Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 122 รอยยิ้มแปลกในความมืด
บทที่ 122 รอยยิ้มแปลกในความมืด
ในเมืองไห่เมียว บ้านของยินเสี้ยวเสี้ยวตอนนี้เละเทะมาก จิ๋นลี่ยวนอุ้มเธอกลับไปห้องนอน และให้เก๋อเฉิงเฟยไปเรียกคนของ ‘หซือซัน’มาจัดการเก็บกวาดสถานที่
ตอนมีคนมาเก็บกวาดซากเสื้อผ้าของยินเสี้ยวเสี้ยว ยังอดหันไปมองทางห้องนอนหนึ่งทีไม่ได้
ยินเสี้ยวเสี้ยวในห้องนอนตอนนี้ เธอนั่งมองดูข่าวในทีวี
—อดีตที่ไม่มีใครรู้ของคุณนายน้อยสามของบ้านจิ๋น
—บริสุทธิ์จริงหรือ? หรือเป็นกลยุทธ์เพื่อแต่งกับคนรวย?
—บนหัวคุณชายสามบ้านจิ๋นมีแสงสีเขียวอยู่ไหม?
—พฤติกรรมคุณหนูใหญ่บ้านยินไม่ได้ไม่มีข้อมูล?
….
ข่าวทั้งหมดมียินเสี้ยวเสี้ยวยืนเด่นพาดหัวข่าวอยู่ แถมเธอยังขึ้นยอดค้นหาเป็นอันดับหนึ่งในเวลาอันรวดเร็ว ผลคะแนนแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นคงดีใจตีปีก
แต่แล้วคลิปหนึ่งก็โผล่มาสู่สายตาเธอ ทางเดินที่คุ้นเคย ทำใจเธอกระตุก
นั่นมันบ้านยิน ทางเดินบ้านยินเมื่อ13ปีก่อน
ที่บ้านยิน ตามทางเดินมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ดังนั้นตอนนั้นที่คนคนั้นเข้าไปในห้องยินเสี้ยวเสี้ยว กล้องก็จับภาพไว้ได้
เธอหายใจติดขัด มือน้อยสั่นเทา ไม่รู้ควรจะกดดูต่อดีไหม
ตอนจิ๋นลี่ยวนถือแก้วนมเดินเข้ามาเห็นภาพแบบนี้ เขารีบวางแก้วในมือลงและเดินมาจับไหล่เธอพลางปลอบโยน
คลิปในเน็ตนั่นเขายังไม่ทันดูก็เกิดเรื่องต่างๆขึ้นซะก่อน รู้แค่คร่าวๆ แต่ตอนนี้เท่าที่ดูเรื่องน่าจะไปกันใหญ่แล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวสูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือก ก่อนกดดูต่อไป
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เธอไม่สามารถเป็นเต่าหดหัวได้แล้ว หลายเรื่องบังคับเธอให้หวนคิด และหลายคนยังรอดูว่าเธอจะจัดการเรื่องนี้ยังไง! ไม่ว่าเพื่อบ้านยินหรือเพื่อตัวเธอเอง เธอโดนบีบให้จัดการเรื่องนี้อยู่!
