Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 78 แอบฟังผ่านกำแพง
บทที่ 78 แอบฟังผ่านกำแพง
จิ๋นลี่ยวนเช็ดผมไปด้วยแล้วเหลือบตามองยินเสี้ยวเสี้ยวไปด้วย ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับว่ายินเสี้ยวเสี้ยวได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฟ้าดิน ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวทำตัวไม่ถูก……
“คือว่า…….” เธอจับมือถือไว้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจะรับก็ไม่ใช่ ไม่รับก็ไม่ใช่ เธอรู้สึกร้อนใจมากๆ “ฉัน……”
จิ๋นลี่ยวนรู้สึกชื่นชมให้ท่าทางที่ทำตัวไม่ถูกของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างใจกว้าง “รับเถอะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวถือโอกาสตอนที่สายยังไม่ตัดแล้วจึงรีบรับสาย จริงๆแล้ว เวลานี้เธออยากจะให้ใครบางคนโทรหาเธอมากๆ ยังไงคืนนี้เป็นคืนเข้าเรือนหอวันแรก เป็นคืนแรกที่เข้าเรือนหอ! ทั้งชีวิตก็มีแค่ครั้งเดียวที่จะเข้าเรือนหอ! ทว่าตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับจิ๋นลี่ยวน เธอกลับ……
แต่นั่นมันก็แค่ความคิด ทำไมคนที่โทรถึงก็ควรเป็นถาวหยีหรือไม่ก็เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆสิ ต่อให้ตอนนี้จะเป็นหลี่เจียหรือจางหมืงโทรมาก็ดี ทำไมต้องเป็นคนที่ยากที่จะเผชิญหน้าด้วยมากที่สุดโทรมาด้วย……
ยินเสี้ยวเสี้ยวรับสายไปด้วยแล้วก็แอบมองปฏิกิริยาของจิ๋นลี่ยวนไปด้วย แต่คนๆนั้นกลับเช็ดผมไปด้วยแล้วหันหลังไปจัดการกินเอกสารของตัวเอง ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นต๋งไขอยู่ในสายตาเลย
“ฮาโหล ต๋งไข มีเรื่องอะไรไหม?” ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าต๋งไขต้องมีเรื่องแล้วหาเธอแน่นอน ไม่งั้นทำไมเขาถึงเลือกที่จะโทรหาเธอในเวลานี้ด้วย ปกติแล้วเขาไม่ได้โทรหาเธอในเวลานี้!
ต๋งไข วันนี้ก็มีร่วมงานแต่งของยินเสี้ยวเสี้ยว ตอนที่เขาได้รับการ์ดเชิญ ทั้งตัวของเขาหยุดชะงักไปสักขณะ แม้กระทั่งต้องใช้เส้นสายที่บ้านไปตามสืบประวัติของจิ๋นลี่ยวน จึงจะรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นคุณชายสามของครอบครัวจิ๋น ตอนนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเสียใจมากกว่า หรือควรจะอวยพรมากกว่า……
ผู้หญิงที่เขาเฝ้ารอคอยมาสี่ปี แม้กระทั่งเป็นผู้หญิงในใจของเขาตลอดมา จู่ๆก็ได้กลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้านจิ๋น…….
ได้ยินเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยว ต๋งไขก็รู้สึกเจ็บปวดในใจเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยพูดขึ้น “เสี้ยวเสี้ยว ครั้งที่แล้วผมไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะบอกคุณใช่ไหม? ผมลืมบอกมาตลอด วันนี้ถือโอกาสที่ได้เจอคนๆนั้น ดังนั้นผมเลยจะโทรหาคุณตอนนี้ ผม…….ไม่ได้รบกวนเวลาคุณใช่ไหม?”
คำๆเดียวของเขาทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงกับหน้าแดงขึ้นมา…….
รบกวน?
เหอะ ทำไมจู่ๆความคิดที่ไม่เหมาะสมถึงลอยออกมาได้?
เธอจึงไอเบาๆสองที จากนั้นก็ตอบกลับ “ไม่หรอก เราเพิ่งถึงบ้าน ครั้งก่อนคนร้ายที่จางหมืงจับได้ที่คุณพูดใช่ไหม? คุณรู้แล้วหรอว่าเป็นใคร?”
ได้ยินแบบนี้ จิ๋นลี่ยวนที่เหมือนจะตั้งใจจัดการกับเอกสารของตัวเองอยู่ตลอดก็อดใจไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นว่าตอนแรกเรื่องนั้นมันมีคนแอบก่อความวุ่นวายอยู่เบื้องหลังจริงๆ แม้กระทั่งวันนี้คนๆนั้นก็มาร่วมงานได้! แค่ไม่รู้ว่าเป็นคนที่เขาคาดเดาไว้หรือไม่…….
“อืม หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผย ผมก็ได้เจอพวกเธอสามคนที่ร้านชานม พวกเธอไม่ทันสังเกตเห็นผม ดังนั้นผมจึงได้ยินบทสนทนาของพวกเธอ…….” ต๋งไขพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนหน้านี้ เขาอยากจะหาโอกาสบอกยินเสี้ยวเสี้ยวมาตลอด แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกแค่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึง จึงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรใดๆออกมาได้ ยังดียินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ถูกบังคับจนจมมุม แต่ตอนที่อยู่ในงานแต่ง เขาเห็นท่าทีทุกอย่างของคนๆนั้น เขาเลยคิดว่าต้องบอกยินเสี้ยวเสี้ยว “เสี้ยวเสี้ยว ตอนนั้นผมได้ยินจางหมืงบอกว่า คนที่ส่งโฆษณาของคุณให้คือคนของบ้านยิน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกคาดคิดไม่ถึง แต่ยังไงจะบอกว่าเรื่องนี้มันก็ไม่เหนือการคาดเดาของเธอ ในขณะเดียวกัน
ตอนนั้นคนที่เห็นโฆษณาของตัวเองก็มีแค่ถาวหยีเท่านั้น จากนั้นตอนที่เธอกำลังทำโฆษณา คนที่เข้ามาในห้องของเธอก็มีแค่เซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นเท่านั้น เธอเป็นดีไซเนอร์เธอรู้ดี สำหรับใครที่ทำงานในเชิงความคิดสร้างสรรค์ การกุมความลับส่วนตัวถือว่าสิ่งที่สำคัญมากๆ ดังนั้นเธอไม่เคยไปปรึกษาใครเกี่ยวกับโฆษณาของตัวเอง และก็ไม่เคยใช้คำวิจารณ์ของคนอื่นมาออกมาโฆษณาของตัวเองด้วย โอกาสคนที่จะเห็นโฆษณาของเธอก็มีแค่ไม่กี่คน ถ้าลองมาครุ่นคิดดูแล้ว จะเดาไม่ออกได้ยังไงว่าคนๆนั้นคือใคร?
แต่ไม่พูดไม่ได้ว่า สายๆนี้ที่ต๋งไขโทรมา มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น!
“ยินรั่วอวิ๋น” ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงพูดชื่อของเธอออกมาโดยตรง เลยไม่ได้ครุ่นคิดอะไรเลยสักนิด
ไหนๆคนอื่นก็บอกว่าเป็นคนในบ้านยินแล้ว งั้นนอกจากยินรั่วอวิ๋นแล้วจะมีใครอีก?
ต๋งไขหยุดชะงักไป ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาได้ยินชื่อนี้เขาก็รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าในความคิดของเขา ต่อให้ยินรั่วอวิ๋นไม่ชอบยินเสี้ยวเสี้ยวมากแค่ไหน ก็คงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองเป็นสองพี่น้องและเป็นครอบครัวเดียวกัน นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ตอนแรกเขาไม่ได้บอกยินเสี้ยวเสี้ยว เขาเป็นผู้ชายคนอื่น ก็ไม่ชอบไปวิจารณ์และพูดมากอยู่แล้ว แต่วันนี้ตอนที่เห็นท่าทางที่ยินรั่วอวิ๋นแสดงออกมา เขาก็แน่ใจในข้อสงสัยของตัวเอง……
ยินรั่วอวิ๋นทำทีท่าแบบนั้น ไม่เหมือนเป็นน้องสาวของยินเสี้ยวเสี้ยวเลยสักนิด ดูเป็นศัตรูมากกว่า!
“เสี้ยวเสี้ยว……” ต๋งไขเรียกด้วยเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บใจ เสียดายที่ฝ่ายตรงข้ามฟังไม่ออก
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณคุณที่บอกฉันนะ เรื่องนี้ฉันมีวิธีของฉัน ขอบคุณนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวขอบคุณเสร็จ ก็คุยเล่นกับต๋งไขไปไม่กี่คำ จึงจะวางสายลง พอหันหลังไปก็เห็นจิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง เธอเลยรู้สึกตกใจมาก
ยินเสี้ยวเสี้ยวตบหน้าอกตัวเองเบาๆ แล้วมองจิ๋ลี่ยวนด้วยความไม่พอใจ “ตกใจหมดเลย!”
จิ๋นลี่ยวนกลับไม่ได้สนใจว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาดั่งหงส์จึงมองหน้าเธอแล้วไม่พูดไม่จา
แต่กลับยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกใจไม่ดีอย่างน่าแปลก เธอจึงถอยหลังไปด้วยโดยไม่รู้ตัว เพราะไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าจิ๋นลี่ยวนยังไง ใบหน้าเรียวเล็กยิ่งแดงระเรื่อกว่าเดิมอย่างไม่ได้เรื่อง……
“ต๋งไขพูดอะไร?” จิ๋นลี่ยวนถามด้วยเสียงเบา ปากของเขามีกลิ่นหอมอ่อนๆลอยออกมา
“เขาบอกว่าเรื่องโฆษณาครั้งก่อนมันน่าจะเกี่ยวข้องกับยินรั่วอวิ๋น…….” ยินเสี้ยวเสี้ยวทำตัวเป็นภรรยาที่เชื่อฟัง ท่าทางตอนที่เธอพูดนั้นดูเป็นเด็กดีมากๆ
จิ๋นลี่ยวนได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วนี่ว่าเรื่องนี้มันผ่านไปด้วยดีแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวถอนหายใจแรงๆ และไม่รู้ว่าเรื่องที่ทรมานเธอนั้นอยู่ภายหลัง
เธอรู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที เพราะจู่ๆผ้าขนหนูบนศีรษะของเธอก็ขยับขึ้นเอง มือๆนั้นกำลังเช็ดผมของเธออย่างอ่อนโยน แรงมือที่ออกนั้นทำให้เธอรู้สึกสบายเหมือนเกิน เลยทำให้เธอรู้สึกอยากนอนลงบนเตียงมากๆ! ท้ายสุดเธอจึงรู้สึกได้เหมือนบางครั้งผิดปกติไป ไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนกำลังเช็ดผมให้เธออยู่หรอ?
“จิ๋นลี่ยวน เดี๋ยวฉันเช็ดเอง” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดขึ้นแล้วยื่นมือออกไป เพื่อที่จะเช็ดผมเอง แต่จิ๋นลี่ยวนกลับหลับเธอ
จิ๋นลี่ยวนเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่ตัวเตี้ยกว่าตนเอง จึงได้อดหัวเราะไม่ไหว “อย่ายุ่ง รีบทำให้มันแห้งจะได้นอนหลับ”
หลังจากที่เขาเช็ดผมให้เธอต่อ เธอรู้สึกเขินอายจนแก้มแดงกว่าเดิม
จิ๋นลี่ยวนก้มลงมองท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยว ภายใต้แสงไฟที่อ่อนโยน ทำให้เขาสามารถเห็นผิวพรรณที่งดงามและอ่อนเยาว์ของเธอ รวมไปถึงขนเส้นเล็กๆตามผิวของเธอ แก้มที่แดงระเรื่อ ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งสวย จู่ๆนัยน์ตาที่ของเขาก็จับจ้องไปยังหูใบยาวและอ่อนนุ่มของเธอ จนถึงตอนนี้เขายังจำความรู้สึกตอนที่เขากัดหูเธอ……..
ลูกกระเดือกของเขาเลยเลื่อนขึ้นลงไม่หยุด จู่ๆจิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย……
ยินเสี้ยวเสี้ยวกัดริมฝีปากที่แดงฉ่ำเป็นธรรมชาติเหมือนเลือดกำลังไหลของเธอขึ้นเล็กน้อย
ทำยังไงดี ทำยังไงดี!
เธอจะลืมว่าวันนี้เป็นวันเข้าเรือนหอวันแรกได้ยังไง! จะลืมผู้ชายที่ชื่อจิ๋นลี่ยวนได้ยังไง เธอเป็นผู้หญิงนะ!
คู่หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องเดียวกัน! นี่มันคือเรื่องอะไรกัน?
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกตื่นเต้นจนต้องกำมือเล็กๆของตัวเองเป็นหมัด ผ่านไปสักพัก ถึงจะได้สติกลับมา แล้วค่อยพูดด้วยเสียงเบา “จิ๋นลี่ยวน……”
จริงๆแล้ว ถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่เอ่ยพูดใดๆจะดีกว่า อย่างน้อยจิ๋นลี่ยวนคงไม่ต้องทรมานขนาดนั้น เขาไม่ใช่ทหารรักษาความปลอดภัย ภรรยาของตัวเองอยู่ตรงหน้าแบบนี้ และยังอยู่ในเวลานี้ เขาจะไม่คิดได้ยังไง? แต่เขากลับจำคำพูดก่อนหน้านี้ของยินเสี้ยวเสี้ยวได้……
เสียงอันอ่อนโยนส่งเข้าหูของเขาไป ก็เหมือนดั่งเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่สะกดจิต เขาต้องใช้กำลังใหญ่ขนาดไหนถึงจะสามารถทำให้ตัวเองมีสติ!
แรงมือของเขาจึงออกแรงขึ้นเล็กน้อย ได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวร้องเจ็บออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาถึงจะพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว อย่าเริ่มก่อน ตั้งสติหน่อย!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าพูดอะไรใดๆออกมา จากนั้นก็ปล่อยให้มือใหญ่ๆของจิ๋นลี่ยวนจับหัวของเธอไว้
ผ่านไปสักพัก จิ๋นลี่ยวนถึงจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ยินเสี้ยวเสี้ยว ผมยังจำสิ่งที่ผมเคยตกลงกับคุณไว้ ดังนั้นคุณเก็บอาการหวาดกลัวของคุณไว้เถอะ คนที่ไม่รู้อาจจะนึกว่าผมหิวกระหายจนเกินไป”
คำๆเดียวของเขาทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบเงยหน้าขึ้น ทำไมเขาพูดอย่างกับว่าทนดูเธอไม่ไหวอีกต่อไปล่ะ?
แต่เธอก็ไม่กล้าถาม ถ้าถามก็คงจะทำให้ความหิวกระหายของหมาป่าผุดออกมา งั้นไม่ใช่ว่าเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือไง? เธอไม่ได้เป็นคนโง่……
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็ออกแรงกระชากผ้าบนหัวของยินเสี้ยวเสี้ยวออก ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้จับจ้องไปตรงเตียง จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปนอนลงบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มห่อหุ้มเรือนร่างตัวเองไว้แน่นๆ ดวงตาดำแววของเธอจับจ้องเขาไว้ เหมือนเขาเป็นหมาป่าดุร้าย……
จิ๋นลี่ยวนกลับไม่สนใจ คิ้วของเขากระตุกขึ้น ดวงตาดั่งหงส์จึงได้เดินไปหาเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกตื่นเต้นมากๆ “จิ๋นลี่ยวน คุณคิดจะทำอะไร! คุณอย่ามา……”
บทสนใจแบบนี้ คนในบ้านของตระกูลจิ๋นที่ยืนอยู่นอกประตูได้ยินทุกอย่างผ่านผนัง ก็คงจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่หยูเจียห้วยกลับยืนอยู่ข้างๆอย่างเก้อเขิน คุณย่าจิ๋นกดจิ๋นลี่หยาวพวกเขาสองคนไว้ และฟังเสียงกันอย่างความสุขเหลือเกิน ดูไม่ออกเลย ปกติจิ๋นลี่ยวนที่ดูสุขุมและสุภาพบุรุษ ตอนนี้กลับมีมุมที่ ‘โหดเหี้ยม’ ด้วย
จิ๋นหยวนเฟิงและจิ๋นลี่โป๋นั่งอยู่ตรงห้องรับแขกชั้นล่าง ทันใดนั้นเขาจึงเข้าใจว่า ตอนแรกจิ๋นลี่ยวนเคยกำชับไว้ว่าห้ามแตะต้องหรือยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรือนหอของเขา และก็ได้คอยระวังทั้งเช้าและค่ำ แต่’โจรที่เป็นคนในบ้าน’ นั้นป้องกันยากจริงๆ คุณย่าจิ๋นคิดมากนานแบบนี้ เธอจะยอมปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง
และจิ๋นลี่ยวนเองจะรู้ได้ไงว่าข้างนอกมีคนอยู่ แต่ดูจากยินเสี้ยวเสี้ยวที่กลัวและรู้สึกทรมาน เขาก็ไม่อยากได้เธอแล้ว จึงได้เปิดหน้าห่มแล้วขึ้นเตียง ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงตะโกนเสียงดังขึ้น “จิ๋นลี่ยวน คุณขึ้นเตียงนอนได้ยังไง? คุณ……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ จิ๋นลี่ยอยก็ได้พลิกตัวแล้วดึงยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาล็อคไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ริมฝีปากบางก็ได้ขยับเข้าไปใกล้หูของเธอแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณเรียกอีกนิดก็ไม่เป็นไร ยังไงคุณย่ากับพี่สาวที่อยู่ข้างนอกประตู พวกเธอยิ่งได้ยินคุณร้องก็ยิ่งดี…….”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงยื่นมือไปปิดปากตัวเองไว้ แล้วก็ไม่กล้าเรียกอีก
ค่ำคืนของการแต่งงานคืนแรก ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังดิ้นเพื่อให้จิ๋นลี่ยวนลงจากเตียง และใช้สี่ประโยคมาอุปมาว่า ค่ำคืนนี้ช่างแย่เหลือทน
เธอก็ไม่คิด ผู้ชายที่ไหนจะยอมรักษาระยะห่างกับภรรยาของตัวเอง? ไม่ได้กลืนกินตัวเธอเข้าไปก็ดีแค่ไหนแล้ว! อย่าเพ้อฝันเรื่อยเปื่อยเลย…