Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่58 ดอกบัวสีขาวดอกใหญ่
ตอนที่58 ดอกบัวสีขาวดอกใหญ่
ด้วยคำพูดประโยคนี้จึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม จิ๋นลี่ยวนยืนเงียบอยู่ข้างเธอ จิตใต้สำนึกของ ถาวหยีและต๋งไขสั่งให้พวกเขาหันไปมองคนคนโดยรอบทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เหมือนกับกำลังหาคนที่พวกเขาเรียกกันว่าคนของบ้านจิ๋นคนนั้น
“จิ๋น…คนของบ้านจิ๋น?” ยินรั่วอวิ๋นพูดซ้ำออกมาอย่างไร้สติ สายตามองไปยังพี่ชายของตน จากนั้นก็พูดออกไปด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม “พี่คะ พี่เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าคะ? ที่นี่มีคนของบ้านจิ๋นที่ไหนกันคะ ที่นี่มีแค่คนของบ้านเซี่ยงและบ้านยิน กับเพื่อนนักศึกษาสองคนนี้เท่านั้นเองนะคะ ถึงแม้ว่าพี่จะไม่พอใจที่คุณแม่พูดกับพี่สาวไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลยนะคะ…”
คำพูดประโยคนี้ของเธอ ก็ชวนให้คนอื่นคิดคล้อยตามไม่น้อย แต่ก็ยังมีคนไม่กล้าที่จะพูดออกมาสักประโยค
แววตาสงสัยของเซี่ยงโก่ซิวตกไปยังร่างของจิ๋นลี่ยวน หรี่ตาลงเล็กน้อยจากนั้นก็พูดออกไปว่า “คนจากบ้านจิ๋น? ที่นี่มีคนจากบ้านจิ๋น?”
สีหน้าของยินไป่ฝันก็ยิ่งย่ำแย่ลงเต็มที แต่เดิมไม่อยากสนใจอะไรมากมาย ดีไม่ดีจิ๋นลี่ยวนที่เขาเคยสงสัยในตอนนั้นจะใช่คนจากบ้านจิ๋นหรือเปล่า แต่ก็ต้องทำลายความคิดนั้นไป จิ๋นลี่ยวนคนนั้นไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นแค่หมอศัลยกรรมจากโรงพยาบาลหนันหยูที่พอจะมีฝีมืออยู่บ้างก็เท่านั้น!
“คนจากบ้านจิ๋นจะเจอหน้ากันได้ง่ายๆที่ไหนกัน?” เสียงตวาดดังออกมา พร้อมกับการเบี่ยงเบนประเด็นออกไป ยินไป่ฝันตรงเข้าไปนั่งลงข้างโต๊ะอาหารจากนั้นก็พูดต่อออกมาว่า “อันที่จริงที่นี่ก็มีคนจากบ้านจิ๋นอยู่คนนึงนะครับ เพียงแต่คนจากบ้านจิ๋นคนนี้ไม่ใช่คนจากบ้านจิ๋นคนนั้น แต่เป็นแค่คุณหมอศัลยกรรมคนนึงเท่านั้น ถ้าไม่ใช่คุณชายใหญ่บ้านจิ๋น พวกเรามีหรือว่าจะเข้ามาที่นี่ได้? อย่าพูดอะไรให้เยอะแยะเลย รีบนั่งลงดื่มกินอะไรกันสักหน่อย จะได้คุยกันเรื่องงานแต่งของเด็กทั้งสองคนสักที”
เซี่ยงโก่ซิวจ้องมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่ไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ต้นอย่างสงสัย แล้วกลับมาคิดอีกทีว่า จิ๋นลี่ยวนเป็นลูกเขยของยินไป่ฝัน ในเมื่อยินไป่ฝันยืนยันแล้วว่าเขาไม่ใช่คนจากบ้านจิ๋นอย่างแน่นอน แต่เป็นเพียงแค่คุณหมอธรรมดาๆแค่นั้นนั่นก็หมายความว่าจิ๋นลี่ยวนเพียงแค่บังเอิญใช้แซ่เดียวกับคนของบ้านจิ๋นแค่นั้น
ไม่นานเซี่ยงโก่ซิวก็นำเว่ยโถ้หยีและเซี่ยงเฉิงมานั่งลงกับที่ ทางฝั่งของหลี่หมึ้งก็รีบดึงยินรั่วอวิ๋นเข้ามานั่ง แต่ได้ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวและเพื่อนของเธอที่เข้ามากินในห้องนี้ก่อนนั้นออกไปจากห้อง
ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วแน่น ต่อมาก็เดินก้าวเข้าไป แต่ไม่ทันได้พูดอะไรออกไปก็ถูกคนอื่นพูดขัดไปเสียก่อน
“นี่พวกเธอ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รับกลับไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเธอจะเข้ามาได้ง่ายๆนะ” หลี่หมึ้งเอ่ยพูดออกมาอย่างวางมาด จากนั้นก็หันกลับไปคุยกับยินจื่อเจิ้น “จื่อเจิ้น ลูกนั่งลงแล้วกินอีกนิดเถอะ ‘น่องไก่มะม่วง’จานนี้เพิ่งมาเสิร์ฟเมื่อกี้เลย ลูกลองชิมดูสิ!”
พูดออกมาแบบนั้นแล้วหลี่หมึ้งก็เข้าไปคีบมาใส่ในชามเปล่าที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทางของยินจื่อเจิ้นแล้วเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ไฟโทสะในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวใกล้ที่จะประทุออกมาเต็มที ตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้ามาในห้องนี้ก็เริ่มทำตัวเป็นเจ้าของห้องทันที แล้วยังมีท่าทีที่กีดกันให้พวกเธอออกไปอีก! เรื่องน่าขันอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเธอยังไม่เคยเจอมาก่อน!
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวครึ้มลงทันใด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นตามแรงโกรธ เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้!
วันนี้ยินไป่ฝัน หลี่หมึ้ง และยินรั่วอวิ๋นทำได้ดีจริง! ทั้งๆที่เห็นวันนี้เธอเป็นเจ้าของสถานที่ มีเพื่อนของเธอ มีพี่ชายของเธอ และยังมีคู่หมั้นของเธออยู่ด้วย แต่คนพวกนี้ก็ยังทำแบบนี้ได้อีก อะไรกันถึงได้เข้ามาขับไล่เธออย่างไม่แยแสอะไรอย่างนี้ได้!
บนโลกนี้ควรมีคนหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้อยู่อีกหรอ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวโมโหจนอีกนิดก็จะระบายออกมาแล้ว!
ยินเสี้ยวเสี้ยวสูดหายใจเข้าอย่างแรงเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง ยินจื่อเจิ้นและจิ๋นลี่ยวนที่ยืนดูอยู่อีกด้านก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง ราวกับว่าอยากจะรู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะทำยังไงต่อไป ถาวหยีกังวลใจเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปจับมือของยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าออกไป
“เสี้ยวเสี้ยว ไม่เป็นไรนะ ยังไงพวกเราก็กินกันอิ่มแล้วนี่ ได้ออกไปเดินย่อยไม่ดีหรือไง?” ถาวหยีพยายามพูดปลอบใจยินเสี้ยวเสี้ยว เธอในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของยินเสี้ยวเสี้ยว จึงรู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนโผงผางแสดงออกมาตรงๆคิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น ดังนั้นจึงพยายามพาเธอออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวเราไปเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะกัน จะได้เดินย่อยไปด้วย ไม่ดีหรอ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปมองถาวหยีและต๋งไข ทั้งสองคนเข้าใจสถานการณ์ดีจึงไม่มีรอยยิ้มเผยออกมา นาทีนั้นเองยินเสี้ยวเสี้ยวกลับรู้สึกถึงแค่เพียงความเหน็ดเหนื่อยอย่างมากที่มีคนแบบนี้ในครอบครัว ดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้ดิ้นรนอะไรอีก ยินเสี้ยวเสี้ยวเลือกที่จะเดินตามถาวหยีเตรียมที่จะออกไปจากห้อง เพียงแต่ดูเหมือนว่าหลี่หมึ้งจะไม่มียางอายหลงเหลืออยู่เลยสักนิด
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ตอนที่แกออกไปก็ช่วยบอกให้ผู้จัดการหวงให้เขาเตรียม‘น่องไก่มะม่วง’มาให้พวกเราอีกชุดด้วย จานนี้จะไปพอกินที่ไหนกัน ฉันได้ยินมาว่าน้องสาวของเซี่ยงเฉิง เซี่ยงหลินเองก็ชอบกินเมนูนี้เหมือนกัน” หลี่หมึ้งถือตนสั่งยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังออกจากห้องหมายเลขศูนย์แห่งนี้อย่างไม่แม้แต่จะเหลือบมามองเธอสักนิด ราวกับว่าเธอเป็นแค่คนใช้ของพวกเขาเท่านั้น “จริงๆเลย ดูสิบนโต๊ะมีแต่อาหารอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีรสนิยมกันเลยสักนิด!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เดินมาจนถึงหน้าประตูก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างแรง เหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ครั้งนี้เธอข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป! เอื้อมมือไปเปิดประตู จากนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในห้อง
“พวกคุณช่วยจัดการเคลียร์คนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้ออกไปจากห้องนี้ให้หมดด้วยนะคะ!”ในน้ำเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่พอใจสุดขีด ดูท่าจะถูกครอบครัวนี้ทำให้โกรธไม่น้อยเลย ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว “ ฉันหวังว่าต่อไปในตอนที่พวกเรามาทานอาหารที่นี่ พวกคุณจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาตามใจชอบแบบนี้อีก!”
พนักงานที่คอยรับบริการอยู่หน้าห้องก็ถูกยินเสี้ยวเสี้ยวทำเอานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่สำหรับคนที่ทำงานที่นี่มาหลายปี ไม่นานก็กู้สติกลับคืนมาได้ จากนั้นก็เข้าไปกระซิบบอกลูกน้องสองสามประโยค แล้วรีบเดินเข้าไปด้านใน เขาเดินเข้าไปยังคนจากบ้านยินและบ้านเซี่ยงที่นั่งกันราวกับว่าเป็นเจ้าของห้อง แล้วเอ่ยเสียงเรียบออกไป “ขออภัยทุกท่าน ได้โปรดออกไปจากห้องนี้ได้ไหมครับ? แขกของห้องหมายเลขศูนย์ของวันนี้ไม่ใช่พวกคุณ”
ด้วยคำพูดประโยคนี้ จึงทำให้คนทั้งโต๊ะมีสีหน้าที่แย่ลง
แท้จริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นใครที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ก็อดสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความโกรธอย่างเสียไม่ได้ นี่ไม่ใช่การถูกตบหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหรอกหรอ?
หลี่หมึ้งที่ได้สติขึ้นมาก่อนใคร ตะเกียบที่อยู่ในมือก็ตบลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้นมาต่อว่ายินเสี้ยวเสี้ยว “ยินเสี้ยวเสี้ยว นังเด็กชอบสร้างแต่เรื่องขายขี้หน้า แกรู้มั้ยว่าแกกำลังก่อเรื่องอะไรอยู่? แกทนเห็นน้องสาวแกได้ดีไม่ได้เลยใช่มั้ย ถึงได้ก่อเรื่องขึ้นมาในที่แบบนี้ห๊ะ? บ้านยินของฉันสอนให้แกไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แกไปให้พ้นหน้าฉัน อย่ามาทำเรื่องน่าขายขี้หน้าแถวนี้อีก!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเธอเป็นอะไรไป บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าไม่นานตัวเธอเองก็จะแต่งออกไปแล้ว จึงทำให้ช่วงนี้อารมณ์อ่อนไหวมากขึ้นเป็นพิเศษ แต่ก่อนถ้าเจอหลี่หมึ้งทำแบบนี้กับเธอ ก็อาจจะต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจลงไป แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่ามีจิ๋นลี่ยวนคอยปกป้องเธอ และยังมียินจื่อเจิ้นอยู่ด้วย ความกล้าก็ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น!
ยินเสี้ยวเสี้ยวสีหน้าครึ้มลง จากนั้นก็หันไปมองหลี่หมึ้งด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์แล้วพูดออกไปว่า “ในเมื่อพวกคุณเองก็บุกเข้ามาในห้องนี้โดยที่ไม่กลัวเสียหน้าแบบนี้ได้ ยังจะกังวลเรื่องที่จะขายหน้าหรือไม่พวกนี้อยู่อีกหรอ? ตอนนี้พวกคุณรีบออกไปจากที่นี่เถอะ ไม่อย่างนั้นอีกไม่นานรปภ.จะมาลากพวกคุณออกไปเอง แบบนั้นจะขายหน้าไปทั้งเมืองTเลยนะคะ!”
ถาวหยีที่ยืนอยู่ด้านข้างยินเสี้ยวเสี้ยวนั้น ตอนแรกก็คิดว่าเธอควรจะเข้าไปลากยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาดีหรือเปล่า แต่พอเห็นท่าทางไม่กลัวฟ้ากลัวดินของเธอแล้ว ก็รู้สึกคลายกังวล จากนั้นเธอก็คอยยืนสนับสนุนอยู่ข้างๆยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่พูดไม่จา
คนบ้านยินในหลายปีมานี้ ปฏิบัติต่อยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างเกินควรไปมาก…..
“ยินเสี้ยวเสี้ยว! นังลูกชั่ว!” เป็นครั้งแรกที่ยินไป่ฝันต้องมาขายหน้าต่อหน้าเซี่ยงโก่ซิวแบบนี้ พวกเขาทั้งสองถือว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจที่สูสีกันในเมืองT มีหลายคนที่เอาพวกเขาทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็สามารถเอาไปเปรียบได้ทั้งนั้น แต่วันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ทำให้เขาต้องขายหน้าต่อหน้าของเซี่ยงโก่ซิว เขาดวงตาเบิกกว้างจ้องมองและตวาดใส่ยินเสี้ยวเสี้ยว “แกออกไปให้พ้นหน้าฉัน! ที่นี่เป็นพี่ชายของแกเตรียมเอาไว้ให้พวกเรา แกเป็นลูกของฉันยินไป่ฝัน! มีอย่างที่ไหนที่ลูกไม่ฟังคำพูดของพ่อแม่แบบนี้ห๊ะ! แกออกไปจากหน้าฉันเดี๋ยวนี้!อย่าคิดว่าพี่ชายพะเน้าพะนอเข้าหน่อยแล้วจะทำตามใจยังไงก็ได้!”
ยินจื่อเจิ้นที่ยืนมองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น มีหลายครั้งที่อยากจะเข้าไปพูดแต่กลับถูกร่างของจิ๋นลี่ยวนบังเอาไว้ จึงทำได้แค่เพียงยืนดูคนในครอบครัวมาพูดแบบนั้นกับน้องสาวสุดที่รักของเขา
ในนาทีนั้นยินจื่อเจิ้นก็อยากจะถามยินเสี้ยวเสี้ยวสักนิดว่าในช่วงห้าปีที่เขาไม่อยู่ เธอต้องฟังคำพูดแบบนี้ไปเท่าไหร่กัน?
ในใจของเขาเจ็บปวดเล็กน้อย ยินจื่อเจิ้นรู้สึกเห็นใจยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างมาก….
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นท่าทางของยินไป่ฝันและหลี่หมึ้งแล้วก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรแต่กลับน่าขันเสียด้วยซ้ำ เธอยืนรออยู่ตรงนั้นอย่างใจเย็น สายตามองไปยังร่างของยินรั่วอวิ๋น เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรอฟังคำพูดของยินรั่วอวิ๋นอยู่
บ้านยินเป็นแบบนี้กันมาโดยตลอด ส่วน ยินรั่วอวิ๋นเองก็ไม่เคยปล่อยโอกาสที่จะได้สบประมาทเธอให้หลุดลอยไปได้เลยสักครั้ง!นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่หลายปีมานี้ชื่อเสียงของเธอถึงได้ย่ำแย่ถึงขนาดนั้นได้! น้องสาวที่แสนดีของเธอลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว!
ยินรั่วอวิ๋นยื่นมือเข้าไปคล้องแขนของเซี่ยงเฉิงที่นั่งข้างกันเอาไว้ ใบหน้าแสดงที่ทีที่น่าสงสารออกมา หันไปพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวเสียงเรียบว่า “พี่คะ พี่อย่าไปโกรธพ่อกับแม่เลยนะคะ ฉันรู้ค่ะว่าเรื่องนี้ฉันทำไมถูก ฉันไม่ควรแต่งงานก่อนพี่ และไม่ควรมีงานหมั้น พี่ไม่พอใจแบบนี้ก็สมควรแล้ว แต่พี่คะ พี่อย่าไปโกรธพ่อกับแม่ได้มั้ยคะ เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของฉันเอง….”
ถาวหยีมองการแสดงออกของยินรั่วอวิ๋นอย่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา เธอมักจะได้ยินข่าวลือในเมืองTเรื่องคุณหนูสองแห่งบ้านยินคนนี้อยู่บ่อยๆ ที่ทั้งน่าสงสาร บอบบางอ่อนโยน สวยฉลาดรอบด้าน…แต่ที่แท้ก็ไม่พ้นดอกบัวสีขาวดอกใหญ่ดอกนึงเท่านั้น? เมื่อก่อนเธอไม่เคยเห็นกับตาตัวเองมาก่อน วันนี้ได้เห็นก็นับว่าได้เปิดโลกเธอยิ่งนัก….
ทักษะในการพูดนี้ ช่างเป็นดอกบัวสีขาวดอกใหญ่ที่แสนเปราะบางเสียเหลือเกิน….
ในระหว่างนั้นเองถาวหยีก็รู้สึกสงสารดอกบัวที่แสนบริสุทธิ์ดอกนั้นขึ้นมา….
ทันใดนั้นเองผู้จัดการหวงก็ได้นำคนมารออยู่ด้านหน้าประตูห้องเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นของยินรั่วอวิ๋นจะถูกได้คนนอกได้ยินออกไป ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้อาจจะมีเรื่องน่าขันเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่แห่งบ้านยินออกมาทั่วเมืองTอีกก็เป็นได้
เซี่ยงเฉิงที่พอได้ฟังคำพูดของยินรั่วอวิ๋นแล้ว จึงอดคิดไม่ได้ว่าหรือที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พอใจขึ้นมาเป็นเพราะเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า สายตาของเขามองออกไปโดยไม่รู้ตัว ภายในแววตายังคงปิดซ่อนความรู้สึกที่ยังคงเหลือต่อยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ หรือเธอจะรู้สึกเสียดายขึ้นมา?
จิ๋นลี่ยวนที่ยืนมองสถานการณ์จากอีกด้านนึง ใบหน้าหล่อของเขาก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที..