Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 103 เรื่องนี้หนูไม่ผิด
บทที่ 103 เรื่องนี้หนูไม่ผิด
บ้านจิ๋น
คุณย่าจิ๋นนั่งที่ห้องโถงอย่างเงียบๆ ในมือถือแก้วชาไว้ สีหน้าเหมือนเดิมทำให้รู้ได้ว่าเธอกำลังโมโหอยู่ ชาที่อยู่บนโต๊ะตั้งแต่แรกก็ถูกเอาลงไป และที่ว่างตรงนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยกระดานซักผ้าที่สมัยนี้ก็หายากตามบ้านทั่วไป……
แผ่นไม้ผุพังแกะสลักเป็นรูปคลื่น ตรงเส้นคลื่นให้ความรู้สึกจะเจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมา
หลังจากที่ถึงบ้านจิ๋น ยินเสี้ยวเสี้ยวบอกให้ยินจื่อเจิ้นกลับไปก่อน ถึงเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็เข้าใจดีว่า ตัวเองเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว รู้ว่าเรื่องของบ้านผัวฝั่งบ้านเมียไม่ยุ่งจะดีกว่า ยิ้มและบอกกับยินจื่อเจิ้นว่าตัวเองไม่เป็นไร หากเธอยังไม่ได้แต่งงาน ไม่แน่ยินจื่อเจิ้นก็อาจจะปกป้องเธอทั้งชีวิตได้ง่ายกว่านี้ แต่หลังจากที่แต่งงานออกบ้านก็ไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นแล้ว……
บางครั้ง คำพูดคนยังคงดำรงอยู่
หยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงที่เหยียบเข้ามายังประตูบ้านจิ๋น ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงนิ่ง แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะได้รู้ว่าบ้านจิ๋นจะเป็นครอบครัวแบบไหน!
คนแก่หนึ่งคน แก้วชาหนึ่งแก้ว และกระดานซักผ้าหนึ่งอัน
เป็นภาพง่ายๆ แต่กลับทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
เงยหน้าขึ้น มองดูยินเสี้ยวเสี้ยว คุณย่าจิ๋นพูด: “ในเมื่อกลับมากันแล้ว งั้นก็คุกเข่าลงก่อนซะ”
คำพูดเดียว ทำเอายินเสี้ยวเสี้ยวมึนงงไปเลย
จิ๋นหยวนเฟิงและหยูเจียห้วยทำเหมือนไม่ได้ยิน นั่งบนโซฟาแบบเงียบๆ จิ๋นลี่ยวนเพียงแค่ขมวดคิ้วขึ้นยืนอยู่ข้างยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ถึงเวลากลับพูดอะไรไม่ได้
“คุณย่า……” ผ่านไปนานพอสมควร ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะหาเสียงของตัวเองเจอ สั่นขึ้นมา พูดเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าและความหนาวจากเมื่อคืน: “ให้เหตุผลกับหนูหนึ่งข้อได้ไหมคะ?”
เธอไม่ใช่กระต่ายน้อยใสซื่อที่ต้องมายอมโดนแบบนี้ และไม่ใช่คนที่เพียงเพราะความรักทำให้กลายเป็นคนโง่แบบนั้น พอเข้ามาถึงคุณย่าจิ๋นไม่ถามอะไรสักคำเพียงบอกให้เธอคุกเข่าลง ถ้าเธอคุกเข่าก็แสดงว่าเธอต้องรับผิดในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำ ยังไงเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด!
เพียะ!
เสียงที่ดังฟังชัดทำเอาคนที่อยู่ในบ้านต่างตกใจเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวถอยหลังไปหนึ่งก้าว อยู่บ้านจิ๋น คนที่เธอกลัวที่สุดก็คือคุณย่าที่มีข่าวลือมาว่า ‘มือที่ไร้ความปรานี ชอบเผด็จการตามใจตัวเอง’
“เหตุผล?” เสียงพึมพำ สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวซีดแล้วซีดอีก และคุณย่าก็พูดขึ้น: “เพราะเธอไม่เห็นแก่ชื่อเสียงของบ้านจิ๋นและวางไว้ในสายตา ไม่มีจิตสำนึกในการเป็นคนของบ้านจิ๋น ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมหน้าที่ภรรยาที่ดี เหตุผลพวกนี้ พอหรือยัง?”
