Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่60 คุณหนูสองแห่งบ้านเซี่ยง
ตอนที่60 คุณหนูสองแห่งบ้านเซี่ยง
จิ๋นลี่ยวนที่ยังไม่ได้สติกลับคืน ตัวเขาก็ถูกยินเสี้ยวเสี้ยวลากออกไปจากห้อง โดยมีเสียงร้องโวยวายดังมาจากทางด้านหลัง และยังได้ยินเสียงต่างๆที่ดังออกมาจากห้องส่วนตัวห้องนั้น
“พวกแกไปกินดีเสือมาจากไหนถึงกล้าได้ขนาดนี้! ฉันเป็นแม่ของยินจื่อเจิ้นนะ คุณชายใหญ่บ้านจิ๋นยังต้องเรียกฉันว่าคุณป้าเลย พวกแกเป็นใครถึงกล้าไล่ฉันออกไปแบบนี้? พรุ่งนี้ฉันจะทำให้พวกแกออกไปจากที่นี่ให้หมด!”
“พวกแกปล่อย ฉันไปเอง! ฉันยินไป่ฝันเดิมก็ไม่ได้อยากจะมาเหยียบที่นี่หรอกนะ!”
“พี่คะ วันนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันคะ? ทำไมพี่สาวของฉันเธอถึงได้เรียกพวกเราว่าเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอได้คะ? ทั้งๆที่พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรอคะ?”
“ยินไป่ฝัน คุณช่างมีความสามารถเสียจริง! เมื่อก่อนก็คิดว่าคุณมีความสามารถอะไรบ้าง ผลสุดท้ายก็ถูกลูกสาวไล่ออกแบบนี้! คุณมันน่าอายเสียจริง! แล้วยังพาพวกเราบ้านเซี่ยงมาขายหน้าแบบนี้ด้วยอีก ฉันจะไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้แน่!”
“เฮอะ ที่แท้บ้านยินก็เป็นอย่างนี้สินะ!”
……
ทั้งๆที่มีเสียงพูดดังมาจากข้างๆ แต่จิ๋นลี่ยวนก็ยังพยามยามฟังทุกประโยคที่เอ่ยออกมาอย่างตั้งใจ…….
“จิ๋นลี่ยวน ถ้ามือของคุณบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง? ฉันชอบตอนที่คุณใส่ชุดกาวน์นะ ฉันอยากให้คุณได้ทำงานอย่างมีความสุข…”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ว่าในครั้งแรกที่เธอได้รับการยินยอมให้เข้าใกล้ตัวจิ๋นลี่ยวนเขานั้น เป็นเพราะคำพูดประโยคนี้ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดประโยคนี้ได้ผู้มัดตัวเธอกับจิ๋นลี่ยวนเอาไว้อย่างหนีไม่พ้น แม้ว่าหลังจากนี้พวกเขาจะผ่านอะไรกันมามากมาย จิ๋นลี่ยวนก็จะจำเอาไว้ตลอดว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นที่หนึ่งสำหรับเขาเสมอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจิ๋นลี่ยวนกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่ทันได้คิดว่าบางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉลาดอะไรมากมาย หลากหลายเรื่องหลากหลายความสำเร็จของเธอต่างพึ่งพาความตั้งใจมุ่งมั่นไม่ย่อท้อเพื่อให้ได้มา และในตอนนี้ถึงแม้ว่าเธอจะลากจิ๋นลี่ยวนไปโรงพยาบาลก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเช่นเดียวกัน การกระทำที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้จึงทำให้ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
“พวกเรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ..” ยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยออกไปเสียงเบา กลัวว่ามันจะช้าเกินไปเพียงนาทีเดียว ท่าทางของเธอรีบร้อนและลนลานไปหมด ในแววตาก็ได้เริ่มให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป จนเธอเดินเลี้ยวไปชนเข้ากับผู้หญิงคนนึงอย่างไม่ระวัง หลังจากนั้นก็ต้องเอามือมากุมหน้าผากของตนแล้วส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ “อ๊า เจ็บจัง…”
สุดท้ายจิ๋นลี่ยวนก็ไม่อาจแสดงต่อไปได้อีก ที่จริงแล้วถึงแม้ว่ามือของเขาจะบาดเจ็บจริงๆแต่ก็ไม่ได้สาหัส อันที่จริงต้องรู้ก่อนว่าศัลยแพทย์ที่มีฝีมือโดดเด่นอย่างเขา แผลเล็กๆแบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยสักนิด ถึงแม้ว่ามือทั้งสองข้างของเขาจะมีค่าจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าจะต้องตื่นตูมถึงขั้นนี้ เขารู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเขาคนนี้ ไม่ใช่มือคู่นั้น!
