Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่180 ทางเลือกของเฉินหยู
บทที่180 ทางเลือกของเฉินหยู
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวเริ่มประหม่า เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าจู่ๆเด็กคนนี้จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
มองดูจิ๋นลี่ยวนแล้ว สีหน้าตานั่นน่าเกลียดสุดๆ
แล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้นในตอนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบวิ่งไปเปิดประตู หลินจื้อและจูเชี่ยนยืนอยู่นอกประตู แน่นอนว่าต้องมารับหลินยีเย่า
พอเห็นพ่อแม่ของตัวเองแล้ว หลินยีเย่าก็เก็บท่าทางที่น่ารักของตัวเองทันที กลับไปเป็นท่าทางที่เงียบขรึมเหมือนครั้งแรกที่เจอกันอีกครั้ง ความเปลี่ยนนั้นดูแล้วทำเอายินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเอ็นดูเล็กน้อย
หลังจากแต่งงานเข้าบ้านจิ๋นถึงได้รู้ว่า บ้านยินและบ้านเซี่ยงที่เป็นตระกูลเล็กๆนั้นไม่มีความต้องการอะไรที่รุนแรงแบบนี้ ตระกูลใหญ่อย่างบ้านจิ๋นและบ้านหลินนั้น ต้องเรียนรู้หลายๆอย่างตั้งแต่เด็ก ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ของตัวเองตั้งแต่เด็ก
หลายๆครั้งที่พรสวรรค์ของเด็กๆต้องถูกทำลายไปแบบนั้น ทั้งชีวิตแทบไม่รู้เลยว่าอะไรคือ“ชีวิตวัยเด็ก”
ในตอนที่หลินยีเย่าไม่พูดไม่จาไม่ยิ้มนั้นเห็นได้ชัดว่ามีเหตุผล ดูโตเป็นพิเศษ เดาได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอนของที่บ้าน
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเอ็นดู ก่อนที่จูเชี่ยนจะพาเขากลับไปนั้นก็พูดเบาๆกับเขาว่า “ถ้ามีเวลาไว้ค่อยมาหาพี่สาวใหม่นะ ที่โรงเรียนที่บริษัทหรือที่นี่ก็ได้”
สายตาที่มืดมนของหลินยีเย่าค่อยๆลืมตาโตขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวมองตาเขาได้ชัดว่าในแววตานั้นมีความดีใจอยู่แต่กลับโดนเขาบังเอาไว้มิด เพียงแต่พยักหน้าแล้วก็กลับไปกับพ่อแม่ของตัวเอง
เพิ่งจะปิดประตูไป ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันได้เก็บความหดหู่ในใจของตัวเอง ก็รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่อยู่ด้านหลัง
กลืนน้ำลายแล้วก็หันไปยินเสี้ยวเสี้ยวก็เจอกับผู้ชายข้างหลังที่หน้าตาดูเย็นชาอยู่
“ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณอธิบายให้ชัดเจนหน่อย ลูกสาวของผมโดนคุณขายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”ถามอย่างเย็นชา จิ๋นลี่ยวนไม่พอใจหลินยีเย่ามาก เด็กนั่นอยากจะมาเป็นลูกเขยของเขา เรื่องที่ขัดขวางสุขของเขาเมื่อวานก็ยังต้องคิดบัญชีอยู่เลย
สายตาค่อยๆเคลื่อนไป ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าที่จะมองจิ๋นลี่ยวนแม้แต่ครั้งเดียว ทำได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วก็เดินไป แต่ห้องก็กว้างแค่นั้น เธอก็ไม่มีปีกอีกแล้วจะมุดดินก็ไม่ได้ด้วย ก็โดนจิ๋นลี่ยวนจับไว้อย่างรวดเร็ว
ค่อยๆหายใจออก ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกจิ๋นลี่ยวนดักไว้ที่กำแพงขยับไม่ได้
มือนึงเกาไปที่มือของเธอ อีกมือนึงโอบไปที่เอวของเธอ จิ๋นลี่ยวนค่อยๆบังคับ “ได้ ไม่อธิบายหรอ”จมูกค่อยๆยกขึ้น เสน่ห์แบบนั้นทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
เงยหน้ามองดูแก้มของจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ห่างแค่ไม้บรรทัดเดียว เธอรู้สึกแค่ว่าในหัวของเธอนั้นเหมือนจะขาดออกซิเจนไปไม่น้อยเหมือนกัน
คิ้วพระเอก ตาดำคม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง……
ไม่รู้ว่าต่อไปลูกของพวกเขานั้นจะเหมือนใครมากกว่านะ
“จิ๋นลี่ยวน ลูกเราจะเหมือนใครมากกว่ากันนะ” คำพูดที่ไม่ได้ผ่านสมองนั้นก็ได้อยู่พูดออกมาอย่างงั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็แนบตัวเข้ามาใกล้แล้ว
เสียงทุ้มต่ำ ในแววตาของจิ๋นลี่ยวนก็เต็มไปด้วยความใคร่ “อยากรู้หรอ”
พยักหน้า หน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวแดงอย่างกับแดนอาทิตย์อุทัย
มุมปากยกขึ้น จิ๋นลี่ยวนจูบที่หูของเธอแล้วพูดว่า “งั้นเราลองคลอดดูสักคน……”
ประโยคเดียว ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าขนาดลมหายใจก็โดนปล้นไปยังไงอย่างงั้น……
ในตอนนั้น จิ๋นลี่ยวนรู้สึกแค่ว่าตัวเองนั้นตั้งแต่แต่งงานมาความเร่าร้อนที่เก็บมาตั้งนานแค่แป๊ปเดียวก็ปะทุออกมาได้แล้ว โอบเอวยินเสี้ยวเสี้ยวไว้แน่น จิ๋นลี่ยวนนั้นไม่ได้อ่อนโยนเหมือนน้ำหรือค่อยๆเล้าโลมเป็นขั้นตอนเหมือนที่ผ่านมา การกระทำทั้งหมดนั้นมีความรีบร้อนและดุดันอยู่
ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือโอบไปที่คอของจิ๋นลี่ยวน ดื่มด่ำกับจูบที่เร่าร้อนของเขา ร่างกายนั้นอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมอกของเขา
ในตอนนั้น อารมณ์ที่เธออยากมีลูกคนนึงนั้นถูกปิดบังไว้ด้วยความทรงจำที่เธอเคยโดนทำร้ายมาก่อน……
ลูกหนึ่งคน ลูกคนนึงของเธอกับจิ๋นลี่ยวน ลูกที่เหมือนเธอและเหมือนเขา……
จิ๋นลี่ยวนอุ้มยินเสี้ยวเสี้ยวและจูบอย่างบ้าคลั่ง พอผ่อนไปสักพักก็อุ้มเธอด้วยลมหายใจหอบเข้าห้องนอนไป เหลือแค่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแต่ไม่ได้สนใจ……
ถูกวางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน จู่ๆข้างหูของยินเสี้ยวเสี้ยวก็มีคำพูดนึงของจิ๋นลี่ยวนดังขึ้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว เราไม่ต้องมีลูกสาวหรอก ”
ประโยคเดียว ทำให้ความตื่นเต้นของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นผ่อนคลายลงทันที
พระอาทิตย์ที่ขึ้นยังไม่ทันได้ถึงช่วงที่อบอุ่นและอบอุ่นที่สุดนั้น ก็ได้สัมผัสถึงช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของโลกมนุษย์ และความอบอุ่นก็ได้แผ่ออกไปทั่วทุกมุมโลกแล้ว…….
ทั้งคืน บ้านในเมืองไห่เมี่ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนก็มีแค่เป้าหมายเดียว ลูกหนึ่งคน ลูกของพวกเขาหนึ่งคน
……
ในตอนที่ลืมตาอีกครั้ง ก็เป็นเช้าของวันที่สองแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกแค่ว่าร่างของตัวเองนั้นได้พังทลายไปแล้ว นอนอยู่บนเตียงขยับไม่ได้เลยสักนิด
จิ๋นลี่ยวนแต่งตัวแล้วก็นอนอยู่ข้างเธอ เอามือข้างเดียวท้าวหัวไว้ยิ้มอย่างอิ่มเอมแล้วมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ในอ้อมอกของตัวเอง
หัวไหล่ถูกเปลือยอยู่ข้างนอก แล้วข้างบนก็มีรอยจุดๆ ตกอยู่ในสายตาของเขานั้นก็คือมีความสุขที่สุด
แก้มแดงจนจะหยดออกมาเป็นเลือด ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากจะออกมาจากอ้อมอกของเขาแต่ก็ไม่มีแรงที่จะต่อต้าน จิ๋นลี่ยวนนั้นรอให้เธอตื่นตั้งแต่แรกแล้ว ลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าแล้วก็อุ้มเธอเข้าห้องน้ำ ให้เธอแช่อยู่ในน้ำอุ่นๆ แล้วก็แนบตัวไปจูบหน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดว่า “พักผ่อนดีๆสักพักนะ ผมไปโรงพยาบาลก่อนนะ……”
พยักหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวก็นึกถึงสายโทรศัพท์ก่อนจะเกิดเรื่อง เดาว่าคงจะเป็นเรื่องสำคัญ
จิ๋นลี่ยวนพูดตำหนิเบาๆไม่กี่คำแล้วก็หันตัวเดินไป
โรงพยาบาลหนันหยู
เฉิงชื่อชิงยืนมองดูเซี่ยงหลินจากนอกห้องผู้ป่วย คิ้วขมวดขึ้น
“คุณหมอครับ ขอถามหน่อยครับว่าเธอมีโอกาสที่จะเป็นเหมือนเดิมไหมครับ” เฉิงชื่อชิงถามคุณหมอจางที่ดูแลเซี่ยงหลินอยู่
หมอจางส่ายหัว อาการบ้าของเซี่ยงหลินไม่เหมือนกับอาการบ้าอื่นๆ เธอเป็นแบบนี้ภายใต้ความเจ็บปวด สถานการณ์แบบนี้จะให้กลับไปเป็นแบบเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้
ถึงแม้จะรู้คำตอบตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนที่กำลังยืนยันอีกครั้งเฉิงชื่อชิงก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง
อายุยี่สิบสองปี
อายุยี่สิบสองนั้นเป็นยังไงกัน ช่วงวัยที่งดงามของเด็กผู้หญิงคนนึง เป็นช่วงวัยที่เด็กผู้หญิงคนนึงกำลังใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างคุ้มค่า ช่วงที่เด็กผู้หญิงคนนึงนั้นหวังให้มาถึง แต่วัยของเซี่ยงหลินนั้น เป็นเพราะการผ่าตัดในครั้งนั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนไปจนไม่มีอนาคตแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆ……ฉันจะเป็นนักบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ฉันจะเป็นราชาแห่งบัลเล่ต์……”เซี่ยงหลินคลุมด้วยผ้าปูที่นอนแล้วก็เต้นอยู่ในห้องผู้ป่วย บ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับบัลเล่ต์นั้นยังสามารถพยุงให้เธอหมุนแล้วก็กระโดดได้อยู่ เพียงแต่ตอนนี้ความสง่างามของท่าเต้นนั้นถูกย้อมไปด้วยความโศกเศร้า “ฮ่าๆๆ ฉันคือราชินีนักเต้น ฉันก็คือ……”
ในตอนที่จิ๋นลี่ยวนมาถึงนั้น เซี่ยงหลินเต้นอยู่ในห้องผู้ป่วยที่กว้างอย่างดีใจเป็นพิเศษ จนหน้าแดงไปหมด
เฉิงชื่อชิงหันไปมองจิ๋นลี่ยวนทีนึง แล้วก็ขมวดคิ้ว
ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วย……
สายตามองไปที่เถียงหรงที่อยู่ข้างหลัง เถียนหรงก็มองดูแผ่นหลังของจิ๋นลี่ยวนด้วยไปหน้าที่แปลกใจ
“หมอจาง สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”จิ๋นลี่ยวนถามเบาๆ การที่ไม่ได้ยิ้มเลยนั้นปกติก็เหมือนว่าเธอกำลังยิ้มอยู่ ทำเอาคนทั้งโรงพยาบาลต่างพากันสงสัย
หมอจางอึ้งเล็กน้อย ผ่านไปอยู่นานถึงจะรู้สึกตัวแล้วส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง
คิ้วขมวด จิ๋นลี่ยวนมองดูเซี่ยงหลินที่เต้นอยู่ข้างใน แล้วก็เห็นเธอยื่นมือไปจับที่ท้องของตัวเองเป็นครั้งๆ ยังดีที่ตรงนั้นโดนมัดไว้แน่นแล้ว ถ้าเธอจะแกะออก ความเป็นไปได้ก็มีไม่สูง……
“ไม่เอา ในท้องของฉันไม่มีวิญญาณแล้ว ฉันจะเอาวิญญาณ ไม่เอา……”จู่ๆ เซี่ยงหลินที่หยิ่งยโสในตอนแรกนั้นก็เข้าสู่ความกลัว แล้วก็พูดว่าในท้องไม่มีวิญญาณไม่หยุด
เฉิงชื่อชิงมองดูแล้วก้ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมเซี่ยงหลินถึงพูดว่าในท้องของเขาไม่มีวิญญาณนะ
“ลี่ยวนหรอ”เสียงที่แหลมเล็กดังมาจากข้างหลัง คนที่ยืนอยู่นอกประตูต่างพากันหันมาดูสีหน้าที่ค่อยๆซีดของมู่เยียนหรานที่กำลังเดินมา
“ครูเฉิง” มู่เยียนหรานทักทายเฉิงชื่อชิงอย่างมีมารยาท ปกติไม่ได้อยู่ในประเทศ เธอไม่รู้เรื่องที่เฉิงชื่อชิง นั้นเป็นตำรวจสากลจริงๆ คิดแค่ว่าเขาแค่แบกความสัมพันธ์ของบ้านเฉิงไว้เลยเข้ามาในมหาวิทยาลัยT แล้วมู่เยียนหรานก็หันไปถามจิ๋นลี่ยวนว่า “เซี่ยงหลินเป็นยังไงบ้าน เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นเหมือนเดิม”
หน้าตาที่กังวล ถึงจะต้องลากสังขารที่ป่วยอ่อนแอเธอก็ต้องมาดูเซี่ยงหลิน
วิธีแบบนี้ ถ้าเป็นสายตาของคนนอกนั้นก็จะรู้สึกดีเป็นพิเศษ
“ไม่มีวิธีแล้ว ต่อไปเธอก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ”จิ๋นลี่ยวนตอบเบาๆ แล้วจู่ๆก็นึกถึงมู่ซูที่เพิ่งถูกรับกลับบ้านเมื่อหลายวันก่อน ผู้หญิงคนที่ถูกเรียกว่า ‘ปีศาจบัลเล่ต์’ก็สูญเสียไปแล้ว
สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวค่อยๆมองลงด้วยความผิดหวัง เม้มปากแน่นไม่พูดอะไร เพียงแต่มองดูเซี่ยงหลินที่กำลังบ้าคลั่งผ่านหน้าต่าง อย่างไม่ค่อยชัด
ในตอนที่เซี่ยงเฉินมานั้น เห็นผู้คนพากันล้อมอยู่ที่ประตูหน้าห้องผู้ป่วยของน้องสาวตัวเอง เดินไปด้วยความขรึมแล้วพูดเบาๆสองคำให้คนแยกย้ายไป แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก
แต่อยู่ในสวนดอกไม้ของโรงพยาบาลหนันหยู เฉินหยูลากขาที่เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ นั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
เขายังจำคำพูดตอนที่จิ๋นลี่ยวนเข้ามาในบ้านเขาแล้วก็เอาโทรศัพท์ของเขาไปได้ เขาบอกว่าเขาต้องหาซูเหนียงเจอให้ได้ คำนี้นั้นทำให้เฉินหยูนั้นอยู่ไม่สุขมาจนถึงวันนี้
มือวางไว้บนขา เฉินหยูมองดูมือใหญ่ที่กำหมัดแน่นของตัวเอง และไม่พูดไม่จาอยู่นาน
ตั้งแต่วันนึง เหมือนว่าแม้แต่ความกล้าที่จะอยู่คนเดียวของเขานั้นได้หายไปแล้ว แล้วก็ได้เสียความสามารถในการสนทนาด้วย
ตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนแรกนั้น ตอนที่รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวหายตัวไป เขาก็รีบตามหาเธอสุดชีวิต แล้วแค่แป้ปเดียวก็รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนหาเธอเจอแล้วและได้ข่าวที่จะพาเธอกลับบ้านแล้ว ใจถึงจะสงบลงหน่อย
ใช่แล้ว แค่นิดหน่อยเท่านั้น
ทุกครั้งที่นึกถึงความสัมพันธ์ของจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวนั้น เขาก็รู้สึกว่าใจก็โดนคนกระชากขึ้นมา
สามีภรรยา
นี่เป็นความสัมพันธ์ที่สนิทกันมาก และเป็นความสัมพันธ์นึงที่อันตรายมากเช่นกัน
สนิทกันจนสามารถนอนเตียงเดียวกันได้ อันตรายจนสามารถจะเอามีดแทงข้างหลังคุณตอนไหนก็ได้……
ผ่านไปอยู่นาน เฉินหยูสูดหายใจเข้าแรงๆไปหนึ่งที แล้วก็โทรหาซูเหนียง คำพูดแค่ไม่กี่ประโยค แต่ทำเอาเขาตัดสินใจยาก
บ่ายสามโมงเย็น เฉินหยูปรากฏตัวในห้องทำงานของจิ๋นลี่ยวน เซี่ยงเฉินเห็นเฉินหยูที่แปลกหน้าเลยตามไปด้วยความสงสัย แล้วก็ได้ยินข่าวที่น่าตะลึง……