Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 228 ท่ามกลางการคาดเดา ความรู้สึกนอกเหนือกว่านั้น
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่ 228 ท่ามกลางการคาดเดา ความรู้สึกนอกเหนือกว่านั้น
บทที่ 228 ท่ามกลางการคาดเดา ความรู้สึกนอกเหนือกว่านั้น
จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ด้านหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว เขาใช้สายตาจับจ้องเธอพร้อมกระซิบอย่างเบาเสียง “หมอเหยาว่ายังไงบ้าง?”
“เด็กแข็งแรงดีมาก ไม่ต้องเป็นห่วง” ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบอย่างสดชื่นแจ่มใส แถมจ้องตาเขาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรแล้วฉันขอกลับก่อน คุณก็กลับไปทำงานเถอะ”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินผ่านไหล่ด้านข้างของจิ๋นลี่ยวนทันที วินาทีนั้นจิ๋นลี่ยวนหวนนึกถึงวันนั้นในห้องนอนที่หนานเยวี่ยน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินผ่านเขาไปในวินาทีนั้น จนใจกระวนกระวายขึ้นมาอย่างสับสน ไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว จิ๋นลี่ยวนรีบตามไปทันที ทว่ายินเสี้ยวเสี้ยวได้ขึ้นลิฟต์และลิฟต์เลื่อนลงไปแล้ว…
เมื่อเห็นว่าลิฟต์ค่อยๆ ลงไปยังชั้นล่าง จิ๋นลี่ยวนรีบหันหลังให้พร้อมทั้งวิ่งไปยังบันไดที่อยู่ด้านข้างกันอย่างไม่คิดชีวิต เริ่มวิ่งลงบันไดตั้งแต่ชั้น 11 ลงมา…
ให้เธอกลับไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่มีวัน!
แท้จริงแล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตนเองถึงได้วิ่งตามไปทำไม แต่เขารู้ว่าไม่สามารถให้เธอกลับไปแบบนี้ ราวกับว่าเหมือนเป็นการไปจากชีวิตเขาเช่นนั้น!
ผู้คนเดินขวักไขว่ภายในห้องโถงของโรงพยาบาล มีแต่คนเต็มไปหมด
“ยินเสี้ยวเสี้ยว!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงเรียกชื่อแต่ว่าไปดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งห้องโถง
ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งเดินออกจากลิฟต์เพียงไม่กี่ก้าวนั้นร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงของเขาเธอจะจำไม่ได้ได้ยังไง? อีกอย่างจะมีใครล่ะที่ตะโกนเรียกเธอแบบนี้ที่นี่?
จิ๋นลี่ยวนเพิ่งจะวิ่งออกมาจากบันได พร้อมทั้งวิ่งหายใจติดขัดเล็กน้อยแต่เร่งความเร็วเพื่อให้เข้าใกล้มายังคนคนนั้นที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
เสื้อกาวน์สีขาวพลิ้วไสวเล็กน้อยเพราะว่าความเร็วของเขา ดูแล้วเป็นความรู้สึกที่หล่อเหลาอย่างหนักแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวพลันนึกถึงวันนั้นตอนที่เธอล้มคะมำด้านหน้าประตูโรงพยาบาลหนันหยูและเขาเข้ามาช่วยเธอไว้พอดี ตอนนั้นเขาพูดว่าอะไรนะ? เหมือนพูดว่า ‘นี่คนไข้ของผม’ แล้วก็แย่งมือของเธอมาจากคุณหมอคนอื่นทันที งั้นวันนี้ล่ะ การที่เขามานั้นอยากจะพูดอะไร?
ไม่ทันได้คิดมากมายอะไร จิ๋นลี่ยวนก็มายืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว
ความสูง 1.88 เซนติเมตรของจิ๋นลี่ยวน ส่วนยินเสี้ยวเสี้ยว 1.68 เซนติเมตรนั้น ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไร
คนที่อยู่รอบข้างต่างจ้องมองพวกเขาอย่างสนใจ พนักงานของโรงพยาบาลตาเบิกโตพร้อมทั้งจ้องมองมา
คุณหมอจิ๋นนั้นได้หย่ากับภรรยาของเขาไปแล้วนี่ ทั้งโรงพยาบาลก็รู้กันหมด ขนาดคุณหมอจูกับคุณหมอฉิงที่กำลังจะเดินไปยังห้องศัลยกรรมก็วิ่งพรวดพราดออกมาด้วยเลย?
นัยน์ตาดั่งนกฟีนิกซ์กำลังจ้องมองร่างกายเล็กๆ ที่อยู่ด้านหน้า จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่าคำพูดที่แน่นจุกอกอยากจะพูดกับเธอ แต่ว่าเมื่อยินเสี้ยวเสี้ยวมายืนอยู่ต่อหน้าเขาจริงๆ แล้วเขาก็ไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ได้แต่ยืนเซ่อซ่าจ้องมองเธอเอาไว้ ราวกับต้องการกลืนกินเธอเข้าไปในร่างกายของเขาเช่นนั้น
จิ๋นลี่ยวนไม่ยอมพูดยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่พูด ได้แต่เงยหน้าจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น
เธอมีความพยายามเป็นอย่างมากกับการอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกของตนเองที่จะพรั่งพรูออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวบังคับตัวเองให้หนักแน่นขึ้นกว่าเดิม และยังเย็นชามากกว่าเดิม
เขาไม่ได้สนใจเธอเลย เช่นนั้นเธอเองก็ไม่คิดจะสนใจเขาเช่นกัน ทว่าหัวใจนั้นมันช่างอึดอัดมากยากแก่การรับไหวเสียจริง
นานอยู่สักพัก จิ๋นลี่ยวนก็ทนรอไม่ไหวพลันเขยิบเดินไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว เพื่อกระชับระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคน ฝ่ามือเย็นเฉียบสัมผัสศีรษะของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างความอบอุ่น พลางก้มศีรษะจุมพิตบริเวณหน้าผากของเธอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวตกตะลึงทันที พนักงานในโรงพยาบาลเองก็ตกตะลึงเช่นกัน คนอื่นๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
วัยรุ่นก็ดีนะ อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจอยาก อยากจะรักอยากจะเอาใจก็ทำได้อย่างบุ่มบ่ามอย่างไร้เหตุผล
ความรู้สึกอบอุ่นอันเปียกชุ่มบริเวณหน้าผากแผ่ความรู้สึกออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวแค่รู้สึกหัวใจของตนเองนั้นเอาแต่สั่นเท่าจนทนไม่ไหว มือเล็กๆ กำหมัดแน่นเพื่อบังคับตนเองไม่กระโจนเข้าหาอ้อมกอดของเขา เบ้าตาน้ำเริ่มเอ่อล้นเล็กน้อย
จิ๋นลี่ยวน เขาคงไม่เข้าใจว่า ความรู้สึกเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ตั้งท้องและเข้าไปตรวจร่างกายเป็นครั้งแรกแต่ไม่มีสามีเข้าไปเป็นเพื่อนด้วย
ตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากหนานเยวี่ยน ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นได้เจอกับหญิงตั้งครรภ์ของเมืองTทั้งเมือง แต่ข้างกายของหญิงตั้งครรภ์ทุกคนต่างมีสามี หรือครอบครัวกันทั้งนั้น มีเพียงเธอเท่านั้นที่โดดเดี่ยวเดียวดาย ความรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนั้น ความวิตกกังวลอันหนักหน่วงมันช่างเป็นการทรมานคนเป็นอย่างมาก ส่วนตอนที่เธอเห็นจิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงประตูแผนกสูตินรีเวชนั้น มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกอาการหวั่นไหวในใจของตนเองอย่างชัดเจน
วินาทีนั้นเธออยากจะยิ้ม แต่ว่าพลันลืมความจริงไปซะสนิทว่าพวกเขาได้หย่าขาดจากกันแล้ว
หลังจากนั้นอยู่นาน จิ๋นลี่ยวนถึงได้ยอมปล่อยตัวเธอ แต่ฝ่ามือใหญ่คู่นั้นยังไม่ได้ย้ายตำแหน่งไปจากใบหน้าอันงดงามของเธอเลย
พลันหลุบตาลง จิ๋นลี่ยวนก็เห็นรูม่านตานัยน์ตาดำของดวงตาทั้งสองที่ในนั้นสะท้อนเป็นตัวเล็กๆ ของตัวเขาเองกลับมา ริมฝีปากเย็นๆ ได้เผยอขึ้นอย่างอดไม่ได้ พลันพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว ดูแลลูกของเขาให้ดี”
ส่วนฉัน จะดูแลคุณเอง
ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองนัยน์ตาของจิ๋นลี่ยวนที่ดำดิ่งลง พลางยื่นมือออกไปปัดมือของจิ๋นลี่ยวนออก ส่วนร่างกายได้เซถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า “จิ่งซานช่าว เรื่องที่ฉันได้ตกลงกับคุณไว้ฉันทำได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หันตัวกลับแล้วเดินจากไป ไม่ทิ้งความห่วงหาอาทรใดๆ ไว้เลย
จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ด้านหลังนั้นครั้งนี้เขาไม่ได้วิ่งตามไป ทว่าสายตานั้นมีแต่ความรำคาญเบื่อตัวเองขึ้นมาแทน
เขาสามารถตามไปอธิบายได้ สิ่งที่เขาอยากพูดนั้นความจริงแล้วมันยังมีต่อแต่ดันอยู่ประโยคหลังที่เขายังไม่ทันพูดออกมานะสิ?
……
“เก็บความคิดทุเรศพรรค์นี้ของคุณซะ หรือคุณไม่รู้สึกว่าคุณควรจะไปขอโทษเธอใช่ไหม?” พลันมีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวสงสัยเลยต้องหันไปทางน้ำพุอีกฝั่ง คนที่พูดคือต๋งไข “เธอใจจดใจจ่อกับการรอคอย ส่วนคุณก็ตอบสนองคืนเธอแบบนี้เหรอ?”
“ฉันรู้ดีว่าฉันมันสกปรก แต่ฉันก็รู้ดีว่าตนเองไม่คู่ควร แต่ว่าต๋งไข คุณก็อย่าเข้าข้างแบบนั้นได้ไหม?” ถาวหยีท้องโตพร้อมทั้งจ้องมองต๋งไขตาเขม็ง เพราะว่าไม่พอใจกับคำพูดของเขาเมื่อครู่ “ฉันก็แค่อยากจะวิ่งตามในสิ่งที่ตนเองอยากได้ ทำไมผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้สามารถทำได้ทุกอย่างแต่ยกเว้นฉันเพียงคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้เลย? ฉันก็เป็นคนมีเลือดเนื้อเช่นกัน ฉันก็อยากจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น!”
“เชอะ ชีวิตที่ดีงั้นเหรอ?” เสียงหัวเราะอย่างเย็นชา ต๋งไขจ้องมองถาวหยีพลันพูดเหน็บแนมอย่างดูถูก “ชีวิตดีๆ ของคุณก็ยืนอยู่ตรงหน้าคุณเหรอ? คุณถึงได้สงบจิตสงบใจได้ไหมล่ะ?”
สายตาจ้องมองพวกเขาด้วยความสงสัย ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคิดอยู่ว่าจะเดินออกไปหายังไงดี ทว่าร่างกายก็โดนคนกระแทกอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอตกใจจนรีบเอามือขึ้นมาประคองท้องของตนเองทันที แต่ก็ยังสะดุดไปข้างหน้าอยู่หลายก้าว
ต๋งไขกับถาวหยีที่ยังยืนคุยกันอยู่ที่นี่ยังใจสั่นขวัญหายไปด้วย โดยเฉพาะตอนที่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยว
“เสี้ยวเสี้ยว?” ถาวหยีจ้องมองเธออย่างกระวนกระวาย
ต๋งไขรีบเร่งไปคว้าเธอไว้ให้ทรงตัวได้ดีในทันที ส่วนคนที่เดินชนยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นก็วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว สายตาพลันแสดงอาการตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย ต๋งไขมองมาพร้อมทั้ง
ถามยินเสี้ยวเสี้ยวทันที “คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยังไม่สามารถรวบรวมสติไว้ได้พลันสูดลมหายใจเข้าทันที เมื่อมั่นใจแล้วว่าตนเองไม่เป็นไรแล้วจึงได้พูดออกมา “เพิ่งมาเนี่ยแหละ”
หัวใจของถาวหยีและต๋งไขเริ่มสบายใจลงเล็กน้อย จากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ถามกลับ “นี่พวกแกทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?”
สีหน้าของถาวหยีไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลยพลางหันหน้าหนีแล้วไม่พูดอะไรเลย จิตใต้สำนึกพลางใช้มือเล็กๆ ประคองท้องน้อยของเธอเอาไว้ สีหน้าของต๋งไขก็ไม่สู้ดีนักแต่ก็พูดออกมาบ้าง “ไม่ได้ทะเลาะ แค่เถียงกันแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้นแหละ”
สงสัยจนต้องมองพวกเขาอีกครั้ง เรื่องในครอบครัวของคนอื่นเธอไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต๋งไขเคยชอบตนเองมาก่อน ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เรื่องของถาวหยีกับต๋งไขนั้นเธอไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยก็ไม่ต้องไปอยากช่วย ตอนนี้การที่ต๋งไขพูดออกมาเช่นนี้เธอยิ่งไม่ต้องไปถามซักไซร้ต่อ จากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินไปยืนด้านข้างถาวหยี ดวงตาจ้องมองที่บริเวณท้องของเธอ
ถาวหยีตั้งท้องก่อนเธอ 2 เดือน ลูกของเธอมีอายุครรภ์ 8 อาทิตย์ รวมๆ แล้ว 2 เดือนได้ แต่ถาวหยีนั้นท้องได้ 4 เดือนแล้ว ท้องก็เริ่มขยายจนเห็นได้ชัด แต่ก็ยังถือว่าไม่เล็กแล้ว
“ถาวหยี ท้องแกใหญ่มาก” น้ำเสียงแสดงอาการตกใจและอิจฉาไปพร้อมกัน พร้อมทั้งใช้มือเล็กๆ ลูบคลำอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเปล่งประกายออกมา
ถาวหยีก็ยิ้มให้ พร้อมทั้งเอามือของตนเองเพื่อได้ให้เธอได้ลูบคลำ แล้วถามกลับ “แกตรวจครรภ์เสร็จแล้วเหรอ? เป็นไงบ้าง?”
“เด็กแข็งแรงดีมาก ไม่ต้องเป็นห่วง” ยินเสี้ยวเสี้ยวลูบคลำท้องของยินเสี้ยวเสี้ยวพร้อมทั้งลูบคลำท้องของตนเองไปด้วย
ท้องที่แบนราบของเธอมันจะโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ก็เหมือนแบบเป่าลูกโป่ง แบบนี้ใช่ไหม?
“แพ้ท้องบ้างไหม? หนักไหมนั่น?” ถาวหยีถามเสียงเบา พร้อมทั้งเป็นการกำชับอยู่เนืองๆ แม้ว่าเธอจะท้องเป็นท้องแรกก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเธอก็มีประสบการณ์มาก่อนยินเสี้ยวเสี้ยว “แกอยู่คนเดียวที่หนานเยวี่ยนต้องระมัดระวังให้มาก อย่ามัวแต่รอเวลาอยู่ มีเรื่องอะไรก็สามารถโทรศัพท์หาต๋งไขหรือว่าฉันได้ทันทีอย่ามัวแต่ทนเอาไว้” ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าให้ พร้อมทั้งรู้สึกอบอุ่นใจไปได้ จากนั้นก็ถามถาวหยีกลับ “นี่แกตรวจเสร็จแล้วเหรอ?”
ถาวหยีพยักหน้าให้ เธอมาก่อนยินเสี้ยวเสี้ยวตรวจเสียอีก จากนั้นก็ใช้เส้นสายของจิ๋นลี่ยวนจึงได้รับการตรวจก่อน
แววตาทอประกายเล็กน้อย ถาวหยีถามเธอกลับ “ใช่สิ ตอนที่ฉันเพิ่งขึ้นไปนั้นก็เห็นจิ๋นลี่ยวนอยู่ด้วย คุณเห็นเขาหรือเปล่า?”
เมื่อพูดถึงจิ๋นลี่ยวน สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็เคร่งขรึมลงทันทีแต่ก็พยักหน้าเป็นการยอมรับ
หัวคิ้วของต๋งไขมวดเข้าหากันจนแน่นตอนที่จ้องมองเธออยู่ ถาวหยีเหมือนไม่ได้รู้สัมผัสกับความรู้สึกใดๆ ได้ เลยรีบถามกลับทันควัน “เสี้ยวเสี้ยว แกวางแผนจะกลับมาคืนดีกับจิ๋นลี่ยวนไหม? เพราะอย่างไรตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ยินเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะกระดกมุมปากขึ้น อย่างเยาะเย้ยออกมา
คำถามนี้ ต๋งไขก็ตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้
ทุกคนต่างรู้ว่าวินาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเก็บเด็กคนนี้ไว้นั้นก็เพื่อเป็นการสร้างจิตวิทยาให้กับตนเอง
การตั้งท้อง เรื่องการกลับมาคืนดีระหว่างจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นเป็นเรื่องไม้เบื่อไม้เมากันอยู่ ทั้งๆ ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวตรวจว่าตนเองท้องตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ผ่านไป 2 สัปดาห์แล้ว บ้านจิ๋นกลับไม่มีท่าทีอะไรเลย ส่วนจิ๋นลี่ยวนยิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองกลับมาสักนิด
“ไม่” ตอบอย่างเบาเสียง ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองมาที่ถาวหยีพร้อมพูดอย่างจริงจัง “ถาวหยี ฉันจะไม่กลับมาคืนดีกับจิ๋นลี่ยวน”
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง หัวใจของถาวหยีและต๋งไขก็เริ่มสับสนเล็กน้อย
คำตอบนี้ มันอยู่ในการคาดเดา แต่ความรู้สึกมันนอกเหนือจากนั้น
ตอนนั้นที่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนตัดสินใจหย่าร้างพอพวกเขารู้เรื่องก็ต่างรู้สึกตกใจตาม ด้วยเหตุเพราะว่ายินเสี้ยวเสี้ยวได้ทั้งท้องอยู่ก็น่าจะกลับไปคืนดีกันอย่างง่ายดาย แต่ภายใต้สถานการณ์นี้นั้นก็ควรจะกลับไปคืนดีกันไม่ใช่เหรอ?
“งั้นเด็กล่ะจะทำยังไง?” ถาวหยีถามกลับทันควัน น้ำเสียงแสดงอาการร้อนใจอยู่เนืองๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าสบตากับถาวหยี ในใจรู้สึกว่าวันนี้ถาวหยีมีบางอย่างไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเธอเองค่อนข้างตื่นเต้นไปกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิ๋นลี่ยวนเป็นพิเศษ ทว่ายินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้คิดเยอะอะไร ทว่าในใจนั้นยังรู้สึกว่าเรื่องการขโมยลูกนั้นไม่สามารถให้เธอกับต๋งไขเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เลยพูดไปว่า “เด็กคนนี้เป็นลูกของบ้านจิ๋น ก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านจิ๋นสิ”
ต๋งไขได้ยินแล้วเริ่มโมโหทันที นี่มันต่างอะไรกับแม้ที่อุ้มบุญกัน?
สีหน้าของถาวหยีซีดเผือดเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่ต๋งไขที่อยู่ด้านข้างกับบ่นพึมพำอีกเยอะ ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มให้เพื่อเป็นคำตอบ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉิงชื่อชิงเพื่อนัดเธอไปเจอกันที่ ‘ร้านอาหารซื่อฟาง’ เมื่อฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเคร่งขรึมอยู่บ้าง ดังนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวเลยไม่กล้าผิดนัด รีบเรียกรถเพื่อไปหาทันที
ถาวหยีที่ใบหน้าซีดเผือดที่อยู่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ต๋งไขที่พูดเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพลันใช้สายตาที่มีแต่อาการเยาะเย้ยถากถางมองมาที่ถาวหยีพร้อมทั้งพูดแสดงอาการดูถูกออกมา “ถาวหยี คุณคิดว่าคุณท้องลูกของเขาอยู่ก็สามารถที่จะแต่งเข้าบ้านได้ใช่ไหม? ก็เห็นสภาพเสี้ยวเสี้ยวแล้วนี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?