Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 129 สมเป็นสะใภ้บ้านจิ๋น
บทที่ 129 สมเป็นสะใภ้บ้านจิ๋น
รอจนพยานสามคนพูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปโค้งเก้าสิบองศาให้พวกเธอเป็นการแสดงการขอโทษ ถาวหยีพาพยานกลับลงไป ยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยปากอีกครั้ง “ดังนั้นสำหรับคำถามของพวกคุณก่อนหน้านี้ ฉันไม่อยากตอบอีก ส่วนเรื่องระหว่างฉันกับยินรั่วอวิ๋นที่เป็นน้องสาว ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นยังไง พวกคุณลองไปสืบหน่อยก็จะรู้ทันทีว่าดีหรือไม่ดี จะเป็นแบบที่เธอว่า ว่าคอยเสียสละให้ฉันเสมอหรืออะไร แค่สืบดูก็รู้แล้ว ฉันไม่อยากพูดอะไรมาก ส่วนเรื่องเซี่ยงเฉิงสามีเธอ เขาเป็นแฟนเก่าฉันจริง แต่พวกคุณก็รู้ว่า ฉันแต่งงานแล้ว ต่อให้ยังไม่แต่งงาน แต่พูดจาไม่น่าฟังล่ะก็…
ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดพลางยิ้มมุมปาก
บางคนไม่ยอมให้เธออยู่อย่างสงบ ถ้างั้นเธอก็ไม่ยอมให้พวกเขาสงบสุขเหมือนกัน!
อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะยอมเป็นลูกไก่ในกำมือไปซะงั้น!
“ถ้าเอาจิ๋นลี่ยวนมายืนคู่กับเซี่ยงเฉิง คนตาดีก็รู้ว่าควรเลือกใครไหม? ฉันเป็นอะไรหรอ ถึงจะได้รักไม่เสื่อมคลายกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วอย่างที่เธอพูด? ฉันโง่หรอ?”
คำเดียวทำนักข่าวหลายคนพยักหน้าตามพลางยิ้มมุมปาก
ใช่สิ คนหนึ่งเป็นคุณชายสามที่มีชื่อเสียงของเมือง อีกคนแค่คุณชายใหญ่บ้านเซี่ยงธรรมดา ถ้าเลือกได้ ใครจะโง่ไปเลือกคุณชายเซี่ยงกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นเซี่ยงเฉิงยืนกรานเลือกแต่งงานกับยินรั่วอวิ๋น ไม่ใช่ข่าวอะไรเท่าไหร่ นอกจากยินเสี้ยวเสี้ยวจะโง่จริงๆเท่านั้น ไม่งั้นคงไม่รักเขาต่อไปแน่!
ยินเสี้ยวเสี้ยวสายตามองไปที่กล้องอย่างเย็นชาเล็กน้อย “น้องสาวของฉันทำเรื่องแบบนั้นเพราะอุบัติเหตุ แต่มันเพราะอะไรกันล่ะ? เพราะเธอตกจากบันไดเองจนแท้งลูกที่ห้างสรรพสินค้าหม่านฮั่นฉวนสีหรอ? แต่ตอนนั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น ยังมีฝูงชนอีกมาก และที่ห้างก็มีกล้องวงจรปิดด้วย! งั้นพวกเราใช้หลักฐานมาพูดกันดีกว่านะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกระแอมเล็กน้อย สีหน้าแดงเรื่อ แต่ยังมีสติครบ
สงครามที่มีเธออยู่คนเดียวนี่ เธอจะแพ้ไม่ได้! ไม่ว่าจะเพื่อตัวเธอเอง หรือเพื่อจิ๋นลี่ยวนที่จัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังก็ตาม!
ทันใดนั้นภาพบนจอก็ฉายคลิปหนึ่ง เวลามุมขวาแสดงวันที่ที่ยินรั่วอวิ๋นและยินเสี้ยวเสี้ยวเกิดเรื่องพอดี พอเหตุการณ์ใกล้จะเริ่มต้น กล้องก็โคลสอัพขึ้น ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าตอนนั้นทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุอย่างไรถึงตกจากบันไดได้ ในเวลาเดียวกันทุกคนในงานก็ได้ยินเสียงยินรั่วอวิ๋นตะโกนถามเรื่องลูกในท้องของยินเสี้ยวเสี้ยวด้วย
พอคลิปฉายเสร็จ นักข่าวในงานก็กระตือรือร้นเหมือนผึ้งแตกรัง ดูท่าสะใภ้บ้านเซี่ยง คุณหนูรองบ้านยินจะชอบแกล้งทำตัวอ่อนแอนะเนี่ย!
ทำร้ายพี่สาวตัวเองยังไม่พอ ยังทำเรื่องแบบนี้ออกมาอีก!
—คุณนายน้อยสาม คุณเตรียมตัวเปิดสงครามกับน้องสาวตัวเองแล้วใช่ไหม?
—คุณนายน้อยสาม คุณคิดบ้างไหมว่าต่อไปน้องสาวคุณจะเป็นยังไง?
—คุณนายน้อยสาม คุณเตรียมการแก้แค้นใช่ไหม? หรือว่าคุณจะตัดขาดกับบ้านยินเด็ดขาดแล้ว?
—คุณนายน้อยสาม คุณถือว่ามีบ้านจิ๋นให้ท้ายเลยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้วใช่ไหม?
…
ยินเสี้ยวเสี้ยวอดหลุดหัวเราะขำออกมาไม่ได้
เดิมทีเธอหน้าตาสวยงามมากอยู่แล้ว วันนี้ไม่ได้แต่งหน้า แต่เพราะไข้ขึ้นถึงสีหน้าแดงเรื่อ ความงามแบบนั้นถือเป็นที่สุด แล้วเธอยังยิ้มมีเลศนัยอีก มันทำให้รู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบตัวดูงดงามสดใสขึ้นทันตา
ข่าวว่าสาวงามที่สุดของเมือง และตลกที่สุด ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยยกสองตำแหน่งนี้ให้ใครมาก่อน
“คำถามพวกนี้ของพวกคุณเคยไปถามน้องสาวฉันไหม?” คำถามกลับแค่หนึ่งคำ ทำนักข่าวด้านล่างใบ้กินไปตามๆกัน
ใช่สิ พวกเขาเคยถามไหม?
ยินรั่วอวิ๋น คุณทำแบบนี้เคยคิดถึงจุดยืนของพี่สาวไหม? คุณรู้ไหมว่าเธออาจจะโดนบ้านสามีทอดทิ้ง หรือแม้แต่จะหย่าร้างทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันไม่ถึงสามเดือน? เคยคิดไหมว่าปล่อยคลิปแบบนี้ออกมาแล้ว พี่สาวคุณจะเป็นยังไง?
คำถามพวกนี้ไม่เคยมีใครไปถามเลย
คนเรามักจะเป็นแบบนี้แหละ แค่เห็นผู้หญิงอ่อนแอร้องไห้ ก็จะรู้สึกสงสารขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และความสงสารนี้เองที่ทำให้ยินรั่วอวิ๋นไม่เคยโดนยิงคำถามตรงๆแบบนี้มาก่อน
เธอไม่คิดจะสนใจปฏิกิริยาของนักข่าวด้านล่าง ท่าทีนั้นเหมือนกับจิ๋นลี่ยวนยังไงยังงั้น!
“ไม่ว่าตอนนั้นน้องสาวฉันจะเพราะอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตาม แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ว่า เรื่องนี้มันทำร้ายสุขภาพจิตฉันอย่างมาก ต่อให้พวกเราเป็นพี่น้องกัน แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเธอ เรื่องนี้ฉันยังยึดถือตามกฎหมายอยู่” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดต่อด้วยสีหน้าเย็นชา “ส่วนด้านบ้านจิ๋น ฉันอยากถามหน่อยว่า ถ้าญาติคุณล้มป่วย คุณจะรีบทิ้งทุกอย่างและไปดูใจเขาไหม?”
ด้านล่างไม่มีใครตอบ แต่คำตอบมันก็รู้ๆกันอยู่!
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้คาดหวังคำตอบจากพวกเขา อีกอย่างเธอก็ไม่ต้องการคำตอบด้วย เธอพูดต่อว่า “ตอนฉันเกิดเรื่อง แทบสติแตกนั่น ฉันคิดว่าคนที่ไปที่บ้านฉันน่าจะรู้ดี แต่คืนนั้นฉันกับสามีได้รับแจ้งข่าวว่าคุณย่าเข้าโรงพยาบาล ในฐานะหลานชายและหลานสะใภ้ก็ต้องไปเยี่ยมสิ แต่ตอนนั้นสภาพฉันไม่ดีนัก สภาพร่างกายก็ไม่อำนวยให้ไป ดังนั้นสามีฉันถึงให้ฉันพักผ่อนที่นี่ แต่ไม่คิดเลยว่า มันจะทำให้พวกคุณคิดว่าพวกเราทะเลาะกัน?”
ในจุดนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวโกหก แต่มันช่วยไม่ได้นี่
ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่กล้องสิบตัวด้านล่างเวทีและคนนับร้อย เธอพูดต่อเสียงเบาว่า “บ้านจิ๋นดีกับฉันมาตลอด สามีฉันก็ด้วย เรื่องนี้ฉันไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรให้พวกคุณเห็น พอเวลานานไปพวกคุณจะรู้เอง การจากไปของบ้านจิ๋นเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะโดดเดี่ยวเดียวดาย!
พูดจบ เธอปรายตามองไปทางเก๋อเฉิงเฟยและเฉินผูลี่ที่ยืนข้างๆ
แค่สายตาเดียว ก็บอกได้ถึงความสำคัญของยินเสี้ยวเสี้ยวในหัวใจของจิ๋นลี่ยวน
ลูกน้องมือดีซ้ายขวาของคุณชายบ้านจิ๋นมาอยู่ที่นี่แล้ว ความรักมีหรือจะน้อย?
“ส่วนคุณหนูใหญ่บ้านมู่ที่พวกคุณพูดถึง ขอโทษนะ ฉันคงพูดได้แค่คำเดียวว่า…” พอคิดถึงเรื่องนี้ เธออดคิดถึงเสียงผู้หญิงในโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ยังยืนกรานพูดว่า “ฉันไม่รู้จักเธอ”
—ฉันไม่รู้จักเธอ
พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งระคนไม่แคร์
ก็เป็นงั้นจริงนี่? ต่อให้มีสัญญาแต่งงานกันแล้วไง? ตอนนี้ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของจิ๋นลี่ยวนคือเธอ ไม่ใช่คุณหนูใหญ่บ้านมู่อะไรที่ไม่เคยมีใครได้พบมาก่อน! ต่อให้เธอกลับมาแล้ว ก็ทำได้แค่หลีกทางให้ภรรยาตัวจริงสิ!
เสียงลมหายใจสะดุดไปทั่วงาน
คุณหนูใหญ่บ้านยิน ก่อนแต่งเข้าบ้านจิ๋นได้ชื่อว่าเป็นดาวมหาลัย แต่ตอนนั้นชื่อเสียงเธอแย่มาก พฤติกรรมเหลวแหลก นิสัยไม่ดีเป็นเหมือนสโลแกนประจำตัวเธอ แต่พอแต่งเข้าบ้านจิ๋นแค่สามเดือนกว่า กลับเหมือนเกิดใหม่ซะงั้น เธอยืนท่ามกลางผู้คนก็สามารถเชิดคออย่างเย่อหยิ่งได้ แถมไม่เหมือนอาศัยมีบ้านจิ๋นเป็นแบ็ค เหมือนเธอเกิดมาก็เป็นแบบนี้!
บุคลิกในตัวยินเสี้ยวเสี้ยวทำให้คนอดถอนหายใจอย่างตกใจไม่ได้
อายุแค่ยี่สิบสามปี ในสภาพที่สามีไม่อยู่ บ้านตัวเองไม่สน ยังสามารถเผชิญหน้านักข่าวมากมายขนาดนี้อย่างใจเย็น ความกล้าหาญนี้ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะทำได้นะ!
เวลาเสียใจ เธอก็ร้องไห้ และจะกักตัวอยู่ในโลกส่วนตัวรักษาแผล แต่พอรักษาหายแล้ว เธอก็สามารถเผชิญหน้าทุกอย่าง แสดงความยอดเยี่ยมของตัวเองออกมา เก็บความเสียใจทั้งหมดไว้ภายใต้แสงอาทิตย์ และฆ่าเชื้อทิ้งซะไม่ให้เหลือซาก!
เธอยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยเป็นผู้หญิงอ่อนแออยู่แล้ว!
จนผ่านไปสักพัก นักข่าวถึงถามขึ้นมาว่า “คุณนายน้อยสาม เกี่ยวกับเรื่องหุ้นตกเมื่อวาน มีคนหาว่าคุณเป็นหญิงงามล่มเมือง คุณคิดเห็นว่ายังไงครับ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปทางนักข่าวคนนั้น เขาเป็นนักข่าวที่อายุน้อยมาก ตัดผมสั้นแค่ติ่งหู ดูสะอาดสะอ้าน สายตาสุกสกาว
“หญิงงามล่มเมือง เป็นแค่ข้ออ้างที่ผู้ชายไร้ความสามารถบอกแก่ชาวโลกเท่านั้นเองค่ะ” เธอตอบเสียงเบาด้วยอารมณ์ราบเรียบ “ส่วนเรื่องนี้ ฉันคงพูดได้แค่ว่า ฉันไปควบคุมปากคนทั้งโลกไม่ได้ อีกอย่าง ถ้าจิ๋นลี่ยวนเป็นผู้ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อสาวงามอย่างไร้เหตุผล พวกคุณน่าจะผิดหวังหรือเปล่าคะ?”
คำพูดแซวเล่นคำเดียว ทำนักข่าวด้านล่างอดยิ้มมุมปากไม่ได้
นั่นสิ ถ้าบ้านจิ๋นสั่งสอนออกมาได้แค่ผู้ชายแบบนั้น มันคงจะตลกมากเลยล่ะ
งานแถลงข่าวนี้เป็นไปอย่างราบรื่นแบบไม่น่าเชื่อ ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบคำถามนักข่าวได้หมด อาจมีแซวกลับบ้าง แต่การตอบในแต่ละทีกลับตอบตรงยิ่งกว่าคำถาม นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้รู้จักคุณนายน้อยสามบ้านจิ๋น ผู้หญิงที่ชื่อยินเสี้ยวเสี้ยวจริงๆ
สุขุมใจเย็น เฉลียวฉลาดทันคน ไม่หยิ่งผยองและไม่ขี้กลัว
ผู้หญิงแบบนี้มักทำให้คนรู้สึกดีกับเธอได้ไม่ยาก
และวินาทีนี้ในโรงพยาบาลกู่เจิ้นบางที่ที่ห่างไกลจากที่นี่มาก
คุณย่าจิ๋นกำลังคุยอะไรบางอย่างกับหลานชายคนโตและหลานสาวอย่างออกรส ไม่มีท่าทีเจ็บป่วยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าคุณย่าได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจมาก่อนจริงๆ จิ๋นลี่ยวนอาจจะกลับซะวันนั้นเลยก็ได้
ในห้องพักคนป่วยสีขาวนี้ จิ๋นลี่หยาวคุยกับคุณย่าอย่างใจเย็น จิ๋นลี่ยวนใส่หูฟังยืนพิงหน้าต่างหลับตาฟัง ก็ไม่รู้เขาฟังอะไร ท่าทีสงบสุขซะจริง
จิ๋นลี่โป๋เงยหน้ามอง ก็เห็นจิ๋นลี่ยวนกำลังยิ้มมุมปาก
ในหูฟัง เสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวลอดเข้ามา ตอนได้ยินเธอพูดว่า ฉันไม่รู้จักเธอ เขาอดหัวเราะไม่ได้ แสงอาทิตย์ต้นฤดูใบไม้ร่วงสาดส่องมาที่ตัวเขา ทำให้ดูอ่อนโยนและหล่อเหลามาก มู่เยียนหรานเดินเข้ามาตอนนี้พอดี
สายตาเธอจับจ้องไปที่จิ๋นลี่ยวนที่ยิ้มตาหยีบนเตียง หัวใจอดเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้
“เยียนหรานมาแล้ว” พอเห็นมู่เยียนหราน คุณย่าจิ๋นดีใจมาก ยื่นมือดึงเธอไปนั่งบนเตียงตัวเอง “เยียนหรานนี่น่ารักจริงๆ รู้ว่าย่าป่วยก็รีบมาเยี่ยมเลย”
มู่เยียนหรานยิ้มน้อยๆ เงยหน้าไปมองทางจิ๋นลี่ยวน เขาพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยก่อนหมุนตัวเดินออกไป จิ๋นลี่โป๋ก็ตามออกไปด้วย เหลือแค่จิ๋นลี่หยาวกับมู่เยียนหรานอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า
ข้างนอกห้องพักคนไข้ จิ๋นลี่โป๋เดินมาถามจิ๋นลี่ยวนเสียงเบาว่า “ทางด้านเมืองTเป็นไงบ้าง?