โดนคุณย่าจิ๋นตบ ตรงข้างโต๊ะเพราะแรงตบที่แรงมากทำเอาชาที่อยู่ในแก้วกระเด็นออกมาไม่น้อย ปกติคุณย่าจิ๋นที่หลี่ตายิ้ม พอโมโหขึ้นมาตาที่เบิกกว้างมองดูยินเสี้ยวเสี้ยว ท่าทางเข้มงวดแบบนั้น น่ากลัว
“หนู……” พอรู้สึกตัว ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดปากกำลังจะอธิบาย
“คุกเข่าลง!”
สิ้นเสียงคำสั่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ไม่มีแม้โอกาสได้อธิบาย
คนทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนตรงๆต่อหน้าคุณย่าจิ๋นจ้องมองเธอ คุณย่าจิ๋นนั่งบนโซฟา มองด้วยสายที่โมโหจ้องไปที่เธอ ทั้งสองคนจ้องกันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใคร
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่จ้องมองคุณย่าจิ๋นอย่างเงียบๆ เมื่อเธอเข้าใจความหมายในสายตาของคุณย่าจิ๋นที่ยืนหยัดแบบนั้น เธออยากหัวเราะขึ้นมาทันที อยากหัวเราะจริงๆ
หรือว่าเธอเองที่ไร้เดียงสาเกินไป
ไม่เห็นแก่ชื่อเสียงของบ้านจิ๋น? ไม่มีจิตสำนึกในการเป็นคนของบ้านจิ๋น? ไม่ใช่ภรรยาที่เหมาะสม? ฮ่าฮ่า เธออยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แล้วในตอนที่เซี่ยงหลินเปิดปากด่าเธอ เธอก็ตรงขึ้นไปถามเหตุผลพูดคุยดีๆกับเซี่ยงหลิน คงไม่ต้องรอให้เซี่ยงหลินลงไม้ลงมือก่อน เธอไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยวผู้โดดเดี่ยวและไม่ใช่คนที่ไม่สนผลที่ตามมาแบบนั้นแล้ว เมื่อก่อนมีพี่ชายคอยหนุนหลังให้ได้ เธอไม่ต้องกลัวอะไรก็ได้ ถ้ายินจื่อเจิ้นอยู่ตรงนี้ คงจะช่วยเธอแน่ๆ แต่ว่าเธอเป็นคนของบ้านจิ๋นไปแล้ว ความคิดเธอเองที่จะแต่งเข้ามาบ้านจิ๋นเองให้ได้!
บ้านจิ๋นมีชื่อเสียงร่ำลือในเมืองTมาก เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียง ก็เพราะว่าเธอรู้ว่าตัวเองเป็นลูกสะใภ้ของบ้านจิ๋น เพราะอย่างนั้นเธอไม่อยากให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ให้นักข่าวจับลูกสะใภ้ที่โง่เขลาอย่างเธอได้ แม้เรื่องตบตีเธอเองไม่กล้าที่ลงมือก่อนด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะทำให้บ้านจิ๋นเดือดร้อน แต่ว่าตอนนี้ คำตอบที่เธอได้คืออะไร?
เธอไม่ได้เอาบ้านจิ๋นวางไว้ในสายตา?
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ตรงนี้อย่างแน่วแน่ ในตาเต็มไปน้ำตาแต่ยังไงก็ไม่ยอมไหลลงมา ท่าทางแบบนั้นทำเอาจิ๋นลี่ยวนเจ็บปวดไปด้วย พอรู้ตัวก็อยากยื่นมือไปเช็ดให้กับเธอ แต่คุณย่าจิ๋นก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
มือที่ตบลงและยืนขึ้นมา พูดเสียงดัง: “ยินเสี้ยวเสี้ยว คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ค่ะ หนูไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมหนูต้องคุกเข่าด้วย!” ตอบกลับอย่างโมโห ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกไม่ยุติธรรม เธอไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่ความผิดของเธอแท้ๆ อีกอย่างตอนอยู่ให้โรงพักเธอก็ทุกข์ทรมานมากขนาดนั้น ทำไมกลับมาแล้วต้องมาโดนแบบนี้อีก? “หนูไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมคุณย่าต้องลงโทษหนูด้วย?”