หน้าผากของยินเสี้ยวเสี้ยวชนเข้ากับเด็กผู้หญิงตรงหน้า ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะกุมหน้าผากของตัวเองเอาไว้แล้วส่งเสียงร้องเจ็บออกมาเบาๆ เพียงแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะร้องเสียงดังกว่าเธอไปบ้าง
“นี่เธอเดินยังไงของเธอเนี่ย? ไม่ดูทางบ้างเลยหรือไง?” เด็กผู้หญิงด้านหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้มองให้ชัดว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร หน้าผากที่ชนเข้ากับของแข็งก็เจ็บจนในตาทั้งสองข้างของเธอมีน้ำตาเอ่อออกมา ถึงแม้ว่าหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นได้สติก็มาตะวาดอย่างวางท่าใส่แต่เธอก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมาสักที “วันนี้ก่อนออกจากบ้านเธอลืมเอาตามาด้วยใช่มั้ย? ไม่มีตาก็อย่ามาหาเรื่องให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปด้วยสิ!”
จิ๋นลี่ยวนที่ไม่ทันได้มองว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร ก็หมายจะยื่นมือเข้าไปเพื่อที่จะโอบปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ในอ้อมแขน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น ในขณะที่กำลังยื่นมือเข้าไปโอบยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาในอ้อมแขนของเขานั้น การกระทำทั้งหมดก็ต้องหยุดชะงักลง
ถึงแม้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะถูกคำถามของเด็กผู้หญิงแปลกหน้าจนกู้สติกลับคืนมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากับจิ๋นลี่ยวนที่นับวันจะยิ่งสนิทกันมากขึ้นจะไม่อาจกู้สติคืนมาได้ ถึงขนาดที่ว่าร่างกายของเธอที่เห็นท่าทางของเขาแล้วก็พร้อมขยับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยอัตโนมัติ แต่ก็เป็นเพราะการกระทำของเขาเช่นเดียวกันถึงได้ทำให้เธอต้องหยุดร่างกายของตัวเองเอาไว้
ในชั่วพริบตา ดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก็เบิกชัดขึ้นมา เธอทำเพียงยกหน้าผากแดงๆของเธอมองผู้ชายตรงหน้า
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักกับจิ๋นลี่ยวนมาที่เธอถูกรังแกแต่เขาไม่ได้เข้ามาปกป้องเธอ…
เด็กสาวที่ดูเหมือนว่าจะได้สติขึ้นมาแล้ว ในตอนที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นนัยน์ตาคมกริบอันคุ้นเคยคู่นั้น ตัวเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องดีใจออกมา เพียงชั่วพริบตาก็ดูเหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องที่เกิดเมื่อสักครู่ไปหมดแล้วยังไงอย่างนั้น ยิ้มตาหยีเดินเข้าไปคล้องแขนของจิ๋นลี่ยวนเอาไว้ หลังจากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินเธอพูดว่า “พี่จิ๋นคะ พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ? หรือว่าพี่จะรู้ว่าวันนี้หลินหลินกลับมา พี่ก็เลยมาหาถึงที่นี่โดยเฉพาะเลย?”
พี่จิ๋น? หลินหลิน?
