Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่164 เลือกเมืองๆหนึ่งเพื่อใช้จบชีวิตในวัยชรา
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่164 เลือกเมืองๆหนึ่งเพื่อใช้จบชีวิตในวัยชรา
บทที่164 เลือกเมืองๆหนึ่งเพื่อใช้จบชีวิตในวัยชรา
นั่นเป็นแค่คำพูดตอนโกรธเท่านั้น แต่ว่าจิ๋นหยวนเชิ่งกลับพารุ่ยซีจากไปทั้งอย่างนั้น กลับไปที่เมืองQบ้านเกิดของรุ่ยซี บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สืบทอดมาให้รุ่ยซี ทั้งสองคนเลยเริ่มใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยกัน
จนหนึ่งปีหลังจากนั้น ชายชราจิ๋นถึงได้ตามหาพวกเขาเจอ จิ๋นลี่ยวนตัวน้อยกำลังถึงวัยที่เริ่มหัดพูด ยังคลานไปทั่ว ท่าทางน่ารักและเฉลียวฉลาดนั้นถูกใจชายชรามาก เลยอยากจะให้จิ๋นหยวนเชิ่งกลับไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ยอมรับรุ่ยซี
เมื่อรู้ความคิดของชายชราแล้ว จิ๋นหยวนเชิ่งก็แสดงออกว่าไม่ยินยอมอย่างชัดเจน
“หึ !” ชายชราจิ๋นหัวเราะเสียงเย็น มองดูสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาแล้วพูดว่า “แกคิดว่าแกมีปัญญาทำให้ผู้หญิงของแกได้มีชีวิตที่ดีได้เหรอ มีปัญญาให้ลูกของแกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดได้เหรอ จิ๋นหยวนเชิ่ง ตอนนี้แกมีงานที่ไม่เลว แต่แกเชื่อไหมว่าแค่ฉันเปิดปากแค่คำเดียว ทางรอดสักทางแกก็ไม่มี!”
นี่มันกันข่มขู่อย่างชัดเจน แต่จิ๋นหยวนเฟิงกับรุ่ยซีต่างก็รู้ดี ว่านั่นคือความจริง
รุ่ยซีเองก็ไม่ใช่คนโง่อะไร บ้านจิ๋นอยู่ระดับไหน เธอก็รู้มาตั้งนานแล้ว เลยมองดูลูกกับสามีของตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์ ในใจก็ปวดร้าวขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ยังต้องเลือกอย่างไร้ทางเลือก
ตกดึก รุ่ยซีก็ซุกอยู่ในอ้อมอกของจิ๋นหยวนเชิ่งแล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “หยวนเชิ่ง คุณพาลูกกลับไปเถอะ ขอแค่ได้เห็นว่าคุณกับลูกยังสบายดีฉันก็โอเคแล้ว ฉันไม่ขอชื่อเสียงและไม่ขอร้องที่จะได้อยู่กับคุณ ฉันขอแค่ให้ลี่ยวนสามารถเติบโตอย่างราบรื่นก็พอแล้ว”
จากต้นจนจบ เธอไม่พูดคำขอที่ให้จิ๋นหยวนเชิ่งอยู่กับเธอเลยแม้แต่คำเดียว แถมยังผลักเขาออกไปข้างนอกด้วย แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้จิ๋นหยวนเชิ่งมั่นใจว่าต้องอยู่ที่นี่ต่อไป จนสุดท้ายแม้ต้องมอบจิ๋นลี่ยวนให้จิ๋นหยวนเฟิงไปก็ยังยืนยันว่าจะอยู่กับรุ่ยซี
วันที่ชายชราจิ๋นจากไป รุ่ยซีคุกเข่าอยู่หน้าบ้านมองดูเขาพาลูกชายของตัวเองไป พูดแค่ประโยคเดียวว่าให้เขาเลี้ยงดูจิ๋นลี่ยวนให้ดีและไม่ได้พูดอะไรต่ออีก……
……
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย
จากที่จิ๋นลี่ยวนพูดมา ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือสถานที่ที่จิ๋นหยวนเชิ่งกับรุ่ยซีเคยอยู่ด้วยกัน หรือก็คือที่ๆจิ๋นลี่ยวนก่อนหนึ่งขวบเคยอาศัยอยู่ ไม่น่าแปลกใจที่เธอเห็นของเล่นเก่าและชำรุดมากมาย คิดว่าคงจะเป็นของจิ๋นลี่ยวนสินะ
เธอพลิกตัว ภายในความมืดยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองผู้ชายสีหน้าเงียบเหงาที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างแผ่วเบาว่า “จิ๋นลี่ยวน ที่แท้ตอนเด็กคุณก็เคยเติบโตในที่แบบนี้นี่เอง ดูแล้วไม่เลวเลยนะ”
จิ๋นลี่ยวนหัวเราะอย่างขมขื่น ก็จริง ถึงแม้ที่นี่จะเก่าและทรุดโทรม แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วก็ยังถือว่าไม่เลว
แต่ว่า ในใจเขากลับขมขื่นมาก
เป็นเพราะ เขาเป็นคนที่กตัญญูมาก แต่ก็เป็นคนที่ใช้ใจซื้อใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนแบบมู่ซูวที่อยู่ข้างเขามาสองปี ถ้าเขาลงมือแล้วเขาก็จะไม่ลังเล ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำลายเธอจนสิ้น แต่ก็คงไม่ต่างจากผู้สมรู้ร่วมคิด แต่จากต้นจนจบเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ ถึงแม้จะรู้ว่ามู่ซูวต้องตัดขาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตก็ตาม
เขามีชีวิตอยู่มายี่สิบแปดปี แต่ว่าเขารู้ความจริงว่าจิ๋นหยวนเฟิงกับหยูเจียห้วยไม่ใช่พ่อแม่ของเขาตอนแปดขวบ ไม่ใช่ว่าจิ๋นหยวนเฟิงกับหยูเจียห้วยดูแลเขาไม่ดี แต่เป็นเพราะว่าดีเกินไปเลยทำให้เขารู้สึกผิด ไม่ว่าจะกับลูกของจิ๋นหยวนเฟิงหรือกับพ่อแม่ตัวเองก็ตาม……
เด็กคนหนึ่ง ลืมพ่อแม่ที่รักตัวเองไป นี่เป็นเรื่องที่อักตัญญูมาก……
ก่อนหน้าที่จะรู้เรื่องนี้ เขาก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะคำพูดสองประโยคนั้นของรุ่ยซีออกมาในตอนนั้น เขาถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่
หรือไม่แน่ เขาอาจจะคล้ายกับแม่ของตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้
ทั้งสองคนต่างก็เป็นพวกที่หากทุ่มเทไปแล้วก็ต้องได้สิ่งตอบแทน !
ในคืนฝนพรำถึงจะรู้ว่าร่างกายตัวเองไม่ไหวก็ยังจะยืนรออยู่หน้าบ้านตระกูลจิ๋น เพราะมั่นใจว่าลูกในท้องของเธอคนของบ้านจิ๋นจะต้องช่วยปกป้องแน่ เธอไม่อยากให้จิ๋นหยวนเฟิงจากไป เลยใช้วิธีถอยหลังเพื่อรุก ไม่อยากให้จิ๋นลี่ยวนไม่ได้รับการศึกษาที่ดี เลยคุกเข่าขอร้องชายชราด้วยท่าทางที่น่าสงสารเพื่อให้เขาช่วยดูแลให้ดี……
ตั้งแต่แรก ตอนที่รุ่ยซีกับจิ๋นหยวนเชิ่งกลับประเทศมา เธอก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่ามันจะจบลงง่ายๆ
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดามาตั้งแต่ต้นแล้ว น่าเสียดายที่ชายชราจิ๋นกับคุณย่าจิ๋นต่างก็ละสายตาไป แถมยังปิดข่าวของคุณชายใหญ่บ้านจิ๋นเรื่องที่จิ๋นหยวนเชิ่งขากะเผลกอีกด้วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่เข้าใจความคิดของจิ๋นลี่ยวนได้อย่างไร ถึงแม้ทั้งพ่อและแม่ของเขาจะยังอยู่ แต่ก็เหมือนว่าไม่มีทั้งพ่อและแม่ มือเล็กวางไว้ใบบนมือใหญ่ของเขาแล้วถามเสียงเบาว่า “แล้วจากนั้นล่ะ”
หลังจากเงียบไปสองวินาที จิ๋นลี่ยวนก็ตอบว่า “หลังจากนั้นหนึ่งปี พวกเขาก็จากไปเพราะอุบัติเหตุ”
……
ยินเสี้ยวเสี้ยวเดาจุดเริ่มต้นไม่ได้ และทายจุดจบไม่ออก
จิ๋นลี่ยวนไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของจิ๋นหยวนเฟิงกับหยูเจียห้วย พ่อแม่ของจิ๋นลี่ยวนนั้นจากไปนานแล้ว เรื่องราวทั้งหมดนี้เธอก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และไม่เคยคิดเลยว่าคุณแม่ของจิ๋นลี่ยวน……จะไม่ใช่คนธรรมดามาตั้งแต่แรกแล้ว
นั่นเป็นคนที่กล้ารักกล้าเกลียด เป็นผู้หญิงกล้าที่จะคิดเพื่อตัวเอง
ภายในความมืด จิ๋นลี่ยวนถอนหายใจเบาๆอีกครั้งจากนั้นก็กอดยินเสี้ยวเสี้ยวแน่นขึ้น
ในช่วงเวลายี่สิบปีมานี้ ด้านหนึ่งเขาก็ยอมรับความดีจากจิ๋นหยวนเฟิงและหยูเจียห้วย อีกด้านก็คิดถึงพ่อแม่ของตัวเองไปด้วย ในเวลาส่วนใหญ่แล้วเขาก็รุ้สึกว่าตัวเองไม่เหลือตัวเลือกอะไรเลย จนทุกวันนนี้คุณย่าจิ๋นก็ยังไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้แล้ว ทุกคนในบ้านจิ๋นต่างก็รู้แต่ก็ไม่มีใครบอกเธอ เพราะจนถึงทุกวันนี้หญิงชราก็ยังไม่ยอมรับรุ่ยซี
หากไม่ใช่เพราะจิ๋นลี่ยวนเป็นคนที่มีความสามารถตั้งแต่เด็กจนโต และไม่เคยมีความคิดที่จะแก่งแย่งกับจิ๋นลี่โป๋มาก่อน คิดว่าก็อาจจะไม่ได้มีชีวิตสุขสบายมาถึงทุกวันนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเลยยื่นมือออกไปดึงตัวจิ๋นลี่ยวนเข้ามากอดแน่น
เธอคิดได้แล้วใช่ไหม
คิดได้แล้วว่าเขาเป็นพวกเก็บความรู้สึก คิดได้แล้วว่าเขาแค่จงใจปิดบังอย่างนั้นหรือ
จะกลัวหรือไม่ อยากจะหนีไปหรือเปล่า
จิ๋นลี่ยวนเองที่ตัดสินใจจะบอกเรื่องทั้งหมดกับยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ตอนนี้คนที่รู้สึกเสียใจก็คือเขา
แต่ว่า คนในความมืดที่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากแสงสว่างแล้ว จะให้ปล่อยมือไปง่ายๆได้อย่างไร
เลยยิ่งกอดยินเสี้ยวเสี้ยวแรงเข้าไปอีก แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายก็กอดตัวเองไว้แน่นเหมือนกัน ไม่นานประโยคหนึ่งก็ดังขึ้นที่ข้างหู “จิ๋นลี่ยวน ต่อไปพวกเราก็ทำแบบนั้นบ้างไหม หาเมืองๆหนึ่งเพื่อจบชีวิตวัยชราด้วยกัน”
เลือกเมืองๆหนึ่งเพื่อจบชีวิตวัยชรา อยู่กับคนๆหนึ่งไปยันหงอกหง่อม
เธออยากจะเป็นคนๆนั้น ถึงแม้ว่าจิตใจของจิ๋นลี่ยวนจะเลี้ยวลดคดเคี้ยวขนาดไหน เธอก็ยังอยากจะอยู่ข้างๆเขา
เขาตอบรับเสียงต่ำไปทีหนึ่ง แต่มุมปากของจิ๋นลี่ยวนกลับยกขึ้นเป็นมุมที่สังเกตไม่ได้ง่ายๆ
ในหลายช่วงเวลา เขาก็รู้สึกว่า การที่มีเธออยู่ข้างกาย มันช่างดีจริงๆ
วันถัดมา ยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนต่างก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษ
มาถึงเมืองQ แถมยังได้รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปทำความเคารพ
ในใจของคุณย่าจิ๋นนั้นยังเกลียดชังรุ่ยซีอยู่ และยังเกลียดชังจิ๋นหยวนเชิ่ง เพราะการมอมเมาของรุ่ยซีและการยึดติดของจิ๋นหยวนเชิ่ง ยิ่งพอทั้งสองคนจากไปแล้วเลยยิ่งเป็นปมในใจให้กับชายชรา ฝืนอยู่ได้ไม่ก็ปีก็ต้องจากไป ความเกลียดชังนี้ส่งผลให้ จนทุกวันนี้จิ๋นหยวนเชิ่งกับรุ่ยซีก็ยังไม่ได้ถูกฝังที่สุสานของบ้านจิ๋น
หลังจากตั้งแต่ที่รู้เรื่องนี้เมื่อตอนแปดขวบ จิ๋นลี่ยวนในวัยเก้าขวบก็เริ่มมาที่นี่เพื่อไหว้หลุมศพของพ่อแม่ตัวเอง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ก็จะต้องกลับมา
เมืองQยังคงฝนตก แต่ในที่สุดก็เริ่มเผยสีฟ้าออกมาให้เห็นบ้างแล้ว เพียงแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าท้องฟ้าฝืนนี้จะมีวันที่อากาศสดใสหรือเปล่า
บนภูเขาที่เงียบสงบมีเพียงเสียงฝนเท่านั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวสวมเสื้อกันลมสีดำอยู่ข้างๆจิ๋นลี่ยวน ใต้ร่มสีดำ ทั้งสองคนเดินเคียงบ่าไปข้างหน้าพร้อมกันช้าๆ
ทั้งคู่ไปหยุดอยู่ที่หน้าสุสานรวม แล้วยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้เห็นใบหน้าเยาว์วัยทั้งสองบนป้ายหลุมศพ
จิ๋นหยวนเชิ่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เพียงแค่มองยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดาได้ว่าตอนนั้นเขาสบายใจและอ่อนโยนขนาดไหน ส่วนรุ่ยซีนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน ตารูปหงส์นั้นดูมีเสน่ห์มาก
จิ๋นลี่ยวนนั้นได้ข้อดีทางหน้าตาของทั้งสองคนมาเต็มๆ
“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ……” เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา ยินเสี้ยวเสี้ยวหน้าแดงขึ้นมา นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ลูกสะใภ้หน้าตาน่าเกลียดอย่างเธอมาพบกับพ่อตาแม่ยายสินะ “สวัสดีค่ะ หนู่คือเสี้ยวเสี้ยว ขอโทษนะคะที่เพิ่งจะมาเยี่ยมพวกคุณเอาป่านนี้……”
จิ๋นลี่ยวนถือร่มให้เธอ มองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายด้วยแววตาอบอุ่น
เป็นแบบนี้ต่อไป ก็ดูท่าทางไม่เลวเหมือนกัน
“หนูกับลี่ยวนแต่งงานกันมาได้สักระยะแล้ว ตอนนี้พวกเรามีชีวิตที่ดีมากค่ะ พวกคุณวางใจเถอะนะคะหนูจะดูแลเขาให้ดีเอง……” เธอพูดชัดถ้อยชัดคำอย่างตั้งใจ ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเหมือนตรงหน้าไม่ใช่ป้ายหลุมศพอันเยือกเย็นแต่เป็นคนเป็นๆสองคน “พวกเราจะใช้ชีวิตให้ดี ขอให้พวกคุณไปสู่สุคตินะคะ……”
หลังจากไปไหว้พ่อกับแม่แล้ว จิ๋นลี่ยวนก็พายินเสี้ยวเสี้ยวออกมา ทั้งสองคนเดินไปตามถนนของเมืองQ
ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวเหม่อลอยเล็กน้อย และชนเข้ากับคนที่เดินผ่านโดยไม่ตั้งใจ รู้สึกเจ็บไหล่เล็กน้อย ความเจ็บนั้นเหมือนจะทำให้หัวใจและบาดแผลเองก็เจ็บปวดไปด้วย
“ขอโทษครับ…….” วัยรุ่นที่วิ่งเข้ามานั้นกล่าวขอโทษเสียงเบา พอหันมาเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าก็ถึงกับชะงัก
เธอนั่นเอง ?
พี่สาวของคุณชายคนนั้น ?
สายตาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเฉินหยูที่อยู่ตรงหน้าเองก็แปลกประหลาดเช่นกัน ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
แล้วสายตาก็เลื่อนไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วคิ้วของเฉินหยูก็ขมวดแน่นทันที
ผู้ชายคนนี้เขาเองก็รู้จัก วันนั้นเขาเข้ามาหาเรื่องเขาเพราะเรื่องของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เพียงแต่เห็นเขากับยินเสี้ยวเสี้ยวท่าทางเหมือนคนคุ้นเคยกัน หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นจอมเจ้าชู้กันแน่
ตั้งแต่เจอกับเฉินหยูครั้งแรก จิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ให้ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เหมือนว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก
“นายเองเหรอ ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวชิงถามออกมาก่อน เขาอยู่ที่เมืองTไม่ใช่หรือ ทำไมแค่พริบตาเดียวก็มาอยู่ที่เมืองQได้
เขายืนตรงอย่างเป็นระเบียบ จู่ๆเฉินหยูก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา ฝนตกลงกระทบบนตัวเขา ทำให้เขาดูอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย เขาเกาศีรษะแล้วพูดว่า “คือว่า บ้านของพี่น้องผมอยู่ที่เมืองQ พวกเรามาเพื่อเตรียมจัดเตรียมเทศกาลไหว้พระจันทร์”
พอยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ก็ล้วงกระเป๋าตัวเองแล้วหยิบร่มพับออกมาให้เขา บอกให้เขากางร่มก่อนแล้วค่อยพูดต่อ “แบบนี้นี่เอง งั้นขอให้พวกนายสนุกกับเทศกาลไหว้พระจันทร์นะ”
เฉินหยูหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างเกรงใจ
คิ้วเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนเดินไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปโอบเอวของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดว่า “พวกเราควรกลับไปแล้ว”
สีหน้าของเฉินหยูชะงักไป แววตาเลื่อนไปอยู่ที่มือของจิ๋นลี่ยวนที่วางอยู่บนเอวยินเสี้ยวเสี้ยว และในใจก็มีความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเกิดขึ้น
หลังจากบอกลากับเฉินหยูแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินออกมา และไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจ
แต่สำหรับวัยรุ่นบางคน กลับเริ่มอาลัยอาวรณ์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ส่วนสิ่งที่ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวกับเฉินหยูคิดไม่ถึงนั้นก็คือ วันที่สอง จิ๋นลี่ยวนกลับบุกไปหาเฉินหยูด้วยตัวเอง