คุณย่าจิ๋นเป็นคนยังไง? ในเมืองTเธอก็คือคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้! เธอไม่มีทางสนใจยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่แล้ว และยิ่งไม่สนใจปัญหาของยินเสี้ยวเสี้ยวอีกด้วย
มองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างโกรธ คุณย่าจิ๋นพูดประโยคหนึ่ง: “ใครก็ได้ กดเธอให้คุกเข่าลง ถ้าฉันไม่ได้สั่งก็ห้ามลุกเด็ดขาด!”
สิ้นเสียง มองดูคนรับใช้ของบ้านจิ๋นเดินเข้ามา ไม่ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งตัวกดเข่าเธอลง เธอก็คุกเข่าลงกับกระดาษซักผ้าที่อยู่ตรงหน้าลงไป เข่าอันบอบบางกระแทกโดนกับกระดาษซักผ้าที่แข็งกระด้างดังขึ้น น้ำตาของยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ตัวอีกทีก็ค่อยๆไหลออกมา ฟันที่กัดริมฝีปากไว้แน่น
เงยหัวขึ้นมามองคุณย่าจิ๋นอย่างเข้มแข็ง สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม
คุณย่าจิ๋นเดินขึ้นไปหนึ่งก้าว พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ยินเสี้ยวเสี้ยวเธอได้แต่งเข้ามาในบ้านจิ๋นแล้วเธอก็คือคนของฉัน ในบ้านจิ๋นยังไม่เคยมีคนที่ฉันจัดการไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่ยังไม่เข้าใจ งั้นฉันจะสั่งสอนเธอแทนพ่อแม่ของเธอละกัน!”
พูดจบ คุณย่าจิ๋นหันตัวกลับและเดินไปยังห้องอาหารพร้อมกับจิ๋นหยวนเฟิงและหยูเจียห้วยไป
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่คุกเข่าลงบนกระดานซักผ้าอย่างสงบ คนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังก็จากไปแล้ว และยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะลุกขึ้น เพียงแค่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ น้ำตาไหลออกมาทีละหยดๆจากดวงตา
จิ๋นลี่ยวนที่มองเห็น ใจบีบรัดอย่างรุนแรง ยื่นมือเอาทิชชู่เพราะตั้งใจจะเช็ดให้ยินเสี้ยวเสี้ยว แต่คิดไม่ถึงว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะหันหัวหลบ กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง จิ๋นลี่ยวนได้ยินเสียงของคุณย่าจิ๋นกำลังเรียกเขาอยู่ จิ๋นลี่ยวนที่เลือกไม่ได้ทำได้เพียงเดินไปหาคุณย่าจิ๋นก่อน
เรื่องยังไม่ทันราบรื่น จิ๋นลี่ยวนที่กำลังจะพูดเพื่อช่วยยินเสี้ยวเสี้ยว แต่กลับถูกประโยคคำถามของคุณย่าจิ๋นสกัดไว้
“ลี่ยวน แกยังจำได้ไหมว่าคนที่เคยคุยกับแกเมื่อห้าปีก่อน แต่แกไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นมาก่อนว่าเป็นใคร?”
