Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 186 พวกเราหย่ากันเถอะ
บทที่ 186 พวกเราหย่ากันเถอะ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับสามีคุณและผู้หญิงในอ้อมกอดเขาคนนั้นที่เมืองTเหรอ”เฉิงฉิงพูดด้วยความสะใจ สายตากลับไม่ปล่อยสีหน้าท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยวให้หลุดรอดสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว“ก่อนหน้านี้ คุณหมอจิ๋นกับคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่นัดเดตกันแล้วนี่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณไม่รู้เรื่องเลยเหรอ วันนี้ก็มีข่าวออกมานะ ……”
หันหน้ามาอย่างเกร็งๆเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ชายหนุ่มที่ไม่เคยยอมปล่อยมู่เยียนหรานเลย
จู่ๆในคอก็รู้สึกขมเล็กน้อย
“ไปเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่แผนกโรคหัวใจ”จิ๋นลี่ยวนราวกับมองไม่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่ได้ยินคำพูดของเฉิงฉิงอย่างนั้น เดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับมู่เยียนหราน ที่น่าตกใจก็คือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันอึ้งตกใจไม่อยากจะเชื่อกันหมด
มู่เยียนหรานมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างร้อนใจพูดอะไรไม่ออก ความรีบร้อนที่จะอธิบายราวกับว่าถูกฉุดรั้งด้วยอาการป่วยของตนเอง จะอย่างไรก็หาโอกาสที่จะพูดคุยดีๆกับยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้เลย
“แต่ว่า……”ในที่สุดก็หลุดออกมาได้สองคำ แต่มู่เยียนหรานยังพูดไม่จบก็ถูกตัดบทเสียก่อน
“ไม่ต้องสนใจ”
คำสั้นๆง่ายๆสี่คำกระจายอยู่ในอากาศ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้แต่รู้สึกว่าการหายใจเปลี่ยนเป็นลำบากขึ้นมาเล็กน้อย
——ไม่ต้องสนใจ……
ยินเสี้ยวเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะมองตรงตรงๆไปที่ด้านหลังของจิ๋นลี่ยวน ริมฝีปากค่อยๆขยับเบาๆแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ฮาๆๆ……”เฉิงฉิงไม่ปกปิดความดีใจที่อยู่ความทุกข์คนอื่นของตนเอง หัวเราะร่าออกมา หันไปหัวเราะพลางพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวว่า“ยินเสี้ยวเสี้ยว คิดไม่ถึงเลยว่าเธอก็จะมีวันนี้นะ ต่อให้เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลยินแล้วยังไง ต่อให้มีพี่ชายที่รักเธอมากอีกคนแล้วยังไง เธอก็ลองดูว่าตนเองมีคุณสมบัติอะไร แล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่มีคุณสมบัติอะไร คุณหมอจิ๋นมองเธอตอนนี้ก็คือตาบอดแล้ว!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเฉิงฉิงแล้ว ได้แต่มองดูแผ่นหลังของจิ๋นลี่ยวน
ทันใดนั้นเอง ภายในจิตใจยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นตกใจเล็กน้อย
“ยินเสี้ยวเสี้ยว จะให้ฉันเปิดให้เธอดูมั้ย ภาพที่สามีของเธอรักเอาอกเอาใจผู้หญิงคนอื่นอย่างไร”พูดพลาง ก็ไม่ได้ให้โอกาสยินเสี้ยวเสี้ยวได้พูดเลย โทรศัพท์ก็ยื่นมาตรงหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว นั่นคือข่าวที่เธอยังอ่านไม่จบเมื่อเช้า“เห็นแล้วหรือยัง คุณหนู่ใหญ่มู่มารอคุณหมอจิ๋นที่ชั้นล่าง คุณคิดว่าใครๆก็เหมือนคุณที่ชอบมารบกวนเวลาทำงานของเขาอย่างไม่รู้กาลเทศะเหรอ คุณลองดูอีกที ตอนที่พวกเขากินไอศกรีมหวานกันขนาดไหน แม้ว่าคุณหนูใหญ่มู่จะสุขภาพไม่ดี แต่มีคุณหมอจิ๋นอยู่ดูแลข้างกาย นี่ก็ถือวว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ลองดูสิว่าพวกเขาพูดคุยกันถูกคอมากขนาดไหน……”
พอพูดไปได้สักหน่อย เฉิงฉิงก็เปิดรูปภาพหลายรูปให้เธอดู
ทั้งหมดเต็มไปด้วยภาพของพวกเขาสองคน บรรยกาศที่อบอุ่นอย่าง ……เป็นธรรมชาติ
ในทุ่ด ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังอดไม่ได้ที่ทลายการขวางกั้นของเฉิงฉิง ไล่ตามไปทางที่จิ๋นลี่ยวนและมู่เยียนหรานจากไป เฉิงฉิงที่อยู่ด้านหลังยิ่งหัวเราะก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นทุกที
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันจะรอดูเธอถูกถีบออกมาจากตระกูลจิ๋น!”
ได้ยินประโยคนี้ หัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยวยิ่งสั่นสะท้านรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ฝีเท้ากลับยิ่งวิ่งยิ่งเร็วขึ้น
ตอนแรกเธอคิดว่า เธอจะใจกว้าง ขอแค่เขาอธิบายเธอก็จะเชื่อ เดิมเธอคิดว่าจะเชื่อใจได้มาก ขอแค่เขาปฏิเสธคนเดียวก็พอ แม้ว่า เธออาจจะไม่ได้ต้องการคำอธิบายของเขา คำตอบของเขา ขอแค่พฤติกรรมของเขายังแสดงว่ายังรักเธออยู่ก็พอ แต่ว่าสิ่งที่เธอคิดไว้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแค่ ‘ความคิดของเธอ’……
……
ตอนที่ตามมาทันจิ๋นลี่ยวน เขาก็ออกมาจากแผนกโรคหัวใจพอดี ทั้งสองคนคนหนึ่งกำลังรอลิฟต์ อีกคนเพิ่งจะขึ้นลิฟต์มา
ภายในลิฟต์ภายนอกลิฟต์ เผชิญหน้ากันโดยไร้คำพูด
จิ๋นลี่ยวนมองเห็นเธอที่เห็นชัดว่ากระวนกระวายอยู่ภายในลิฟต์ ก้าวเข้าไปเมินเฉยเย็นชาเล็กน้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ข้างกายเขาเม้มริมฝีปากไม่พูดไม่จา จิ๋นลี่ยวนที่เงียบขรึมเย็นชาแบบนี้ ทำให้เธอหวาดกลัวเล็กน้อย
และเธอก็รู้สึกว่ามีบางเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และเรื่องนั้นก็ไม่อยู่ในการควบคุมของเธอ……
ตอนที่ลิฟต์มาถึงแผนกอายุรกรรม จิ๋นลี่ยวนเดินผ่านเดินผ่านข้างตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว ได้แต่พูดอย่างเรียบๆประโยคหนึ่งว่า“ยินเสี้ยวเสี้ยว พวกเราหย่ากันเถอะ”
ตกตะลึงอยู่ภายในลิฟต์ ยินเสี้ยวเสี้ยวสองตาเบิกโพลง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้
——ยินเสี้ยวเสี้ยว พวกเราหย่ากันเถอะ
เมื่อครู่ เขาพูดประโยคนี้แล้วเหรอ หรือเธอเห็นภาพลวงตา
ฝีเท้าที่คิดจะไล่ตามไปหยุดชะงัก เธอไม่ต้องไปถาม ไม่ต้องไป นั่นต้องเป็นภาพหลอนของเธอแน่นอน!
ก่อนจะแต่งงานก็เคยบอกว่าจะไม่หย่ากัน ทำไมจู่ถึงอยากจะหย่าได้ล่ะ ไม่มีทาง!
……
กลับมาเมืองไห่เมียวอย่างตกตะลึงสิ้นสติ ยินเสี้ยวเสี้ยวยังตกอยู่อาการตกใจในคำพูดนั้นตั้งสติกลับมาไม่ได้
ไถลตัวข้างประตูนั่งลงกับพื้น น้ำตาของยินเสี้ยวเสี้ยวไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ตกลง นี่มันคืออะไรกัน
เธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด……
——ยินเสี้ยวเสี้ยว พวกเราหย่ากันเถอะ
ทำไมเขาถึงเอ่ยประโยคนั้นออกมาง่ายขนาดนั้นนะ
เมื่อคืนเธอยังต้มบะหมี่ให้เขา นึ่งเกี๊ยวให้เขา ทั้งสองยังใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่ในห้องนอน แต่ทำไมวันนี้ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
พยายามคิดว่าตกลงมีตรงไหนที่ผิดพลาดไป ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ……
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ลุกขึ้นตั้งสติจัดเก็บข้าวของในบ้าน เข้าครัวทำอาหารที่จิ๋นลี่ยวนชอบกินไว้เต็มโต๊ะ แต่รอจนกระทั่งสามทุ่ม ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่กลับมา อาหารบนโต๊ะเย็นแล้วร้อน ร้อนแล้วเย็น ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่รอบ แต่คนที่ควรจะกลับมาบอกว่าก็ไม่กลับมาก็ไม่กลับมา……
กอดตุ๊กตาหมีแพนด้า ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนข้างหน้าต่างเงียบๆมองไปยังความมืดและเงียบเหงาที่ชั้นล่าง
ภายในบ้านเงียบเหงาอ้างว้าง
