Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 183 จิ๋นลี่ยวนก็เป็นคนบ้าคนหนึ่งอยู่แล้ว
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่ 183 จิ๋นลี่ยวนก็เป็นคนบ้าคนหนึ่งอยู่แล้ว
บทที่ 183 จิ๋นลี่ยวนก็เป็นคนบ้าคนหนึ่งอยู่แล้ว
ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน!
พี่น้องแท้ๆ!
ตอนที่ได้เห็นผลตรวจ จิ๋นลี่ยวนอดไม่ได้ที่จะฉีกกระดาษบางๆพวกนั้นทิ้งอย่างรุนแรง และในความเป็นจริงเขาก็ทำอย่างนั้นจริงๆ เพียงแค่แม้เขาจะฉีกแล้วฉีกอีกจนแหลกละเอียดแต่ความจริงกลับยังคงเหมือนกับเหล็กที่ฉีกไม่ได้อย่างนั้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนของบ้านยิน ยินจื่อเจิ้นจึงกล้าที่จะชอบเธอแล้วก็กล้าที่จะยอมให้ความรู้สึกของตนเองเลยเถิดมาจนถึงวันนี้ ก็พอจะอธิบายได้แล้วว่าทำไมคนของบ้านยินถึงไม่ยอมรับยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ตลอด ส่วนเฉินหยู ชายหนุ่มคนนั้นที่หน้าตาคล้ายกับยินเสี้ยวเสี้ยวก็เป็นน้องชายแท้ๆของยินเสี้ยวเสี้ยวนั่นเอง พวกเขาเกิดมาจากท้องเดียวกัน มีแม่คนเดียวกัน……
ยืนอยู่ในห้องทดลอง จิ๋นลี่ยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ทั่วทั้งร่างกายแผ่ความโหดร้ายออกมาจนทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ โชคดีที่บริเวณรอบๆก็ไม่มีคนเห็นฉากที่เขาเสียสติเช่นนี้……
ยินเสี้ยวเสี้ยว!
ยินเสี้ยวเสี้ยว!
ดีนักนะยินเสี้ยวเสี้ยว!
เธอน่าจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่คนของบ้านยินสินะ เธอรู้แล้วแต่กลับไม่ไปสืบค้นช่วงชีวิตที่ผ่านมาของตนเองให้ชัดเจนก็แต่งงานกับเขา? งั้นเธอคงรู้ว่าเธอไม่เพียงแต่เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เลวทราม แต่ยังรู้ว่าแม่ของเธอทำให้พ่อแม่ของเขาตายใช่ไหม แล้วที่เธอแต่งงานเข้ามาในบ้านจิ๋นก็มีแผนร้ายตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม? เธอเห็นเขาหลงใหลในตัวเธอคงจะดีใจเหลือเกินเลยสินะ ในใจกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่ใช่ไหม?
คนก็เป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดประเภทหนึ่ง ตอนที่ชอบการกระทำทั้งหมดล้วนแต่เป็นความหวังดี ตอนที่ไม่ชอบการกระทำทั้งหมดกลับกลายเป็นมลทิน เป็นการทำทุกอย่างให้บรรลุแผนการร้าย……
แม้จะเป็นจิ๋นลี่ยวนก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
ชั่วพริบตา ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อ่อนโยนจิตใจดีในสายตาเขาก็กลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีแผนการแยบยล
ร้ายนักนะยินเสี้ยวเสี้ยว!
ในเมื่อพวกเขาชอบเล่นขนาดนั้น งั้นเขาก็จะเล่นด้วย
……
กลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนไม่ดีขึ้นเลยกลับยิ่งเย็นชาดุดันกว่าเดิมอีก
เถียนหรงเดินตามหลังเขาอย่างระมัดระวัง พี่หลิงไม่กล้าเข้าใกล้เขาเพียงแค่มารายงานสถานการณ์เท่านั้น
“คุณหมอจิ๋นคะ เอ่อ……คนไข้ที่ชื่อเฉินหยูพ้นขีดอันตรายแล้ว ซี่โครงหักไปสองท่อน พันแผลที่ต้นขาใหม่แล้ว อาการบาดเจ็บบนร่างกายตำแหน่งอื่นแม้จะ……หนักเอาการ แต่พักฟื้นสักหน่อยก็หายแล้วค่ะ” เถียนหรงพูดอย่างรอบคอบ ทั้งยังสังเกตสีหน้าของจิ๋นลี่ยวนอยู่บ่อยๆ กลัวว่าถ้าตนเองพูดอะไรผิดไป จิ๋นลี่ยวนจะโมโหจนลงไม้ลงมืออีกแล้วเธอจะเป็นคนแรกที่ซวยน่ะสิ มุทะลุเลือดร้อนเหลือเกิน “เพียงแต่……เพียงแต่โรงพยาบาล หวังว่าคุณหมอจิ๋นคุณ……จะให้คำอธิบาย……”
จิ๋นลี่ยวนเปลี่ยนเป็นเสื้อกาวน์ของตนเองแล้วเดินออกไป ไม่ได้มองเถียนหรงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่าทางนั้นก็ไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อครู่เข้าหูบ้างหรือเปล่า แค่พริบตาก็เดินออกไปจากห้องทำงานทันที เถียนหรงจึงรีบเดินตามออกไป
เดินตรงไปที่ห้องของคนไข้ทันที พยาบาลที่เจอระหว่างทางต่างก็ก้มหน้าอย่างระแวดระวังไม่กล้ามองเขา
จิ๋นลี่ยวนที่อ่อนโยนยิ้มน้อยๆอยู่เสมอ แม้จะเย็นชาอยู่บ้างก็ยังไม่ถึงกับทำให้คนหวาดกลัว แต่ครั้งนี้ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปมากจริงๆ ราวกับหมดหนทางที่จะกู้คืนกลับมาโดยสิ้นเชิง
ตอนที่สังเกตเห็นว่าฝีเท้าของจิ๋นลี่ยวนตรงไปที่ห้องของเฉินหยู ใจดวงน้อยๆของเถียนหรงก็เต้นตึกตักๆไม่หยุด รีบส่งสายตาไปที่พยาบาลข้างกายให้ไปตามพี่หลิงทันที
จิ๋นลี่ยวนก็เหมือนกับไม่เห็นอะไรเลย กำลังมองเถียนหรงที่จู่ๆก็มายืนขวางอยู่ที่หน้าห้องของเฉินหยู
“แหะๆ……แหะๆ……” เสียงหัวเราะที่น่าอึดอัด เถียนหรงเพียงรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองอยู่ใต้ความกดดันลูกใหญ่ เดิมทีเฉินหยูก็มีบาดแผลจากกระสุนอยู่แล้วบาดเจ็บถึงเส้นเอ็น บวกกับหมัดของจิ๋นลี่ยวนในวันนี้ยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมากขึ้น เขาต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 3-5 เดือนร่างกายถึงจะฟื้นฟูออกจากโรงพยาบาลได้ ถ้าตอนนี้จิ๋นลี่ยวนเข้าไปทำร้ายเขาอีก เฉินหยูคงตายแน่ๆ จะอย่างไรก็ไม่สามารถให้จิ๋นลี่ยวนเข้าไปได้ “เอ่อ……คุณหมอจิ๋นคะเราไปดูคนไข้เตียง 56 เถอะค่ะ วันนี้เขาบ่นทั้งวันเลย……”
“หลีกไป!” พ่นสองคำที่เย็นยะเยือกออกมา แล้วจิ๋นลี่ยวนก็ไม่พูดอะไรอีก
เถียนหรงมองเขาอย่างอึดอัดใจ ยังพูดไม่จบ แต่ตอนที่สบเข้ากับสายตาของจิ๋นลี่ยวนกลับตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว จิ๋นลี่ยวนที่เป็นอย่างนี้เธอไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ราวกับว่าในใจมีอะไรบางอย่างพุ่งทะลักออกมา
ถูๆจมูก จะอย่างไรเถียนหรงก็ไม่ยอมหลีกทางให้
เฉินหยูในห้องคนไข้เพิ่งจะตื่น แล้วยังตื่นขึ้นมาเพราะเจ็บอีกด้วย
จิ๋นลี่ยวนยืนมองเขาอยู่ที่ข้างเตียง สายตาเย็นชา ผ่านไปชั่วครู่จึงเอ่ยปาก “เถียนหรง ออกไป!”
เถียนหรงยังคิดจะดึงดันต่อไป แต่เมื่อได้รับสายตาของจิ๋นลี่ยวน จึงส่งสายตาให้เฉินหยูช่วยเหลือตัวเองแล้วรีบออกไปทันที แต่อย่างไรก็ไม่กล้าเคลื่อนสายตาไปไหนกำลังมองอยู่ที่นอกหน้าต่าง ถ้าลงไม้ลงมือจริง ก็ยังโชคดีที่เธอพุ่งเข้าไปแต่แรกไม่ใช่เหรอ?