ประโยคเดียว ทำเอาคนที่อยู่ทั้งโต๊ะเงียบตามกันไป
ห้าปีก่อน จิ๋นลี่ยวนที่อายุยี่สิบสองมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ดีพร้อมไปหมด ในบ้านจิ๋นก็ไม่ใช่ความลับอะไร และคนทั้งบ้านจิ๋นก็คิดว่า อนาคตภรรยาของจิ๋นลี่ยวนอาจจะเป็นคนนั้น แต่หลังจากที่ทั้งสองขาดการติดต่อไปสามปี ความสัมพันธ์ก็หายไปกะทันหัน คนบ้านจิ๋นก็ไม่ได้สนใจอะไร……
สายตาที่หลี่ลง จิ๋นลี่ยวนมองคุณย่าจิ๋นอย่างไร้เสียง
คุณย่าจิ๋นค่อยๆจิบน้ำเต้าหู้คำเดียว ไม่ได้สนใจเขาด้วยท่าทางสบายๆ
หลังจากเงียบไปหนึ่งนาที จิ๋นลี่ยวนไม่ได้นั่งทนไว้ หันตัวและเดินออกไปในที่สุด ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้ยินอะไร ไม่ได้พูดอะไร ร่างเล็กๆก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้น
……
ไม่รู้ว่าว่าตัวคุกเข่ามานานแค่ไหนแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเจ็บแสบร้อนในลำคอของตัวเอง รู้สึกหนาวแต่ร่างกายเหงื่อออกไม่หยุด ในที่สุดหลังพักกลางวันเสร็จคุณย่าจิ๋นออกมาจากห้อง นั่งต่อหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว
“เสี้ยวเสี้ยว รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหนแล้วหรือยัง?” ถามอย่างเบาเสียง มาพร้อมกับความรู้สึกบีบบังคับ
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่พยายามมองคุณย่าจิ๋นให้ชัดแต่ก็ทำไม่ได้ แต่ศักดิ์ศรีในตัวเองกลับไม่ยอม มีเพียงคำตอบเดียว: “หนูไม่ผิด”
“ฮึ!” คุณย่าจิ๋นมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างอารมณ์ไม่ดีพูด: “เธอลูกสะใภ้บ้านจิ๋นไปสถานที่แบบนั้น ยังไปมีเรื่องตบตีกับคนอื่นจนเป็นข่าวอีก เธอยังรู้สึกว่าตัวไม่ผิดอะไร? ไม่ต้องมาพูดอะไรกับฉันว่าไม่อยากก่อเรื่องขึ้นเลยเลือกที่จะทนไว้ ในเมื่อเลือกที่จะทน งั้นเธอก็ต้องทนให้ถึงที่สุด จากนั้นบ้านจิ๋นจะให้ความยุติธรรมให้เธอเอง! หากไม่อยากทน งั้นก็ไม่ต้องทนตั้งแต่แรก งัดความกล้าของบ้านจิ๋นออกมาโต้ตอบกลับไป! ไม่อย่างนั้น ก็ไม่ต้องบอกฉันว่าเธอไม่เป็นอะไร!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังอย่างเงียบๆ เสียงในหัวเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอต้องจำฐานะของตัวเอง ว่าเป็นถึงสะใภ้ของบ้านจิ๋น ไม่ใช่คุณหนูตระกูลยินที่สามารถทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร หรือพูดอะไรล้วนก็เป็นตัวแทนของบ้านจิ๋นทั้งนั้น ไม่ใช่บ้านยิน! และยิ่งไม่ใช่ตัวเธอ!” คุณย่าจิ๋นเริ่มอบรมสั่งสอน เสียงไม่ได้ดังแต่ก็ทำให้รู้สึกกลัวได้ ตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวโยกเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร “ถ้าเธอมีปัญญาที่สามารถทำให้เห็นเธอแล้วไม่กล้าพูดสักคำ เพียงแค่ก้มเคารพเธอและพูดว่า ‘คุณหญิงซานช่าว‘ ได้ งั้นแสดงว่าเธอถึงสำเร็จจริงๆ และเป็นคนของบ้านจิ๋นจริงๆ! ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี คนอื่นอาจจะคิดได้ว่า คนบ้านจิ๋นนั้นรังแกง่าย!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พูดอะไรฟัง ในหัวรู้สึกยิ่งอยู่ยิ่งหนัก แต่ยังคงมองดูคุณย่าจิ๋นอย่างเข้มแข็งพูด: “คุณย่า เรื่องนี้หนูไม่ผิด”
ตอนนี้ สีหน้าของคุณย่าจิ๋นขรึมขึ้นมา
ลุกขึ้นมา คุณย่าจิ๋นพูด: “ได้! ในเมื่อเธอไม่ผิด งั้นเธอก็คุกเข่าต่อไปจนกว่าจะรู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน!ฉันจะรอดูว่าเธอนั้นจะทนได้สักกี่น้ำ! หัวหรือเข่าของเธออันไหนจะยอมแพ้ก่อนกัน!”
พูดจบ คุณย่าจิ๋นหันตัวจากไป ในห้องโถงไม่มีใครสักคนเหลืออยู่……
หลังจากที่ผ่านไปนานสองนาน ในขณะที่เข่าของเธอปวดอย่างรุนแรงทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีสติสักเท่าไหร่ ในห้องโถงมีเสียงแปลกๆดังขึ้นมากะทันหัน แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น…