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดังขึ้น รีบเดินไปตอนที่มองเห็นว่าเป็นยินจื่อเจิ้นโทรมา น้ำตาแห่งความสูญเสียไหลลงมาจากหางตาอย่างไม่ปกปิด ยินเสี้ยวเสี้ยวรับสายอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด“ฮัลโหล พี่”
“เสี้ยวเสี้ยว เธอไม่เป็นอะไรนะ”ยินจื่อเจิ้นถามเบาๆ น้ำเสียงแฝงด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย
“ฉันไม่เป็นอะไร พี่คะตอนนี้ฉันกำลังอุ่นน้ำแกงอยู่ อีกเดี๋ยวโทรหาพี่นะคะ……”พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รีบตัดสายทิ้งทันที
นั่งบนโซฟา มองโทรศัพท์ในมือ เนิ่นนานก็ยังไร้ความเคลื่อนไหว จนกระทั่งน้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนโทรศัพท์
ตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นชื่อเซี่ยงเฉิงที่ด้านบนก็ตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเล แต่ว่านิสัยของเซี่ยงเฉิงอยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นมีความอดทนขึ้นมา โทรมาซ้ำๆหลายครั้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากรับสายของจิ๋นลี่ยวนจึงไม่กล้าปิดเครื่อง จึงถูกรบกวนไม่ไหว สุดท้ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนักว่า“ตกลงคุณจะทำอะไรกันแน่”
“เสี้ยวเสี้ยว พวกเราพบกันสักครั้งเถอะนะ”ในสาย เซี่ยงเฉิงพูดเพียงประโยคเดียว “ผมรู้ความลับของจิ๋นลี่ยวน”
ความลับอย่างเดียว ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบออกจากบ้าน
ภายในร้านกาแฟ แสงไฟสลัวเล็กน้อย บรรยากาศเอื่อยเฉื่อยเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศของยินเสี้ยวเสี้ยวกับเซี่ยงเฉิงกลับไม่เหมือนกับที่นี่เลย
คิ้วของทั้งสองไม่ได้คลายออกจากกันเลย สบตากันโดยไม่พูดอะไร สุดท้ายเซี่ยงเฉิงก็เป็นฝ่ายพูดก่อนว่า“เสี่ยวเสี้ยว หย่ากับจิ๋นลี่ยวนเถอะ”
เพล้ง!
ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ แม้แต่แก้วคาปูชิโน่ที่เพิ่งถูกนำมาส่งก็ยังคว่ำหก และมันก็ดึงดูดสายตาจากรอบข้างไม่น้อย
เซี่ยงเฉิงมองเธออย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งพนักงานเข้ามาเก็บกวาดแล้วนำมาเสิร์ฟใหม่อีกแก้วทั้งสองยังคงอยู่ในอิริยาบถเดิมไม่ขยับแม้แต่น้อย
“คุณพูดอะไร”ดวงตาหรี่เล็ก ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องเซี่ยงเฉิงเขม็ง
เซี่ยงเฉิงก็ไม่อ้อมค้อม พูดตามตรงว่า“เสี้ยวเสี้ยว หย่ากับจิ๋นลี่ยวน”
ได้ยินประโยคแบบนี้อีกครั้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับนิ่งเงียบไปเล็กน้อย นั่งอยู่บนเก้าอี้ถือแก้วพลางถามว่า“ทำไม”
“เขาไม่ใช่สามีของคุณ” เซี่ยงเฉิงตอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่มองยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงแฝงด้วยความเสน่หาเล็กน้อย
นับตั้งแต่ที่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของยินรั่วอวิ๋น เธอก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในใจเขา สำคัญเกินไปมากๆ มากเสียจนตัวเขาเองก็ยังคาดไม่ถึง……
“เสี้ยวเสี้ยว คุณรู้ ว่าผมไม่มีทางทำร้ายคุณ”ประโยคเดียว กลับกลายเป็นความเงียบระหว่างคนทั้งสอง
เขาไม่มีทางทำร้ายเธอหรือ
พูดในมุมบางอย่าง นี่คือความจริง……
