Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 130 ของขวัญพบหน้าของมู่เยียนหราน
บทที่ 130 ของขวัญพบหน้าของมู่เยียนหราน
พอพูดถึงตรงนี้ จิ๋นลี่ยวนอดยิ้มมุมปากไม่ได้ ภรรยาตัวน้อยของเขาครั้งนี้แสดงศักยภาพออกมาได้ดีจริงๆ
ไม่ต้องตอบออกมา จิ๋นลี่โป๋ก็รู้คำตอบจากรอยยิ้มเขาแล้ว จิ๋นลี่โป๋ยิ้มส่ายหน้าว่า “พรุ่งนี้ก็กลับไปแล้ว ทนๆเอาหน่อยะลกัน อาศัยช่วงนี้คิดให้ดีว่า กลับไปจะปลอบคุณย่ากับเสี้ยวเสี้ยวยังไงก็แล้วกัน”
จิ๋นลี่โป๋เอ่ยปากเตือนหนึ่งคำก่อนจากไป ทิ้งจิ๋นลี่ยวนยืนครุ่นคิดคนเดียว
ครั้งนี้คุณย่าจิ๋นมาแรงมาก
พอเดินไปไม่กี่ก้าว จิ๋นลี่โป๋หันมาบอกน้องชายเหมือนนึกขึ้นได้ว่า “ถ้าพี่จำไม่ผิด พอกลับไปก็วันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณย่าแล้วใช่ไหม?”
เหมือนเปิดก้อนเมฆเห็นฟ้าใสคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง
วันเกิดครบรอบแปดสิบปี นี่เป็นโอกาสอันดีของเสี้ยวเสี้ยว
คืนนั้น คุณย่าจิ๋นให้จิ๋นลี่ยวนออกไปซื้อจดหมาย และไปส่งคน คนที่มาคราวนี้ไม่เยอะเท่าไหร่ หลายเรื่องเลยได้แต่สั่งหลานๆแทน โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่จิ๋นลี่ยวนไม่คิดว่า เขาแค่ออกมาเดินเล่นบนถนน แล้วจะเจอมู่เยียนหราน…
“นี่คุณ ทำป้ายร้านพวกเราเจ๊งเนี่ย กะจะเดินหนีไปดื้อๆไม่ชดใช้เงินหรือไง?” นักเลงท้องถิ่นล้อมกรอบมู่เยียนหรานไว้ แถมยังแสดงท่าทีข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด “อย่ามาถือว่าเป็นนักท่องเที่ยว คิดว่าตัวเองมีเงิน แล้วจะมาดูถูกคนบ้านนอกอย่างพวกเรานะ? ไม่ว่ายังไงจ่ายมาซะ?”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่าเสียหายเท่าไหร่คุณบอกสิคะ ฉันจะจ่าย” แบบว่าเป็นคุณหนูมีเงินน่ะนะ มู่เยียนหรานก็ตอบพลางเปิดกระเป๋าหยิงกระเป๋าเงินออกมา
พวกนักเลงเห็นแบบนี้เลยรีบฟันเงินเลย “อย่างน้อยก็ต้องแสนสองแสนล่ะ นี่เป็นของที่มีราคาแพงที่สุดของร้านเราเลยนะ เราต้องอาศัยมันถึงจะหาเลี้ยงกลุ่มเราไหวเลยนะ”
พอพูดจบ มู่เยียนหรานอึ้งไปเล็กน้อย
แสนสองแสน? มีใครออกจากบ้านพกเงินสดมากขนาดนั้นบ้าง?
ตอนจิ๋นลี่ยวนเดินมาก็เจอฉากนี้เข้าพอดี คิ้วเขาขมวดหนักมาก
“เยียนหราน” เสียงเรียกเบา มู่เยียนหรานหันไปเห็นจิ๋นลี่ยวนแล้วตาแดงเล็กน้อย กำกระเป๋าเงินตัวเองแน่น “เกิดอะไรขึ้น?”
พวกนักเลงเห็นผู้ช่วยมู่เยียนหรานมาแล้ว ก็ถอยกันเล็กน้อย แต่ตัวหัวหน้ากลับไม่กลัว และเข้าไปคุยเรื่องค่าเสียหายต่อ “อย่านึกว่าเอาผู้ชายมาแล้วจะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายนะ คุณทำลายแผ่นป้ายของเรา ชดใช้เงินเป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควร อย่ามาเฉไฉหาเรื่องไม่จ่ายนะ!”
จิ๋นลี่ยวนคิ้วขมวดพลางมองแผ่นป้ายที่แตกเป็นสองท่อนบนพื้น ถามเสียงเรียบว่า “เท่าไหร่?”
