Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 197 ระเบิดอย่างรวดเร็ว
บทที่ 197 ระเบิดอย่างรวดเร็ว
มู่เยียนหรานที่อยู่ในรถนั้นกำลังจะหมดสติ ทำได้เพียงเหลือบตามองใบหน้าของคนคุ้นเคยที่อยู่ด้านนอก เธอกลับรู้สึกว่าตอนนี้เสียงที่เขากำลังได้ยินนั้นมันพร่ามัวไปหมด
คนขับรถที่อยู่แถวนั้นก็ลงมารถมาช่วยกัน ไม่นานนักก็มีตำรวจมา ณ ที่เกิดเหตุ เนื่องจากรถพยาบาลไม่สามารถเข้ามาได้ จิ๋นลี่ยวนทำได้เพียงอุ้มร่างของมู่เยียนหรานออกมาแล้วไปยังรถของตัวเอง เขาทำการรักษาบาด และปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นก็รีบขับรถไปที่โรงพยาบาล ที่ด้านหน้าก็รถมอเตอร์ไซด์ของตำรวจนำทางข้างหน้า เพื่อเปิดเส้นทาง ตลอดเส้นทางนั้นเป็นที่สังเกตของผู้คน ถึงขนาดที่มีผู้คนขเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้สังเกตเห็นคนเหล่านั้น และถึงแม้จะมาสนใจในตอนนี้ก็คงไม่มีเวลาไปจัดการ
บาดแผลของมู่เยียนหรานนั้นอยู่ตรงศีรษะ ไม่เล็กและไม่ใหญ่ และยิ่งเส้นทางที่เธอออกมานั้นคือการเดินทางมาจากบ้านจิ๋น ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็เกี่ยวข้องกับบ้านจิ๋นทั้งนั้น ไม่ว่าจะมองมาจากทางด้านไหนเขาก็ไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด!
ระหว่างทางนั้นมีเสียงไซเรนดังตลอด รถคันอื่นๆก็ให้ทาง ช่างเป็นภาพที่งดงามตระการตาจริงๆ……
แต่ไม่นานนักข่าวนี้ก็ถูกนักข่าวโพสต์ไปในโลกออนไลน์
——พวกเธอรู้หรือเปล่า?คุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นกับคุณมู่เยียนหรานเกิดอุบัติเหตุรถยนต์!
——ฉันเห็นเองกับตา คุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลมู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณชายสามโกรธหนักมากจนเอ่ยปากด่าตำรวจอย่างน่าหวาดกลัว
——ฉันยังเห็นคุณชายสามอุ้มคุณมู่เยียนหรานไปส่งที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองเลยนะ เห็นแล้วขัดหูขัดตาชะมัด
——ฉันเดาว่าถ้านี่เป็นภรรยาของคุณชายสามเกิดอุบัติเหตุล่ะก็ คุณชายสามก็คงอยู่ข้างๆเช่นกัน?
——แต่ว่า….ได้ข่าวมาว่าพวกเขากำลังมีปัญหากันถึงขั้นที่จะหย่าร้างกันเลยไม่ใช่เหรอ?
……
ในโลกออนไลน์ผู้คนมากมายไม่หยุดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่ไม่นานก็มีคนถกประเด็นเรื่องของยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมา
——ได้ยินมาว่าผู้คนนี้เป็นผู้หญิงที่ชอบทำตัวง่ายๆ!
——นี่มันเรื่องจริงชัดๆ ในตอนนั้นฉันแค่ยื่นเงินออกไปหมื่นกว่าๆก็ยอมนอนกับฉันแล้ว
——หมื่นกว่าๆก็สามารถซื้อตัวเธอได้แล้วเหรอ ราคาแบบนี้ตอนนี้ก็นับว่าไม่แพงแล้วนะ!
——ตอนไหนเหรอ โคแก่ก็คงอยากลองกินหญ้าอ่อนแบบนี้บ้างหรือเหล่านะ?
——เมียน้อยประเภทนี้ สมควรแล้วที่โดนคนอื่นด่า และโดนย่ำยี ถ้าเธอไม่ทำตัวใจง่ายเอง ใครจะมาว่าเธอได้?
——คุณมู่เยียนหรานนี่ช่างโชคร้ายจริงๆ!
……
ในตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำ หลังจากที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย เธอก็พบว่ามีสายโทรศัพท์โทรเข้าหลายสายที่เธอไม่ได้รับ มีทั้งถาวหยี ต๋งไข และยังมียินจื่อเจิ้นอีกด้วย…….
ในช่วงจังหวะแรกยินเสี้ยวเสี้ยวต่อสายโทรศัพท์โทรหาถาวหยี เสียงของอีกฝั่งนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ยินเสี้ยวเสี้ยว เกิดเรื่องแล้ว! เธอเป็นประเด็นอีกแล้ว! มู่เยียนหรานเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ เธอโดนเอี่ยวไปด้วยแล้ว!”หลังจากที่ถาวหยีพูดเสร็จ น้ำเสียงเธอก็ค่อยๆสงบลงเล็กน้อย “ยินเสี้ยวเสี้ยวเธอลองดูสถานการณ์เอานะ แล้วก็ใจเย็นๆนะ!”
ครั้งนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไม่พูดอะไร ทำแค่เพียงตอบตกลงเบาๆ จากนั้นก็ตัดวางสายโทรศัพท์ ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก เป็นสายโทรศัพท์ของต๋งไข แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้รับสาย หลังจากที่สายตัดไป ยินจื่อเจิ้นก็โทรมา เธอก็ไม่รับสายเช่นกัน……
ห้องนอนที่ว่างเปล่ามีเพียงเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย แต่ดูเหมือนว่ายิ้นเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ได้อะไรเลย
ผ่านไปสักพักหนึ่งยินเสี้ยวเสี้ยวก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมา
ในโลกออนไลน์นั้นมีคนมากมายกำลังวิจารณ์อย่างบ้าคลั่ง บางคนมองว่าเป็นเรื่องอยุติธรรมสำหรับเธอ บางคนมองว่าเป็นเรื่องต่ำตมและดูถูกดูแคลนเธอ
เมื่อได้เห็นข่าวเหล่านั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็แสยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
ดูเหมือนว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่ที่เธอนั้นแต่งงานเข้ามาในตระกูลจื๋น เธอแทบจะคุ้นเคยเสียแล้ว เธอไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยเสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับความตื่นตระหนกในตอนแรกของถาวหยี เธอกลับนิ่งสงบเป็นพิเศษ
ค่อยๆเลื่อนปลายนิ้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเห็นรูปภาพมากมาย ก็ไม่ถึงกับชัดเจนมาก แต่ทุกรูปนั้นก็เป็นรูปที่จิ๋นลี่ยวนกำลังอุ้มมู่เยียนหรานเอาไว้ และรีบมุ่งตรงไปที่รถ และยังมีรูปภาพที่เขานั้นทำแผลให้หล่อนอย่างตั้งอกตั้งใจ และรูปที่เขาค่อยๆขับรถออกไป……
รูปภาพแต่ละใบมันกรีดไปที่หัวใจของเธอ
นั่นสิ ถ้าหากว่าคนๆนั้นเป็นตัวเธอเอง เขาคงไม่ออกตัวขนาดนี้หรอก
เขาปิดแท็บเล็ท ยินเสี้ยวเสี้ยวปิดตาลงนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาอย่างสงบ
ทำราวกับว่าเธอไม่ได้คิดที่จัดการอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย
โรงพยาบาลหนันหยู
เมื่อได้รับข่าวสารนักข่าวก็รับพากันแห่มาที่โรงพยาบาลเพื่อทำข่าว และบวกกับข่าวที่จิ๋นยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวจะหย่าร้างกันนั้น นักข่าวก็ยิ่งให้ความสนใจแบบคูณสอง แต่ทุกคนก็ยืนอยู่แค่ที่หน้าประตู ไม่มีใครกล้าเข้าไป เมื่อเห็นรถยนต์แลนด์โรเวอร์ขับเข้ามา ผู้คนก็เบียดเสียดกันไปหมด !
คณะแพทย์ของโรงพยาบาลหนันหยูเมื่อได้ยินข่าวก็รีบจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม จิ๋นลี่ยวนอุ้มมู่เยียนหรานลงมาจากรถ มีพยาบาลเข็นเตียงมารับ เมื่อรอจนมู่เยียนหรานเข้าไปในโรงพยาบาล จิ๋นลี่ยวนก็ถูกห้อมล้อมเสียแล้ว
——คุณชายสามคะ ขอสอบถามหน่อยค่ะ ทำไมคุณถึงแต่งงานกับผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมียน้อยอย่างคุณยินเสี้ยวเสี้ยวคะ?
——คุณชายสามคะ คุณยินเสี้ยวเสี้ยวมีสิทธิ์อะไรถึงได้แต่งงานเข้าไปในตระกูลจิ๋นคะ?
——คุณชายสามคะ ขอสอบถามหน่อยค่ะ ตอนนี้วางแผนที่จะอยู่ร่วมกันกับคุณมู่เยียนหรานแล้วใช่ไหมคะ?ความสัมพันธ์ของพวกคุณนั้นไปถึงระดับไหนแล้วคะ?
——คุณชายสามคะ เมื่อไหร่คุณจะหย่ากันกับคุณมู่เยียนหรานค่ะ?หรือว่าหย่ากัน?
……
ทุกคำถามนั้นให้จิ๋นลี่ยวนต้องขมวดคิ้ว
เมียน้อยอย่างนั้นเหรอ?
ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นเมียน้อย
ริมฝีปากของเขายิ้มออกมาอย่างเย็นชา แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จิ๋นลี่ยวนไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเรื่องพวกนี้ เขาทำสีหน้าเย็นชาและเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ปล่อยให้คนเหล่านั้นยืนครุ่นคิดด้วยความมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น!
ที่ห้องฉุกเฉินนั้นมีทั้งแพทย์ด้านสมองและแพทย์ด้านหัวใจที่การตรวจเช็คมู่เยียนหราน
โชคดีที่นอกจากบาดแผลที่หัวนั้นก็ไม่มีที่อื่นที่ได้รับบาดเจ็บ อีกอย่างบาดแผลก็ไม่ได้ลึกมาก ถุงลมนิรภัยป้องกันเธอไว้ได้เยอะมาก หัวใจก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพียงศีรษะของเธอนั้นถูกกระทบและมีเลือดไหลออกมา เลยทำให้เธอนั้นอ่อนแรง ถึงแม้จิ๋นลี่ยวนจะเป็นหมอ แต่เขานั้นไม่มีเครื่องมือใดๆ เมื่อตอนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าหัวใจและสมองของเธอนั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างปลอดภัย จิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เมื่อจื่อผู่หยางและมู่หลงได้รับข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อรู้มู่เยียนหรานไม่ได้เป็นอะไรมาก พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ แต่ในใจก็ยังมีคำพร่ำบ่นอยู่มากมาย แต่แค่ไม่ได้แสดงออกมา
จิ๋นลี่ยวนจากไปหลังจากที่ได้รับสายของเก๋อเฉิงเฟย ปล่อยให้จื่อผู่หยางและมู่หลงรอมู่เยียนหรานฟื้นขึ้นมา
แต่ไม่นานนักมู่เยียนหรานก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา เธอยังคงรู้สึกเจ็บที่หัวเล็กน้อย แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่เมื่อไม่ได้พบกับคนที่ตัวเองคิดเอาไว้ มู่เยียนหรานก็รู้สึกผิดหวังไม่ใช่น้อยเลย
“มู่เยียนหราน เธอทำให้แม่ตกใจมากๆเลยนะ จะใครแบบเธออีกที่วันๆเอาแต่ทำให้พ่อแม่เป็นห่วง หัวใจจะวาย!”จื่อผู่หยางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ในมือนั้นก็ปลอกแอปเปิลให้มู่เยียนหรานไปด้วย “ให้ฉันพูดหน่อยเถอะนะ ยัยยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นตัวซวย ตัวปัญหาจริงๆ เธอดูสิ ใครบ้างที่ไปยุ่งกับหล่อนแล้วไม่เกิดเรื่อง? เธอไปบ้านของตระกูลจิ๋วก็เกิดเรื่องแล้ว! คนแบบนี้มีอะไรดีตรงไหนเหรอ? ไร้ประโยชน์สิ้นดี!เลี้ยงคนแบบนี้ก็เหมือนเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
มู่เยียนหรานหรี่ตาเล็กน้อย และไม่พูดอะไรออกมา
ก่อนที่รถจะคว่ำ เธอจำได้เพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น
เรื่องแรกคือจิ๋นลี่ยวนเป็นคนช่วยเธอ อีกเรื่องคนคนสามคนของพญายม
“นังยินเสี้ยวเสี้ยวคนนี้ คนที่ตระกูลจิ๋นก็ไม่มีใครต้องการเธอแล้ว ทำไมถึงยังไม่รีบหย่าอีกนะ จะอยู่เป็นเสี้ยนหนามทำไม ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างเหรอ?” จื่อผู่หยางนับวันยิ่งไม่ชอบยินเสี้ยวเสี้ยวมากขึ้นทุกที เพียงแค่พูดถึงชื่อหล่อน เธอก็รู้สึกอยากจะไล่ให้หล่อนไปตาย “ที่แท้คนในตระกูลยินนั้นก็มีแต่คนหน้าด้าน เพราะยินรั่วอวิ๋นก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เพราะเพื่อเงินและฐานะอันร่ำรวย แม้กระทั่งลูกตัวเองก็ไม่เอา นี่มันคนตระกูลเดียวกันจริงๆหรือเปล่า!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นเหรอ? ลูกนั้นเหรอ?
มู่เยียนหรานหรี่จาลงและครุ่นคิดอย่างละเอียด หลังจากสิ่งที่จื่อผู่หยางพูดนั้น เธอก็ได้ยินอะไรไม่ชัดเจนแล้ว เพียงแค่ตอนนี้เธอคิดวิธีอะไรดีๆออกแล้ว
ไหนๆพญายมมันก็ต้องการคน แล้วทำไมเธอถึงไม่เอาคนที่เธอเกลียดมอบให้กับเขาล่ะ?
แบบนี้นอกจากเธอจะได้ความโปรดปรานจากพญายมแล้ว เธอก็ยังสามารถจำกัดคนที่เธอเกลียดให้ออกไปจากโลกนี้ได้ และคนที่ลงมือทำก็ไม่ใช่ตัวเธอ เธอก็เป็นแค่สะพานเชื่อมเท่านั้นเอง โอกาสมาถึงที่แล้วทำไมไม่รีบคว้าเอาไว้ล่ะ?
ดูจากท่าแล้ว ก่อนหน้านั้นเธอคงใจดีและมีเมตตามากเกินไป
ที่แสยะยิ้มที่มุมปาก อยู่ๆมู่เยียนหรานก็รู้สึกขอบคุณเหตุการณ์รถคว่ำในครั้งนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เก็บเกี่ยวจากเรื่องนี้!
หลังจากที่จื่อผู่หยางและมู่หลงกลับไป มู่เยียนหรานก็รีบต่อสายโทรศัพท์หาคนของตัวเอง “สืบเรื่องของยินเสี้ยวเสี้ยวใช้ชัดเจน ดูด้วยว่าเธอนั้นมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า แล้วก็เด็กกำพร้ามาอีกสองคนนะ ดีที่สุดคือเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ตรวจสอบให้ชัดเจนเช่นกัน ได้ผลยังไงรายงานฉันด้วย”
คนฝั่งนั้นเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบไปทำตามที่บอกทันที ส่วนมู่เยียนหรานนั้นกลับยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
ห้องชุดของจิ๋นลียวน ณ‘ฉือซานเย่‘
มีทั้งเส้นสีแดงและเส้นสีเขียวปรากฏที่หน้าจอเต็มไปหมด เขียนรายชื่อของบริษัทเต็มไปหมด ส่วนจิ๋นลียวนนั้นก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ที่ด้านหน้ามีคอมพิวเตอร์ถึงสามเครื่อง บนหน้าจอก็อัดแน่นไปด้วยตัวหนังสือที่เป็นแถบๆ เธอภาพที่ทำให้รู้สึกปวดหัวเมื่อได้มอง แต่จิ๋นลียวนกลับมองด้วยความตั้งอกตั้งใจ
เก๋อเฉิงเฟยและเฉินผูลี่ยินอยู่ข้างๆและพูดออกมาเป็นครั้งเป็นคราว แต่ก็ได้เข้าใจบริษัทอื่นมากนัก
ทั้งห้องนั้นเงียบไปหมด มีเพียงแค่เสียงคลิกเมาส์เท่านั้น
จากนั้นสักพักหนึ่ง อยู่ๆก็มีเสียงประตูเคาะห้องดังขึ้น เก๋อเฉิงเฟยขมวดคิ้วและมองไปที่จิ๋นลียวน เดินไปประตูอย่างระมัดระวัง กำลังจะเดินออกไปเพื่อตักเตือนคนเคาะประตู “ฉันเคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลาที่ฉันกำลังอยู่ในห้องนี้! พวกนายจำไว้ที่ส่วนไหนของสมอง!“
เมื่อพนักงานได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความกลัว และรีบเปิดปากพูด “คุณผู้จัดการเก๋อเฉิงเฟยครับ ข่าวในโลกออนไลน์ตอนนี้มันเริ่มจะเกินเลยขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ ถึงขั้นที่จะมีคนไปที่มหาวิทยาลัยT เพื่อตามหาภรรยาที่เป็นมือที่สาม เพื่อคุกคามเธอและตามสนับสนุนซื้อตัวเธอ! ตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่มหาวิทยาลัยT แต่ที่บ้านยินแต่รวมถึงบริษัทจื่อยินด้วย ผู้คนต่างไปที่นั่น ต่างเป็นพวกมีเงินแต่ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ต่างเอาแต่พูดว่าคุณนายน้อยสามนั้นสวยงาม ต้องการตัวเธอเพื่อ…….“
ประโยคหลังจากนั้นพนักงานไม่กล้าพูดต่อ แต่ตอนนี้ในโลกออนไลน์มันดุเดือดมากจริงๆ หากปล่อยแบบนี้ต่อไปยินเสี้ยวเสี้ยวคงถูกคุกคามจนยับเยิน เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและไม่จัดการอะไรก็ไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นเก๋อเฉิงเฟยก็ขมวดคิ้วด้วยความตกใจ
เก๋อเฉิงเฟยหันไปเหลือบมองประตูที่ปิดอยู่โดยไม่รู้ตัว
ข่าวที่คุณชายสามและยินเสี้ยวเสี้ยวจะหย่าร้างกันนั้นเราก็รู้ข่าว และก็รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร ในมุมมองของเขาเรื่องของการหย่านั้น ไม่ว่ายังไงก็คงต้องหย่า แต่ไม่รู้ว่าถ้าคุณชายสามได้ยินเรื่องนี้จะทำอย่างไร จะยื่นมือเข้าไปช่วยหรือไม่?หรือจะเพิ่มเติมเชื้อเพลิงเข้าไป ในตอนนั้นแม้กระทั่งเก๋อเฉิงเฟยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง
ในที่สุดก็ยอมให้พนักงานคนนั้นเข้ามาที่ห้องด้วยความเงียบ เมื่อได้เห็นจิ๋นลี่ยวนที่กำลังขะมักเขม้นในการทำงาน ก็ไม่กล้าเปิดปากพูด