ตอนแรกที่เขาอยู่กับยินรั่วอวิ๋น เขาโกหก ประจบเอาใจ แต่ที่ทำร้ายโดยตรงที่สุดกลับไม่มี เขาไม่เคยทุบตีเธอหรือดุเธอเลย อย่างมากก็ปฏิเสธบางสิ่งที่ผิดศีลธรรมบางเรื่องเท่านั้น ในระดับนี้จะว่าไปแล้วก็คือความจริง แต่พูดกันตามในด้านของจิตวิญญาณ เซี่ยงเฉิงทำร้ายเธอ……
ดังนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ่งอยากจะหัวเราะ
ถอนหายใจเบาๆ เซี่ยงเฉิงไม่รู้จะทำอย่างไรก็ยังพูดออกมาว่า“เสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนไม่ใช่คนธรรมดาขนาดนั้น บ้านจิ๋นเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาขนาดนั้น ผมยอมรับว่าผมยังรักคุณ แม้ว่าคุณจะเป็นภรรยาของจิ๋นลี่ยวน ผมก็ยังคงต้องการครอบครองคุณ แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ผมก็หวังให้คุณมีความสุข แต่ตอนนี้ดูแล้ว แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้……”
คิ้วค่อยๆขมวดแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวเกลียดคนที่มีความรู้สึกสับสนแบบนี้มาก
“เสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนจะทำร้ายคุณ”สุดท้าย เซี่ยงเฉิงพูดออกมาแค่ประโยคนั้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับหัวเราะเขาอย่างดูถูก มองไปยังเซี่ยงเฉิงย้อนถามว่า“เขาจะทำร้ายฉันเหรอ อย่างนั้นคุณเซี่ยงเฉิงไม่เคยทำร้ายฉันเลยเหรอ ตอนที่คุณคบอยู่กับยินรั่วอวิ๋นเคยคิดมั้ยว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บ ตอนฉันถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายอายุสี่สิบกว่า คุณทำยังไงล่ะ”
พูดพลาง ยินเสี้ยวเสี้ยวลุกขึ้นยืน เมิงเขาอย่างเย็นชา พูดว่า “เซี่ยงเฉิง ฉันจะบอกคุณให้นะ ต่อให้วันหนึ่งจิ๋นลี่ยวนทำร้ายฉัน อย่างนั้นฉันก็เต็มใจ เพียงเพราะว่าเขาเคยปกป้องฉันไว้ ในยามที่ฉันต้องการมากที่สุด!”
เซี่ยงเฉิงไม่ได้พูดอะไร บางเรื่องเขาเคยทำผิดไปแล้วตอนนี้ถูกด่าก็สมควร มองดูแผ่นหลังยินเสี้ยวเสี้ยวจากไปตาปริบๆ คิ้วขมวดแน่น ยกแก้วคาปูชิโน่ที่ยังไม่ได้แตะขึ้นมาดื่ม
เสี้ยวเสี้ยวนะเสี้ยวเสี้ยว คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาแบบนี้ ควรให้ผมทำยังไงดี
แต่คุณที่เป็นแบบนี้ กลับยิ่งทำให้ผมอยากจะครอบครองมากยิ่งขึ้น แม้ว่าคุณจะเคยเป็นภรรยาคนอื่นมาแล้ว
ข้อมูลที่ได้รับรู้มาก่อนหน้านี้แวบขึ้นในหัวของเขา ทีวีเครื่องเล็กๆด้านนอกร้านกาแฟกำลังถ่ายทอดรายการข่าวของเช้าวันนี้ ทันใดนั้นเซี่ยงเฉิงก็ยิ้มเลย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็กลับคืนสู่อ้อมกอดผมเถอะ อย่างน้อยผมก็ไม่มีทางทำร้ายคุณ……
จนกระทั่งดื่มคาปูชิโน่หมดแก้ว เซี่ยงเฉิงจึงลุกขึ้นยืนเดินจากไป
บ้านตระกูลมู่
มู่เยียนหรานยกแก้วกาแฟออกมาจากห้องครัว นั่งลงข้างๆจิ๋นลี่ยวนที่ยังคงนิ่งเงียบมาตลอด
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ จิ๋นลี่ยวนจึงยื่นมือมายกกาแฟขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง คิ้วที่ขมวดแน่นยังไม่คลายออกจากกันเลย
หย่าเหรอ
คำพูดแบบนี้ ทำไมเขาถึงได้พูดออกมาง่ายดายขนาดนั้น
ตอนแรกเขาไม่อยากทำตามความปรารถนาของเฉินหยูและซูเหนียง แต่ตอนนี้เขาขัดแย้งสับสนอย่างมาก ในแง่หนึ่งเขาสามารถหาซูเหนียงจนพบได้หากเขาหย่าร้าง ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ต้องการเผชิญกับใบหน้านั้นของยินเสี้ยวเสี้ยวแน่นอน แค่มองเห็นเขาจะหงุดหงิดไม่สบายใจ แต่ในทางกลับกันเขาไม่อยากเห็นเธอในสภาพเศร้าและเสียใจ …