เฉินหยูขมวดคิ้วแน่นมองเขา
เขาลงมืออย่างหนัก ถึงขั้นออกแรงขนาดนั้น คุณชายผู้ร่ำรวยไม่ควรจะมีพละกำลังอย่างนั้นสิ
จิ๋นลี่ยวน ราวกับว่าก็มีความลับไม่น้อยเลย
จนกระทั่งเถียนหรงออกไป จิ๋นลี่ยวนกำลังมองเฉินหยูที่พันแผลไปทั่วทั้งร่างกาย จู่ๆก็ยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
“เฉินหยู นายกับแม่นายอยากจะให้ฉันหย่า งั้นฉันก็จะไม่หย่า แม้ฉันจะเบื่อหน่ายที่ต้องเห็นใบหน้าเสแสร้งเป็นคนดีของเธอ แต่ฉันยังรอคอยที่จะได้เห็นพวกนายที่วางแผนกันอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ยับเยิน อยากจะเล่นนักใช่ไหม? ได้ ฉันจิ๋นลี่ยวนจะเล่นด้วย จะดูหน่อยว่าใครเล่นใครกันแน่!” จิ๋นลี่ยวนพูดเบาๆอย่างโหดร้าย แต่ละคำที่พูดออกมาสีหน้าของเฉินหยูก็ซีดขึ้นทีละนิดๆ มองเฉินหยูที่เป็นอย่างนี้ด้วยความพอใจ จิ๋นลี่ยวนจึงพูดต่อ “ตั้งแต่ตอนนี้ไป ฉันจะทำให้พวกนายเห็น ยั่วโมโหฉันแล้วจะมีจุดจบยังไง ทำให้แม่ของนายเสียใจที่เริ่มเรื่องทั้งหมดขึ้นมา!”
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนจึงกลับตัวออกไป ท่าทางสง่างาม แต่สีหน้าท่าทางช่างเย็นชาเหลือเกิน
เถียนหรงที่คิดว่าต้องลงมืออีกแน่ แต่ตอนนี้เห็นจิ๋นลี่ยวนออกมาแล้ว คำถามที่อยู่ในหัวกลับไม่กล้าถาม
คุณหมอจิ๋นเหมือนมีเรื่องแค้นใจกับเฉินหยู แค่ไม่รู้ว่าความแค้นอะไร……
แต่ละก้าวๆ จิ๋นลี่ยวนเดินออกไปอย่างสงบ แต่สีหน้ากลับเคร่งขรึม
ทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจะเปิดตากว้างๆมองดู ดูว่าแต่ละวันของพวกเขาจะกลายเป็นอย่างไร!
……
เฉินหยูตกใจจนพูดไม่ออก จนกระทั่งหลังจากจิ๋นลี่ยวนออกไปนานแล้วถึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซูเหนียง แล้วพูดขึ้น “คุณบอกว่าเรื่องจะไม่กลายเป็นอย่างนี้! นี่คุณทำอะไรกันแน่!”
แค่คิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะโดนจิ๋นลี่ยวนทรมาน เฉินหยูก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั่วทั้งร่างแล้ว
ซูเหนียงถอนใจเบาๆ พูดอย่างกระวนกระวาย “ฉันจะรู้ได้ไงว่าเขาจะทนได้! แม้แต่ลูกสาวของศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่เขาก็ยังยินยอมแต่งงานด้วย ฉันจะยังพูดอะไรได้? จิ๋นลี่ยวนก็เป็นคนเสียสติคนหนึ่งอยู่แล้ว!”
“เสียสติ? ในเมื่อคุณรู้ว่าเขาเสียสติ คุณยังให้พี่อยู่ข้างกายเขาอีก? คุณไม่คิดถึงเธอสักหน่อยจริงๆงั้นเหรอ?” เฉินหยูพูดด้วยความโมโห ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย “คุณเคยเจอพี่ไหม? คุณรู้ไหมว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับจิ๋นลี่ยวน? ซูเหนียง คุณใจร้ายจริงๆ!”
ซูเหนียงที่อยู่ในสายเงียบไปพักใหญ่ หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นเรียบๆ “เฉินหยู ถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวทนไม่ได้นั่นก็แสดงว่าชีวิตเธอควรจะเป็นเช่นนั้น โทษใครไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องมาโทษฉัน!”
พูดแล้ว ซูเหนียงก็ตัดสายไปทันที ทิ้งให้เฉินหยูกังวลอยู่คนเดียว
มองไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้เฉินหยูอยากลงจากเตียงเพื่อไปหายินเสี้ยวเสี้ยว อย่างดีที่สุดก็สามารถพาเธอหนีไปได้ ไปให้ไกลๆจากบ้านจิ๋นตระกูลที่โหดร้ายนี้ ยิ่งหนีให้ไกลจากจิ๋นลี่ยวนคนบ้าคลุ้มคลั่งคนนี้!
เขาจะทรมานเธอ……
และวิธีที่ดีที่สุดที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทรมานหญิงสาวได้ ก็คือความรู้สึก
ถอนหายใจเบาๆ เฉินหยูยิ้มเยาะ ถ้าตอนนั้นเขาใจเย็นงั้นตอนนี้ก็จะไม่เป็นอย่างนี้ใช่ไหม? บางทีจิ๋นลี่ยวนก็อาจจะใช้ชีวิตที่มั่นคงกับยินเสี้ยวเสี้ยวต่อไป?
