้ให้พวกเราบ้านเซี่ยง บ้านยินสองครอบครัว!แกคิดว่าแกเป็นใคร?”
“ผมมาที่นี่ผมใช้ห้องหมายเลขสามมาโดยตลอด ผมไม่ได้ได้รับเกียรติอะไรมากมายจากบ้านจิ๋นเลยนะครับคุณแม่”ทันใดนั้นเองยินจื่อเจิ้นก็เอ่ยพูดประโยคนั้นออกมา แต่กลับทำให้คนทั้งห้องเงียบไป จากนั้นก็พูดเส