Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่192 ไปเรียนขับรถเถอะ
บทที่192 ไปเรียนขับรถเถอะ
เยาะเย้ยความต่ำต้อยของตัวเอง เยาะเย้ยความตกต่ำของตัวเอง……
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ความต่ำต้อย ความตกต่ำ ทำไมเธอต้องให้จิ๋นลี่ยวนบอกเหตุผลกับตัวเองด้วยล่ะ? ก็เพราะว่าไม่อยากจะหย่าไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าไม่อยากจะแยกจากผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอ?
รอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากของตัวเองยังไม่ทันจะหายไป จิ๋นลี่ยวนก็พูดสิ่งที่ต่อต้านคำสั่งนี้ออกมา “คุณย่า ผมยังต้องไปทำงาน อยู่ที่นี่ไปทำงานไม่สะดวก! ”
“หุบปากเดี๋ยวนี้! ” คุณย่าจิ๋นเบิกตากว้างด้วยความโกรธพร้อมกับมองหน้าเขา และตะคอกเสียงดัง “ตอนที่แกยังไม่แต่งงานก็อยู่ที่นี่ ตอนนั้นยังไม่เห็นบอกว่าไม่สะดวกเลย ตอนนี้จะมาบอกว่าไม่สะดวกได้ยังไง! ฉันจะบอกอะไรให้นะ วันนี้ไม่อยากอยู่ก็ต้องอยู่! ถ้าเกิดว่าพวกเธอทั้งสองคนกล้าออกไปจากบ้านแล้วไม่กลับมาก่อนสามทุ่มล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ! ”
พอเอ่ยคำขู่ออกไปแล้ว คุณย่าจิ๋นก็หันหลังและเดินกลับห้องของตัวเองไปด้วยความโกรธ
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นดีขึ้นเล็กน้อย หยูเจียห้วยมองหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอไม่ชอบสะใภ้ที่ดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้จริงๆ เลย ทำอะไรเอาแต่ใจ บุ่มบ่าม และไม่เกรงกลัวอะไรเลย แต่ว่าจิ๋นลี่หยาวกลับรู้สึกสงสารยินเสี้ยวเสี้ยว ในสายตาของเธอนั้นจิ๋นลี่ยวนไม่ได้มีนิสัยที่น่าคบหาอะไรเท่าไหร่ แต่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังอยู่กับเขามาตั้งนาน บวกกับตั้งแต่เธอแต่งงานเข้าบ้านจิ๋นมาก็มีปัญหาเรื่องวุ่นวายไม่หยุด ในสถานการณ์แบบนี้มันช่างน่าทำให้คนอื่นสงสารจริงๆ ……
ก้าวไปข้างหน้า จิ๋นลี่หยาวยื่นมือไปกุมมือเย็นๆ ของยินเสี้ยวเสี้ยว เป็นการปลอบแบบไร้เสียง
ยินเสี้ยวเสี้ยวหรี่ตาลงไม่ได้พูดอะไร จิ๋นลี่โป๋มองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็ออกไปกับน้องสาวของตัวเองอย่างรวดเร็ว คุณย่าออกคำสั่งแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่อยากจะทำตามก็ไม่ได้หรอก สุดท้ายแล้วบ้านจิ๋นก็เป็นครอบครัวที่อาศัยความกตัญญูมาก่อน……
จิ๋นลี่ยวนอารมณ์ไม่ดี แม้แต่จิ๋นหยวนเฟิงกับหยูเจียห้วยเขาก็ไม่สนใจแล้วก็เดินกลับห้องของตัวเองไป สีหน้าบูดบึ้งจนทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ และตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเตรียมจะตามขึ้นไปนั้นก็ถูกหยูเจียห้วยเรียกไว้ก่อน
เงยหน้าขึ้นมองดูแผ่นหลังของจิ๋นลี่ยวนที่เดินจากไป เขาไม่แม้แต่จะหยุดเดินเลยแม้แต่นิดเดียว
ยินเสี้ยวเสี้ยวหรี่ตาลงไม่ได้พูดอะไร ตอนแรกที่เธอเข้าบ้านจิ๋นมาครั้งแรก เขาคือบุคคลที่เป็นแกนสำคัญของตัวเอง ตอนนั้นไม่ว่าใครจะพูดอะไรกับเธอเขาจะอยู่ข้างๆ เธอกลัวว่าเธอจะถูกรังแก แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว……
“เสี้ยวเสี้ยว ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้เธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะทำอะไรช่วยคิดให้รอบคอบก่อนแล้วค่อยทำไม่ได้เหรอ? ดูสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้สิ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงของบ้านจิ๋นเสื่อมเสียนะ เธอยังทำให้ลี่ยวนโดนย่าดุอีก! ” หยูเจียห้วยไม่พอใจอย่างมาก สั่งสอนยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยความโมโห จิ๋นหยวนเฟิงก็ไม่อยากจะขัดจังหวะ เลยได้แต่ดื่มชาอยู่เงียบๆ “ลี่ยวนอยู่ที่บ้านจิ๋นนี้อย่างน้อยก็สิบปีแล้วที่ไม่เคยโดนย่าดุแบบนี้ แล้วเธอล่ะ? พึ่งจะแต่งงานเข้ามาได้ไม่นานก็ทำให้บ้านจิ๋นอยู่ไม่สงบสุขแล้ว! เธอยังอายุน้อยไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ฉันสามารถให้อภัยเธอได้หนึ่งครั้งหรือว่าสองครั้ง แต่ว่ายังไงมันต้องไม่มีครั้งที่สามอย่างแน่นอน! เธอไปคิดให้ดีๆ เลยนะ ว่าเรื่องที่ตัวเองทำลงไปนั้นมันผิดรึเปล่า! ผิดตรงไหน และครั้งต่อไปควรจะทำยังไง! ” หลังจากดุยินเสี้ยวเสี้ยวจนพอแล้ว หยูเจียห้วยถึงได้เดินออกจากยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ใบหน้ายังเธอยังคงเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก จิ๋นหยวนเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกโล่งใจ
ไม่นาน ภายในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่ก็เหลือยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่เพียงแค่คนเดียว
มองไปที่รอบๆ ทั้งสี่ด้าน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกแสบจมูก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับเธออยู่ หรือบางทีตอนที่รู้ตัวตนของจิ๋นลี่ยวนนั้น เธอก็ควรจะยืนกรานไม่ยอมก้าวเข้ามาที่ประตูแห่งนี้……
นั่งลงบนพรม ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่รอยเลือดที่น่องของตัวเอง ตอนแรกเธอก็ยังรู้สึกแสบร้อน แต่ว่าตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เลือดเริ่มแข็งตัวเล็กน้อยและไหลช้ามาก แต่เหมือนกับว่าบ้านจิ๋นที่ยิ่งใหญ่นี้กลับไม่มีใครสนใจบาดแผลของเธอเลย
เธอคือสะใภ้ของบ้านจิ๋นจริงๆ เหรอ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวขดตัว เธอกอดขาตัวเองทั้งสองข้างแน่นแล้วก็ร้องไห้ออกมาแบบไร้เสียง……
เธอยอมรับ ว่าตอนแรกที่เธอแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนนั้นก็แค่เพราะว่าอยากจะใช้เขาเพื่อต่อต้านสิ่งที่ครอบครัวเตรียมไว้ให้ แต่ว่าหลังจากที่ได้อยู่ด้วยกัน พวกเขาก็ค่อยๆ มีความรู้สึกต่อกันไม่ใช่เหรอ? เขารู้เรื่องของเธอมากมาย เธอก็รู้เรื่องของเขามากมายเหมือนกัน เธอนึกว่าแบบนี้คือเข้าใจกันและกันแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่จิ๋นลี่ยวนอยากจะหย่ากับเธอ โดยที่เธอไม่รู้แม้แต่เหตุผลด้วยซ้ำ……
บนบันไดวน จิ๋นลี่ยวนที่สวมใส่ชุดอยู่บ้านยืนมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านล่าง สุดท้ายก็หันหลังเดินกลับห้องของตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดกับเธอแม้แต่คำเดียว
หลังจากผ่านไปนาน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ลุกขึ้น ไปหากล่องยาพร้อมกับล้างแผลให้ตัวเองแล้วเดินกลับห้องอย่างช้าๆ และในห้องนั้นจิ๋นลี่ยวนก็หลับไปก่อนแล้ว……
บนเตียงคู่ขนาดใหญ่ ร่างกายที่สูงยาวทำให้ดวงตาของเธอเริ่มแดง……
ถ้าเกิดว่า ถ้าเกิดว่าตั้งแต่ต้นจนจบจิ๋นลี่ยวนไม่ยอมให้เหตุผลกับเธอล่ะ? เธอควรจะทำยังไง?
ยินเสี้ยวเสี้ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เข้าไปในห้องน้ำเพื่อสะสางตัวเอง หลังจากออกมาแล้วก็ไปนอนที่โซฟา……
ผู้ชายที่เดิมทีหลับสนิทอยู่บนเตียงนั้นกลับขมวดคิ้วแน่นแล้วก็ลืมตาขึ้น เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว ลุกขึ้น! ”
เธอที่กำลังจะเคลิ้มหลับตื่นขึ้นมาเห็นจิ๋นลี่ยวนมองหน้าเธออย่างรำคาญ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด
“จำไว้ให้ดีนะ ที่นี่คือบ้านจิ๋น คุณย่าโกรธจนขนาดนี้แล้ว ก่อนที่จะหย่ากันถ้าเธอก็ต้องเป็นคุณนายน้อยสามของบ้านจิ๋นแบบเชื่อฟัง ไม่ยังงั้นก็หย่ากับฉันไปตอนนี้เลย! ”จิ๋นลี่ยวนพูดอย่างไร้ความเมตตา สีหน้าดูเย็นชาและไร้ความปรานี หลังจากนั้นเขาก็หันหลังเดินกลับไปที่เตียงแล้วก็หลับไป
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่บนโซฟา แสงจันทร์ที่เย็นยะเยือกตกลงบนตัวของเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากของตัวเอง
จิ๋นลี่ยวน นี่เขากำลังทำให้เธออับอายอยู่ยังงั้นเหรอ?
ในความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนตอนนี้ จะมานอนร่วมเตียงเดียวกันได้ยังไง? จิ๋นลี่ยวนพูดออกมาตรงๆ ว่าการแต่งงานครั้งนี้จำเป็นต้องมีการหย่า ในสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขานั้น ยังไงก็ไม่เหมาะสมที่จะนอนร่วมเตียงเดียวกัน!
คู่สามีภรรยาที่จะหย่ากันยังนอนด้วยกันได้อีกเหรอ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูร่างที่นอนบนเตียงอย่างเงียบๆ เธอรู้สึกรำคาญแล้วก็โกรธเล็กน้อย แต่สิ่งที่มากที่สุดก็คือความรู้สึกเสียใจ
การกระทำของจิ๋นลี่ยวนได้บอกแล้วว่า เขาไม่ใส่ใจเธออีกต่อไปแล้ว……
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามานั้นเธอลืมล็อกประตู ก็เลยทำให้คุณย่าสามารถเข้ามาได้ง่ายๆ แล้วพอเธอเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่บนโซฟาสีหน้าก็เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว เธอก็พูดออกมาว่า “เสี้ยวเสี้ยว หนูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้? ดึกขนาดนี้ยังไม่เตรียมตัวนอนอีกใช่ไหม? ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวหน้าซีดลงเล็กน้อย เธอลุกขึ้นและคลี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “คุณย่าคะ หนูพึ่งจะออกมาจากห้องน้ำ ผมยังไม่แห้งเลย เดี๋ยวก็นอนแล้วค่ะ”
คุณย่าจิ๋นมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่พอใจ แล้วก็หันไปมองจิ๋นลี่ยวนที่นอนหลับอยู่บนเตียง ถลึงตาใส่เธออย่างดุร้ายแล้วก็เดินออกไป แต่ว่าข้อความในสายตาของเธอนั้นได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเธอ ทุกคนในบ้านหลังนี้ต้องฟังเธอทั้งหมด!
ไม่มีทางเลือก ยินเสี้ยวเสี้ยวทำได้แค่เดินไปที่เตียงแล้วก็นอนลงข้างๆ จิ๋นลี่ยวนอย่างเงียบๆ ทั้งสองคนนอนหันหลังเข้าหากัน ตรงกลางมีช่องว่างเยอะมาก คืนนี้มันช่างดูเงียบเหงาเหลือเกิน……
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ตอนที่จิ๋นลี่ยวนตื่นขึ้นมานั้นยินเสี้ยวเสี้ยวยังหลับสนิทอยู่เลย
เขายืนอยู่ข้างๆ เตียงใส่เสื้อผ้าไปด้วยแล้วก็มองใบหน้าบอบบางและคุ้นเคย คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น อยู่ดีๆ จิ๋นลี่ยวนก็โกรธขึ้นมา เดิมทีท่าทางที่เบามือเป็นพิเศษก็กลายเป็นก้าวร้าวขึ้นมา ในห้องก็มีเสียงดังขึ้นมาเป็นบางครั้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ถูกรบกวนจนตื่นขึ้นมา
เธอนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับมองจิ๋นลี่ยวน ใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกขมขื่น
การที่เธอยืนหยัดอยู่แบบนี้ สรุปแล้วมันเป็นเรื่องที่ถูกหรือว่าผิดกันแน่?
เมื่อออกมาจากห้องนอน คุณย่าจิ๋นก็เฝ้าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่บนบันไดก็ได้ยินเสียงของคุณย่าพูดกับจิ๋นลี่ยวน “ลี่ยวน จำที่ย่าพูดเมื่อวานได้ไหม? ”
เพียงประโยคเดียว คิ้วของจิ๋นลี่ยวนก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังพูดว่า “คุณย่าครับ งานของผมอาจจะไม่ได้เลิกงานได้ตรงเวลา แต่ต่อให้เลิกได้ตรงเวลา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
อาชีพหมอ โดยเฉพาะศัลยแพทย์ก็เป็นแบบนี้แหละ
บนโลกใบนี้ อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าคำพูดแบบนี้ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินดังนั้นเธอเพียงแค่รู้สึกว่า เขากำลังหลบเลี่ยงเธออยู่
ยินเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้าลง มือที่จับราวอยู่นั้นก็ออกแรงขึ้นเล็กน้อย
พอคุณย่าจิ๋นได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา แล้วก็พูดอย่างสบายๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง โรงพยาบาลหนันหยูที่ยิ่งใหญ่ไม่มีแกก็ยังทำงานได้เหมือนเดิม เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับผอ. ว่านอกจากมีเคสพิเศษ แกต้องเลิกงานให้ตรงเวลา”
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเขาไม่พอใจมากที่คุณย่าเข้ามาแทรกแซงงานของเขาแบบนี้
คุณย่าจิ๋นไม่สนใจว่าเขาจะพอใจหรือว่าไม่พอใจ ตอนนี้ตัวเธอไม่พอใจอย่างมาก แล้วเธอจะไปสนใจอะไรให้มากมาย? เธอมองหน้าจิ๋นลี่ยวนแล้วพูดว่า “แกรอเสี้ยวเสี้ยวก่อน อีกเดี๋ยวไปส่งเธอที่มหาลัย ไปจัดการปัญหาเละเทะที่สร้างไว้ข้างนอกนั่นให้เรียบร้อย ไม่ยังงั้นกลับมารอดูได้เลยว่าฉันจะจัดการกับพวกเธอยังไง! ”
พอพูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็เงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนโดยอัตโนมัติ แล้วก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้นพอดี ดูเหมือนกับว่าเธอเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้นี้หมดแล้ว
ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย แต่ว่าจิ๋นลี่ยวนไม่ได้ขยับอะไร
เธอรู้ว่าเขาไม่เคยไปทำงานสาย แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ยังคงก้าวเดินลงไป หลังจากทักทายคุณย่าอย่างเชื่อฟังแล้วก็ถูกคุณย่าตีหนึ่งที หลังจากนั้นก็เลยเดินตามจิ๋นลี่ยวนออกไปอย่างเงียบๆ
บนถนน ทั้งสองคนไม่พูดอะไร และด้านนอกของบ้านจิ๋นก็มีนักข่าวอยู่ไม่น้อยเลย พอเห็นว่าทั้งสองคนออกมาพร้อมกันก็ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามเข้าไปถามอะไร ที่นี่คืออาณาเขตบริเวณของคุณหญิงใหญ่ ไม่มีใครกล้าไปยั่วหรอก!
เมื่อรถเรนจ์โรเวอร์จอดลงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยT ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดว่า ‘ขอบคุณ’เบาๆ ตอนที่มือจับที่ด้ามประตูนั้น ด้านหลังก็มีเสียงของจิ๋นลี่ยวนดังขึ้นมา
“ไปเรียนขับรถเถอะ” คำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำก็ลอยออกมา แม้แต่คำอธิบายเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีเลย
แต่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวก็เข้าใจอย่างชัดเจน ว่าจิ๋นลี่ยวนเมินเฉยเธอแล้ว……
เธอขับรถไม่เป็น ทุกวันนี้ตอนที่อยู่มหาลัยแค่คิดเรื่องเรียนกับเรื่องหาเงินเพื่อเลี้ยงตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแล้ว เธอจะมีเงินสำรองสำหรับการไปเรียนขับรถที่ไหนกัน ตอนแรกเธอนึกว่าเธอมีความสุขมากที่ได้สามีที่ขับรถได้ แต่ว่าตอนนี้……
ท่าทางที่กำลังจะเปิดประตูของเธอชะงักไป ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากและพูดเบาๆ ว่า “ได้”
ตอนที่ประตูรถถูกปิดลงนั้น สุดท้ายจิ๋นลี่ยวนก็อดไม่ได้ หันไปชำเลืองมองร่างบางร่างนั้น
นี่พึ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเอง เหมือนกับว่าเธอผอมลงไปเยอะเลย……