Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 203 คุณชายสามจิ๋น
บทที่ 203 คุณชายสามจิ๋น
ข่าวการหย่าร้างของจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองTตั้งแต่แรก คุณย่าจิ๋นโทรศัพท์สองสาย สายหนึ่งโทรหายินเสี้ยวเสี้ยว สายหนึ่งโทรหาจิ๋นลี่ยวน คนทั้งสองเพิ่งจะหย่าร้างกันหลังจากหย่าแล้วก็มาพบกันครั้งแรกที่คฤหาสน์จิ๋น
คุณย่านั่งอยู่ในห้องรับแขก คิ้วขมวดแน่นเป็นปม โทรศัพท์ในบ้านดังต่อเนื่องไม่หยุด แม้แต่หยูเจียห้วย จิ๋นหยวนเฟิง แม้แต่ทรศัพท์ของจิ๋นลี่โป๋และจิ๋นลี่หยาวก็ล้วนดังไม่หยุด บ้านที่เคยสงบเงียบวันนี้กลับคึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรเสียงดัง กลัวว่าจะยิ่งทำความไม่พอใจให้คุณย่า
ตอนที่จิ๋นลี่ยวนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลจิ๋น มีรถแท็กซี่คันหนึ่งตามมาตลอดอยู่ด้านหลังเขา ในตอนแรกเขายังไม่ทันสังเกต แต่เมื่อเขาลงจากรถ กลับรู้สึกว่าตัวแข็งเกร็ง
คนบนรถ คือยินเสี้ยวเสี้ยว
หลังจากหย่าแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ขับรถไม่เป็น จะมาที่คฤหาสน์ตระกูลจิ๋นก็ต้องนั่งแท็กซี่มา
สายตามองไปยังเบาะนั่งข้างคนขับของแท็กซี่ที่อยู่ด้านหลัง ดวงตาเรียวเล็กปลายชี้เต็มไปด้วยความเศร้าหมองที่ไม่จางหายไป
เสี้ยวเสี้ยวของเขา ไร้เดียงสาและจิตใจดี แต่ก็ต้องมาพบเขา……
มองรถแท็กซี่คันนั้นที่ถูกประตูใหญ่ของตระกูลจิ๋นกั้นเอาไว้ด้านนอกประตู เรนจ์โรเวอร์ขับไปบนถนนกว้างด้วยความเร็วคงที่ แท็กซี่ที่อยู่ข้างหลังดูเหมือนจะตามมาอย่างไม่เร่งรีบอยู่อย่างนั้น แต่ต่อให้ถนนจะยาวสักแค่ไหนก็ต้องมีวันหนึ่งที่มาถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อรถเรนจ์โรเวอร์จอดในที่จอดรถในคฤหาสน์จิ๋น จิ๋นลี่ยวนสองมือจับพวงมาลัยแน่น มองไปที่รถแท็กซี่ที่เลี้ยวออกไปข้างประตูบ้าน ยินเสี้ยวเสี้ยวหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมากำลังจ่ายเงิน
อธิบายอะไรไม่ได้ จิ๋นลี่ยวนจู่ๆก็รู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนชั่วช้าสารเลวคนหนึ่ง!
จ่ายเงินเสร็จ หลังจากยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยขอบคุณด้วยเสียงเบาๆแล้วสูดลมหายใจแรงๆจากนั้นก็หมุนตัวมา แต่กลับไม่ขยับ
เธอรู้รถเรนจ์โรเวอร์ขับอยู่ด้านหน้าเธอมาตลอด เธอเองก็รู้ว่าคนที่อยู่บนรถก็คือจิ๋นลี่ยวน อดีตสามีของเธอ
คนหนึ่งอยู่บนรถ อีกคนอยู่นอกรถ มีระยะห่างระหว่างกัน แต่พวกเขาก็เหมือนกับมองเห็นอีกฝ่ายที่ไม่ขยับเขยื้อน หลังจากนั้นพักใหญ่ จิ๋นลี่ยวนก็ลงจากรถ ยืนอยู่ข้างรถเรนจ์โรเวอร์มองดูเธอก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว
จากแรกเริ่มก็เป็นแบบนี้ ฝ่ายที่เดินเข้าหาล้วนเป็นยินเสี้ยวเสี้ยว แต่เขามักจะยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
ความรู้สึกแบบนี้ ใครก็เหนื่อยทั้งนั้น
ยืนตรงแน่วอยู่หน้าจิ๋นลี่ยวน ยินเสี้ยวเสี้ยวแค่รู้สึกระยะห่างเพียงสั้นๆเท่าเธอดูเหมือนจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงทั้งหมด ในลำคอรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่มุมปากเธอก็ต้องยกขึ้น ต่อให้จะหย่ากัน เธอก็ต้องหย่าด้วยรอยยิ้ม
มองเห็นรอยยิ้มมุมปากที่ฝืนๆของเธอ จิ๋นลี่ยวนก็มีความคิดหุนหันวู่วามบางอย่างที่จะเอาเธอเข้ามากอดในอ้อม
อกตัวเองแน่นๆแล้วปลอบเธอเบาๆ เหมือนกับที่ตนเองทำในอดีต……
“คุณย่าจิ๋นให้ฉันมา น่าจะเกี่ยวกับเรื่องการหย่ามั้ง” ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เอ่ยปากก่อน ทำลายความคิดวู่วามทั้งหมดของจิ๋นลี่ยวน แต่กลับกระตุ้นความหงุดหงิดในใจของเขาขึ้นมา
คิ้วขมวดแน่น เวลานี้ เขากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
คนที่ต้องการหย่าคือเขา แม้กระทั่งยังให้คำสัญญากับยินเสี้ยวเสี้ยวว่า การหย่าร้างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่หลังจากที่หย่ากันจริงๆแล้ว เขากลับรู้สึกอยากจะให้ตอนแรกเขาไม่ได้พูดถ้อยคำเหล่านั้น
“พวกเธอสองคน รีบเข้ามาหาฉัน!”
เสียงตะคอกด้วยความโกรธดังขึ้น คนที่รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยทั้งสองคนต่างพากันหันกลับมา ก็มองเห็นว่าคุณย่าที่มีสีหน้าโกรธขึ้งยืนอยู่ตรงนั้นโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง คนตระกูลจิ๋นที่อยู่ด้านหลังมองเห็นพวกเขาใครจะมีสีหน้าผ่อนคลายได้
ทุกคนต่างเดินอยู่ข้างหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวสาวเท้าตามไป จิ๋นลี่ยวนเดินตามหลังเธอไป รู้สึกว่าระยะเวลาสั้นไม่กี่ชั่วโมงที่ไม่ได้พบกัน เสี้ยวเสี้ยวของเขาซูบผอมลงไปไม่น้อย ก็ไม่รู้ว่าช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่านี้ถูกก่อกวนซ้ำๆ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องหย่า
รีบสาวเท้าไล่ตามไป อย่างไม่มีเหตุผล จิ๋นลี่ยวนก็พูดประโยคหนึ่งเบาๆข้างๆเธอว่า “เสี้ยวเสี้ยว อย่ากลัว อีกเดี๋ยวมีผมอยู่ด้วย”
ชั่วพริบตาที่สิ้นเสียงลง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หยุดฝีเท้าลงอย่างอดไม่ได้ จิ๋นลี่ยวนหันไปมองเห็นสีหน้าเธอที่ไม่ยอมปล่อยผ่าน หลังจากนั้นพักใหญ่ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองเขา พูดอย่างจริงจังอย่างที่สุดว่า “จิ๋นลี่ยวน ตอนนี้พวกเราหย่ากันแล้ว นับจากนี้ไป คุณไม่ต้องคอยปกป้องฉัน ฉันจะปกป้องตัวเอง”
น้ำเสียงเบามากๆ เบาราวกับขนนกที่ลูบผ่านหัวใจของจิ๋นลี่ยวน แต่กลับหนักเหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่มหึมาน้ำหนักหลายพันหลายหมื่นกิโลกรัมกดทับจนเขาหายใจไม่ออก อ้าปากยังไม่ทันได้พูดอะไร ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับเดินผ่านเขาไป ดวงตาที่แยกสีขาวดำอย่างชัดเจนนั้นไม่ได้เลื่อนไปมองแม้แต่น้อย
วินาทีนั้น ใจของจิ๋นลี่ยวนบีบเค้นจนเจ็บปวด
ภายในห้องรับแขกบ้านจิ๋น คุณย่าจิ๋นนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน โต๊ะน้ำชาด้านหน้าถูกลากออกไปแล้ว หยูเจีย ห้วยมองพวกเขาพลางขมวดคิ้วแน่น ในดวงตาของจิ๋นลี่หยาวและจิ๋นลี่โป๋ต่างแฝงด้วยความห่วงกังวล
“พวกเธอสองคน คุกเข่าลง!” ส่งเสียงขู่ตะคอกออกมา คุณย่าจิ๋นยังกระแทกไม้เท้าที่ไม่รู้หยิบมาจากที่ไหน
ยินเสี้ยวเสี้ยวเหลือบมองคุณย่าจิ๋น คุกเข่าลงไปอย่างเชื่อฟัง จากนั้นจิ๋นลี่ยวนก็คุกเข่าลงไป
พื้นที่เย็นยะเยือก สองคนคุกเข่าหลังยืดตรง
หญิงชราโกรธจนแทบไม่ไหว ในใจเธอเดิมก็มีกองไฟกองใหญ่อยู่แล้ว พวกเขาเชื่อฟังเธอก็โกรธ พวกเขาไม่เชื่อฟังเธอก็โกรธ! เมื่อเห็นพวกเขาลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกันก็ยกไม้เท้าในมือขึ้นมา โบกไปที่จิ๋นลี่ยวนอย่างแรง!
วินาทีนั้นดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเบิกโต มีแต่ความเป็นห่วงกังวลในแววตาที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้ ร่างก็เอียงไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
จิ๋นลี่ยวนสังเกตเห็นเธอตั้งแต่แรก เวลานี้กลับรู้สึกดีใจแทบแย่ ค่อยๆเบี่ยงตัวไปด้านข้างรับแรงไม้เท้าที่ฟาดลงมา หยูเจียห้วยที่อยู่ด้านข้างๆร้อนใจจนมือสองข้างพันอยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“สารเลว!การแต่งงานของพวกเธอบอกว่าจะหย่าก็สามารถหย่าได้เลยเหรอ เคยคิดมั้ยว่าพวกเรามีความคิดอะไร” หญิงชราตีจนในใจเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็เริ่มสบถด่า “อยู่ดีๆก็แต่งงานเลย ตอนนี้อยู่ดีๆก็หย่ากันเฉยๆอีก! ตกลงพวกเธอเห็นเรื่องการแต่งงานเป็นอะไรกันแน่ นี่มันคือเกมอย่างหนึ่งเหรอ ถึงได้ล้อฉันเล่นแบบนี้!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวแทบจะไม่ได้สนใจว่าคุณย่าพูดอะไร สายตาจับจ้องไปที่บนหลังของจิ๋นลี่ยวน
แต่ละไม้ที่ฟาดลงไปนั้น จะต้องเจ็บมากแน่นอน
เงยหน้าขึ้นมามองดวงตาเรียวเล็กที่หางตาชี้ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงพบว่าจิ๋นลี่ยวนกำลังมองตนเองอยู่ตั้งแต่แรก
ลำคอเกร็ง ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหน้าตัวเองไปทางอื่นเสียดื้อๆ
อย่ามองเธอแบบนี้ เป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะคิดว่าเขาไม่อยากหย่า……
แต่ข้างหูของเธอก็ยังคงได้ยินประโยคนั้นดังวนเวียนอยู่ ที่เขาเคยพูด การหย่าร้างครั้งนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และก็เคยพูดว่า ผลลัพธ์ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ยิ่งเคยบอกว่า ยืดเยื้อต่อไปคนที่ทรมานคือเธอ……
