Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่194 ท่าทีของบ้านยิน
บทที่194 ท่าทีของบ้านยิน
บ้านยิน
เพราะว่ายินรั่วอวิ๋นที่หลังจากบ้านเซี่ยงเกิดเรื่องขึ้นไม่ได้กลับบ้านมานานก็กลับมาด้วย พอยินจื่อเจิ้นก้าวเข้ามาในประตูก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที นานแล้วที่ไม่ได้เจอการต่อสู้แบบนี้
“พ่อครับ แม่ครับ” พอทักทายเสร็จ ยินจื่อเจิ้นก็นั่งลงเงียบๆ บนโซฟา ไม่ได้มีวี่แววว่าจะพูดมากกว่านี้
ยินรั่วอวิ๋นเม้มปากแน่นแล้วมองหน้าเขา ร่องรอยของความไม่พอใจฉายในดวงตา
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมยินจื่อเจิ้นถึงได้ใจร้ายกับเธอได้ขนาดนี้! ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตยินจื่อเจิ้นรักยินเสี้ยวเสี้ยวมากกว่าตัวเองตั้งเยอะ! ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่น่าอร่อยหรือว่าน่าสนุก เห็นได้ชัดว่ายินจื่อเจิ้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านจิ๋น แต่ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ได้ผูกสัมพันธ์กับบ้านจิ๋นที่ดีมีแค่ยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่ใช่เธอ!
แต่ว่านี่คือพี่ชายแท้ๆ ของเธอนะ! จะให้เธอไม่บ่น มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
เกิดเรื่องขึ้นกับเซี่ยงหลิน ยินจื่อเจิ้นเองก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรู้ว่า เขาแก้แค้นแทนยินเสี้ยวเสี้ยว!
เขารู้เรื่องที่ตอนแรกเซี่ยงเฉิงคบกับยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ว่าที่ตอนนี้ยินจื่อเจิ้นกลับแก้แค้นแทนเธอ เพราะว่าตอนนั้นเซี่ยงเฉิงทำร้ายเธอ!
ยินรั่วอวิ๋นหันหน้ามา เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้เธอไม่สามารถเผชิญหน้ากับยินจื่อเจิ้นด้วยสภาพที่สงบสุขมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
หลี่หมึ้งถือถ้วยชาออกมาจากห้องครัวแล้วก็สั่งให้พวกคนใช้ลงไปด้านล่าง ดังนั้นตอนนี้ทั้งห้องรับแขกก็เหลือเพียงแค่คนในครอบครัวของพวกเธอทั้งนั้น ครอบครัวที่แท้จริง
“จื่อเจิ้น เรื่องของรั่วอวิ๋นลูกเองก็รู้แล้ว เรื่องที่บ้านเซี่ยงนั้นพวกเราดึงมานานพอแล้ว เดี๋ยวลูกกลับไปดูหน่อย การร่วมงานกับบ้านเซี่ยงรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนก็ดี หลีกเลี่ยงการที่บ้านเซี่ยงจะรู้สึกเก้อเขินเมื่ออยู่ที่บ้านเซี่ยง” ยินไป่ฝันพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ ถึงแม้ว่าตอนแรกที่เขาตัดสินใจมอบบริษัทจื่อยินให้ เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของยินจื่อเจิ้น แต่ว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่ายินจื่อเจิ้นเอาแต่ใจเกินไปหน่อย และเหตุผลก็เป็นอะไรที่คนอื่นไม่สบายใจที่จะพูดออกมา “แล้วอีกอย่าง ถ้าเกิดว่าแกมีเวลาก็ไปที่บ้านเซี่ยงหน่อย อย่าให้คนอื่นคิดว่ารั่วอวิ๋นมีพี่ชายก็เหมือนไม่มี”
ยินจื่อเจิ้นเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาเจตนายืดเวลาการร่วมงานระหว่างบ้านเซี่ยงกับบ้านยินจริงๆ และเหตุผลก็เป็นเพราะยินเสี้ยวเสี้ยวจริงๆ แต่ว่าเขานึกไม่ถึงเลยว่า คนในครอบครัวของเขากลับเหมือนมองไม่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเลย ในสถานการณ์แบบนี้ เรื่องของยินเสี้ยวเสี้ยวมันรุนแรงกว่าไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าในสายตาของพวกเขาแล้ว ยินรั่วอวิ๋นต่างหากที่เป็นคนที่สำคัญที่สุด
ยินจื่อเจิ้นพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด เขานั่งรออย่างเงียบๆ
จนถึงวินาทีสุดท้าย เขาก็ไม่อยากที่จะทำลายคนในครอบครัวของเขา…
หลังจากผ่านไปนาน ยินไป่ฝันสุดท้ายก็พูดออกมา “จื่อเจิ้น เรื่องที่เสี้ยวเสี้ยวจะหย่าเธอได้พูดกับแกไหม? ”
ยินจื่อเจิ้นส่ายหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองยินไป่ฝันแล้วพูดว่า “เปล่าครับ ตั้งแต่เธอแต่งงานก็ไม่ค่อยได้พูดถึงปัญหาเรื่องครอบครัวเธอเท่าไหร่”
ยินไป่ฝันพยักหน้า หลี่หมึ้งที่อยู่ด้านข้างกับเลิกคิ้วอย่างพึงพอใจ
ยินจื่อเจิ้นหรี่ตาเล็กน้อย สายตาของเขาตกอยู่ที่หลี่หมึ้งสองวินาทีแล้วก็ดึงกลับมา
ที่บ้านยิน ยังมีเรื่องอะไรอีก ที่เขาไม่รู้ยังงั้นเหรอ?
คำบางคำยินไป่ฝันไม่อยากจะพูดก็ส่งสัญญาณให้หลี่หมึ้งแทน หลี่หมึ้งยื่นมือไปดันถ้วยชาไปตรงหน้าของยินจื่อเจิ้นแล้วก็พูดเบาๆ ว่า “จื่อเจิ้น ถ้าเกิดว่าเสี้ยวเสี้ยวถูกบ้านจิ๋นไล่ออกมาจริงๆ แกรู้ไหมว่าเธอวางแผนจะทำยังไงต่อ? ”
ระหว่างที่พูด หลี่หมึ้งก็มองไปที่ยินจื่อเจิ้นอย่างคาดหวัง
ยินจื่อเจิ้นจิบชาลงไป แล้วก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ไม่ว่าจะพูดยังไง เสี้ยวเสี้ยวก็เป็นคนของบ้านยิน เป็นน้องสาวของผม ผมไม่มีทางปล่อยให้บ้านจิ๋นหย่าได้ง่ายๆ หรอก ต่อให้สุดท้ายต้องหย่าจริงๆ เสี้ยวเสี้ยวก็ต้องออกจากที่นี่เหมือนกันยังงั้นเหรอ? ”
ถ้าเกิดยินเสี้ยวเสี้ยวหย่าแล้ว เธอไม่ควรจะกลับมาที่นี่เหรอ?
สีหน้าของหลี่หมึ้งดูอึ้งไปเล็กน้อย เธอหันไปมองยินไป่ฝันที่อยู่ข้างๆ แล้วก็พูดต่อว่า “จื่อเจิ้น แกเป็นผู้ชายบางทีอาจจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่าลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป ในเมื่อเสี้ยวเสี้ยวแต่งงานออกไปแล้วก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านยินอีก ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะหย่าหรือว่าไม่หย่า นั่นก็เป็นความโชคดีของเธอเอง ในความคิดของพวกเรา ต่อให้สุดท้ายเสี้ยวเสี้ยวหย่าจริงๆ บ้านยินของพวกเราสามารถให้เธออยู่ชั่วคราวได้เพราะว่าเห็นแก่หน้าแก แต่ว่าจะอยู่นานไม่ได้……”
ทุกพยางค์ที่หลี่หมึ้งพูดออกมา ทำให้สีหน้าของยินจื่อเจิ้นมืดมนลงตามไปด้วย
นี่คือการปฏิบัติต่อยินเสี้ยวเสี้ยวในฐานะคนนอกอย่างสมบูรณ์……
“ตระกูลใหญ่อย่างบ้านจิ๋น ถ้าเกิดว่าหย่าก็แสดงว่าเสี้ยวเสี้ยวได้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องทำให้บ้านจิ๋นไม่สามารถทนได้ เด็กแบบนี้บ้านยินของพวกเราก็ไม่ควรจะรับไว้นะ ไม่ยังงั้นครอบครัวของพวกเราจะเสียหายในที่สุด……”หลี่หมึ้งไม่ทันสังเกตเลยว่าสีหน้าของยินจื่อเจิ้นนั้นดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ ได้แต่พูดออกมาตรงๆ “ถ้าเกิดว่าเสี้ยวเสี้ยวมีความสามารถ ก็ควรจะไม่ว่าจะยังไงก็ไม่หย่ากับจิ๋นลี่ยวน แต่ว่าถ้าเกิดว่าไม่มีทางเลือกจริงๆ ถ้ายังงั้น……”
คำพูดหลังจากนั้นหลี่หมึ้งไม่ได้พูดออกมา แต่ว่าทุกคนก็เข้าใจแล้ว
ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนของบ้านยินแล้ว และก็ไม่ใช่คนของบ้านจิ๋นเหมือนกัน
ยินจื่อเจิ้นขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังมีไฟลุกโชนอยู่ในใจ!
เขารู้ดีว่า ความจริงแล้วเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนของบ้านจิน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้านกันมาก็ตั้งนานขนาดนั้น ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้รู้สึกสงสารเลยสักนิด? นี่มันทำให้เขาโกรธอย่างสิ้นเชิง!
“แม่ แม่ไม่คิดเหรอว่าที่แม่พูดออกมามันเกินไปหน่อย? ยังไงเสี้ยวเสี้ยวก็คือคนของบ้านยิน เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลยิน ถ้าเกิดว่าเธอหย่าแล้ว บ้านยินล็อกประตูบ้านใส่เธอ แม่เคยคิดบ้างไหมว่าเธอจะรู้สึกยังไง? แล้วคนข้างนอกจะมองบ้านยินว่ายังไง? พวกแม่ทำแบบนี้ บ้านยินจะดูดียังงั้นเหรอ? ” ยินจื่อเจิ้นพูดประโยคนี้ด้วยความโมโห สีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ “ผมรู้ว่าเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่ลูกสาวของแม่ แต่ว่าไม่ว่าจะยังไงแม่ก็อยู่กับเธอมาตั้งนาน หรือว่าจุดนี้จะทนไม่ได้เลยยังงั้นเหรอ? ”
ประโยคนี้ทำให้หลี่หมึ้งเสียหน้า สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นแม่เลี้ยง สิ่งที่เธอหวาดกลัวมากที่สุดก็คือคำพูดพวกนี้ แต่ว่าเธอไม่คิดเลยว่า คำพูดพวกนี้เธอไม่ได้ยินจากคนนอกแต่กลับได้ยินจากปากของลูกชายตัวเอง ถ้าไม่ให้โกรธ มันจะเป็นไปได้ยังไง!
หลี่หมึ้งนั่งตัวตรง จ้องตรงมาที่ยินจื่อเจิ้นแล้วพูดว่า “จื่อเจิ้น ฉันคือแม่ของแกนะ! มีใครพูดกับแม่ตัวเองแบบแกอีกไหม? ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของแกกับเสี้ยวเสี้ยวนั้นมันดี แต่แกบอกได้ไหมว่าที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้ฉันพูดผิดตรงไหน? ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้ไม่มีมือมีเท้า ตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว แล้วก็เรียนรู้จาก ‘บริษัทจื่อยิน’จากแกมาแล้วเหมือนกัน เธอมีความสามารถที่จะเลี้ยงดูตัวเองได้ แล้วทำไมพวกเรายังต้องเลี้ยงเธอด้วย! เธอหย่าแล้วก็ควรทำงานคนเดียวในสังคม ไม่ควรจะกลับมาอยู่เป็นคุณหนูอีก! ฉันยอมรับว่าฉันเป็นแม่เลี้ยง แต่ว่าฉันกล้าบอกเลยว่าตั้งแต่เล็กจนโตยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยขาดแคลนเรื่องข้าวปลาหรือเสื้อผ้าเลย! ”
ยินจื่อเจิ้นขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ยินรั่วอวิ๋นกับหลี่หมึ้งจงใจวางแผนเรื่องยินเสี้ยวเสี้ยวกับผู้จัดการจางนั้น หลังจากเกิดเรื่องยินจื่อเจิ้นก็ตั้งใจสืบเกี่ยวกับชีวิตในหลายปีนี้ของยินเสี้ยวเสี้ยว หลี่หมึ้งไม่ได้ปล่อยให้เธอขาดแคลน แต่ว่าทุกเดือนให้เธอแค่ไม่กี่ร้อยเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่อดตายแค่นั้นเอง! ค่าเทอมของยินเสี้ยวเสี้ยวเธอก็เป็นคนหามาเอง!
ถ้าเกิดว่าเขาไม่รู้สิ่งนี้มาก่อนเขาอาจจะเชื่อจริงๆ ก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องตลกในสายตาของเขา! เพียงแค่ว่าเขายังไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของหลี่หมึ้ง ถือว่าเขาไว้หน้าแม่ของเขามากแล้ว!
ยินรั่วอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวที่จะเอ่ยปากพูด “พี่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องโอ๋ยินเสี้ยวเสี้ยวขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ฉันต่างหากที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่ แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตพี่ทำกับฉันยังไงกันน่ะเหรอ? แม้แต่ฉันแต่งงาน แต่ว่าพี่ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยการร่วมมือกันระหว่างบ้านเซี่ยงกับบ้านยินด้วยซ้ำ พี่คิดว่าที่พี่ทำแบบนี้ ฉันไม่รู้เหรอว่าเพราะอะไร? ”
ยินจื่อเจิ้นเงยหน้าขึ้นมองยินรั่วอวิ๋น แล้วก็ถามกลับอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าทำไม เธอยังกล้าถามอีกเหรอ? ”
เพียงแค่ประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของยินรั่วอวิ๋นทั้งแดงและซีด!
หลี่หมึ้งเริ่มไม่พอใจแล้ว ยินรั่วอวิ๋นคือคนที่เธอรักและทะนุถนอมมาก ต่อให้เป็นลูกชายของเธอเองก็ไม่ควรจะพูดกับเธอแบบนี้ พวกเขาควรจะร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับคนนอก! หลี่หมึ้งที่กำลังโกรธ อารมณ์เธอก็เริ่มขึ้นแล้ว
“ยินจื่อเจิ้นฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ถ้าเกิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวมาหาแกเพื่อขอความช่วยเหลืออะไร แกห้ามช่วยเด็ดขาด! แกต้องจำไว้ว่าแกคือเสาหลักของบ้านยิน ยินเสี้ยวเสี้ยวแต่งงานออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นน้ำที่ถูกสาดออกไปแล้ว ไม่มีวันที่จะเก็บกลับมาได้! ” น้ำเสียงของหลี่หมึ้งดูเคร่งขรึม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับยินจื่อเจิ้นรุนแรงขนาดนี้ “น้องสาวของแกคือรั่วอวิ๋น ไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยว!คนที่แกต้องช่วยคือรั่วอวิ๋นไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันก็ไม่กลัวที่จะบอกแกว่า ตอนแรกที่ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนกรานจะแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนนั้น พวกเราได้เซ็นสัญญากับเธอแล้ว! ถ้าหากว่าเธอต้องการขอความช่วยเหลือจากบ้านพ่อแม่ ต้องได้รับการเห็นด้วยจากพวกเราทุกคนก่อน ห้ามไปหาแกแค่คนเดียว! ”
พอประโยคนี้ออกมา สีหน้าของยินจื่อเจิ้นก็แย่ลงอีก
สัญญางั้นเหรอ?
สัญญาดังกล่าวเป็นแค่ข้อตกลงที่ไม่ยุติธรรม! ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องประสิทธิผลทางด้านกฎหมายนะ แต่ว่าดูจากนิสัยของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว หลังจากที่เธอเซ็นไปแล้วเธอต้องยืนยันจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน! พวกเขาตัดทางหนีทีไร่ของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ทั้งหมดแล้ว!
“นี่พ่อกับแม่ให้เธอเซ็นสัญญาด้วยยังงั้นเหรอ? ” มีความโมโหอยู่ในน้ำเสียงที่ย้อนถามของเขา ยินจื่อเจิ้นลุกขึ้นยืน สายตาของเขาค่อยๆ มองไล่ไปที่ยินไป่ฝัน หลี่หมึ้งแล้วก็ยินรั่วอวิ๋น มันเต็มไปด้วยความผิดหวัง “พวกพ่อกับแม่เคยคิดไหมว่า เธอจะต้องปากกัดตีนถีบแค่ไหนที่ไม่มีการสนับสนุนจากบ้านของพ่อแม่? มิน่าล่ะ ที่หลังจากที่เธอแต่งงานไปแล้วต้องเจอกับเรื่องมากมายขนาดนั้นแต่ไม่เคยกลับมาเพื่อขอความช่วยเหลือเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่เคยโทรหาผมเลยด้วยซ้ำ ที่แท้พ่อกับแม่ก็ให้เธอเซ็นสัญญาแบบนี้นี่เอง! พ่อกับแม่ไม่รู้สึกไม่สบายใจเลยเหรอ? ”
ยินจื่อเจิ้นโมโหมาก โมโหจนทนไม่ไหว!
น้องสาวของเขา ต้องทุกข์ทรมานแค่ไหนในตอนที่เขาไม่รู้?
“ไม่สบายใจ? ทำไมพวกเราต้องรู้สึกไม่สบายใจด้วย? ” ยินรั่วอวิ๋นเริ่มโมโหแล้ว เธอยืนขึ้นแล้วถามยินจื่อเจิ้นกลับ “ยินจื่อเจิ้น ฉันต้องหากที่เป็นน้องสาวของพี่ แต่ว่าดูสิว่าตอนนี้พี่ทำกับฉันยังไงบ้าง? ตอนนี้พี่รู้จักคนของบ้านจิ๋นแล้ว แต่ว่าไม่เคยแนะนำฉันเลย สุดท้ายฉันก็เป็นได้เครื่องสังเวยและแต่งงานกับเซี่ยงเฉิง ถ้าเกิดว่าพี่ไม่ลำเอียง ถ้ายังงั้นวันนี้ที่ฉันอยู่บ้านเซี่ยงต้องปากกัดตีนถีบขนาดนั้นเลยเหรอ? พี่เห็นความยากลำบากของยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วทำไมพี่ถึงไม่เห็นความทุกข์ใจของฉันบ้าง ฉันต่างหากที่เป็นน้องสาวของพี่! ”
หลังจากที่ยินจื่อเจิ้นได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ยินรั่วอวิ๋น ใครบังคับให้เธอมาอยู่ในจุดนี้? เธอหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น! จะโทษใคร? ถ้าเกิดว่าเธอไม่ไปแย่งแฟนของเสี้ยวเสี้ยว เธอจะได้แต่งงานกับเซี่ยงเฉิงงั้นเหรอ? จะกลายเป็น ‘เครื่องสังเวย’ยังงั้นเหรอ? อย่านึกว่าฉันไม่พูด หมายความว่าฉันไม่รู้นะ! ”
สีหน้าของยินรั่วอวิ๋นซีดลงทันที…