สิบสามปีก่อนทางเดินบ้านยินมีแต่แสงไฟสีนวลกำลังทำงาน พอนาฬิกาแสดงเวลาสี่ทุ่ม ยินจื่อเจิ้นอุ้มยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าห้อง เนื้อตัวเปียกปอนและสลบอยู่ ตามมาด้วยหมอประจำบ้านยินรีบมา หมอตรวจอาการอยู่ราวครึ่มชม.และออกไป หลังจากนั้นคนที่เข้าไปในห้องเธอก็ออกไปจนหมด เหลือแต่เธอคนเดียว
พอตีสอง มีเงาดำโผล่มาในจอ ใส่หมวกปากเป็ด เสื้อผ้าสีดำทั้งตัวและเข้าไปในห้องยินเสี้ยวเสี้ยว พอผ่านไปราวครึ่งชม. ยินจื่อเจิ้นยกแก้วน้ำเดินไปห้องเธอ ความเงียบเข้าครอบงำราวหนึ่งนาที ก็เห็นเงาดำนั่นพรวดพราดออกมา แต่โดนยินจื่อเจิ้นคว้าตัวไว้อย่างแรง แต่ในจอกลับเห็นแค่ยินจื่อเจิ้นล้มลงกับพื้นและกอดขาคนนั้นไว้ เวลานี้ใครสังเกตก็จะเห็นว่า ช่วงล่างของยินจื่อเจิ้นมีเลือดไหลออกมา…
ภาพในจอ ยินจื่อเจ้นตะโกนเรียกเต็มเสียง แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งบ้านยินเงียบราวหนึ่งนาทีถึงมีคนออกมา และเวลานั้นเงาดำนั้นได้หายไปจากจอแล้ว…
…
พอคลิปเล่นมาถึงตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวตัวแข็งทื่อ เริ่มหายใจติดขัด จิ๋นลี่ยวนลูบหลังเธอแผ่วเบาให้เธอหายใจสะดวกขึ้น และพูดเสียงเบาข้างหูเธอ เขาพยายามดึงเธอออกจากโลกความมืดในตอนนั้นกลับมา
ภาพเริ่มดำเนินต่อไป ยินเสี้ยวเสี้ยววิ่งออกมาจากห้องในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย เธอวิ่งผ่านยินจื่อเจิ้นที่ได้รับบาดเจ็บออกไป และทั้งบ้านยิน มีเพียงเด็กชายตัวน้อยวิ่งตามยินเสี้ยวเสี้ยวออกไปเท่านั้น ส่วนยินจื่อเจิ้นถูกยินไป่ฝันอุ้มจากไปอย่างรวดเร็ว…
คลิปจบแล้ว ช่วงกลางนั่นมองไม่เห็นเลย แต่แบบนี้แหละที่ทำให้คนจะจินตนาการไปไกล โดยเฉพาะตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวในอายุสิบขวบโผล่มาในหน้าจอด้วยสภาพแบบนั้น ยิ่งทำให้คนคิดไปกันใหญ่ ทั้งเมืองตกอยู่ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่
มือยินเสี้ยวเสี้ยวสั่นเทาอย่างแรง หน้าซีดขาวไร้สีเลือด ลมหายใจหนักหน่วงจนจิ๋นลี่ยวนไม่กล้าละสายตาจากเธอ ได้แต่จ้องเธออยู่อย่างนั้น กลัวเธอจะเป็นอะไร
“เสี้ยวเสี้ยว เสี้ยวเสี้ยว…” เขาเรียกเธอเสียงแผ่วเบา จิ๋นลี่ยวนยื่นมือไปดึงแท็บเล็ตโยนไปอีกข้าง และรั้งเธอเข้าอ้อมกอดปลอบโยนเธอ “เสี้ยวเสี้ยว ผ่านไปแล้วนะ มันผ่านไปสิบสามปีแล้ว คุณไม่เป็นไรแล้ว ปลอดภัยแล้วนะ…”
ร่างของเธอยังสั่นไม่หยุด แต่กลับหายใจสะดวกขึ้น
“เสี้ยวเสี้ยว เรื่องมันผ่านไปนานมากแล้ว ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว ผมอยู่ข้างคุณ” จิ๋นลี่ยวนพูดเรื่อยๆ มือใหญ่ลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน พูดอย่างไม่เบื่อว่า “เสี้ยวเสี้ยว พวกเราแต่งงานกันแล้ว ผมอยู่ข้างคุณ นับตั้งแต่นี้คุณจะไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก เชื่อผม คุณปลอดภัยมาก!”
เขาไม่รู้ว่าพูดแบบนี้ไปกี่รอบ จนเธอเริ่มหายใจเป็นจังหวะปกติ และร่างกายไม่สั่นเทาอย่างรุนแรงอีก เขาถึงปล่อยเธอ และจ้องตาเธอพลางว่า “เสี้ยวเสี้ยว ทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว พวกเราอยู่ด้วยกันนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา ความอบอุ่นแล่นวาบไปทั้งใจ
ในตอนที่เธอกลัวอยู่ คำพูดของเขาก็เข้ามาในโลกของเธอทุกตัวอักษร เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย เธอก็พยายามจะสงบจิตใจลง…
เวลานี้ไม่ว่าที่เขาพูดจะเป็นคำสัญญา หรือแค่คำพูดปลอบใจธรรมดาก็ตาม สำหรับเธอแล้ว มันเพียงพอแล้วล่ะ
เธอกุมหน้าตัวเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปโอบรอบคอจิ๋นลี่ยวน น้ำตาไหลไม่รู้ตัว ก่อนพูดเสียงเบาว่า “จิ๋นลี่ยวน ขอบคุณมาก”
จิ๋นลี่ยวนถอนหายใจโล่งอกและยิ้มออกมา จากนั้นได้ยินเธอบอกว่า “จิ๋นลี่ยวน ฉันจะบอกความลับอย่างหนึ่งให้นะดีไหม? ความลับของฉันน่ะ”
แวบแรกเขารู้เลยว่า เธอจะเล่าเรื่องนั้นเมื่อสิบสามปีก่อน”
“สิบสามปีก่อน ฉันอายุสิบขวบ คืนนั้นฉันไปว่ายน้ำหาพี่ แต่พี่ยังไม่ทันหาเจอ ฉันจมน้ำซะก่อน ในบ้านยินฉันเป็นคนเดียวที่ว่ายน้ำไม่เป็น ข้างสระว่ายน้ำก็ไม่มีใคร จนน้องชายฉันออกมาหาฉัน ถึงพบว่าฉันจมน้ำ พอช่วยฉันขึ้นมาได้ เขาอุ้มฉันไม่ไหว เลยไปเรียกพี่มา หลังจากนั้นฉันก็ใข้ขึ้น…”
เธอหัวเราะแผ่วเบา แต่สมองอดคิดถึงเรื่องตอนนั้นไม่ได้
บ้านยินเมื่อสิบสามปีก่อนถือว่าไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่ยินไป่ฝันพึ่งพาคนอื่นในการทำธุรกิจมากเกินไป ไม่งั้นตอนนี้บ้านยินคงอยู่ในระดับเดียวกับบ้านเฉิงได้แล้วล่ะ
“ฉันนอนไข้ขึ้นอยู่บนเตียง พี่ชายโดนพ่อกล่อมให้ไปนอนก่อน ก่อนไปยังสัญญากับฉันว่าจะลุกมาดูและเสิร์ฟน้ำให้ฉันกลางดึกอีก…” เธอยิ้มก่อนชะงักไปเล็กน้อย “ฉันไม่รู้ว่า ถ้าตอนนั้นพี่ชายเห็นมันเป็นแค่เรื่องตลก แล้วฉันเจออะไรมาล่ะ…”
พอเริ่มเล่าไปเรื่อยๆ ร่างกายเธอก็เริ่มเย็นขึ้น
เธอสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เธอจับมือเขาแน่นพลางว่า “ฉันไม่รู้ว่ามันกี่โมงแล้ว ฉันรู้แต่ว่าตอนฉันหลับสะลึมสะลือ จู่ๆก็มีมือคู่หนึ่งร้อนมากมาจับที่หน้าฉัน ลงมาที่หลังมือ…ตามมาด้วยคอ เอว หน้าอก…”
เธอเริ่มหายใจติดขัดแสดงถึงความตื่นเต้นและขัดขืน!
เรื่องตอนนั้น เวลาคิดถึงทีไรมันทำให้รู้สึกเหมือนจะขาดใจซะให้ได้
จิ๋นลี่ยวนกอดเธอแน่นขึ้น และไม่ได้หยุดเธอไม่ให้พูดต่อ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่แค่เธอพูดคำเดียวว่าไม่อยากคิดแล้วจะไม่คิดได้ พอออกจากประตูบ้านนี้ไป ข้างนอกมีคนฝูงใหญ่ที่คิดหาวิธีพูดจาทำร้ายเธอ อย่าบอกให้เธอไม่ออกจากบ้านตลอดชีวิต ต่อให้เธอทำได้ ก็ต้องมีคนมาหาอยู่ดี!