ยินเสี้ยวเสี้ยวพาสมองที่หนังอึ้งหันไปเล็กน้อยจึงได้เห็นเงาร่างที่เลือนรางเมื่อสักครู่ขึ้นมา จึงได้จำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร ที่นึกออกมาได้ก็เป็นเพราะว่าคนตรงหน้านั้นเป็นคนที่เธอรู้จักเช่นเดียวกัน
เซี่ยงหลินน้องสาวของเซี่ยงเฉิง ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแห่งบ้านเซี่ยง เจ้าหญิงน้อยแห่งบ้านเซี่ยงผู้เรียนบัลเล่ต์อยู่ที่แคนาดามาโดยตลอด
เซี่ยงหลินเก็บรวบผมตัวเองอย่างคล่องแคล่ว บนหน้าผากมีรอยแดงปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย แต่ตัวเธอก็ยังคงความสวยสง่างามดังเดิม มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับความสวยหยาดเยิ้มของเธอ เธอสวมชุดเดรสสีดำขาวเปิดไหล่ เท้าทั้งสองข้างเหยียบอยู่บนรองเท้าบัลเล่ต์ บุคลิกภาพที่ดูสง่าและใบหน้าที่สวยพริ้มเพราช่างดูเหมือนกับเทพธิดาที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้ยังไงอย่างนั้น
จิ๋นลี่ยวนมองไปยังเซี่ยงหลินที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย เพียงไม่นานก็ได้สติกลับมา การกระทำเดิมที่ได้หยุดชะงักไป ทันใดนั้นเขาก็เข้าไปโอบร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างยิ้มๆว่า “เซี่ยงหลิน เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมไม่ได้ข่าวเลย?”
เซี่ยงหลินก็ไม่ได้โง่ ในตอนที่เธอเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆจิ๋นลี่ยวนถูกเขาโอบเอาไว้ในอ้อมแขนเธอก็นิ่งอึ้งไปครู่นึง สายตามองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวพบว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาที่ดูดี มีเพียงแค่รูปลักษณ์ไม่อาจดีจนเทียบกับเธอที่เรียนเต้นมาโดยตลอดหรือคนอื่นๆเขาได้ จึงไม่ได้ใส่ใจเธอคนนั้นอีก ต่างฝ่ายต่างก็ยังคงเกาะแขนของจิ๋นลี่ยวนเอาไว้
“พี่จิ๋นคะ พี่ไม่ได้ไปแคนาดามานานเลย และก็ไม่ได้ไปหาฉันมานานมากแล้วเหมือนกัน หรือพี่จะไม่ชอบหลินหลินแล้วคะ?” สายตาของเซี่ยงหลินราวกับว่ามองไม่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนอยู่ด้วยยังไงอย่างนั้น และยังคงพูดต่อไปอย่างไม่สนใจ “พี่จิ๋นคะ พี่คงไม่ได้ไปเยอรมันเพราะพี่ซูวหรอกนะคะ พี่ก็เลยไม่สนใจฉันอย่างนี้ใช่มั้ยคะ?”
เธอพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว ใบหน้าสวยเผยอาการเง้างอนออกมาเล็กน้อย
จิ๋นลี่ยวนหัวเราะออกมาเบาๆแล้วตอบกลับไปว่า “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกัน ในเมื่อตอนนี้ก็เจอกันแล้วยังไงต่อไปก็ต้องเจอกันอยู่แล้วนี่”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เงียบมาตั้งแต่ต้น เธอทำเพียงแค่ยืนมองสองคนตรงหน้าเงียบๆ บางทีเนื่องจากวันนี้จิ๋นลี่ยวนต้องการเจอยินจื่อเจิ้นจึงได้แต่งตัวเป็นทางการเล็กน้อย พอมีเซี่ยงหลินยืนอยู่ข้างกายเขาจึงทำให้พวกเขาทั้งคู่ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ส่วนเธอก็อยู่ในชุดลำลองที่ดูเรียบง่าย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นชุดลำลองทั่วๆไป แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาทั้งสองคนแล้วก็ด้อยกว่าอยู่มาก
ทั้งๆที่บนเอวของเธอก็ยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของมือใหญ่ของเขาอยู่ แต่ทำไมยินเสี้ยวเสี้ยวกลับคิดว่าความอบอุ่นจากมือคู่นี้ถึงได้เปลี่ยนไปได้กัน? ทำไมถึงไม่อบอุ่นเหมือนครั้งก่อนแล้วล่ะ?
