Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่211 อุบายของมู่เยียนหราน
บทที่211 อุบายของมู่เยียนหราน
หนึ่งคำพูด ที่ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวตกตะลึง แต่ยังไม่ทันจะได้ถามคนข้าง ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น แม้แต่ร่างกายของยินเสี้ยวเสี้ยวก็แข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าก็ซีดเผือดลงเล็กน้อยย
“ลี่ยวน นั่นใช่เสี้ยวเสี้ยวไหม?” เสียงของมู่เยียนหรานเบามาก เบาอย่างกับเธอป่วยเลยทีเดียว เธอไอเล็กน้อย “นายอยากเข้าไปคุยกับเธอหน่อยไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเผชิญหน้ากับต๋งไขโดยหันหลังให้พวกเขา แต่ต่อให้ไม่มอง เธอก็สามารถจินตนาการหน้าตาของพวกเขาออก
สายตาของต๋งไขจ้องมองจิ๋นลี่ยวอย่างเป็นปรปักษ์โดยไม่ปิดบัง เอื้อมมือคว้าแขนของยินเสี้ยว ๆ โดยไม่รู้ตัวอย่างต้องการปกป้องเต็มที่ ท่าทางนั้นทำให้ใจของยินเสี้ยว ๆ อบอุ่นขึ้นมา
“แค่กแค่ก…..” เสียงไอเบา ๆ ดังขึ้น เสียงที่คุ้นเคยทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากอย่างอดไม่ได้
จิ๋นลี่ยวนมองไปยังด้านหลังของยินเสี้ยวเสี้ยว ดวงตาคมหลุบมองมือของต๋งไขที่จับแขนยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ หายใจเข้าออกลึก ๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนเบือนสายตาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว
มู่เยียนหรานรู้สึกพอใจกับท่าทางที่ไร้ความปรานีของจิ๋นลี่ยวนมาก มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยแต่กลับเดินเข้าไปเอ่ยอย่างเจ็บปวดใจ “เสี้ยวเสี้ยว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? มาช้อปปิ้งเหรอ? ขาดอะไรไปรึเปล่า?”
คนอื่นเรียกชื่อคุยกับตัวเองแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ตอบกลับก็ไม่ดี ได้แต่หันกลับมามองเธอแล้วพูด “ขอบคุณคุณหนูมู่ที่ใส่ใจ ฉันแค่มาเดินเล่นสบาย ๆ เท่านั้นเอง”
จิ๋นลี่ยวนที่ยืนอยู่อีกข้างลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย เธอไม่มองเขาแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ?
“แค่กแค่กแค่ก….”เสียงไออย่างหนักดังขึ้นสองสามครั้ง จิ๋นลี่ยวนใบหน้าขึ้นสีแดงจาง ๆ อย่างไม่อาจทนได้ แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังไม่ละมามองที่ตัวเขาเลยสักนิด
ชั่วขณะนั้น จิ๋นลี่ยวนรู้สึกหงุดหงิดและไร้พลัง ดวงตาคมหลุบลงอย่างสิ้นหวัง
แต่เสียงไอนั้นทำให้มู่เยียนหรานสะดุ้งตกใจ จึงหันกลับมาถามเสียงเบาเขาอีกครั้งโดยไม่ทันได้สนใจยินเสี้ยวเสี้ยว “ลี่ยวน เป็นอะไรไหม? รู้สึกแย่มากรึเปล่า? เป็นเพราะฉันเอง ถ้าไม่ใช่เพราะนายมารับฉัน ไข้ของฉันก็คงไม่ไปติดนาย เป็นความผิดของฉัน…..”
แต่ละคำพูดล้วนตำหนิติตึงตัวเอง ขณะพูดอยู่แม้แต่ดวงตาก็เริ่มเปียกชื้นขึ้นมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเข้าไปในดวงตา มุมปากกลับยกยิ้มเย้ยหยัน
หากเป็นคนที่ไม่รู้ เดาว่าคงคิดว่าทั้งสองคนคบกันมาหลายปีแล้วใช่ไหมล่ะ? ถึงได้คุ้นเคยกันขนาดนั้น?
ถาวหยีที่เพิ่งเดินออกมาก็เห็นฉากนี้เข้า สีหน้าค่อนข้างตกตะลึง หากไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกเธอคาดว่าเธอจะคงจะเหม่อมองจิ๋นลี่ยวนกับมู่เยียนหรานอยู่อย่างนั้น แต่กลับกันต๋งไขที่อยู่อีกด้านกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มเยาะ
“ซื้อของเสร็จแล้ว ตอนนี้เราไปซื้อวัตถุดิบสักหน่อยแล้วค่อยกลับกันเถอะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยเสียงเบา ในน้ำเสียงราวกับมีความดีใจอยู่หน่อย ๆ ท่าทางนั้นไม่ได้เห็นจิ๋นลี่ยวนและมู่เยียนหรานอยู่ในสายตาแล้วอย่างสิ้นเชิง “เธออยากกินอะไรล่ะ ฉันทำให้กิน สั่งมาได้เลยนะ เดี๋ยวฉันทำให้พวกเธอเอง……”
ดูไปแล้วเหมือนว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ได้สนใจ แต่ยังไงเสียต๋งไขและถาวหยีก็อยู่กับยินเสี้ยวเสี้ยวมาหลายปี จะไม่รู้ได้ยังไงกันว่าปฏิกิริยาแบบนี้ของเธอนั้นกลับบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอแคร์มาก
มือที่จับยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ยิ่งบีบแรงขึ้น ถาวหยีหันไปมองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างหลังแวบหนึ่ง ดวงตาของทั้งสองสบกัน่ก่อนจะละออกจากกันอย่างรวดเร็วในวินาทีต่อมา ในสายตาของต๋งไขกลับแทบจะพุ่งเข้าไปแยกถาวหยีกับจิ๋นลี่ยวนออกจากกันซะเดี๋ยวนั้น!
“เสี้ยวเสี้ยว!” เมื่อเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะเดินไปจากพวกเขา อยู่ ๆ มู่เยียนหรานก็กลับเรียกชื่อยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมา “เสี้ยวเสี้ยว เธอโกรธอยู่รึเปล่า เพราะเรื่องที่ลี่ยวนหย่ากับเธองั้นเหรอ? ฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจพวกเราผิดไปน่ะ เธอเองก็รู้ ว่าสภาพร่างกายของฉันไม่ค่อยดีแล้วลี่ยวนก็เป็นหมอ เมื่อวานที่บ้านเก่า คุณย่าบอกว่าอยากให้ฉันแต่งงานกับลี่ยวนหวังว่าเธอคงไม่เอาไปใส่ใจนะ ฉันไม่…..”
“มู่เยียนหราน!” ยินเสี้ยวเสี้ยวตะคอกเบา ๆ สีหน้าเคร่งขรึมจ้องเขม็งไปที่เธอ สายตาที่มองมู่เยียนหรานนั้นเจือความสับสนอยู่ “ฉันพูดไปอย่างชัดเจนแล้วนะ ฉันกันคุณชายสามหย่ากันแล้ว ชายหญิงจะแต่งก็ไม่เกี่ยวอะไรกัน เขาอยากจะแต่งกับใครก็เป็นเรื่องของเขา ไม่จำเป็นต้องมารายงานฉัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของคุณหนูมู่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะไปยุ่งได้ ถ้าพวกคุณอยากจะอยู่ด้วยกัน ฉันก็ยินดีกับพวกคุณด้วย เพียงแค่หวังว่าหลังจากนี้พวกคุณจะไม่มาก่อกวนชีวิตฉัน”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เหลือบมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่ห่างออกไปไม่ไกลแวบหนึ่งก่อนจากไป
จิ๋นลี่ยวนกระแอมขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว ในหัวสมองคลุ้มคลั่ง แม้แต่การเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าไปหมด
มู่เยียนหรานนิ่งอึ้ง สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเมื่อครู่เธอเห็นราวกับยินเสี้ยวเสี้ยวจะรู้แผนการของเธอแล้วอย่างนั้นแหละ
ถึงยังไงการหย่าร้างของยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนก็เป็นเรื่องใหญ่ รอบตัวของพวกเขาจะต้องมีนักข่าวคอยตามอยู่ ที่เธอพูดขึ้นมาเพียงเพราะอยากจะกระจายเรื่องที่คุณย่าสนใจในตัวเธอออกไป ด้วยวิธีนี้ตราบใดที่ราดน้ำมันให้มากภายหลังก็อาจบังคับให้ตระกูลจิ๋นแต่งเธอเข้าอย่างไม่มีทางเลือก! แต่การขัดจังหวะของยินเสี้ยวเสี้ยวนี้ ไม่แน่ว่าจิ๋นลี่ยวนอาจเจอบางอย่าง….
เธอหันไปมองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างหลังอย่างกังวล มู่เยียนหรานกลับพบว่าจิ๋นลี่ยวนแค่ยืนไออยู่ตรงนั้นเท่านั้น เหมือนกับว่าเขาไม่ได้สังเกตุเรื่องทางนี้เลยแม้แต่น้อย ในใจถึงได้สงบลงได้
เธอรู้ดี ในเวลานี้เธอจะปล่อยให้จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่าเธอมีความคิดอื่นใดไม่ได้น่ะสิ…
แต่สำหรับยินเสี้ยวเสี้ยว คนรนหาที่ยังไงก็อย่างนั้น ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น……
เมื่อออกมาจาก ‘โต้ะอาหารแมนจูฮั่น’ ความโกรธเคืองของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังไม่ลดลง คิ้วขมวดเป็นปมไม่ยอมคลายอยู่พักใหญ่
“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้เรากินหม้อไฟกันเถอะ ไม่ได้กินหม้อไฟมานานแล้ว” ต๋งไขพูดขึ้นกะทันหัน เพื่อเบนความคิดของยินเสี้ยวเสี้ยวออกไป “เรียกพี่ชายเธอ แล้วก็เรียกพี่ชื่อชิงของเธอมาด้วยก็ได้ คนเยอะ ๆ จะได้ครึกครื้นหน่อย”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้า ดึงถาวหยีให้ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน ขณะโทรหายินจื่อเจิ้นกับเฉิงชื่อชิงไปด้วย
เมื่อเดินลงมาถึงใต้ตึกฝั่งใต้ของชู่ถีหย้วน ต๋งไขลงจากรถพร้อมกับสิ่งของมากมาย ยินเสี้ยวเสี้ยวถือห่อเล็กสองห่อไว้ในมือ ส่วนในมือของถาวหยีนั้นไม่มีอะไรเลย กลุ่มคนเดินไปข้างหน้าพลางพูดคุยหัวเราะ แต่กลับไม่คิดว่าจะได้พบกับเซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นอยู่ที่นี่
“เสี้ยวเสี้ยว” เซี่ยงเฉิงเอ่ยเสียงเบา ทันทีที่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเขาก็ปล่อยยินรั่วอวิ๋นที่จับมือของตัวเองอยู่แล้วก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วก้าวไปข้างหน้ายืนขวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง มองไปที่เขาอย่างระแวดระวัง ฝีเท้าหยุดลงอย่างเก้อ ๆ เซี่ยงเฉิงมองไปที่เธออย่างละโมบ “เสี้ยวเสี้ยว เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เมื่อหันไปมองเซี่ยงเฉิง ยินรั่วอวิ๋นก็สังเกตุเห็นใบหน้ามืดทะมึนน่าสะพรึงกลัวของยินรั่วอวิ๋นที่ตามมาข้างหลัง “ฉันสบายดี มีธุระอะไรรึเปล่า?”
เซี่ยงเฉิงถูกกำแพงแบบนั้นของยินเสี้ยวเสี้ยวกันท่าจนพูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง กลับเป็นยินรั่วอวิ๋นที่ก้าวขึ้นมาพูดขึ้น “พี่ ฉันได้ยินว่าพี่หย่าแล้ว ตอนแรกก็ยังไม่เชื่อหรอก ตอนนี้เห็นเธออยู่ที่นี่ก็เชื่อแล้วล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจิ๋นไม่ต้องการเธอแล้ว เธอจะมาอยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไงล่ะ?”
สายตามองไปบนตึกฝั่งใต้แฝงความริษยา!
ที่นี่เป็นสมบัติของยินจื่อเจิ้น เธอจะไม่รู้ได้ยังไง? แต่นี่เป็นอหังสาของยินจื่นเจิ้นเพียงคนเดียว ถึงเธอจะกลับบ้านก็ไม่มีใครสนใจเธอ เธอเองก็อยู่ที่ชู่ถีหย้วน น่าเสียดายที่อยู่ที่ฝั่งเหนือ ฝั่งใต้กับฝั่งเหนือแม้จะต่างกันเพียงคำเดียว แต่กลับแตกต่างกันลิบลับ! วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ ๆ นึกอยากจะมาดูสักหน่อย ถึงจะอยู่ในเขตเดียวกันก็คงจะไม่ได้เจอกันหรอก!
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เปลี่ยน ตอนที่ตัดสินใจจะหย่าเธอก็รู้แล้ว เธอจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้อีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของยินรั่วอวิ๋นก็นับว่าไม่ได้พูดเกินไปจริง ๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองพวกเขา ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว เพียงแต่ความไม่สนใจในสายตานั้นเผยออกมาอย่างชัดเจน
เซี่ยงเฉิงเหลือบมองพวกเขาอย่างค่อนข้างอึดอัด สายตาไปตกอยู่บนวัตถุดิบในมือของต๋งไขกับยินเสี้ยวเสี้ยว เขายื่นมือออกไปรับของในมือของยินเสี้ยวเสี้ยวมาโดยไม่รู้ตัวแล้วเอ่ยพลางยิ้ม “พวกเธอกำลังจะทำหม้อไฟกันเหรอ? ฉันเองก็ไม่ได้กินมานานแล้ว ถ้าไม่ถือสาเพิ่มฉันเข้าไปอีกสักคนนะ?”