หลายครั้งที่การใช้เงินจัดการปัญหาได้ มันไม่ใช่ปัญหา อย่างน้อยจิ๋นลี่ยวนกับมู่เยียนหรานในตอนนี้ก็คิดอย่างนั้น
“ขาดตัวเลย แสนห้า” ตัวหัวหน้าเห็นจิ๋นลี่ยวนถามตรง ก็ตวาดเสียงดังกลับ และทำท่าหันไปมองพรรคพวกข้างหลังอย่างยิ้มเยาะ
เป็นเรื่องปกติที่ไปท่องเที่ยวแล้วมักจะเจอเรื่องแบบนี้ และคนส่วนมากมักจะยอมตามๆไป แต่ไม่คิดเลยว่าเป็นการสนับสนุนให้คนทำชั่วมากขึ้น
พอได้ยินอย่างนั้น จิ๋นลี่ยวนแค่นเสียงหึอย่างดูแคลน หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้งตำรวจทันที “สวัสดีครับ สถานีตำรวจใช่ไหมครับ? ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านเลขที่1323 ตรอกซอยฟางเจีย ถนนลิ่วหวนในเมืองกู่เฉิง ที่นี่มีคนกำลังข่มขู่กรรโชกเงิน รบกวนรีบมาด้วยนะครับ เพื่อนผมตกใจมาก…”
จนจิ๋นลี่ยวนวางสาย หัวหน้านักเลงได้สติ จะเข้ามาแย่งมือถือในมือเขา แต่เขาเร็วกว่าในการวางสายและเก็บมือถือ เขาหันมามองพวกเขา และเบนตัวไปบอกมู่เยียนหรานที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “เดี๋ยวหลบอยู่ข้างๆนะ หลับตาด้วย ถ้าผมไม่เรียกก็ไม่ต้องลืมตามาดู”
มู่เยียนหรานดึงชายเสื้อเขาเล็กน้อย พยักหน้าอย่างว่าง่ายแต่ไม่วายเป็นห่วงเขา
“แกอยากตายหรือไง? กล้าแจ้งตำรวจหรอ?” หัวหน้านักเลงโกรธมาก พุ่งเข้ามากะต่อยเขา ปากร่ำๆด่าว่า “ฉันให้แกจ่ายเงินก็อยากให้เรื่องมันจบๆไป แกกลับกล้าดีโทรแจ้งตำรวจ นึกว่ามีเงินแล้วเจ๋งหรือไง? ไอ้เด็กบ้า วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกเอง!”
จิ๋นลี่ยวนยืนนั่งมองไปข้างหลังเล็กน้อย มู่เยียนยืนอยู่อีกด้านและยกมือปิดตาตัวเอง พยายามไม่ให้ตัวเองตื่นเต้น
“ผมค่อนข้างมีเงินจริงๆ แต่ต่อให้มีก็ไม่อยากให้คนอย่างคุณหรอก!” พูดจบ หัวหน้าก็ปราดเข้ามาพร้อมกับหมัดเลย
จิ๋นลี่ยวนเบนตัวหลบการต่อย พรรคพวกหลายคนด้านหลังหัวหน้าก็เข้ามาร่วมวงด้วยเหมือนกัน เขาเหลือบมองมู่เยียนหรานที่หันหลังให้พวกเขาอยู่ และเอามือตัวเองออกจากกระเป๋ากางเกง ขยับคอนิดหน่อย
วันนี้เขายุ่งมากนะ จดหมายที่จะเขียนให้ยินเสี้ยวเสี้ยวยังเลือกไม่ได้เลย เรื่องอะไรจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ได้?
…
“ไปเถอะ” ทันใดนั้น หูของมู่เยียนหรานก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยพูดมา เธออยากหันไปมองเหตุการณ์ข้างหลัง แต่จิ๋นลี่ยวนไม่ให้โอกาส “อย่าดูเลย เดี๋ยวจะตกใจเปล่าๆ”
คำพูดเดียวทำมู่เยียนหรานชะงักกึกไม่หันไปมอง เธอเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย ยิ้มพลางเข้าใกล้จิ๋นลี่ยวน แต่ไม่คิดว่ารองเท้าส้นสูงจะมาหักเอาดื้อๆ ร่างเธอล้มไปทางเขาทันที
“ระวัง” เขายึดแขนเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไป
มู่เยียนหรานตกใจเล็กน้อย ลมหายใจกระชั้น เขายืนรออยู่ข้างๆ รอเธอควบคุมลมหายใจตัวเองได้
คนป่วยที่เป็นโรคหัวใจบางคนเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง อย่างเช่น มู่เยียนหรานในตอนนี้
ผ่านไปสักพัก มู่เยียนหรานถึงปรับลมหายใจตัวเองได้ พอกำลังจะบอกลาจิ๋นลี่ยวน ข้อเท้ากลับรู้สึกเจ็บขึ้นมาจนร้องซี๊ด เธอมองจิ๋นลี่ยวนอย่าเขินอาย และเกิดรำคาญร่างกายที่อ่อนแอของตน
เธอเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เล็ก บ้านมู่นแทบจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเธอหาหัวใจมาเปลี่ยนให้ แต่ไม่ว่าจะหายังไง ผ่านมายี่สิบห้าปีแล้วยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย กว่าจะหาเจอได้ อีกฝ่ายก็ดันเปลี่ยนใจ จนถึงตอนนี้มู่เยียนหรานยังคงพยายามมีชีวิตต่อไปด้วยร่างกายอันอ่อนแอนี้…
เธอตาแดงเรื่อ กัดปากแน่น เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หัวใจและเริ่มปรับลมหายใจตัวเอง พอเสร็จก็เห็นจิ๋นลี่ยวนคุกเข่าลงข้างหน้าเธอพูดว่า “ขึ้นมาสิ ผมจะแบกคุณกลับไป”
น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ แต่มันกลับดูอบอุ่นในความรู้สึกของมู่เยียนหราน
มือเล็กพาดบนบ่าเขา จิ๋นลี่ยวนแบกเธอไว้บนหลังอย่างระมัดระวัง ภาพที่ออกมามันดูเหมือนภาพวาด…
ดวงตาคู่งามหันไปมองข้างทางที่มีแสงไฟ ทันใดนั้นเธอแอบจิ้มหน้าเขาแผ่วเบา จิ๋นลี่ยวนชะงักเงยหน้ามองเธอเป็นคำถาม
เธอยิ้มพูดขณะอยู่บนหลังเขาว่า “หน้าคุณมีอะไรติดน่ะ ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ”
เขาไม่ได้ใส่ใจ แบกเธอเดินต่อ
มู่เยียนหรานมองบรรยากาศยามเย็น และมองภาพเงาร่างที่สะท้อนบนพื้น ในใจตื่นเต้นไม่น้อย
จิ๋นลี่ยวน ฉันกลับมาแล้ว ครั้งนี้ฉันจะไม่หนีอีก แต่คุณยังจำฉันได้ไหมนะ?
ยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่รู้จักฉันงั้นหรอ? งั้นของขวัญพบหน้านี้ เธอรับมันไปก่อนละกัน!
แสงทองยามเช้า ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นเช้ามากะไปรับคนที่สนามบิน ตอนดื่มนมก็กดเปิดดูข่าวในไอแพท เลิกคิ้วเล็กน้อย พอดื่มนมเสร็จก็หมุนตัวไปหยิบกระเป๋า และทิ้งไอแพทไว้บนโต๊ะอาหาร ไม่มีใครเหลียวแล…
ที่สนามบิน ยินเสี้ยวเสี้ยวดูเด่นมากเมื่อเทียบกับคนอื่น
ไม่เพียงข้างกายมีเก๋อเฉิงเฟยและเฉินผูลี่ แถมยังมีนักข่าวมารายล้อมอีก ผู้คนไม่น้อยหันมามองเธออย่างสงสัย และพากันคาดเดาว่าเธอเป็นคุณหนูบ้านไหน
พอสนามบินประกาศ สายตาของทุกคนมุ่งไปที่ทางออก
ผู้โดยสารที่ออกทางVIPมีไม่มาก ที่เดินออกมาเก๋อเฉิงเฟยและเฉินผูลี่ต่างรู้จักดี ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มพยักหน้าทักทาย บางคนที่ถือหนังสือพิมพ์ไว้อดมองเธอสลับกับหนังสือพิมพ์ในมือไม่ได้ ท่าทางบอกชัดว่าแปลกใจ
เฉินผูลี่ยืนลูบจมูกแก้เก้อด้านหลังยินเสี้ยวเสี้ยว
คุณนายน้อยเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าดูข่าวหรือยังกันแน่?
ไม่นาน คนบ้านจิ๋นก็ออกมา สีหน้าดูสบายๆ จิ๋นลี่หยาวเดินยิ้มพูดอะไรกับจิ๋นลี่โป๋ออกมา ด้านจิ๋นลี่ยวนเดินตามหลังคุณย่าจิ๋นมา คิ้วขมวดนิดหน่อยเหมือนไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง
“เสี้ยวเสี้ยว?” จิ๋นลี่หยาวเห็นเธอก่อน และอุทานอย่างตกใจก่อนหันมองน้องชายตัวเอง
แต่ใครจะรู้ว่าน้องชายไวกว่า เขาเดินผ่านคุณย่ามาทางเธอทันที “มาได้ไงเนี่ย?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มเขินน้อยๆ
สองวันที่เขาไม่อยู่ เดิมคิดว่าความรักคงจืดจางลง แต่เขายังหาเวลาว่างโทรมาหาเธอทุกวัน บางทีแค่ประโยคเดียว บางทีก็คุยจนเธอหลับ…ห่างกันไม่นาน กลับทำให้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนตกหลุมรักกัน
ที่เขาว่ากันว่าข้าวใหม่ปลามัน คงเป็นแบบนี้นี่เอง
ใบหน้าน้อยๆแดงระเรื่อ ทำให้เขายิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว
เขาก้าวเข้าไปจูบที่หน้าผากเธอแผ่วเบา
ชายหล่อ สาวสวย รักมั่น ไม่เสียใจ…
จิ๋นลี่หยาวยืนตัวสั่นสะท้านเหมือนรับไม่ค่อยได้อยู่ข้างๆ แต่ก็ดีใจแทนพวกเขาจริงๆ