Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่161 ความบังเอิญครั้งที่2
บทที่161 ความบังเอิญครั้งที่2
จิ๋นลี่ยวนจะไปที่ไหน
เถียนหรงเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ทำหน้าสับสนเหมือนกัน ในขณะที่กำลังผิดหวังก็มีความรู้สึกสงสัยอย่างแรงกล้า
ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ ในเวลาแบบนี้จิ๋นลี่ยวนยังจะทำอะไรอีก
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของยินเสี้ยวเสี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของสำนักงานพิทักษ์เมืองไห่เมียว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมสำนักงานพิทักษ์ถึงได้โทรมาหาเธอ
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” รับสายโทรศัพท์ด้วยเสียงแผ่วเบา เถียนหรงก็ใช้โอกาสนี้หันหลังเดินออกไป แต่พึ่งจะเปิดประตูออกก็เจอกับจิ๋นลี่ยวนที่กำลังเดินมาพอดี แต่พอหันไปอีกทีกลับได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวพูดว่า “คุณว่าอะไรนะ ไฟไหม้ ?”
สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แต่กลับเดินเข้าไปด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเต็มทน ปล่อยเถียนหรงให้อยู่นอกประตูอย่างไร้ความปรานี “ปัง” ประตูปิดลงพร้อมกับชนเข้ากับปลายจมูกของเถียนหรงพอดี ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ทำให้หน้าเขาบูดเบี้ยวทันที
ตารูปหงส์นั้นกะพริบปริบๆ ผู้ชายขี้นินทาคนนี้ ฉันคิดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆอย่างนั้นหรือ
ยินเสี้ยวเสี้ยวกำโทรศัพท์ไว้ แล้วหันไปมองจิ๋นลี่ยวนด้วยท่าทางกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจ
เดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วจิ๋นลี่ยวนก็พูดเสียงแผ่วเบาว่า “เธอฟังที่คนอื่นเขาพูดให้จบก่อน”
เห็นได้ชัดว่า เขาได้รับข่าวมาก่อนหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว
พอกลับไปฟังคำพูดในโทรศัพท์ด้วยความน้อยใจ เธอถึงได้พบว่าตัวเองยังฟังไม่จบ
เมื่อคืนตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวออกไปแล้ว ภายในบ้านยังต้มน้ำซุปเอาไว้ เดิมทีคิดไว้ว่าคงกลับมาทัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะได้ตรงมาที่โรงพยาบาล แถมยังต้องอยู่ที่นั่งถึงสองวันกว่าจะได้กลับมา ซุปถูกต้มจนแห้งแล้ว โชคดีที่หยูเจียห้วยไปหยุดมันได้ทันเวลา เลยมีพื้นที่เล็กๆในห้องครัวเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย อย่างอื่นไม่ได้มีปัญหาอะไร
คิ้วขมวดกันแน่น จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็คิดขึ้นมาได้ว่าวันนั้นที่มหาวิทยาลัยT หยูเจียห้วยเคยบอกว่าอาทิตย์นี้จะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองไห่เมียว
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันกลับไปมองจิ๋นลี่ยวน แต่เขากลับกำลังตรวจดูร่างกายของเธออย่างจริงจัง แต่ในตอนที่สายตาของเธอลุกโชนเกินไปนั้นถึงได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ
หลังจากวางสายไปแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เม้มปากแล้วมองไปแล้วที่จิ๋นลี่ยวน ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้พูดว่า “จิ๋นลี่ยวน คุณแม่บอกว่าจะมาอยู่ที่นี่ แต่ว่าฉันลืมบอกคุณไป”
จิ๋นลี่ยวนพยักหน้า เพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารู้แล้ว จนงานในมือเสร็จแล้วเขาถึงได้พูดว่า “แบบนี้ก็ดี สภาพเธอในตอนนี้ก็จำเป็นต้องมีคนดูเลยจริงๆ ตอนที่ฉันไม่อยู่บ้านคุณแม่ก็จะได้ดูแลเธอ”
“คุณจะไปไหน ?” แทบจะเป็นการตอบสนองโดยไม่รู้ตัว ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบต่อคำพูดของจิ๋นลี่ยวนทันที
ความคาดหวังและความกังวลสั่นระริกอยู่ในดวงตาสุกสกาว แต่มีนัยของความเฉยเมยและความคิดถึงอยู่ในดวงตารูปหงส์คู่นั้น
“ฉันจะออกไปอาทิตย์หนึ่ง จะกลับมาหลังจากหนึ่งอาทิตย์” ขณะพูดจิ๋นลี่ยวนก็ยื่นมือไปทาบบนหน้าผากของยินเสี้ยวเสี้ยว หลังการผ่าตัดมักจะมีไข้ขึ้นมาได้ง่ายๆ “อาทิตย์นี้เธอต้องทำตัวดีๆนะ ฉันจะกลับมาในไม่ช้า”
ท้ายที่สุด เขาก็ยังไม่ได้บอกว่าเขาจะไปไหน
มีคนเคาะประตู เถียนหรงติดปลาสเตอร์ปิดแผลไว้บนจมูกแล้วบอกจิ๋นลี่ยวนว่ามีผู้ป่วยรออยู่ที่ด้านนอก
มองดูแผ่นหลังของจิ๋นลี่ยวนที่เดินออกไป จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็มีความรู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนกับตอนก่อนที่เธอจะแต่งงานเกิดขึ้นมา และจิ๋นลี่ยวนก็เก็บซ่อนตัวตนของตัวเองอีกครั้ง
……
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวโทรหายินจื่อเจิ้นนั้นเธอถูกด่าเสียยกใหญ่ แต่ภายในคำตำหนิเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย ขออนุญาตลาพักกับทางโรงเรียนไปแล้ว จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็เกิดว่างขึ้นมา ตอนที่หยูเจียห้วยมาถึงนั้นก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังนอนมองไปนอกหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่ายเข้าพอดี
นึกถึงเมื่อคืนที่เธอผ่านไปทางเมืองไห่เมียวแล้วแวะเข้าไปดูฉาก “ไฟไหม้” และเกือบทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นด้วยความหวาดกลัวนั้น ในใจก็มีความรู้สึกไม่พอใจยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมารางๆ
เด็กที่ประมาทเลินเล่อขนาดนี้ จะดูลี่ยวนได้ดีจริงๆหรือ
“เสี้ยวเสี้ยว” เอ่ยเรียกเสียงเบา หยูเจียห้วยคล้องแขนจิ๋นหยวนเฟิงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบหันไปมองพวกเขาแล้วเรียกอย่างนอบน้อมว่า “คุณพ่อ คุณแม่”
จิ๋นหยวนเฟิงพยักหน้าแล้วเดินไปข้างเตียงเพื่อถามไถ่อยู่คำสองคำ แต่หยูเจียห้วยกลับยืนอยู่อีกทางเงียบๆไม่พูดไม่จา
เธอมองสังเกตสีหน้าของหยูเจียห้วยด้วยความระมัดระวัง ยินเสี้ยวเสี้ยวสารภาพความผิดออกมาก่อนที่เธอจะได้เปิดปาก “คุณแม่คะ ขอโทษค่ะ เมื่อวานเป็นเพราะความไม่รอบคอบของฉันเอง เพราะฉันคิดว่าฉันจะกลับมาทัน……”
“ไม่เป็นไร ยังดีที่ไม่เป็นไรมาก หลับไปซ่อมแซมสักหน่อยก็พอแล้ว” ไม่รอให้หยูเจียห้วยเปิดปาก จิ๋นหยวนเฟิงก็ชิงตอบก่อนแล้ว ยื่นมือออกไปดึงตัวหยูเจียห้วยที่ท่าทางไม่พอใจ “ครั้งหน้าระวังหน่อยก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอจะเข้าในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ”
พยักหน้ารับ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ในบ้านจิ๋น คิดว่าคนที่มีเหตุผลมากที่สุดก็คงเป็นจิ๋นหยวนเฟิง
ลูกชายคนเดียวของคุณย่าจิ๋นบ้านจิ๋นตอนนี้ เพียงแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวมักจะรู้สึกว่าเขาขาดอะไรบางอย่าง
ในที่สุดหยูเจียห้วยก็ระงับความไม่พอใจในใจลง และไปนั่งที่โซฟาอีกด้านก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบาว่า “ลี่ยวนจะออกไปอาทิตย์หนึ่ง เธอรู้แล้วใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบ ในสายตามีแววของความเศร้าสร้อยวาบผ่าน
จู่ๆภายในห้องผู้ป่วยก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าประหลาด ผ่านไปครู่ใหญ่จิ๋นหยวนเฟิงกลับเปิดปากถามว่า “เธอจะตามเขาไปเหรอ”
เธอทำได้หรือ ?
เกือบจะหลุดปากถามออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากจะถามแบบนั้นจริงๆ
เม้มริมฝีปากแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าหากเขาให้ฉันไปด้วย ฉันก็คงตามไปแน่นอนค่ะ แต่ว่าการรอเขาอยู่ที่บ้านก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ”
เธอไม่มีทางฝืนใจจิ๋นลี่ยวนแน่ หากเขาไม่ยินยอม เธอก็ไม่มีทางตามเขาไป
ตอนที่จิ๋นลี่ยวนมาถึงก็บังเอิญได้ยินคำนี้เข้าพอดี แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะยกเท้าเดินเข้าไป
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ” เขาขานเรียกคำหนึ่ง จิ๋นลี่ยวนเดินตรงไปอยู่ข้างยินเสี้ยวเสี้ยว “พวกท่านมาได้ยังไง”
หยูเจียห้วยเผยรอยยิ้มออกมา มองจิ๋นลี่ยวนอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ลูกสะใภ้ฉันเข้าโรงพยาบาล คนเป็นแม่อย่างฉันก็ควรมาเยี่ยมดูไม่ใช่เหรอ ถ้าลูกดูแลไม่ดีจะทำยังไง”
คิ้วขมวดเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าวันนี้หยูเจียห้วยไม่ค่อยปกติ รวมถึงตัวจิ๋นลี่ยวนเองก็ไม่ค่อยปกติด้วย
ครอบครัวสี่คนคุยกันในห้องผู้ป่วยอยู่เป็นเวลานาน ในท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นจิ๋นหยวนเฟิงที่เอ่ยปากถามออกมา ท่าทางเต็มไปด้วยความระมัดระวัง “ลี่ยวน ครั้งนี้ลูกจะพาเสี้ยวเสี้ยวไปด้วยไหม”
ขนาดหน้าก็ยังไม่เงย จิ๋นลี่ยวนเอ่ยปากเสียงเบาว่า “เธอเพิ่งจะเข้ารับการผ่าตัดไป คงไม่เหมาะ”
นี่เป็นเหตุผลที่เธอไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ภายในใจมีทั้งความดีใจและความผิดหวังเล็กน้อย
ยังไงเสีย เธอก็คงตามไปไม่ได้สินะ……
แต่หยูเจียห้วยกับจิ๋นหยวนเฟิงกลับชะงักไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่แล้วจึงไม่ได้เอ่ยถึงคำถามนี้อีก และรีบร้อนจากไป ท่าทางแบบนั้นดูทั้งน่าตลกและ……แปลกประหลาด
“จิ๋นลี่ยวน คุณพ่อกับคุณแม่เป็นอะไรไปเหรอ” เธอเอ่ยถามเสียงเบา ราวกับยินเสี้ยวเสี้ยวมองคนในบ้านจิ๋นไม่ออกเลยสักคน
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนกุมมือน้อยๆของเธอแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร รอให้เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วคุณแม่ก็จะย้ายมาอยู่ที่เมืองไห่เมียว เธอดูแลร่างกายตัวเองดีๆแล้วรอฉันกลับมาก็พอ”
เธออ้าปากพงาบๆ แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เธอจะพูดได้อย่างไรว่า ที่จริงแล้วเธออยากตามไปมาก
และอยากจะรู้ความลับของเขา……
ณ ตระกูลมู่ หลังจากที่มู่เยียนหรานได้ข่าวจากจื่อผู่หยางแล้วก็ดีอกดีใจยกใหญ่ แต่ก็ต้องระงับความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แล้วรีบสั่งให้คนออกไปตามหาคนๆนั้นให้เธอ แต่กลับได้ข่าวว่าคนๆนั้นอยู่ในโรงพยาบาล
รีบร้อนตรงไปที่โรงพยาบาล จู่ๆเยียนหรานก็อยากจะอยากจะพบกับเด็กสาวผู้นำโชคที่ทำให้หัวใจของเธอยังเต้นอยู่ในร่างกายของตัวเธอขึ้นมา แต่เมื่อครู่กลับได้รับข่าวจากคนที่คอยตรวจสอบว่าคลาดสายตาจากคนๆนั้นไปแล้ว ทั้งๆที่รู้แล้วว่าคนๆนั้นอยู่ในโรงพยาบาล
โรงพยาบาลหนันหยู มู่เยียนหรานก็ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า แม้ว่าเธอจะไม่เคยเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเลยสักครั้ง
ในโรงพยาบาลมีคนเข้าๆออกๆ มีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เยียนหรานรู้สึกว่ากลิ่นนี้มันทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ รู้สึกดีราวกับว่าเธอได้กลิ่นของการมีชีวิต
“เยียนหราน ?” เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้น จิ๋นลี่ยวนบังเอิญมาที่แผนกโรคหัวใจเพื่อเอาภาพฉายรังสีของยินเสี้ยวเสี้ยวพอดี แต่กลับพบกับมู่เยียนหรานเข้า
หันกลับไป มู่เยียนหรานยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ?” เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เยียนหราน จู่ๆจิ๋นลี่ยวนก็คิดถึงท่าทางตอนที่เธอทานไอศกรีมครั้งที่แล้วขึ้นมา
“ยังไงฉันก็ว่างอยู่แล้วก็เลยอยากมาที่นี่ดู รายชื่อผู้บริจาคมีการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม” เธอกระตือรือร้นที่จะตามหาแหล่งที่มาของหัวใจของเธอ ทุกคนต่างก็รู้และเข้าใจดี “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ?”
สายตาของมู่เยียนหรานเลื่อนต่ำลงเล็กน้อยแล้วเผลอไปเห็นเอกสารในมือจิ๋นลี่ยวนที่มีชื่อ “ยินเสี้ยวเสี้ยว” ตัวใหญ่ๆเข้า ในใจก็เลยกระตุกวูบเล็กน้อย
“ฉันมาเอาเอกสารนิดหน่อย” ขณะพูด จิ๋นลี่ยวนก็ชูของในมือก่อนจะปกปิดมันไว้อย่างแน่นหนา
มู่เยียนหรานพยักหน้ายิ้มๆแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแค่บอกให้จิ๋นลี่ยวนไปยุ่งเรื่องของตัวเองต่อแล้วหันหลังเดินจากมา
จิ๋นลี่ยวนมองดูแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไป ดวงตารูปหงส์หรี่ลงอย่างดุเดือด
——หากมีวันใด ที่ฉันเจอกับคุณตอนที่คุณกำลังทำงาน ฉันจะไม่มีทางเข้าไปรบกวนคุณเด็ดขาด
ภายในหัวมีคำพูดประโยคนี้แวบเข้ามา ทำให้จิ๋นลี่ยวนรู้สึกใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา
ไอศกรีมที่ยังไม่เคยทาน ไม่รบกวนการทำงานของเขา……
มู่เยียนหรานมีสองข้อนี้ทับซ้อนกันอยู่โดยบังเอิญ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือมีความจูงใจแอบแฝงกันแน่
มู่เยียนหรานเดินไปข้างหน้าช้าๆ ที่จริงเธอไม่ได้อยากจะแยกจากกับจิ๋นลี่ยวนทั้งอย่างนี้ ที่นี่เป็นที่ทำงานของเขา ถ้าหากเธออยู่ข้างกายเขานานไปจะต้องมีข่าวลือแพร่ออกไปเป็นแน่ และข่าวลือแบบนี้มักจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนเรามากที่สุด แต่เธอก็ต้องจากมาอย่างเสียไม่ได้
สิ่งที่สำคัญกับเธอมากกว่าในตอนนี้ ก็คือการตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้น
ตอนที่เซี่ยงเฉิงพยุงยินรั่วอวิ๋นออกมาจากห้องทำงานคุณหมอก็เผชิญหน้ากันกับมู่เยียนหรานเข้าพอดี น่าเสียดายที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่รู้จักกัน มากสุดก็แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นหน้าคุ้นตาเท่านั้น
“เซี่ยงเฉิง รอให้ร่างกายฉันฟื้นตัวแล้ว พวกเรามามีลูกกันอีกคนนะ” ขณะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยินรั่วอวิ๋นก็ลดการแสดงออกให้น้อยที่สุด ถึงแม้จะพูดเสียงแผ่วเบาแต่ก็ยังหลุดเข้าไปในหูของมู่เยียนหรานเข้าพอดี
เซี่ยงเฉิง ?
ชื่อนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน……
เงียบไปอยู่สองวินาที เซี่ยงเฉิงก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อย่ารีบไปเลย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรีบฟื้นฟูร่างกายของเธอ เธอยังกลัวว่าพวกเราจะไม่มีลูกอีกเหรอ รั่วอวิ๋น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอต่างหาก”
รั่วอวิ๋น……
ยินรั่วอวิ๋น……
ความโค้งของมุมปากค่อยๆกว้างขึ้น รอยยิ้มของเยียนหรานสดใสเป็นพิเศษ หันไปเล็กน้อยแล้วมองดูพวกเขาทีหนึ่ง
คนหนึ่งคือแฟนเก่าของยินเสี้ยวเสี้ยว อีกคนคือน้องสาวคนละแม่ของยินเสี้ยวเสี้ยว
นี่เป็นการจับคู่ที่ดีเป็นพิเศษจริงๆ
ทั้งสามคนเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน แต่ในไม่ช้าก็มีพยาบาลเดิมตามเข้ามาด้วย
——เธอได้ยินหรือยัง ภรรยาของคุณหมอจิ๋นเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน แถมคุณหมอจิ๋นยังเป็นคนลงมือผ่าตัดเองกับตัวด้วย
——จริงเหรอ ? การผ่าตัดเล็กน้อยแบบนี้ คุณหมอจิ๋นเลิกทำไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ
——นั่นก็ต้องดูด้วยสิว่ากับใคร