ถ้า ถ้าจิ๋นลี่ยวนเสียสติไปจริงๆ งั้นเขาก็จะอยู่ข้างๆคอยคุ้มครองเธอ……
ด้วยความสามารถของเขา ยากที่จะต้านทานจิ๋นลี่ยวนได้จริงๆ……
เที่ยงคืน ประตูห้องโดนเปิดออก แสงไฟในห้องรับแขกสาดเข้ามาแยงตา ยินเสี้ยวเสี้ยวที่หลับสนิทอยู่บนเตียงลืมตาที่ปรับแสงไม่ได้มองร่างสูงที่หน้าประตู
ร่างกายยังไม่สบายอยู่เล็กน้อย แต่เธอยังลุกขึ้นเดินเท้าเปล่าเข้าไปหา
“คุณกลับมาแล้ว? เหนื่อยมากไหมคะ?” เงยหน้าขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวพลางขยี้ตาที่ยังลืมได้ไม่เต็มที่พลางมองจิ๋นลี่ยวนที่เหน็ดเหนื่อยด้านหน้า
พักใหญ่ จิ๋นลี่ยวนไม่พูดไม่จา เพียงแค่ลู่สายตาลงมามองเธอ
เฮอะ……
มองดู เธอยิ้มหวานขนาดไหน ดวงตาใสแจ๋วขนาดไหน คำพูดอ่อนโยนขนาดไหน เธอใช้ใบหน้าที่เสแสร้งเป็นคนดีอย่างนี้ค่อยๆก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา ก้าวเข้ามาในโลกของเขา ก่อกวนจนบ้านจิ๋นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเองถึงขั้นทะเลาะกับคุณย่าตั้งกี่ครั้ง จริงๆเธอก็รู้ว่าจิ๋นลี่หยาวชอบเฉิงชื่อชิงตั้งนานแล้วใช่ไหม แต่เธอกลับปรากฏตัวต่อหน้าของจิ๋นลี่หยาวหลายต่อหลายครั้งเพื่อยั่วเธอ? สำหรับจิ๋นลี่หยาว เธอยิ่งเปลืองแรงคิดไปไม่น้อยเลย……
ผู้หญิงอย่างนี้ ตอนแรกเขารู้สึกว่าเธอเหมือนกับกระต่ายขาวตัวน้อยๆที่น่ารักไร้เดียงสาได้อย่างไรกัน?
จิ๋นลี่ยวน นายตาบอดไปแล้วใช่ไหม?
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขา อารมณ์ภายในดวงตาหงส์ไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด แค่เหมือนกับกำลังมองเธอที่เป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง วินาทีนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูก ยื่นมือมาจับแขนของเขา ถามเบาๆ “ลี่ยวน คุณเป็นอะไรไปคะ?”
จิ๋นลี่ยวนได้สติกลับมา เคลื่อนสายตาและมือของตนเองอย่างไม่มีพิรุธเดินเข้าไปในห้องนอน พูดขึ้น“ไม่มีอะไรหรอก แค่ในโรงพยาบาลเกิดเรื่องน่ารำคาญนิดหน่อย”
ไม่ได้หวาดระแวงเขาเลย มุมปากที่มีรอยยิ้มของยินเสี้ยวเสี้ยวถามเบาๆ “คุณกินข้าวมาหรือยัง? ให้ฉันทำบะหมี่ให้สักชามไหมคะ?”
พยักหน้าๆ จิ๋นลี่ยวนเห็นด้วย ตอนที่เตรียมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่หญิงสาวด้านหลังกลับหน้าแดงรีบเดินออกไปทันที เม้มปากเล็กๆนิดหน่อยแต่กลับน่ารักเหลือเกิน
อย่างรวดเร็วกลิ่นหอมๆก็ลอยออกมาจากในห้องครัว แล้วยังมีกลิ่นของซุปไก่อีกด้วย แค่ได้กลิ่นก็ทำให้อยากอาหารมากขึ้นแล้ว
จิ๋นลี่ยวนเก็บของอยู่ครู่หนึ่งเพิ่งจะออกมาก็เห็นบะหมี่ที่กลิ่นหอมน่ากินอยู่บนโต๊ะอาหาร น้ำซุปที่เข้มข้น ผักสีเขียว แล้วยังมีเห็ดหอมฝานบางๆกี่ชิ้นด้วย มองอย่างไรก็อร่อยแน่ๆ กลืนน้ำลายเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนเดินเข้าไปยกบะหมี่ขึ้นมาแล้วเททิ้งลงไปในถังขยะ……
ในมือของยินเสี้ยวเสี้ยวยังถือตะเกียบยืนอยู่ด้านข้าง ตื่นตกใจ เหลือบตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