เธอไม่ได้ฉลาดนัก ถึงขนาดที่ทำเรื่องอะไรก็ไม่เคยคิดหน้าคิดหลัง ความฉลาดชั่วคราวมักจะเกิดเมื่อตอนที่ถูกบังคับเร่งขึ้นมา แต่เธอกลับเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกอย่างมาก โดยเฉพาะกับเรื่องของความรู้สึกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักจากครอบครัว ความรักจากคนรัก หรือจะเป็นความรักระหว่างเพื่อน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็สามารถจับความรู้สึกของพวกเขาได้อย่างดีถึงขนาดที่ว่าสามารถรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆของเขาได้
จิ๋นลี่ยวนมีเรื่องที่ปิดบังเธอเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ……ความรักครั้งที่ผ่านมา
ในระหว่างนั้นเองยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกว่าภายในใจของเธอทำไมถึงได้รู้สึกจุกได้ขนาดนี้กันนะ?
ร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวเอนเข้าไปแนบเข้ากับอ้อมแขนของจิ๋นลี่ยวน มือข้างนึงของเธอทาบอยู่บนหน้าอกของตัวเอง ดูเหมือนว่าการกระทำนี้ของเธอจะดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ้าได้ตั้งใจมองแล้วนั้น ก็จะพบว่าการหายใจของยินเสี้ยวเสี้ยวจะเร็วกว่าเดิมไปเล็กน้อย
“พี่จิ๋นคะ ฉันกลับมาครั้งนี้คงจะอยู่ที่นี่สักประมาณเดือนนึงแหนะถึงกลับไปที่โน่นอีก ฉันจะไปหาพี่บ้างได้มั้ยคะ?” เซี่ยงหลินถามต่อออกมา ด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะรู้จักมักคุ้นกับจิ๋นลี่ยวนมาเป็นเวลานาน “ตั้งแต่พี่ซูวออกไปจากทีมเต้นบัลเล่ต์Lของแคนาดาไปฉันก็ไม่ได้เจอพี่อีกเลย”
จิ๋นลี่ยวนที่ยิ้มแย้มมาตั้งแต่ต้น และก็ไม่ดึงแขนที่ถูกเซี่ยงหลินคล้องเอาไว้ออก การแสดงออกทางสีหน้าให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ราวกับว่าได้มองเธอเป็นน้องสาวที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรยังไงอย่างนั้น
ทว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับมองความรู้สึกนั้นของเธอออกได้อย่างชัดเจนว่า เซี่ยงหลินชอบจิ๋นลี่ยวน!
เซนส์ของผู้หญิง บางทีก็มาเป็นแบบนี้ มาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อาจพูดได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรที่จะมาบัญญัติเอาไว้ได้
จิ๋นลี่ยวนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างตกลง เลือดจากบาดแผลด้านหลังมือก็ได้หยุดไหลไปในระหว่างนั้น บาดแผลเล็กๆได้ปรากฏออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้เห็นบาดแผลที่มีเลือดไหลเป็นทางแต่ก็ไม่ได้ลึกมากนั้นได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนกับตอนที่มีเลือดกำเดาไหลทั่วๆไป ในตอนแรกที่ไหลออกมาไม่หยุด แต่เมื่อผ่านมาได้สักพักนึงแล้วกลับหยุดไปโดยปริยาย บาดแผลดูเหมือนจะแค่ต้องใช้พลาสเตอร์ยามาแปะเอาไว้เพียงเท่านั้น….
“พี่จิ๋นคะ พี่กับ…” เซี่ยงหลินกำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่ก็ถูกยินเสี้ยวเสี้ยวพูดขัดไปเสียก่อน
“จิ๋นลี่ยวน มือของคุณต้องฆ่าเชื้อแล้วติดพลาสเตอร์ยาใช่มั้ยคะ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ทำราวกับว่ามองไม่เห็นเซี่ยงหลินเช่นเดียวกัน เธอทำเพียงเงยหน้ามองจิ๋นลี่ยวน ถ้าในตอนนี้จิ๋นลี่ยวนได้ก้มลงมามองเธอสักนิด ก็จะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัวและความคาดหวังที่แทบจะเอ่อล้นออกมาของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยสักนิด….
ก้มหน้าลงมองมือของตน จิ๋นลี่ยวนก็ยิ้มแล้วพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า “ไม่เป็นไร แผลเล็กๆแบบนี้ไม่เป็นไรหรอก”
เพียงชั่วพริบตาเดียว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินหัวใจของเธอราวกับว่ามันได้จมลงไปในก้นทะเลลึก
และนี่ก็ทำให้เซี่ยงหลินได้สังเกตุเห็นถึงบาดแผลบนมือของจิ๋นลี่ยวนขึ้นมา จากนั้นก็หันไปถลึงตามองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่พอใจแล้วพูดออกมาว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว แกมันผู้หญิงน่าไม่อายจริงๆ แกมีสิทธิ์อะไรมาทำให้มือของพี่จิ๋นเจ็บกัน แกรู้หรือเปล่าว่ามือของเขามีค่าขนาดไหน?”
คิ้วของจิ๋นลี่ยวนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่ดูนิ่งไป ราวกับว่ายังไม่ได้สติกลับมาจากการต่อกรกับหลี่หมึ้งและคนกลุ่มนั้นเมื่อสักครู่ ใบหน้าเล็กของเธอดูซีดเซียว นี่จึงทำให้เขานึกถึงเซี่ยงเฉิงพี่ชายของขึ้นมา ยินเสี้ยวเสี้ยวและเซี่ยงเฉิงคบกันมาสี่ปี ถ้าอย่างนั้นแล้วทั้งสองคนก็คงรู้จักกันแน่ๆ
ความจริงแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวและเซี่ยงหลินรู้จักกัน แต่แค่เจอกันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และยังมีช่วงซัมเมอร์เมื่อสามปีที่แล้วเซี่ยงหลินได้กลับมาที่นี่แต่ตอนกำลังจะกลับได้ลืมของเอาไว้ เซี่ยงเฉิงจึงให้เธอช่วยเอาของไปให้เธอจนพวกเธอได้รู้จักกัน
ตอนที่เจอกันครั้งแรก เซี่ยงหลินก็ไม่ชอบยินเสี้ยวเสี้ยวทันที เพียงเพราะว่ายินเสี้ยวเสี้ยวมีใบหน้าที่สวยเท่านั้น
ความไม่ชอบใจกันระหว่างผู้หญิงหลายครั้งก็เกิดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แค่เพราะเธอดีกว่าฉันเพียงเท่านั้นก็ทำให้ไม่ชอบหน้ากันได้แล้ว แต่ก็เว้นเสียแต่ว่าจะวันนึงที่เธอดีถึงขนาดที่ทำให้ฉันชื่นชมเธอได้ ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็จะเกลียดเธอตลอดไป!
ยินเสี้ยวเสี้ยวรอได้สักพักก็ไม่ได้ยินเสียงของจิ๋นลี่ยวนพูดอะไรออกมา จึงอดที่จะเบ้ปากออกมาไม่ได้
เธอรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนคิดยังไงกับเซี่ยงหลิน แต่ถ้าบอกว่าจิ๋นลี่ยวนไม่รู้ว่าเซี่ยงหลินมีใจให้กับเขา เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด