Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 82 ‘การเป็นที่โปรดปรานแล้วหยิ่งผยอง’ ของเธอ
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่ 82 ‘การเป็นที่โปรดปรานแล้วหยิ่งผยอง’ ของเธอ
บทที่ 82 ‘การเป็นที่โปรดปรานแล้วหยิ่งผยอง’ ของเธอ
“ลี่ยวน……ฉันกระทำอย่างไรกับคุณ คุณจะไม่รู้เลยหรือไง? คุณจะทำกับฉันอย่างใจเด็ดหมดเยื่อใยขนาดนี้จริงๆเหรอ?” มู่ซูวร้องไห้สอบถาม ท่าทางแบบนั้น ไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้เห็นเข้า ก็จะโอบเข้ามากอดไว้ในอกอย่างทะนุถนอมโดยอดใจไม่ไหว น้ำตาไหลลงมา มู่ซูวพูดต่อ “ลี่ยวน คุณลองคิดดู คิดถึงช่วงเวลาสองปีที่เราอยู่ด้วยกัน คุณลืมง่ายขนาดนั้นจริงเหรอ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวโดนชนเล็กน้อย จากการที่มู่ซูวเคลื่อนไหวมาข้างหน้าอย่างกะทันหัน คนทั้งคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยอัตโนมัติ เมื่อยืนได้มั่นคงแล้ว ก็เห็นทั้งสองคนกอดกันไว้แน่น ไฟในใจอย่าพูดถึงเลยว่าร้อนแรงแค่ไหน!
ขมวดคิ้วมุ่น ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องเขม็งตรงไปที่มู่ซูว เธอในตอนนี้ แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะโยนเธอลงจากชั้น 13 โดยตรง!
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วมุ่น บอกตามความจริง เขาไม่คุ้นเคยที่มีคนอยู่ใกล้ชิดกับตัวเองมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือระหว่างเขากับมู่ซูวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย และยังไม่ทันดูสีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนยื่นมือกระชากแขนของมู่ซูว ดึงเธอออกไป อย่างไม่ลังเล……
หลังจากที่มู่ซูวถูกดึงออกไป เงยหน้าขึ้นมองจิ๋นลี่ยวน ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่ว่าจะมองยังไง ก็เหมือนยินเสี้ยวเสี้ยวได้รังแกเธอ และยังเป็นแบบที่โหดร้ายด้วย!
“ลี่ยวน……” เรียกด้วยเสียงสั่นเครือ มู่ซูวหวังที่จะทำให้จิ๋นลี่ยวนนึกถึงความทรงจำในอดีต และยังหวังว่าจะทำให้เกิดความทะนุถนอมของผู้ชายคนหนึ่ง
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ จิ๋นลี่ยวนก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชายที่ปกติ
ก้มมองลงไปที่เสื้อเชิ้ตบนตัวที่ไม่สามารถทนดูได้แล้ว คิ้วของจิ๋นลี่ยวนขมวดมุ่นจนสามารถหนีบแมลงวันตายได้ กันไปพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวว่า “เสี้ยวเสี้ยว เข้าไปในห้องนอนของฉันหยิบเสื้อออกมาให้ฉันตัวหนึ่ง”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ ไม่ขยับเลยสักนิด
ตลกแล้ว ใครจะไปรู้ว่า ที่นี่คือรังรักของพวกเขาในเวลานั้นหรือเปล่า? ถ้าหากเธอเข้าไปแล้ว เห็นภาพอะไรที่ทำให้เธอโกรธจนเส้นเลือดแตก จะทำยังไงดี? เธอจะไม่ไปหรอก!
น่าจะพูดว่า มีกลิ่นอายที่มู่ซูวหลงเหลืออยู่ในห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เธอก็ไม่อยากไปทั้งนั้น!
จิ๋นลี่ยวนจะเข้าใจความคิดของผู้หญิงได้อย่างไร ยังเป็นกู่ชูเหยา ที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี รีบวิ่งเข้าไปหยิบเสื้อออกมาให้จิ๋นลี่ยวน จิ๋นลี่ยวนก็ไม่ได้เปลี่ยนทันที แต่มองไปที่มู่ซูวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นความรังเกียจ แสบตาอย่างยิ่ง
มู่ซูวตัวสั่นเทาค่อยๆก้าวถอยหลังเล็กน้อย เนิ่นนานที่ไม่อยากจะเชื่อ มีวันหนึ่งที่จิ๋นลี่ยวนจะมองเธอด้วยสายตาแบบนี้……
ตกลงคือตรงไหน ผิดพลาดตรงไหนกันแน่?
มู่ซูวไม่เคยนึกเลยในชีวิตนี้ เขาจิ๋นลี่ยวนจริงจังกับความรู้สึกยิ่งนัก แต่ก็รอบคอบอย่างยิ่ง อาจเป็นเพราะด้วยสถานะ หรืออาจเป็นเพราะนิสัย เขาจิ๋นลี่ยวนไม่เคยเป็นคนที่เชื่อถือคนอื่นง่ายๆ ตั้งแต่แรกเริ่มที่มู่ซูวเข้ามาใกล้เขา เขาก็มีความระแวงไว้ เวลาสองปีไม่ถือว่านานแต่ก็ไม่ถือว่าสั้น แต่ก็เพียงพอในการให้เขาเห็นชัดเจน ว่าเธอเป็นคนแบบไหน การขอแต่งงานครั้งหนึ่ง ยิ่งตัดขาดทั้งหมดของทั้งสองโดยตรง……
“มู่ซูว ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย จากนี้ไป เธอคือเธอ ฉันคือฉัน ระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน!” เสียงของจิ๋นลี่ยวนต่ำมาก ทั้งๆที่ไม่ได้โกรธ แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังความโกรธเคืองจากในน้ำเสียงของเขาได้อย่างชัดเจน “ฉันไม่ชอบเธอและไม่รักเธอ ขอให้เธออย่ารังควานฉัน หากยังมีครั้งต่อไปอีก ฉันไม่รังเกียจที่จะให้ตระกูลมู่จำกัดอิสรภาพของเธอ!”
มู่ซูวกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น ยังไงก็ไม่เชื่อว่า จิ๋นลี่ยวนจะพูดคำแบบนี้กับตัวเองได้
ใช่ ในช่วงสองปีที่พวกเขาคบกัน จิ๋นลี่ยวนปฏิบัติกับตัวเอง อย่างไม่ร้อนไม่หนาว ไม่กระตือรือร้นแต่ก็ไม่เย็นชามากเกินไป หลายครั้งที่มู่ซูวรู้สึกว่าตัวเองเพียงแค่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แฟน แต่ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ยังคงเปิดเผย แต่เธอก็ยังคงคิดเสมอว่า เธอดีมากเช่นนี้ จิ๋นลี่ยวนยังไงก็ต้องหวั่นไหว แต่ยังไงก็คิดไม่ถึงว่า จิ๋นลี่ยวนปฏิบักับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ จะปล่อยมือได้สง่าผ่าเผยกว่าเธอ…….
ในวินาทีนี้ หัวใจของมู่ซูวเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ในสนามบิน ตอนที่เลิกกับจิ๋นลี่ยวน เธอไม่เคยรู้สึกปวดใจเลย แต่รู้สึกเสียดายเล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งปฏิเสธการขอแต่งงานของจิ๋นลี่ยวน เธอยังไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดใจ ก็แค่เสียดายเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่ทั้งสองแยกจากกัน เธอแทบไม่ได้นึกถึงเขาเลยแต่ทำไมกลับมาได้ยินข่าวการแต่งงานของเขาแล้ว เธอถึงได้เจ็บปวดมากขนาดนี้?
มู่ซูวยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยัน เธอรู้ดีว่า เธอหลงรักจิ๋นลี่ยวนจริงๆ แต่เพราะเธอในอดีตหยิ่งทระนง คิดเสมอว่าเธอสามารถควบคุมความรักนี้ได้ แต่คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นสภาพแบบนี้……
“จิ๋นลี่ยวน……” เก็บน้ำตาของตัวเองไว้ มู่ซูวมองเขาอย่างแน่วแน่ ถามเพียงคำเดียว “ถ้าหากฉันบอกคุณตอนนี้ ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับคุณ คุณยังต้องการฉันอยู่ไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกประโยคนี้ทำให้โกรธจนหัวเราะกะทันหัน คนทั้งคนก็อยู่ในสภาพอารมณ์กำลังจะปรี๊ดแตก!
ตอนที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า ถูกจิ๋นลี่ยวนจับ ข้อมือไว้ทันที เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจจองยินเสี้ยวเสี้ยวบีบอย่างรุนแรง
จิ๋นลี่ยวนมองไปที่มู่ซูว ด้วยท่าทางที่จริงจัง จริงจังอย่างมาก
เขา ท้ายที่สุดแล้ว ก็ทิ้งไม่ลงใช่ไหม?
ตอนนี้มู่ซูวยอมแต่งงานกับเขา แล้วเขาก็เสียใจภายหลังแล้วใช่ไหม?
ในช่วงเวลาสั้นๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวราวกับออกมาจากพื้นที่ที่มีหิมะและน้ำแข็งโปรยปรายปกคลุมไปทั่วพื้นดิน ชาไปทั้งตัว……
ผ่านไปเนิ่นนาน เธอถึงได้ยินจิ๋นลี่ยวนพูดว่า “มู่ซูว ระหว่างเราเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม”
ในคราวนี้ มู่ซูวกลับไม่ได้ร้องไห้ แค่มองเขาอย่างดื้อรั้น ในที่สุดก็ค่อยๆหันกลับไปถอดผ้ากันเปื้อนออก เปลี่ยนรองเท้าที่สวมอยู่ในเท้า แล้วเดินออกไป โดยไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่ตอนที่ยืนอยู่หน้าประตู มู่ซูว ยังคงหันมองกลับไป แต่ไม่ใช่มองไปที่จิ๋นลี่ยวน กลับมองตรงไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว……
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันตั้งสติได้จากความตกตะลึงที่เหมือนนั่งรถไฟเหาะ เธอก็ได้สบตากับแววตาของมู่ซูว แววตานั้น มองจนยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว ตัวหนาวสั่นโดยไม่รู้ตัว…….
มุมปากของมู่ซูว มีรอยยิ้มแปลกประหลาด รอยยิ้มนี้ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกแย่ไปทั้งตัว……
นั่นเป็นสิ่งที่สามารถรู้สึกได้ตลอดเวลา ราวกับว่ามีใครจ้องมองคุณจากด้านหลัง
จิ๋นลี่ยวนมองไปที่มู่ซูวอย่างเยือกเย็น จนกระทั่งเห็นมู่ซูวจากไป ถึงได้หันกลับมามองยินเสี้ยวเสี้ยว
ในที่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดึงสติกลับมา ก็ได้เห็นจิ๋นลี่ยวนกำลังมองตัวเอง ทันใดนั้นก็เหวี่ยงมือของเขาที่จับมือตัวเองออกไปด้วยความโกรธ ระหว่างผู้ชายคนนี้กับมู่ซูว มีเรื่องราวมากมาย เธอไม่ชอบใจยิ่งนัก
กู่ชูเหยา เห็นสถานการณ์นี้ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ดังนั้นเลยพูดขึ้นว่า จะลงไปดูอาหารเดลิเวอรี่ที่สั่งจาก ‘ร้านอาหารเทาถี้’ มาหรือยัง และจะไปซื้อเครื่องดื่มด้วย ก็ได้ออกไปแล้ว ทิ้งที่ว่างให้กับคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานกันโดยสิ้นเชิง
ในห้องที่ว่างเปล่า ยินเสี้ยวเสี้ยวยังเหมือนสามารถจะได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงบนตัวของมู่ซูว คิ้วที่ชนกัน เหมือนกับว่าไม่ยอมคลายออก
“ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอมีอะไรที่อยากจะพูด?” จิ๋นลี่ยวนเริ่มแก้ผ้าต่อหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่ปกปิด
แล้วยัง ‘เมตตากรุณา’ อนุญาตให้เธอถามคำถามใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวสีแดงอ่อนๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความเขินอาย แต่ก็ยังหันกลับมาอย่างมีสติที่จะไม่ไปมองเขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีอย่างมาก “ฉันสามารถพูดอะไรได้หรือว่าฉันพูดแล้ว จิ่งซานช่าวก็ยอมที่จะให้คำตอบกับฉัน?”
มือของจิ๋นลี่ยวนที่ปลดกระดุมหยุดชะงักกะทันหัน ยิ้มมุมปาก
สาวน้อยคนนี้ เวลาโกรธเหมือนเม่นน้อยจริงๆ
หลังจากถอดเสื้อเชิ้ตที่สกปรกยุ่งเหยิงบนตัวทิ้ง จิ๋นลี่ยวนก็ใส่เสื้อเชิ้ตที่กู่ชูเหยาหยิบออกมา แล้วเดินไปหายินเสี้ยวเสี้ยวทันที ยื่นมือออกเพื่อจัดกระดุมข้อมือพร้อมพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวว่า “จัดการให้ฉันเรียบร้อย”
เดิมทียินเสี้ยวเสี้ยวยังมองดูทิวทัศน์อันไกลโพ้นนอกหน้าต่าง แต่ทันใดนั้นตรงหน้าก็กลายเป็นชายเปลือยครึ่งตัว ใบหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ยังคงยื่นมือออกไปเพื่อติดกระดุมให้เขาทีละเม็ด ได้กลิ่นกายที่สดชื่นและคุ้นเคยบนตัวเขา รู้สึกแสบที่ปลายจมูกเล็กน้อย
เธอยินเสี้ยวเสี้ยวตกลงไปมีเรื่องมีราวกับใครกันแน่?
ตอนที่เธอหาคนแต่งงาน เธอใช้มีดจี้บังคับจิ๋นลี่ยวนหรือ? หรือว่าเธอใช้ชีวิตตัวเองไปขู่บังคับจิ๋นลี่ยวน? ทำไมเธอก็แค่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใหม่ จากนั้นก็พยายามทำให้จิ๋นลี่ยวนตกหลุมรักตัวเอง อยู่ด้วยกันกับตัวเองดีๆ ความหวังเล็กๆแค่นี้ แค่เพิ่งจะเริ่มต้น ก็มีอุปสรรคมากมายขนาดนี้?
ก่อนแต่งงาน เธอคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างจิ๋นลี่ยวนกับมู่ซูวลึกซึ้งกันมาก รักกันซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง และยังบีบบังคับตัวเองให้เป็น ‘ผู้หญิงเลว’ ในงานแต่งงาน เสี้ยววินาทีที่มู่ซูวปรากฏตัว ตัวเองก็ได้กลายเป็นมือที่สามที่ไร้ยางอายจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยทันที ในวันแรกหลังแต่งงาน เธอยังได้เห็นมู่ซูวปรากฏตัวในคอนโดของสามี ท่าทางเหมือนนายหญิงเจ้าของบ้าน!
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เธอจะไม่น้อยใจหรือ?
ยิ่งคิดยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ!
จิ๋นลี่ยวนนายวายร้ายใหญ่ตัวนี้ เป็นตัวสร้างปัญหาชัดๆไม่ใช่หรือ? ยังเป็นตัวสร้างความน้อยใจให้กับยินเสี้ยวเสี้ยว?
จิ๋นลี่ยวนก้มมองดูเธอติดกระดุมให้ตัวเองอย่างจริงจังและน้อยใจ ร่างตัวเล็ก เขายื่นแขนออกทั้งสองข้าง ก็เหมือนสามารถจะโอบเธอเข้ามาอยู่ในร่างตัวเอง บนขนตาที่โค้งงอยาว คราบน้ำตากะพริบแวบวับ แต่ก็ยังเข้มแข็งไม่ให้มันไหลลงมา……
เฮ้ย ยินเสี้ยวเสี้ยว ผู้หญิงคนนี้ ช่างดื้อจริงๆ! แต่ก็น่าทะนุถนอมจริงๆ
ยื่นมือออกไปโอบเอวบางของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนไม่สนใจร่างกายที่แข็งทื่อเล็กน้อยของเธอ แล้วพูดเบาๆว่า “มู่ซูว ในตอนนั้นที่เข้าหาฉัน ฉันก็รู้สึกว่าจงใจมาก ดังนั้นฉันจึงมีใจระแวงให้กับหล่อนตั้งแต่แรก มีการเริ่มต้นนี้แบบนี้ เธอคิดว่าฉันจะเอาใจใส่หล่อนมากได้แค่ไหน?”
“แล้วคุณยังขอเธอแต่งงานอีก!” ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็เงยหน้าขึ้นพูดกับเขาด้วยความไม่พอใจ ทั้งๆที่ในน้ำเสียงคือความโกรธอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อฟังเข้าไปในหูของจิ๋นลี่ยวนแล้ว กลับเป็นความออดอ้อนที่น่ารัก
ยิ้มออกมาเงียบๆ จิ๋นลี่ยวนตอบ “ฉันยอมรับ ในตอนนั้นได้คิดจริงๆว่า ถ้าหล่อนตกลง นั้นฉันก็จะแต่งงาน แต่ที่มีมากกว่าก็คือ ฉันมั่นใจมาก ว่าเธอจะไม่ตกลง……”
“แต่ยังไงก็คือคุณขอแต่งงานแล้ว! แม้กระทั่งงานแต่งงานนี้ ก็คือที่คุณเตรียมไว้ให้กับหล่อนก่อนหน้านั้น!” อาจจะเป็นเพราะว่าจิ๋นลี่ยวนในตอนนี้ ทำตัวอ่อนโยนมาก หรืออาจเป็นเพราะว่า จิ๋นลี่ยวนในตอนนี้ ทำตัวเหมือนพูดเจรจาง่ายมาก ยินเสี้ยวเสี้ยวเลยพูดคำที่อัดอั้นค้างคาในใจมานาน เต็มไปด้วยความคับแค้นใจของสาวน้อย “ฉันเป็นแค่ตัวแทนของเธอ ในงานแต่งงานนี้ นอกจากเจ้าสาวคือฉันแล้ว นอกจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คือสิ่งที่คุณเตรียมไว้ให้เธอ ไม่ใช่หรือ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนนิ่งอึ้ง ไปชั่วขณะ
เขาไม่เคยคิดเลยว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวจะใส่ใจเรื่องแบบนี้
เขาตอนนี้ รู้สึกเพียงว่ายินเสี้ยวเสี้ยวน่ารัก ไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าเธอชอบเขา แต่ความใส่ใจเพียงน้อยนิดที่เขามีต่อยินเสี้ยวเสี้ยว ความหวั่นไหวเพียงน้อยนิด ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นแม้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้จะน้อยใจมากแค่ไหน เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้….