Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 126 เสี้ยวเสี้ยว รอผมกลับมา
บทที่ 126 เสี้ยวเสี้ยว รอผมกลับมา
“ภรรยาผมไม่ใช่คนโง่ เธอเป็นยังไง ผมในฐานะสามีรู้ดีที่สุด คุณเอาสิทธิ์อะไรมาสงสัยเธอ? แล้วถือสิทธิ์อะไรมาให้ร้ายชื่อเสียงเธอด้านนนอกแบบนี้? ในเมื่อคุณเป็นนักข่าวก็ควรจะต้องรู้ว่า ปากของคุณและปากกาในมือคุณส่งผลกระทบอะไรกับสังคมบ้าง! ถ้าคุณควบคุมปากตัวเองและปากกาในมือไม่ได้ ก็ออกไปจากวงการนี้ซะ เมืองนี้มีคนต้องการงานอีกเยอะ!” จิ๋นลี่ยวนมองเขาตรงๆ แต่คำพูดกลับส่งให้นักข่าวทั้งหมดตรงนั้น
นักข่าวคนหนึ่งก่อนเริ่มสัมภาษณ์ สิ่งที่ควรทำที่สุดคือรักษาความยุติธรรม ความเปิดเผย ความตรงไปตรงมาของตัวเอง ไม่ใช่เห็นเล่นเป็นสนุก ใส่สีตีไข่ไปเรื่อยเปื่อย!
โลกนี้นักข่าวคือสัญลักษณ์ของคำว่า ‘คำพูดของคนน่ะน่ากลัว’คำนี้เสมอ!
นักข่าวใหม่คนนั้นตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อึ้งและโดนตากล้องลากไปหลบหลังฝูงชน จิ๋นลี่ยวนปราดตามองทุกคน และพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อกล้าที่จะทำเรื่องนี้ งั้นก็ต้องมีความกล้ารับการแก้แค้นของผมด้วยนะ ต่อไปนี้ทุกสิ่งอย่าง ผมจะรอดู”
พูดจบ เขาไม่แคร์ว่าคนข้างหลังจะทำหรือคิดอไร เขาหมุนตัวขึ้นรถจากไป
เก๋อเฉิงเฟยยืนมองทุกคนที่นั่นรอบหนึ่งและขึ้นรถไปเหมือนกัน เฉินผูลี่หันไปมองยินรั่วอวิ๋นพลางยิ้มมุมปากอย่างประชด
ในเมื่อคนบางคนชอบทำเรื่องให้มันใหญ่โต งั้นพวกเขาก็จัดซะยกหนึ่งละกัน ทำเรื่องยุ่งใครทำไม่เป็นบ้างล่ะ?
ยังไงก็กังวลใจเรื่องยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวรจัดการเรื่องเสร็จ ก็รีบกลับไปที่บ้าน พอถึงบ้านปุ๊บก็ได้ยินเสียงคุยกันในห้อง เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
พอกลับมา ถาวหยีและจิ๋นลี่หยาวต่างถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน ยินเสี้ยวเสี้ยวโหมดนี้รับมือไม่ง่ายเลย และที่สำคัญที่สุดคือไม่รู้จะคุยอะไร และเสี้ยวเสี้ยวก็เอาแต่ถามสถานการณ์ข้างนอก
ตอนเขายืนต่อหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว ผู้หญิงสามคนกำลังเตรียมอาหารเย็น วินาทีนั้นจิ๋นลี่หยาวเห็นมือยินเสี้ยวเสี้ยวชะงักไปเล็กน้อย
ถาวหยีกับจิ๋นลี่หยาวไม่อยู่ต่อละ ไม่นานก็เก็บของเสร็จและจากไป คนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ไม่ใช่พวกเธอ แต่เป็นจิ๋นลี่ยวน!
“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้พวกเรากินอะไรหรอ?” เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดึงแขนเสื้อตัวเอง ท่าทางพร้อมจะเป็นลูกมือ “มีของโปรดผมบ้างไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนยิ้มบอก “วันนี้ทำสเต็กที่คุณชอบที่สุดดีไหม?”
จิ๋นลี่ยวนยิ้มพยักหน้า เขาแย่งงานล้างจานในมือเธอมา หนึ่งชม.ผ่านไป บรรยากาศในห้องครัวมันน่าทึ่งมาก จิ๋นลี่ยวนหยิบผักที่สุกแล้วมาป้อนเสี้ยวเสี้ยว เธอจะอ้าปากรับโดยดี บางทีเขาก็แกล้งไม่ป้อนมาก และมีความสุขที่ได้เห็นเธอดูขัดใจ
อาหารหนึ่งมื้อ ใข้เวลาทำนานมาก…
พอจบมื้ออาหาร พวกเขาสองคนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาช่วยเธอถอดเสื้อคลุม เขาเหมือนอัศวินโต๊ะอาหารฝรั่งเศส ช่วยเธอดึงเก้าอี้ประคองเธอนั่งลง และหมุนตัวไปหยิบขวดไวน์…
ทั้งหมดนี่มันดูเพอร์เฟคมาก แต่เธอรู้ดีว่า ด้านนอกสวยหรูแบบนี้ ข้างในแท้จริงแล้วมีรอยรั่วไปหมด บางทีเธอยังคิด ถ้ามันเป็นการเริ่มนต้นที่สวยงามของพวกเขา มันจะดีแค่ไหนนะ…
จิ๋นลี่ยวนนั่งตรงข้ามกับเธอ ยกแก้วไวน์ขึ้น คำว่า cheers ยังไม่ทันหลุดจากปาก ประตูก็โดนคนทุบตีอย่างบ้าคลั่ง มีแว่วเสียงเรียกร้อนรนมาด้วย
เขาขมวดคิ้วแน่น และวางแก้วลงกะจะไปดู ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินตามเขาไป
ประตูโดนคนทุบตีอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางรีบร้อนจนลืมว่ามีออดให้กด
จิ๋นลี่ยวนหมุนตัวกลับมาบีบมือเธอเบาๆบอกว่า “เสี้ยวเสี้ยว เชื่อผมนะ”
เธออึ้งก่อนจะพยักหน้าหนักแน่น
วินาทีที่ประตูเปิดออก หัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนโดนหิ้วสูง พอเห็นเฉินผูลี่ เธอยังไม่ทันถอนหายใจโล่งอก เขาก็โยนระเบิดลงกลางบ้านทันที
“คุณชายสามครับ คุณย่าจิ๋นรู้เรื่องวันนี้แล้วเป็นลมเลย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ! คุณชายใหญ่และคุณหนูรองให้คุณรีบไป เครื่องบินส่วนตัวรออยู่ด้านนอกเรียบร้อยแล้วครับ!” เฉินผูลี่รายงานอย่างไว แต่มีกระท่อนกระแท่นบ้าง เพราะพูดไปหอบไป
“ว่าไงนะ!” จิ๋นลี่ยวนหรี่ตามอง มือใหญ่ที่กุมมือยินเสี้ยวเสี้ยวไว้เผลอลงแรงโดยไม่ตั้งใจ
เธอเจ็บนิดหน่อย พยายามอดกลั้นไม่พูดอะไร แต่พอได้ยินข่าวนี้ปุ๊บ หน้าเธอขาวซีดเล็กน้อย แต่ยังยืนข้างหลังเขาอย่างมั่นคง
“คุณชายสาม รีบไปเถอะครับ ทางนั้นยังรอคุณอยู่นะ” เฉินผูลี่เร่งเร้าอย่างร้อนใจ ทำไมมันดูน่าจะมีอะไรร้ายแรงนะ
จิ๋นลี่ยวนยกเท้าทำท่าจะออกไป แต่เฉินผูลี่กลับขวางทางเขาไว้
“นายทำอะไร?” น้ำเสียงเย็นเยียบ เขามองเฉินผูลี่อย่างไม่พอใจ
เฉินผูลี่กลืนน้ำลายข่มแรงกดดันนั้นไว้ ก่อนเงยหน้ามองยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนด้านหลังจิ๋นลี่ยวน สายตาจับจ้องไปที่มือของพวกเขา พูดอย่างกลั้นใจว่า “คุณย่าจิ๋นบอกว่า ไม่อยากเห็นคุณนายน้อยสามครับ”
คำพูดเดียวเหมือนสูบแรงออกไปจากร่างยินเสี้ยวเสี้ยวจนหมด สีหน้าซีดขาวมากขึ้นเรื่อยๆ
จิ๋นลี่ยวนเองก็อึ้ง เขาไม่คิดเลยว่า ตอนนี้คุณย่าจิ๋นไม่แม้แต่จะอยากเห็นหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว
วินาทีนี้มีแต่ความเงียบงัน
เฉินผูลี่ร้อนใจมาก แต่พอเห็นสีหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวเขาเองก็ไม่อยาก แต่ยังต้องเอ่ยปากตามหน้าที่ “คุณชายสาม พวกเรารีบไปเถอะครับ ได้ยินว่าสถานการณ์ทางคุณย่าจิ๋นมันรีบมาก”
คำพูดของเฉินผูลี่ดึงสติยินเสี้ยวเสี้ยวกลับมา เธอไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหน้าจิ๋นลี่ยวน
ผ่านไปนานพอดู นานจนจิ๋นลี่ยวนที่ยังคงนิ่งไม่ว่าเฉินผูลี่จะเร่งยังไง หมุนตัวกลับมาบอกเธอว่า “เสี้ยวเสี้ยว รอผมกลับมานะ”
วินาทีนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มมุมปากพลางพยักหน้า
พอพยักหน้าเสร็จ มือเขาที่จับมือเธอไว้ก็คลายออก วินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนโดนควักหัวใจจากอก มันเหงาและเสียใจจนไม่รู้จะทำยังไงดี…
เธอมองแผ่นหลังของิจิ๋นลี่ยวนกับเฉินผูลี่จากไป เธอน้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่ยังเม้มปากแน่นไม่ให้มีเสียงร้องออกมา จนภาพจิ๋นลี่ยวนลับไปจากสายตา รวมถึงขึ้นเครื่องจากไปก็ยังไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไรหรือเปล่า…
เธอรู้ว่า คุณย่าจิ๋นล้มป่วย จิ๋นลี่ยวนต้องไปดูใจอยู่แล้ว นั่นเป็นคนในครอบครัวนะ เรื่องทางนี้ต่อให้รีบแค่ไหนก็ต้องพักไว้ก่อน ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเขาไปแล้ว เธอจะต้องแบกรับการโจมตียังไงบ้าง ก็ยังต้องไป! แต่ตอนนั้นเธอไม่อยากเป็นคนที่ปล่อยมือก่อน เธอไม่อยากให้เขาจากไป แต่ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเขาต้องไป วินาทีที่เขาปล่อยมือ หัวใจเธอเจ็บปวดมาก…
มันเป็นข้อสอบเลือกที่ง่ายมาก แต่เธอกลับมองไม่ออก…
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนมองอาหารเย็นบนโต๊ะในบ้านที่ว่างเปล่า กลิ่นเหล้าไวน์หอมหวานคละในอากาศ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวเหลือเกิน…
ข่าวว่าคนบ้านจิ๋นจากไปยังไงก็ปิดไม่มิด มันรวดเร็วเหมือนฟ้าผ่าไปทั่วทุกตรอกซอกซอยของเมือง ครึ่งชม.หลังจิ๋นลี่ยวนจากไป ด้านนอกของเมืองไห่เมียวก็เต็มไปด้วยนักข่าว ยินเสี้ยวเสี้ยวดึงผ้าม่านปิดหมดทุกบาน ไม่เปิดไฟ และมานั่งขดตัวเหม่อลอยบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ไม่มีบ้านยิน ไม่มีจิ๋นลี่ยวน เธอพบว่าตัวเองเหมือนฝุ่นละอองไร้ที่พักพิง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในบ้านก็ดังขึ้น เธอมองเบอร์คุ้นเคยนั่นอยู่นานกว่าจะรับขึ้นมา ยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินหลี่หมึ้งสวนมาก่อนว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว แกยังจำสัญญาที่แกเซ็นให้ฉันตอนไปจากบ้านยินได้ไหม? ตอนนั้นแกมั่นหน้าบอกว่า ต่อไปจะไม่พึ่งพาบ้านยินอีก และจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพี่ชายแกโดยที่พวกเราไม่ยินยอมด้วย! แกจำคำพูดตัวเองให้ดีล่ะ อย่าถือว่าพี่ชายรักแก แล้วจะมาหน้าด้านหน้าทนใช้พี่ชายช่วยแกจัดการเรื่องนะ! แกแหกตาดูสิว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว พี่แกยังวิ่งวุ่นให้แกข้างนอกนั่น ถ้าแกยังพอมีหัวใจอยู่บ้างก็ปล่อยพี่แกซะ แกมันคนเนรคุณ กล้ายุยงจิ๋นลี่ยวนไปหาเรื่องรั่วอวิ๋น แกคิดบ้างไหมเนี่ยว่าฉันน่ะแม่แกนะ…”
ในโทรศัพท์ หลี่หมึ้งด่าทอไม่ยั้ง เธอไม่หนีและไม่ตอบ แค่ยืนถือหูฟังเงียบๆ ผ่านไปนานเธอรู้สึกว่า การมีเสียงด่าทอของหลี่หมึ้ง ทำให้บ้านโล่งว่างเปล่านี่มีสีสันขึ้นมาบ้าง…
ยังไงเธอก็เสียใจอยู่ดี เสียใจที่จิ๋นลี่ยวนไม่อยู่ตอนนี้ เสียใจที่คุณย่าจิ๋นไม่ยอมพบเธอ
การกระทำของคุณย่าจิ๋นมันชัดเจนมาก คนบ้านจิ๋นไปหมดแล้ว ที่พึ่งสำคัญที่สุดของเธอไม่มีแล้ว บ้านยินไม่สนว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไง ตอนนี้เธอทำได้แค่พึ่งตัวเอง การที่ไม่ยอมพบเธอมันเป็นเพราะไม่เห็นเธอเป็นคนในครอบครัวเท่านั้นเอง
พอคิดมาถึงตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มทั้งน้ำตา
คนไม่มีทางถอยหลังอย่างเธอ ยังมีอะไรจะมาพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้กันล่ะ?
หลังหลี่หมึ้งด่าพอแล้วก็วางสายไป ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินเสียงยามกับนักข่าวข้างล่างกำลังทะเลาะกัน พวกเขาอยากขึ้นมา แต่ยามไม่ยอม วันนี้ที่เกิดเหตุสุดวิสัยนั่นมันครั้งเดียวพอแล้ว จะเกิดขึ้นอีกไม่ได้ แต่ก็แค่กันคนไว้ด้านล่างเท่านั้น อิสระของเธอยังโดนกักขังไว้อยู่ดี
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนข้างหน้าต่างมองนักข่าวทั้งคืน ในมือกำมือถือแน่น
จิ๋นลี่ยวนไปถึงก็น่าจะโทรบอกเธอบ้างล่ะนะ?
เธอยืนโดนลมหนาวพัดมาทั้งคืน ยินเสี้ยวเสี้ยวล้มป่วยลง ตอนถาวหยีกับต๋งไขฝ่าด่านนักข่าวขึ้นมาที่หน้าประตู พวกเธอกดออดอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตู ทั้งคู่อดเป็นห่วงไม่ได้ ตอนกำลังจะโทรหาพ่อบ้านเมืองไห่เมียวให้มาไขกุญแจ ยินเสี้ยวเสี้ยวลากร่างกายอันอ่อนแอมาเปิดประตูในที่สุด