Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่170 แผนกสูตินรีเวชหรอ
บทที่170 แผนกสูตินรีเวชหรอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังนึกว่าตัวเองมองผิดไป จึงเบิกตากว้างกว่าเดิม
เซี่ยงเฉินบอกว่าข้อมือเธอบาดเจ็บไม่ใช่หรือไง? แต่ดูยังไงก็เหมือนกำลังจะถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดยังไงอย่างนั้น……
เธอค่อยๆมองต่ำลง ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นผ้าพันแผลบนข้อมือของเซี่ยงหลิน ได้แต่ตั้งข้อสงสัยในใจ
มือที่จับโทรศัพท์เอาไว้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างช้าๆ พูดกับถาวหยีในโทรศัพท์เสียงเบา ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ด้านหลังของหมอและพยาบาลมองดูสถานที่ที่พวกเขาจะไป
—–ห้องผ่าตัด!
มือของเซี่ยงหลินจำเป็นต้องผ่าตัดหรอ?
“ฮัลโหล เสี้ยวเสี้ยว……”เสียงจากปลายสาย ถาวหยีดูเหมือนจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
“ถาวหยี แกอยู่ไหน? ฉันถึงแล้ว……” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดพร้อมกับพยายามเข้าใกล้หมอและพยาบาล แต่เธอเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป พยาบาลที่เดินอยู่หลังสุดก็หันมา แล้วเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางอย่างทันที ยินเสี้ยวเสี้ยวกล่าว “ฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ เมื่อกี้ฉันเข้าลิฟต์ผิดหน่ะ……”
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของพยาบาล ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเข้าลิฟต์ไป
ไม่รู้ทำไม ชั่วขณะที่ประตูลิฟต์ปิดลงเธอรู้สึกเหมือนเมื่อสักครู่ตัวเองนั้น…..ได้ฟื้นขึ้นจากความตาย?
เธอส่ายหัว สลัดความคิดที่น่าตลกออก ยินเสี้ยวเสี้ยวกดลงบนปุ่มลิฟต์
ในสายตาของเธอ ถาวหยีสำคัญที่สุด แค่เพียงยินเสี้ยวเสี้ยวไม่คิดว่าเธอจะเจอถาวหยีที่นี่
แผนกสูตินรีเวช?
เมื่อตัวหนังสือปรากฏตรงหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว เธอรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมา
ถาวหยีไปมีแฟนเมื่อไหร่กัน? ทำไมเธอถึงไม่รู้?
ถาวหยีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พอเจอยินเสี้ยวเสี้ยวก็รีบลุกเดินมาหา ยื่นมือออกมาโผล่เข้ากอดเธอ น้ำตาจากที่ไม่รู้มาจากที่ไหนไหลลงบนลำคอของยินเสี้ยวเสี้ยว ร้อนระอุไปหมด
คำถามมากมายที่ยินเสี้ยวเสี้ยวสงสัยจะปล่อยผ่านไปแบบนี้เลยหรอ เธอยื่นมือกอดตอบและปลอบเธอเงียบๆ
มีปัญหาเกิดขึ้นกับถาวหยีแล้วแน่ๆ เธอรู้สึกแบบนั้น น่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย
หลังจากผ่านไปนาน ถาวหยีถึงจะหยุดร้องไห้แล้วตามยินเสี้ยวเสี้ยวไปนั่งบนเก้าอี้
“เสี้ยวเสี้ยว……”เรียกเสียงเบา น้ำเสียงของถาวหยีแฝงไปด้วยความล้า “ฉันท้องแล้ว”
บู้ม!
หัวของยินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนโดนวางระเบิด และเธอก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที!
ใช่ โมโห!
ถาวหยีท้อง แต่ไม่ได้ท้องอย่างยินดีแต่ท้องทั้งน้ำตา กลางดึกแบบนี้ยังมาโรงพยาบาลคนเดียวไม่เจอแม้แต่เงาของฝ่ายชายเลย ยินเสี้ยวเสี้ยวลากคนนิรนามคนนั้นเข้าในแบล็คลิสต์ทันที!
เธอพยายามกดความโมโหเอาไว้ ยินเสี้ยวเสี้ยวถามเพียง “ลูกใคร?”
ต๋งไขหรอ?
เท่าที่เธอรู้คือ ผู้ชายที่สนิทและใกล้ชิดกับถาวหยีที่สุดในตอนนี้ก็มีแต่เขา……
ถ้าเป็นต๋งไขจริงหล่ะก็ เธอคิดว่าเธอคงต้องสั่งสอนต๋งไขสักทีหนึ่ง……
ถาวหยีส่ายหัว ปฏิเสธแต่ไม่มองยินเสี้ยวเสี้ยวเลย วินาทีต่อมาเธอพูดขึ้นว่า “เสี้ยวเสี้ยว ฉันไม่อยากร้ายสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้……”
ครั้งนี้ เป็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่นิ่งไป ไม่อยากทำร้ายงั้นแปลว่าจะเก็บไว้ เธอจึงปริปากพูดว่า “อื้ม บอกฉันมาว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ฉันจะไปจับมาให้แล้วพวกแกก็แต่งงานกัน แล้วใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ”
ถาวหยีที่ได้ยินประโยคนี้ น้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นเม็ดๆ เธอยิ้มอย่างเศร้าแล้วพูดว่า “เขาไม่เอาฉันหรอก ฉันกับเขาเราอยู่คนละโลกกัน”
“ถาวหยี แกรู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรอยู่?”น้ำเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวแฝงไปด้วยความจริงจัง พวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงไร้เดียงสา พวกเธอมักจะมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ “แม่ที่ไม่ได้แต่งงาน กับลูกที่พ่อไม่รู้ แกคิดว่าชีวิตแบบนี้จะสบายหรอ?”
นาทีนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดโน้มน้าวถาวหยี
เฮอุจส่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยTจนเรียนจบ มีงานที่มั่นคง แต่ตอนนี้เธอเพิ่งจบจากมหาลัยได้ไม่นาน ก็จะท้องก่อนแต่งแล้วหรอ? เธอไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะทำร้ายชีวิตเขาทั้งชีวิตเลยหรือเปล่า?
แต่เด็กนั้นไร้เดียงสา แต่เด็กที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อ ครอบครัวทที่มีแต่แม่คนเดียวเด็กจะเติบโตได้ดีไหม? ถาวหยีรับประกันได้ไหมว่าพอโตไปเด็กจะไม่โกรธที่ตัวเองไม่มีพ่อ?
พวกเธอก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว พวกเธอรู้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้หมายถึงอะไร
เธอพยักหน้าอย่างแรง ถาวหยีเลื่อนมือลงไปลูบท้องตัวเอง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความยึดมั่น “เสี้ยวเสี้ยว มีเขาแค่คนเดียวที่เป็นคนในครอบครัวของฉัน……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เตรียมจะโมโห แต่ถาวหยีหันหน้ามายิ้มอย่างเศร้าพร้อมพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว ย่าฉันเพิ่งจะเสียไป บนโลกนี้ฉันเหลือแค่แกกับเขาแล้ว……”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เงียบไป
ย่าของถาวหยีเป็นเพียงแค่คนในครอบครัวคนเดียวที่เธอมีอยู่บนโลก เมื่อช่วงก่อนย่าของเธอยังดีๆอยู่เลย แต่จู่ๆกลับจากไปเสียก่อน แม้แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ไหนบอกว่าจะรอถาวหยีหาเงินได้เยอะๆแล้วไปรับมาอยู่ด้วยไง ทำไมถึงได้จากไปก่อนหล่ะ……
ถาวหยีรู้สึกเสียใจเต็มอกแต่ก็ไม่มีที่ให้ระบาย
ถ้าไม่ใช่ว่าตัวเองไม่หนักแน่นพอ ไม่ใช่ว่าภาพนั้นของตัวเองที่โดนย่าเจอ ย่าก็คงไม่เป็นอะไร……
เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ เป็นความผิดของเธอ…..
ย่าคนเดียวของเธอ คนสนิทเพียงคนเดียวของเธอนั้นจากไปแบบนั้นเลย……
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เอื้อมมือไปโอบเธอปล่อยให้ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเธอ ทั้งแผนกสูตินรีเวชมีเพียงเสียงร้องไห้ของเธอ เสียงฟังดูเจ็บปวด……
“เสี้ยวเสี้ยว……เสี้ยวเสี้ยว……ทำยังไงดี ฉันควรทำยังไงดี……” ถาวหยีร้องไห้เสียงดัง พูดอย่างติดขัดว่า “ย่าเสียเพราะผิดหวัง ย่าเสียเพราะผิดหวังในตัวฉัน……ย่าอุตส่าห์ขึ้นมาเยี่ยมฉัน……แต่กลับไปเพราะฉันทำให้ผิดหวัง……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกคอแห้ง เพราะไม่ได้พูดเป็นเวลานาน
ย่าของถาวหยีอายุเยอะประมาณเจ็ดสิบหกปีแล้ว ระยะทางจากชนบทมาถึงที่นี่ก็ไม่ได้ไกลแต่ก็ไม่ได้ใกล้ ย่าของถาวหยีจะมาเยี่ยมพวกเธอบ้างบางครั้ง แม้แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็โดนย่าของถาวหยีเอ็นดูไปด้วย
“เสี้ยวเสี้ยว……”ถาวหยีร้องไห้โห ร่างกายกระตุกเล็กน้อย “ไข่ไก่ที่ย่าเอามาให้ยังอยู่ในบ้านอยู่เลย แต่ฉันกลับทำให้ย่าผิดหวังในตัวฉันแล้วกลับไป? ทำไมย่าถึงต้องขึ้นรถรอบนั้นแล้วเกิดอุบัติเหตุด้วย?”
ณ ตอนนี้ในใจของถาวหยีเต็มไปด้วยความเสียใจ ความรู้สึกผิด……
ย่าของเธอ เลี้ยงเธอมาจนโตแต่เธอกลับทำให้ย่าเสียเพราะตัวเอง……
“ถาวหยี ย่าคงอยากจะเห็นเธอสุขสบาย……”ปลอบเสียงเบา ดวงตาเริ่มแดงก่ำ น้ำเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวต่ำผิดปกติ “เธอต้องใช้ชีวิตดีๆ ย่าจะได้สบายใจไง……”
“เสี้ยวเสี้ยว……”ถาวหยีร้องไห้เสียใจมากขึ้น
วันนี้ สิ่งที่ถาวหยีได้เผชิญนั้นไม่ง่ายเลย
พอปลอบใจถาวหยีเสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงเพิ่งจะรู้ว่าย่านั้นเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อเย็นนี้ย่าได้ออกจากทางถาวหยีเตรียมกลับชนบท แต่ซื้อตั๋วรถไม่ทัน น่าจะเป็นเพราะผิดหวังในตัวถาวหยีมากจึงขึ้นรถที่ผิดกฎหมาย ผลคือคนขับขับรถนานจนไม่ได้พัก รถเพิ่งจะไปถึงครึ่งทางก็พลิกทันที คนทั้งรถประมาณห้าหกสิบคนได้ตกลงหน้าผาไป……
ทางตำรวจได้รับเรื่องก็รีบไปทันที บนคอของย่ายังห้อยเครื่องคนแก่ที่ถาวหยีซื้อให้ ทางตำรวจจึงรีบแจ้งมายังถาวหยี พอดีกับที่ถาวหยีอยู่ในโรงพยาบาลพอดี
“ไม่ต้องร้องแล้ว เราไปรับย่ากันเถอะ……”พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือออกไปให้ถาวหยีจับลุกขึ้นยืน
ในเวลานี้ถาวหยีถึงเพิ่งจะเรียกสติกลับคืนมาได้ ตามยินเสี้ยวเสี้ยวไปรอลิฟต์อย่างรู้สึกเหน็บชา ส่วนยินเสี้ยวเสี้ยวรีบโทรหาจิ๋นลี่ยวน ให้เขาเปลี่ยนคนมาแทน เพราะวันนี้เขาก็เหนื่อยเป็นพิเศษ
ทั้งสองเพิ่งจะเดินมาถึงห้องโถงก็เจอจิ๋นลี่ยวนที่ขับรถมารออยู่ตรงหน้าประตูแล้ว ส่วนเซี่ยงเฉินที่รออยู่อีกข้างก็รีบเดินเข้ามาหาทันที พอเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวรอบตาแดงก็รู้สึกเป็นห่วง
“เสี้ยวเสี้ยว……”เรียกเสียงเบา เซี่ยงเฉินยืนอยู่หน้ายินเสี้ยวเสี้ยวละมองหน้าเธออย่างไม่ละสายตา
จิ๋นลี่ยวนเดินเข้ามาแล้วมองสำรวจถาวหยีมั่นใจว่าเธอแค่เสียใจเกินไปและไม่ได้สนอะไรเธอ จากนั้นเงยหน้ามองเซี่ยงเฉิน
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยงเฉินแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไปอยู่เป็นเพื่อนเซี่ยงหลินเถอะ เข้าห้องผ่าตัดคนเดียวก็รู้สึกน่ากลัวมากนะ”
ชัดเจนมาก ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่อยากคุยอะไรกับเขาให้มากความ พูดจบก็พร้อมจะจากไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินเกินสองก้าวเซี่ยงเฉินที่อยู่ด้านหลังก็เดินเข้ามาคว้ายินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนคนบ้า ทำให้เธอปล่อยมือออกจากถาวหยี จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างๆรีบเข้ามาประคองไว้ในทันที และมองเซี่ยงเฉินด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณพูดว่าอะไรนะ? เซี่ยงหลินกำลังผ่าตัด? ผ่าตัดอะไร?” แม้เซี่ยงเฉินจะสับสนจนไม่รู้อะไร แต่ก็พอจะรู้ว่าข้อมือของเซี่ยงหลินไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องทำการผ่าตัด คำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยวทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที “คุณเจอเธอที่ไหน?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวโดนจับจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่พอมองไปยังเซี่ยงเฉินก็เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจ จึงทำได้แค่ตอบ “เธอผ่าตัดอะไรฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันรู้แค่ว่าฉันเจอเธอที่ชั้นสิบสอง เหมือนจะเป็นการผ่าตัดใหญ่……”
พูดไม่ทันจะจบ เซี่ยงเฉินก็วิ่งขั้นไปอย่างบ้าคลั่ง พยาบาลสองสอมคนที่อยู่ข้างๆก็รีบวิ่งตามขึ้นไปทันที
ดวงตาคู่สวยโดนขยี้อย่างแรง จิ๋นลี่ยวนใช้มือโอบเอวยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ข้างหนึ่งเพื่อพาเธอกับถาวหยีขึ้นรถ แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง เพราะด้านหลังพวกเขามี ‘หมอ’ ที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ทีนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีถึงกับตกใจ ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม พอขึ้นรถก็รีบล็อคประตูทันที หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนเตะ ‘หมอ’ คนนั้นที่ตามมาค่อนข้างใกล้ก็รีบเข้ารถมาสตาร์ทเครื่อง รถRange Rover ออกตัวอย่างรวดเร็วราวกับม้ารบ หมอที่ตามหลังมาก็ขับรถตามมาทันทีเช่นกัน
ทันใดนั้น บรรยากาศในรถก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมา
“เสี้ยวเสี้ยว!” เรียกเบาๆ จิ๋นลี่ยวนขับรถเร็วกว่าปกติ และออกคำสั่งอย่างด่วน “คุณรีบโทรหาบ้านเซี่ยง จากนั้นก็โทรหาเฉิงซื่อชิง!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เรียกสติกลับคืนมาได้ก็เริ่มกดโทรอย่างรวดเร็ว ส่วนจิ๋นลี่ยวนก็โทรไปยังเฉินผูลี่และเก๋อเฉิงเฟย
คนที่ได้รับสายต่างพากันแปลกใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะรีบออกมาทันที แล้วยังมีคนช่วยแจ้งตำรวจ
จิ๋นลี่ยวนที่อยู่โรงพยาบาลมานาน ยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีไม่รู้ว่านั่นคือการรวมตัวอะไร แต่เขานั้นรู้ กลัวแค่ว่ามีคนสนใจของบางสิ่งบางอย่างบนร่างกายของเซี่ยงหลินเข้าแล้ว……
ช่วงนี้มีหลายประเทศที่ ลักลอบขายอวัยวะไม่ใช่หรือไง?
รถข้างหลังยังคงตามมาติดๆ ดูเหมือนจะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆถ้าไม่ได้กำจัดพวกเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปด้านหลังอย่างตื่นตระหนก ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง เพราะเธอเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับนั้นชักปืนออกมา หลุมวงกลมสีดำนั้นจ่อมายังพวกเขา……
“หมอบลง!”จิ๋นลี่ยวนตะคอกเสียงดัง ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบดึงถาวหยีเข้ามาแล้วกดหัวลง ทันใดนั้นข้างหูก็ได้ยินเสียงกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ……
คมชัดแต่แสบหู
ทีนี้ ทุกคนต่างพากันสติแตกกัน!
ฝั่งตรงข้ามมีปืน มันเป็นของที่เจอได้ปกติหรือไง