ยินรั่วอวิ๋นที่อยู่อีกด้านโกรธจนสีหน้าดำทะมึน เพิ่มเขาอีกคน? เซี่ยงเฉิงนึกว่าเธอยินรั่วอวิ๋นตายไปแล้วจริง ๆ รึไง?
เธอกำหมัดแน่น อีกนิดยินรั่วอวิ๋นก็แทบจะเข้าไปลากเซี่ยงเฉิงกลับมาอยู่แล้ว แต่ความจริงปรากฏว่าเซี่ยงเฉิงยังไม่ได้ลืมเธอ แถมหันกลับมาพูดกับเธอ “รั่วอวิ๋น ร่างกายเธอไม่ค่อยดี ของหม้อไฟแบบนี้ไม่เหมาะให้เธอกิน เธอจะได้ไม่ต้องพูดพร่ำกับแม่ทั้งวันว่าเป็นห่วงพี่สาว วันนี้ฉันจะช่วยเธอดูเองนะ เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันกินเสร็จแล้วจะกลับไป”
คำพูดนั้นเอ่ยออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกเกรงใจที่จะไล่เขาไป เซี่ยงเฉิงถึงกับไล่ยินรั่วอวิ๋นไปเพื่อจะกินข้าวมื้อนี้ เธอต้องไล่เขาไปงั้นเหรอ? ยินรั่วอวิ๋นคงจะไม่พอใจเธอทั้งสองทาง เธอให้เซี่ยงเฉิงอยู่ให้ยินรั่วอวิ๋นโมโหซะยังจะดีกว่า
“เสี้ยวเสี้ยว เด็กที่เคยช่วยเธอที่โรงพยาบาลครั้งก่อน เขาดีขึ้นรึยัง?” เพราะกลัวว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะปฏิเสธเขา เซี่ยงเฉิงจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง และยังเปลี่ยนเรื่องที่ยินเสี้ยวเสี้ยวใส่ใจอีกด้วย “ฉันจำได้ว่าแผลของเขาร้ายแรงมากเลย นี่ก็เดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นบ้างรึยัง?”
หัวข้อนี้ของเซี่ยงเฉิง ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีเฉินหยูอยู่อีกคน ยังไม่ทันจะพูดอะไรกับเขาก็ยกมือถือขึ้นมาโทรหาเฉินหยู เอ่ยถามเสียงเบา “เฉินหยู ฉันพี่เสี้ยวเสี้ยวนะ บาดแผลของเธอดีขึ้นบ้างรึยัง? มีเวลาออกมาสักหน่อยไหม?”
ต๋งไขและถาวหยีต่างขมวดคิ้วมองไปยังเซี่ยงเฉิง เซี่ยงเฉิงกลับจ้องตรงไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ตามหลังเธอขึ้นตึกไปโดยไม่เห็นสายตาเหล่านั้นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ยินรั่วอวิ๋นที่อยู่ด้านหลังคิดจะตามขึ้นไปด้วยแต่แม่สามีของเธอเว่ยโถ้หยีดันโทรศัพท์มา เธอจึงต้องแยกจากไปก่อนอย่างเสียไม่ได้ แต่ในใจกลับจดบัญชีกับยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้แล้ว
กลุ่มคนเดินมาถึงหน้าห้อง ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดประตูออก ทุกคนเรียงแถวยาวกันเข้าไป ถาวหยีช่วยเป็นลูกมือให้ เซี่ยงเฉิงกับต๋งไขก็ไม่ได้อยู่ว่าง ๆ ทั้งสองคนยังพูดคุยกันได้สองสามประโยค เป็นเพียงหัวข้อที่ไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นยินเสี้ยวเสี้ยวหรือถาวหยีหรือว่ายินรั่วอวิ๋น
เวลาหนึ่งทุ่ม เฉิงชื่อชิงและยินจื่นเจิ้นทยอยมาถึงทีละคน ยินจื่อเจิ้นถอดเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ของตัวเอง ถูมืออย่างต้องการจะเริ่ม ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับเอาตะเกียบตีมือเขาทีหนึ่งแล้วพูด “พี่คะ คนยังมาไม่ครบเลย พี่ก็จะเริ่มแล้วเหรอ? ทางนั้นมีผลไม้อยู่ ถ้าหิวก็กินผลไม้สิคะ!”
ยินจื่นเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย มองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยความประหลาดใจ ผ่านไปพักหนึ่งถึงพูด “ยินเสี้ยวเสี้ยว กล้าหาญขึ้นนะ กล้าตีฉันแล้วเหรอเนี่ย? ฉันเป็นพี่ชายเธอนะ!”
เทียบกับเรื่องที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ‘ตี’ เขาแล้ว ความจริงเขาสนใจว่าคนที่ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวให้ความสำคัญขนาดนั้นคือใครมากกว่า!
ถ้าเป็นผู้หญิงก็แล้วไป ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็….