Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 187 ยึดครองของคนอื่น
บทที่ 187 ยึดครองของคนอื่น
เวลานี้ เขาอยากจะถามตัวเองจริงๆว่าบ้าไปแล้วหรือยัง
ถึงได้แสดงทัศนคติที่เปลี่ยนเป็นขัดแย้งกับยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วตัวตนที่ชั่วร้ายของตนเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินหยูและซูเหนียงล่ะ
สาบสูญไม่เห็นแล้วหรือ
แต่ว่าตอนนี้ จะให้เขาไปเผชิญหน้ากับยินเสี้ยวเสี้ยวต่อเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน……
“ลี่ยวน ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนวุ่นวายแบบนี้”คิ้วสวยของมู่เยียนหรานขมวดแน่น พูดอย่างรู้สึกผิดเบาๆอยู่ด้านข้าง“หากไม่ใช่เพราะขาแพลงที่ในเมืองโบราณครั้งก่อนก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นออกมา บวกกับถ้าไม่ใช่ฉันละเลยอาการป่วยของตัวเอง อย่างนั้นก็คงไม่มีข่าวที่ปรากฏออกมาในวันนี้ ลี่ยวน ให้ฉันไปอธิบายกับเสี้ยวเสี้ยวหน่อยเถอะ”
จิ๋นลี่ยวนเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่มองกาแฟตรงหน้าอย่างเงียบๆ ขมวดคิ้วแน่น
เดาไม่ถูกว่าจิ๋นลี่ยวนกำลังคิดอะไรอยู่ มู่เยียนหรานก็ไม่กล้าพูดอะไร แต่สีหน้ากลับแฝงด้วยความวิตกกังวลเล็กน้อย
‘การนัดพบ’ครั้งก่อน ถือว่ามีประโยชน์แล้ว ในเมื่อยินเสี้ยวเสี้ยวจะเป็นภรรยาของจิ๋นลี่ยวน อย่างนั้นก็ไม่มีทางปล่อยให้เธออยู่อย่างสงบ!ถ้าเป็นไปได้เธอก็ยังอยากจะใส่ร้ายป้ายสีลงไปอีก ไม่เช่นนั้นตัวเธอเองคงรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ได้โอกาสนั้นเสียที……
“ลี่ยวน เรื่องนี้คุณย่ารู้แล้วหรือยัง”ถามด้วยเสียงแผ่วเบา มู่เยียนหรานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย“ถ้าคุณย่ารู้แล้ว จะโกรธยินเสี้ยวเสี้ยวมั้ย และฉันจะทำให้คุณย่ารู้สึกอับอายมั้ย ลี่ยวน ฉันควรจะทำยังไงดี”
ขมวดคิ้วแน่น จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ยังตั้งสติกลับมาไม่ได้
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของจิ๋นลี่ยวนก็ส่งเสียงดังขึ้น คือเก๋อเฉิงเฟยโทรมา จิ๋นลี่ยวนรับสายแล้วก็ออกจากบ้านตระกูลมู่ไป
เมื่อคืนอาการป่วยมู่เยียนหรานกำเริบ เขาจึงมารับ และตอนนี้ก็แค่ทำตามความต้องการของบ้านตระกูลมู่เท่านั้น มู่เยียนหรานไม่ชอบนอนที่ในโรงพยาบาลจึงขอร้องให้ตนมาส่งเท่านั้น แต่เรื่องนี้ต่อไปในอนาคตก็ยังจะเกิดขึ้นได้อีก เขาไม่ใส่ใจ แต่กลับไม่ได้หมายความว่าคนอื่นก็ไม่ใส่ใจ……
หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนจากไปแล้ว มู่เยียนหรานก็นังลงบนโซฟาลำพัง หรี่ตาอย่างดุดันเล็กน้อย หลังจากหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็วกดหมายเลขโทรออกแล้วสั่งว่า “ตรวจสอบยินเสี้ยวเสี้ยวให้ฉันอย่างละเอียด!”
พอหมุนตัวมู่เหยียนหรานกลับเงยหน้าขึ้นไปมอง มู่ซูว ที่นั่งอยู่บนรถเข็นชั้นบน รอยยิ้มที่มุมปากเยือกเย็น
ใบหน้าของมู่ซูว ค่อยๆซีดเผือด แต่กลับถลึงตามองกลับไปอย่างดื้อรั้น
มู่เยียนหราน ความโชคดีของหล่อนจะต้องใช้หมดลงสักวัน และสิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้มีแค่รอ!
“น้องสาวผู้แสนดีของฉัน มาทำอะไรที่นี่”มู่เยียนหรานพูดอย่างเยาะเย้ยถากถาง สายตาก้มมองลงบนขาที่ว่างเปล่าบนรถเข็นของ มู่ซูวและยิ้ม“ขานี่ก็ไม่มีแล้ว รักษาตัวอย่างว่าง่ายอยู่ในห้องดีกว่า อย่าออกมาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”
มู่ซูวเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร ผลักรถเข็นกลับห้องของตนเอง
ภายในห้องรับแขกคือเสียงหัวเราะเยาะอย่างหยิ่งทระนงของมู่เยียนหราน สักวัน เธอจะต้องให้มู่เยียนหรานลิ้มรสการตายทั้งเป็น!
จิ๋นลี่ยวนออกจากบ้านตระกูลมู่ก็ตรงไปที่คอนโดเล็กๆของเก๋อเฉิงเฟยที่เมืองT ตอนที่เห็นจิ๋นลี่ยวนมาปรากฏตัวต่อหน้าของตนเองนั้น เก๋อเฉิงเฟยถึงกับผงะไปชั่วขณะแต่กลับหันไปด้านข้าง
ในห้องรับแขก จิ๋นลี่ยวนนั่งอยู่อย่างเงียบๆไม่พูดไม่จา
“คุณชาย สืบเรื่องได้ความกระจ่างชัดแล้วครับ……”เก๋อเฉิงเฟยหยิบเอาถุงกระดาษคราฟต์ในห้องหนังสืออกมาหนึ่งชุด วางตรงหน้าเขาเบาๆ หลังจากนั้นพักใหญ่จึงเริ่มอธิบาย แต่เมื่อพูดถึงคำว่า‘คุณนายน้อยสาม’ก็มองเห็นจิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วแน่นขึ้นจึงได้รีบเปลี่ยน คุณนายน้อยสามเธอ……คุณหนูยินเธอถูกยินไป่ฝันอุ้มกลับมาที่บ้านตระกูลยินเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุสองเดือน และสามีของยินไป่ฝันก็เพิ่งเสียชีวิตไปได้สองเดือน ก่อนหน้านี้ซูเหนียงเป็นสาวใช้ที่บ้านตระกูลมู่มาตลอด สามีของเธอเองก็ติดเหล้าและการพนัน ไม่ว่าเธอจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้บางครั้งยังถูกทุบตี ต่อมาซูเหนียงก็มีชู้แล้ว……ผู้ชายคนนั้นเป็นใครไม่รู้ รู้แต่ว่าหลังจากนั้นสิบเดือนเธอก็คลอดลูกสาวหนึ่งคน……”
สำหรับอดีตของซูเหนียง แน่นอนว่าจิ๋นลี่ยวนสืบมาแล้ว แต่ก็มีบางอย่างที่ยังสืบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเขาใช้กำลังคนเท่าไหร่เงินทองเยอะขนาดไหนก็ไม่สามารถสืบรู้ได้ สามีของซูเหนียงเป็นใครจนกระทั่งวันนี้ยี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังไม่รู้
“ตอนที่คุณหนูยินถูกอุ้มเข้ามาที่บ้านตระกูลยินนั้นดูเหมือนว่ายินไป่ฝันจะถูกบีบบังคับจนไร้ซึ่งหนทาง ไม่รู้ว่าซูเหนียงพูดอะไรกับยินไป่ฝัน เดิมคุณหนูใหญ่ที่คุณผู้หญิงตระกูลยินเป็นผู้ให้กำเนิดถูกอุ้มไป คุณหนูยิน ……”เสียงของเก๋อเฉิงเฟยแผ่วเบา ได้ยินคำพูดของเขาก็เหมือนกับกำลังฟังนิทานเรื่องหนึ่ง“เธอกลายเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลยิน แต่คุณหนูใหญ่ที่แท้จริงของตระกูลยินกลับไม่รู้ว่าหายสาบสูญไปอยู่ที่ไหนแล้ว และก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงของตระกูลยิน ยินไป่ฝันก็ได้นอกใจหลี่หมึ้งแล้ว กระทั่งคลอดยินจื่อเจิ้นที่อายุกมากกว่าลูกของคุณผู้หญิงตระกูลยิน และสถานะของคุณหนูยินที่บ้านตระกูลยินก็เปลี่ยนเป็นน่าอึดอัดอย่างมากทั้งตระกูลยินต่างก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนตระกูลยิน แต่ไม่รู้ทำไม จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่มีใครออกมาพูดอะไรเลยสักคำ……”
คิ้วขมวดแน่น จิ๋นลี่ยวนไม่ชอบเรื่องแบบนี้มาก
เข้ามายึดครองบ้านของคนอื่น เข้ามายึดครอง?
เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตน
เวลานี้ เขาแทบไม่ได้คิดเลยว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนั้นมีอายุเพียงแค่สองเดือน ตอนนี้แม้แต่ใครก็ไม่รู้จัก อยู่ในวัยที่ได้แต่ร้องไห้มีสิทธิ์เลือกอะไรด้วยหรือ
เธอมาแทนที่คนอื่น แต่ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวังทั้งหมด!
ในสายตาของจิ๋นลี่ยวนที่มีอคติในตอนนี้ ได้แต่รู้สึกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวนั้นหน้าด้านไร้ยางอาย
เก๋อเฉิงเฟยอ้าปากอึกๆอักๆไม่ได้พูดความคิดของเขาออกมา เด็กอายุสองเดือนคนหนึ่ง เธอจะไปรู้เรื่องอะไร
“ผมตรวจสอบมาแล้ว เฉินหยูเป็นลูกชายของซูเหนียงแน่นอน แต่หลายปีมานี้กลับไม่มีการปรากฏตัวของ‘พี่สาว’ผู้ที่เป็นคุณหนูตระกูลยินที่แท้จริงไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ยินไป่ฝันไม่กล้าทำร้ายยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างส่งเดชได้ หากยินเสี้ยวเสี้ยวตาย ลูกสาวที่ระหกระเหินอยู่ข้างนอกก็อาจจะไม่เหลือแล้ว”เก๋อเฉิงเฟยวิเคราะห์ไปตามข้อมูล กลับรู้สึกว่ายินไป่ฝันมีความลับอะไรบางอย่างอยู่ในมือของซูเหนียง กลับไม่รู้ว่าคืออะไร“อีกอย่าง ตอนนั้นที่ซูเหนียงเป็นคนรับใช่อยู่ที่บ้านตระกูลยินไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ลงมือกับจื่อผู่หยางที่กำลังตั้งท้องอยู่ อาการป่วยของมู่เยียนหรานก็นำมาจากร่างกายของผู้เป็นแม่ และรอจนถึงมู่ซูว ซูเหนียงก็จากไปแล้ว……”
เม้มปากเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนยังคงไม่พูดอะไร
อาการป่วยของมู่เยียนหรานเห็นชัดว่าเกิดจากอะไร แต่ว่าจนถึงปัจจุบันพอได้ฟังพฤติกรรมเลวร้ายมากมายของซูเหนียงเขายังรู้สึกอดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวไปให้บทเรียนอย่างรุนแรงแก่เธอสักครั้ง!
ผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ยึดมั่นถือมั่นคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ชั่วร้ายสามารถทำได้ถึงขนาดนี้!
ทำลายชีวิตของมู่เยียนหราน ทำลายชีวิตของจื่อผู่หยาง ทำลายชีวิตของมู่หลง แม้กระทั่งเพราะทำลายมู่เยียนหรานผู้มีอนาคตที่ดีของตระกูลมู่นำมาซึ่งความพินาศของทั้งตระกูลมู่ ได้แค่พอที่จะยืดอายุร่มโพธิ์ร่มไทรอย่างคุณปู่มู่มู่กั๋วเจิ้งสลับหงส์กับมังกรเอาลูกสาวของตนเองไปไว้ในครอบครัวเล็กๆอย่างตระกูลยินอย่างนี้ ตระกูลมู่และตระกูลจิ๋นจะอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่าซูเหนียงจะกล้าขนาดนี้ ถึงขั้นกล้าทำเรื่องใหญ่แบบนั้น นำตัวคุณหนูตระกูลยินที่แท้จริงไปไม่พูด และยังเอาลูกของตนเองไปเป็นคุณหนูผู้ดีแทน ตอนนี้คุณหนูที่แท้จริงของตระกูลยินคนนั้นคงต้องเจอแต่เรื่องทุกข์ยากลำบากมากกว่าจะโชคดี……
ตอนแรกจิ๋นลี่ยวนสามารถมองเรื่องนี้เป็นนิทานเรื่องหนึ่งได้ แต่มือของซูเหนียงก็ยื่นมาถึงพ่อแม่ของตนเอง……
พ่อแม่เขาเป็นคนซื่อตรง แม้จะมีแผนการแต่ก็ไม่เคยคิดทำร้ายใคร แต่ซูเหนียงก็ยังจะมาลงมือกับพวกเขาจนได้!
หลังจากที่เขาถูกพามาที่ตระกูลจิ๋น พ่อแม่ของเขาแอบมาเยี่ยมเขาแล้วเตรียมจะจากไปนั้นเอง เครื่องบินก็เกิดเรื่องขึ้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะซูเหนียงหลอกล่อเจ้าหน้าที่สนามบินเปลี่ยนนำสิ่งของต้องห้ามไว้บนเครื่องบิน หลังจากเครื่องบินขึ้นแล้ว วัตถุไวไฟที่วางอยู่ข้างสถานที่ที่ร้อนจัดจะติดไฟได้เอง……
ตลอดมาซูเหนียงคงคิดไม่ถึง แม้แต่คนที่ไม่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ก็คงคิดไม่ถึง
ตอนที่จิ๋นลี่ยวนยังเด็กมากแม้จะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ตอนที่เขามองเห็น ’คุณอาคุณน้า’ คู่นั้นยิ้มบางๆให้กับตนเอง ขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ตอนแรกเขายังอยากจะยื่นมือออกไปจับเครื่องบินที่ยิ่งเล็กลงขึ้นเรื่อยๆอย่างซุกซน แต่เพียงชั่วพริบตาตัวเครื่องบินสีขาวก็กลายเป็นผืนทะเลเพลิง ทั้งท้องฟ้าเหมือนจะถูกย้อมให้เป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่ง!
นับจากตอนนั้นความทรงจำแบบนี้ก็ฝังลึกลงไปในสมองของเขา
คนอย่างนี้ เขาจะลืมได้อย่างไร จะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร
ความเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาคู่สวย จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกมารับเอกสารจากเก๋อเฉิงเฟิง
——ผลการตรวจร่างกายของยินเสี้ยวเสี้ยว
ครั้งก่อนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมาโรงพยาบาล เขาให้เธอไปตรวจความสมบูรณ์ของสภาพร่างกายเพราะเกรงว่าเธอจะรับความเจ็บปวดจากการตั้งครรภ์ไม่ไหว แต่ตอนนี้ผลการตรวจร่างกายที่เป็นปกติดีชุดนั้นราวกับเป็นการหัวเราะเยาะเขาที่นอนอยู่เงียบๆตรงนั้น!
คิ้วขมวดแน่น จิ๋นลี่ยวนลุกขึ้นยืนหยิบผลการตรวจแล้วก็เดินจากไป เก๋อเฉิงเฟิงที่อยู่ด้านหลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเลไม่ได้พูดออกมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนมองความเคลื่อนไหวของด้านล่างอยู่ข้างหน้าต่าง ในมือกุมแก้วน้ำที่เย็นไปนานแล้ว ตอนที่เห็นรถเรนจ์โรเวอร์คันที่คุ้นตาขับมานั้น ใจของเธอก็เต้นลิงโลด
เขา กลับมาแล้ว……
กระวนกระวายเล็กน้อย ดีใจนิดหน่อย ช่วงเวลานั้นเธอไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร
จนกระทั่งจิ๋นลี่ยวนเปิดประตูเดินเข้ามา แม้แต่รองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ทิ้งเอกสารลงต่อหน้าเธอ ขมวดคิ้วมองมาที่เธอ พักใหญ่จึงพูดว่า“ยินเสี้ยวเสี้ยว พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าไปเจอกันที่สำนักงานกิจการพลเรือน
สำนักงานกิจการพลเรือนหรือ
สามคำทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวตกใจจนหน้าซีดเผือด……
สถานที่แห่งนั้นนอกจากจดทะเบียนสมรสก็ต้องจดทะเบียนหย่า พวกเขาแต่งงานกันนานแล้วอย่างนั้นถ้าไปตอนนี้ก็มีแค่จดทะเบียนหย่า!
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็หมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป บนใบหน้าที่หล่อเหลามีความอึดอัดรำคาญฉายอยู่ ยื่นมือออกมาคลายเนคไทของตนเองอย่างกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ทันในนั้น แขนก็มีคนจับเอาไว้แน่น
“ลี่ยวน……”น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย น้ำตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะกลัว“คุณอย่าทำแบบนี้ คุณทำฉันตกใจแล้ว……”
ใช่ เขาทำเธอตกใจแล้ว……
ทั้งสองคนดีๆกันอยู่แท้ๆ แต่ทำไมอยู่ๆก็จะหย่ากัน ใครจะไม่ตกใจบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นจิ๋นลี่ยวนยังไม่มีที่มาที่ไปแบบนี้ ไม่มีแม้แต่เหตุผลสักข้อบอกเธอก็จะหย่ากัน
สัมผัสแห่งความนุ่มนวลเปล่งประกายในหัวใจ ลูกกระเดือกของเขาขยับเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนก็ดึงแขนออกอย่างไม่สนใจเธอ หันกลับมาและเข้าไปในห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าของเขา
ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบพรวดพราดเข้าไป เห็นเขาถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กเตรียมจะจากไปก็ปิดประตูด้านหลังอย่างแรงและถามอย่างไม่มีสติว่า
“ทำไม ทำไมต้องหย่ากัน พวกเราไม่ได้มีความสุขกันดีเหรอ ตกลงว่ามันผิดพลาด……ที่ตรงไหน