พวกนักข่าวน่ะถ้ากล้าทำเรื่องแบบนี้ครั้งหนึ่งแล้ว มันต้องมีครั้งที่สองแน่!
“ฉันดิ้นรนพยายามลืมตาขึ้น ในห้องไม่ได้เปิดไฟ ฉันอาศัยแสงจันทร์มองเห็นผู้ชายคนนั้น…” เธอชะงักไปก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดอีกเฮือก และพูดต่อว่า “แต่ เขาเห็นฉันนะ เขารู้ว่าฉันตื่นแล้วแต่ยังทำแบบนั้นกับฉันอยู่ ฉันรู้สึกได้ว่า มือเขาเลื่อนจับเอว หน้าอกฉันอย่างย่ามใจ จนกระทั่ง…จนกระทั่งเลื่อนลงต่ำลงเรื่อยๆ ความอุ่นร้อนนั่นทำให้ฉันตัวสั่นไม่หยุด ฉันเบิกตากว้างมองเขา แต่เขายังทำมันต่อไปอย่างไม่แคร์ ฉันรู้สึกว่าเขาเลิกผ้าห่มขึ้น เสื้อผ้าก็โดนเขาเลิกขึ้น จนกระทั่ง…เขาพยายามจะถอดกางเกงฉัน…”
ในที่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวก็ร้องไห้โฮอย่างทนไม่ไหว เธอร้องไห้เสียงแหบโหย
สองมือกอดหัวตัวเอง วินาทีนี้เธอไม่อยากคิดแล้ว ไม่อยากคิดเลย!
จิ๋นลี่ยวนมองเธออย่างเห็นใจ เขาคิดไม่ออกจริงๆว่า ตอนเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบคนหนึ่งเจอเรื่องแบบนี้กลางดึก จะหวาดกลัวกับเรื่องนี้ขนาดไหน
เขาไม่เร่งเร้าเธอ ไม่พูดอะไรสักคำ เขากอดเธออยู่เงียบๆ
จนสักพัก ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดทั้งน้ำตาว่า “ฉันจ้องเขาตาเขม็ง ฉันอยากเรียกคน แต่ร้องไม่ออก ฉันอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก… ตอนมือเขาแตะขาฉัน ฉันอยากจะอ้อนวอนขอร้องเขา แต่ไม่ว่าฉันจะมองเขายังไง เขาก็ไม่คิดจะมองหน้าฉันเลย เขาได้แต่จ้องมองร่างกายฉัน…ฉันเห็นสายตาเหมือนคนโรคจิตนั่นแล้วตัวแข็งเย็นเฉียบไปทั้งร่าง ปากอ้ากว้างแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ร่างกายยิ่งโดนเขาจับกดจนขยับไม่ได้เลย… วินาทีนั้นฉันรู้สึกเหมือนฉันจะตาย ฉันจะบ้าแล้ว…”
เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบ ถึงไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างตัว แต่หลี่หมึ้งไม่เคยขาดการอบรมสั่งสอนเรื่องของผู้หญิงให้กับเธอตั้งแต่เล็กเลย เธอในตอนนั้นพอเข้าใจแล้วว่ามันเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดมาก แต่ก่อนอายุสิบห้าเธอคิดว่ามันเป็นการพยายามจะข่มขืน หลังจากนั้นถึงรู้ว่ามันคือการลวนลาม
“ฉันพยายามจ้องเขา หวังว่าเขาจะเห็นฉันแล้วหยุด…แต่ว่า แต่ว่า…” ทันใดนั้น สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเบิกกว้างขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “แต่ว่า ตอนเขามองเห็นฉันจริงๆ ฉันกลับอยากให้เขาไม่เห็นฉัน! อย่ามองฉัน!”