มองดวงตาคู่ที่หันไปของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนก็ขมวดคิ้วแน่น
เธอจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตนเองแล้วจริงๆหรือ
“พวกเธอสองคน ถ้าวันนี้ไม่ให้เหตุผลที่จะเกลี้ยกล่อมฉันได้ก็คุกเข่าอยู่ที่นี่จนกลับมาแต่งงานกันเหมือนเดิม!” คุณย่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะอายุมากแล้ว ด่าไม่กี่คำลงไม้ลงมือนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว จิ๋นลี่หยาวรีบไปพยุงเธอกลับมานั่งที่โซฟา ในใจก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยแบบนี้ก็ไม่ต้องมีคนถูกตีแล้ว “ตระกูลจิ๋นของฉันไม่เคยมีคนที่ได้ผู้หญิงแล้วก็ทิ้งขว้างมาก่อน ในประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษหลายปีขนาดนั้นก็ไม่เคยมีเรื่องการหย่ามาก่อน แต่พวกเธอกลับทำเรื่องแบบนี้ ฉันจะลองดูสิ ว่าตกลงแล้วเข่าของพวกเธอแข็งกว่าหรือว่าอารมณ์ของยายแก่อย่างฉันจะแข็งกร้าวกว่ากันแน่!”
พูดจบ หญิงชราก็เริ่มหอบหายใจ หยูเจียห้วยรีบฉวยโอกาสรีบยกชาถ้วยหนึ่งเข้าไปให้
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองหญิงชรา รอจนเธอดื่มชาแล้วจึงโขกหัวคำนับหญิงชราอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า“คุณท่านคะ ขอโทษด้วยนะคะ ที่หนูทำให้คุณท่านผิดหวัง……”
พอพูดออกมา คนทั้งหมดในบ้านต่างก็ขมวดคิ้วแน่น
ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกว่า ‘คุณท่าน’ไม่ใช่‘คุณย่า’ ไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจถึงความหมาย
จิ๋นลี่ยวนกลั้นหายใจหันไปมองเธอ รู้สึกเพียงว่ายินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้กับคนที่เขารู้จักก่อนหน้านี้แทบไม่เหมือนกันเลย
“เสี้ยวเสี้ยว เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ” ที่แท้ คุณย่าเองก็ไม่ได้โง่จับประเด็นได้ทันที ถามหนึ่งประโยคที่แฝงด้วยความข่มขู่คุกคาม ในสายตาคู่นั้นที่ความผกผันมีความไม่พอใจซ่อนอยู่
“ฉันเรียกท่านว่า‘คุณท่าน’ ฉันหย่ากับคุณชายสามจิ๋นแล้ว เช้าวันนี้ฉันเซ็นชื่อลงในข้อตกลงการหย่าส่งให้ถึงหน้าของเขาแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่ฉันลงชื่อ ฉันก็ไม่ใช่ลูกสะใภ้ หลานสะใภ้ของตระกูลจิ๋นแล้ว ฉันไม่มีสิทธิ์เรียกท่านว่า‘คุณย่า’……” หลังจากนิ่งเงียบไปสองวินาที ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้พูดเช่นนี้ จากนั้นก็ยังเอาหัวโขกคำนับพูดว่า “ฉันขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวัง สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่ใช่คนในใจคุณชายสามนั้น อาจจะเป็นเหมือนที่ท่านบอก ตอนพวกเราแต่งก็แต่งแบบลวกๆ ตอนจบก็จบด้วยความเร่งรีบแบบนี้ ฉันรู้ว่าในใจคุณท่านรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นวันนี้เสี้ยวเสี้ยวจึงมาอธิบายกับคุณท่านค่ะ”
คำพูด พูดได้ดูดีน่าชื่นชม ท่าทางจริงใจ
จิ๋นลี่ยวนกลับยิ่งรู้สึกสับสนในใจ
เธอเรียกคุณย่าว่า‘คุณท่าน’ เรียกเขา‘จิ๋นลี่ยวน’ที่เธอเคยเรียกอย่างติดปากเปลี่ยนเป็น ‘คุณชายสามจิ๋น’!
การเปลี่ยนแปลงนี้ เขาพอใจมากเป็นพิเศษจริงๆ!
เพราะคำพูดนี้ทำให้อารมณ์ของคุณย่านั้นสงบลงบ้างเล็กน้อย อย่างน้อยการกระทำที่คิดว่าบีบถ้วยชาให้แตกก่อนหน้านี้ก็หยุดลง วินาทีนี้ก็กุมไม้เท้าในมืออย่างสงบนิ่ง
“ได้ ฉันจะให้โอกาสเธออธิบาย” คุณย่าลุกขึ้นยืน มองลงมายังยินเสี้ยวเสี้ยว การกดขี่ที่จับต้องไม่ได้กำลังมาถึงตรงหน้า ต้องเป็นคนที่ทรงพลังอำนาจมากมายเท่าใดกันแน่ การใช้จิตวิทยากลั่นแกล้งคนยังทำได้คล่องดั่งใจคิด “อย่างที่ฉันเพิ่งบอกเมื่อครู่ ไม่ให้เหตุผลที่ดีกับฉัน ต่อให้ฉันใช้เส้นสาย พวกเธอก็อย่าหวังจะได้หย่ากัน!”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับยกมุมปากเป็นรอยยิ้มที่โดดเดี่ยวเล็กน้อยที่ยิ้มกลับเป็นตัวของเธอเอง
ก่อนที่เธอจะมา เธอก็รู้แล้ว ตระกูลจิ๋นไม่มีทางอนุญาตให้พวกเขาหย่ากันง่ายๆ เพียงเพราะคำสั้นๆง่ายๆอย่าง‘ตระกูลจิ๋น’สองคำนี้ก็ไม่ได้ ไม่ใช่เหตุผลที่ดีมากพอ วันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวก็คงไม่กล้าที่จะมาที่นี่เพียงลำพัง
แม้ในใจจะโกรธในความเปลี่ยนแปลงไปของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่จิ๋นลี่ยวนก็ยังคิดจะเอ่ยปากช่วยเธอ“เสี้ยวเสี้ยว……”
“คุณท่าน ท่านเองก็คงจะรู้ คนในเมืองTหลายคนต่างบอกว่าฉันคือ ‘ตัวกาลกิณี’ ฉันเป็นตัวซวยขนาดไหนท่านคงจะรู้ดี……” ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังคงเอ่ยปากพูดออกมา “ฉันแต่งเข้าตระกูลจิ๋นมาครึ่งปีเกิดเรื่องขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นมีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับปีที่ฉันอายุสิบขวบ ฉันถูกคนลวนลาม ไม่รู้ว่าท่านยังจำได้มั้ย”
พอสิ้นเสียง ทั้งห้องรับแขกก็เงียบสงบ ไม่มีใครส่งเสียงพูด
เรื่องนี้ คนทั้งเมืองTต่างก็รู้กันหมด ยิ่งไปกว่านั้นยังเกี่ยวข้องกับคนตระกูลจิ๋นด้วย
แต่จิ๋นลี่ยวนที่ได้ยินประโยคนี้ กลับมีสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย