Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่139 คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มากที่สุด
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่139 คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มากที่สุด
บทที่139 คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มากที่สุด
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างเรียบร้อย คงเป็นเพราะตัวเองจะโดนยินเสี้ยวเสี้ยวทิ้งและไม่ทำตามสัญญาที่ว่าจะจัดงานวันเกิดให้ คุณย่าจิ๋นเองก็เขินอายไปสักหน่อย แต่กลับไม่ได้เจอความผิดพลาดของยินเสี้ยวเสี้ยวเลย ในตอนนี้เองคุณหนูตระกูลมู่อย่างมู่เยียนหรานกลายเป็นแขกที่มาที่คฤหาสน์บ้านจิ๋นอยู่บ่อยครั้ง และยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนเองก็ถูกเรียกให้มากินข้าวบ่อยเหมือนกัน
การนัดของรุ่นที่โตกว่านั้น รุ่นที่เด็กกว่าไม่ควรจะปฏิเสธ
วันนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวไปที่คฤหาสน์บ้านจิ๋นพร้อมจิ๋นลี่ยวน เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นมู่เยียนหรานกำลังหยอกล้อเอ้อฮันอย่างไม่น่าแปลกใจ ดูเป็นท่าทีที่ดี เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา
“ลี่ยวน เสี้ยวเสี้ยว” มู่เยียนหรานทักทายด้วยความยิ้มแย้ม
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร แววตากลับมองเธออย่างละเอียด
กระโปรงถักทีเหลืองอ่อนๆ นั้น มันทำให้เธอดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก……และไม่รู้สึกถึงความคุกคาม
จิ๋นลี่ยวนพยักหน้าก่อนจะจูงมือยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้าไป เอ้อฮันเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดีใจจนอยากจะปรี่เข้าไปหา ถ้าไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนพูดเอาไว้ ไม่แน่ยินเสี้ยวเสี้ยวอาจจะเล่นกับเอ้อฮันที่พื้นแล้ว
ยื่นมือไปลูบหัวของเอ้อฮัน ก่อนจะพูดเอาใจยินเสี้ยวเสี้ยวเสียงเบา แต่มู่เยียนหรานก็เข้าไปกับพวกเขา ปล่อยให้เอ้อฮันรออยู่ข้างนอกอย่างน้อยใจ
ในห้องรับแขก คุณย่าจิ๋นเพิ่งจะตื่นจากการนอนกลางวัน เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ก่อนจะยิ้มพลางกำชับคุณแม่เสิ่นว่า: “คุณแม่เสิ่น คุณให้เชฟไปเตรียมอาหารจานเล็กที่เยียนหรานชอบมาหน่อย อย่าให้ผู้หญิงคนนี้พูดได้อีกว่าฉันไม่รักเธอ”
คุณแม่เสิ่นยิ้มเบาๆ ก่อนจะตอบรับแล้วเดินจากไป เหมือนกับว่าไม่ได้ตกใจอะไร อันที่จริงมันเกิดขึ้นวันเว้นวันที่คฤหาสน์จิ๋นเลยล่ะ มู่เยียนหรานไม่ใช่คนของบ้านจิ๋นแต่กลับเหมือนกับคนบ้านจิ๋น
ยินเสี้ยวเสี้ยวมาเพียงอาทิตย์ละครั้งแต่เมื่อเทียบกับมู่เยียนหรานที่มาวันเว้นวันนั้น มันเทียบกันไม่ได้เลย ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้เหมือนกับคนไร้ตัวตนในสายตาคุณย่า
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะเรียกคุณแม่เสิ่นที่กำลังจะไปเอาไว้ ก่อนจะพูดว่า: “คุณแม่เสิ่น ให้เชฟไปทำปลาต้มพริกและไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ด้วยนะ”
เมื่อพูดคำนี้ออกไปคนในห้องรับแขกต่างพากันตกตะลึง จิ๋นลี่ยวนกลับจูงมือยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นไปข้างบนด้วยอย่างธรรมชาติ เพราะถึงอย่างไรก็ยังไม่ถึงเวลากินข้าว
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนดูเยือกเย็นขึ้น
ถึงจะเป็นรุ่นโตกว่า แต่ว่าเดี๋ยวนี้คุณย่าจิ๋นไม่ค่อยไว้หน้ายินเสี้ยวเสี้ยว
คุณย่าจิ๋นมองทั้งสองคนเดินขึ้นไปด้วยความไม่พอใจ โกรธจนเกือบจะถามออกไป แต่ก็ถูกมู่เยียนหรานดึงเอาไว้ จนกระทั่งห้องของจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวมีเสียงปิดประตูดังมา มู่เยียนหรานถึงจะพูดออกมาเบาๆ : “คุณย่า คุณอย่าโกรธเลย คุณเป็นแบบนี้ปล้วฉันจะทำอย่างไรล่ะ?ถ้าเกิดลี่ยวนเกลียดฉันขึ้นมา ฉันก็จะมาหาคุณไม่ได้แล้ว”
“เด็กน้อยกำลังพูดอะไรเนี่ย เขาจะเอาอะไรมาไม่ชอบคุณ คุณไม่เกลียดเขาก็ดีแล้ว” คุณย่าจิ๋นไม่ชอบเห็นมู่เยียนหรานน้อยใจ แค่เห็นก็เจ็บเหมือนกับหัวใจถูกกรีด “ไม่รู้ว่าลี่ยวนโดนมนต์ดำอะไร ถึงได้ปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวนักหนา ฉันดูไม่ออกเลยว่าเด็กนั่นมีดีอะไร”
บางทีอาจจะโกรธมากไป วันนี้คุณย่าจิ๋นเลยพูดคำแบบนี้ออกมาเป็นครั้งแรก
ตกใจที่เหมือนกับว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป คุณย่าจิ๋นเลยรีบหันมามองมู่เยียนหราน กลับเห็นว่าท่าทีของเธอเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไรก็เลยวางใจลง
เรื่องบางเรื่องรู้คนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่น
ถึงแม้ว่าเธอจะอยากให้มู่เยียนหรานมาเป็นภรรยาของหลานบ้านจิ๋น แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้
ในครอบครัวสูงส่งร่ำรวยนั้น เกรงว่าถ้ามีข่าวอะไรหลุดออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวก็มีความสามารถในการสยบข่าวได้ นี่เลยเป็นเหตุผลที่เธอยังคงอยู่ที่บ้านจิ๋น ถ้าเกิดทำไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ต้องออกไปจากบ้านจิ๋นแล้ว เพราะว่าคุณย่าจิ๋นนั้นไม่เห็นด้วยเลย!
พูดหยอกล้อคุณย่าจิ๋นเบาๆ แต่ในใจของมู่เยียนหรานกลับอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มเยาะเบาๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณยังจะอยู่ที่บ้านจิ๋นได้อีกนานแค่ไหนกันนะ?
วันนี้ เธอควรจะใส่ไฟสักหน่อยดีไหมนะ?
คฤหาสน์จิ๋น ในห้องของจิ๋นลี่ยวน
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองผู้ชายที่กำลังขมวดคิ้วเข้มกลับอดไม่ได้ที่จะขำออกมา
“คุณขำอะไร?” ถามเบาๆ จิ๋นลี่ยวนไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงหัวเราะ
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ต่อหน้าจิ๋นลี่ยวนก่อนจะเงยหน้ามองเขา แววตาเต็มไปด้วยความดีใจ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า: “ฉันดีใจไงล่ะ”
หรี่ตามอง จากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะพูดต่อ: “จิ๋นลี่ยวน ฉันมีความสุขจริงๆ นะ ดีใจที่คุณออกหน้าแทนฉันไงล่ะ”
คุณย่าจิ๋นไม่พอใจในตัวเธอ เธอจะไปมองไม่ออกได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เธอก็ดูออกอยู่แล้ว แถมยังดูเรื่องที่บางทีแม้แต่จิ๋นลี่ยวนก็ไม่รู้ด้วย……
แต่วันนี้ หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนเห็นกลับปกป้องเธอแบบนี้
เธอจะไม่ดีใจได้อย่างไร?
เขามองรอยยิ้มของยินเสี้ยวเสี้ยวที่เบิกบานเหมือนดอกไม้ตรงหน้า จิ๋นลี่ยวนถอนหายใจก่อนจะจับมือเธอแล้วดึงเข้ามากอด
ยินเสี้ยวเสี้ยว เป็นคนที่พอใจอะไรง่ายๆ เหลือเกิน
ถ้าเกิดเป็นต้นหญ้า เพียงแค่ดินผืนเดียว แสงอาทิตย์ และเม็ดฝนเล็กน้อยก็ทำให้เธอมีความสุขและตื่นเต้นเหมือนกับมีโลกทั้งใบแล้ว
จิ๋นลี่ยวนไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ตอนแรกที่มีข่าวเรื่องที่หยินเสี้ยวเสี้ยวเจอแต่อะไรร้ายๆ นั้น เขารู้ว่าคุณย่าต้องโกรธมาก ถึงแม้ว่าจะรักยินเสี้ยวเสี้ยวแต่เขาก็ต้องเอาใจคุณย่าจิ๋นด้วย ยังไงคนแก่ก็เทียบกับคนหนุ่มสาวไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ คุณย่าจิ๋นทำให้คนในบ้านจิ๋นทุกคนออกำปจากเมืองT งานเลี้ยงฉลองวันเกิดยังไม่สนใจยินเสี้ยวเสี้ยวจนทำให้เธอถูกเอานินทา ตอนนี้ยังทำแบบนี้ต่อหน้ามู่เยียนหรานอีก ถึงเขาจะเปป็นหลานแต่ก็เกินไปหน่อย……
“เสี้ยวเสี้ยว คุณน้อยใจไหม?” ถามเบาๆ จิ๋นลี่ยวนเองก็กลัวจะได้ยินคำตอบ แต่ก็ถามออกไป
ตกตะลึงเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีทางจะหน้าซื่อใจคดจนตอบว่าไม่ เลยพูดความจริงออกไป: “บางทีก็น้อยใจมากเลย ตอนที่ทั้งเมืองTเหลือแค่ฉัน ตอนที่คุณไม่อยู่ข้างกายฉัน ฉันต้องเจอนักข่าวตัวคนเดียวมันน่าน้อยใจมากเลย แต่ว่ามาคิดๆ ดูแล้วก็ไม่อะไรแล้วล่ะ……”
“เพราะอะไรเหรอ?” เสียงอุดอู้ในลำคอจิ๋นลี่ยวนเลยฟังคำตอบของเธอไม่ชัด ในใจเลยรู้สึกเครีดยขึ้นมา
“คุณไม่รู้เลยจนถึงตอนนี้ ความน้อยใจของฉันมันเป็นเพราะตัวฉันเองทั้งหมดเลยเหรอ?แน่นอนว่าบางทีฉันก็ถูกโยงไปถึง ‘บ้านจิ๋น’ ด้วย แต่ว่าไม่พูดไม่ได้ ว่าชื่อเสียงของฉันแล้วก็คลิปนั้นมันเป็นปัญหาของแนเองไม่ใช่เหรอ?ถ้าเกิดว่าฉันจัดการเรื่องนี้ให้ดีตั้งแต่แรก คงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นใช่ไหม?” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดเบาๆ เมื่อติดต่อเรื่องทั้งหมดเธอก็คิดกลับไปอย่างละเอียด
แน่นอนว่า เหมือนกับที่ถาวหยีพูด ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าอยู่ในฐานะของคุณนายน้อยสามตระกูลจิ่น ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันจะถูกเผยแพร่ก็คงไม่มีคนสนใจขนาดนั้น แต่เธออยู่ในฐานะแบบนี้ มีบางเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ เมื่อได้รับฐานะนี้มาแล้วเธอเลยต้องจ่ายไปในราคาที่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ?
จิ๋นลี่ยวนตกตะลึงไปนิดหน่อย พลางมองเธอ อารมณ์ภายในสายตาที่กวัดแกว่งไปมาทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ
เขาคิดมาตลอดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวยังเด็ก ยังไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายเขาก็รู้ได้เลยว่าเธอโตขึ้นมากแล้ว ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบ้านจิ๋นอีก แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้แล้ว ว่าภรรยาของเขาเป็นคนที่มองโลกแง่ดีมาก แล้วก็มีมุมมองในการใช้ชีวิตอย่างไร
หลังจากเกิดเรื่อง เธอก็ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาของคนอื่นแต่กลับโทษไปที่ตัวเอง
ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวด้วย และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้
อีกอย่าง ยินเสี้ยวเสี้ยวมองโลกในแง่ดี ร่าเริง แล้วยังมีความฉลาดอีก แบบนี้ความกลับกลอกของเธอมันทำให้เขานึกถึงสุนัขจิ้งจอก
ภรรยาของเขา เป็นเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์น้อยที่ยังขาดประสบการณ์?
อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา จิ๋นลี่ยวนโอบยินเสี้ยวเสี้ยวพากันเดินไปที่เตียงก่อนจะนอนลง ยินเสี้ยวเสี้ยวตกใจจนกอดเขาเอาไว้แน่น แต่ก็ยังไม่กล้าส่งเสียงออกมา เมื่อล้มลงบนเรือนร่างของจิ๋นลี่ยวน ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกปวดกระดูกไปหมด ก่อนจะพูดเบาๆ : “จิ๋นลี่ยวน กระดูกของคุณแข็งจัง!”
จิ๋นลี่ยวนอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็กลั้นเอาไว้ กลับยื่นมือออกไปจับหัวของยินเสี้ยวเสี้ยวก่อนจะจูบลงมา ทั้งห้องก็เงียบลง……
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเปลี่ยนจากคนที่กดเอาไว้ และจูบ ไปจนถึงคนที่ถูกกด และถูกจูบ เมื่อเห็นว่าจิ๋นลี่ยวนจะทนไม่ไหว ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พยายามจะต่อต้านจิตใจของตัวเองนั้น ประตูห้องก็มีคนมาเคาะพอดี……
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายอกหายใจอย่างหนัก มือเล็กๆ ก็จับเสื้อที่หน้าอกของจิ๋นลี่ยวน แต่ก็กลับแอบโล่งใจ
เธอยังคงกลัวอยู่ แต่กลับไม่กล้าพูด และไม่อยากพูด
จิ๋นลี่ยวนก้มมองเธอ แล้วให้คนข้างนอกรอก่อน สุดท้ายก็โน้มตัวไปจูบเธอก่อนจะลุกเดินไป
เขาเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุด แต่กลับไม่รู้ว่าเธอกลัวเหรอ?ในวันเกิดเขาครั้งที่แล้วบรรยากาศดี ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนั้นมัวเมา ไม่แน่ว่าอาจจะไปตามน้ำแล้ว แต่เถียนหรงกลับโทรมา หรี่ตาลง หลังจากที่มองไปเขาก็คิดว่าต้องทำโทษเถียนหรงให้มาก!
คนนอกจะมารบกวนเขาในตอนนี้ได้อย่างไร?
“ลี่ยวน ฉันจะเข้าไปนะ” มู่เยียนหรานรออยู่ข้างนอกเมื่อไม่ได้ยินเสียงก็เลยจะยื่นมือไปเปิดประตู……
จิ๋นลี่ยวนยืนดื่มน้ำอยู่อีกฝั่ง เรือนร่างที่สูงยาวใต้แสงเงาช่วงใกล้ค่ำ ดูอย่างไรก็หล่อเหลามาก แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับนั่งอยู่นั่งตรงขอบเตียงด้วยใบหน้าสวยงาม สีปากสดสวย ท่าทีนั้นดูก็รู้ว่าเมื่อครู่ทำอะไรกัน……
สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย มู่เยียนหรานพูดออกมาเบาๆ ว่า: “ลี่ยวน คุณย่าให้ฉันมาเรียกพวกคุณไปกินข้าว”
พยักหน้า จิ๋นลี่ยวนบอกว่ารู้แล้ว และมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่มีใบหน้าแดงอีกครั้ง
เดินพลางจูงมือยินเสี้ยวเสี้ยว มู่เยียนหรานเดินตามพวกเขาไป ก่อนจะเดินไปกลับมองเตียงที่ยุ่งเหยิงอยู่ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ แววตาก็เข้มขึ้นอย่างมาก
ข้าวบนโต๊ะนั้นมันมีการเขียนแบ่งแยกอยู่ ครึ่งหนึ่งค่อนข้างรสอ่อน แต่อีกครึ่งหนึ่งค่อนข้างเผ็ดรสเข้ม
ย่าจิ๋นข้างๆ โต๊ะอาหารนั่งลงที่ที่นั่งหลัก วันนี้ไม่ใช่งานเลี้ยงของบ้านจิ๋น นอกจากคนทั้งสี่คนในที่นี้แล้ว ก็ไม่มีใครอยู่ที่บ้านอีก จิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวเดินมานั่งที่ของตัวเอง โดยไม่ได้ขัดกัน
เพียงแต่ว่าข้าวมื้อนี้มันเงียบเหงามากเป็นพิเศษ คุณย่าจิ๋นยังโกรธจิ๋นลี่ยวน ใครๆ ก็ดูออก แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับเป็นคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากที่สุด เธอไม่ได้ทำอะไรแต่กลับเป็นคนที่ผิดมากที่สุด