Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่74 สิ่งที่ยังพูดไม่จบ
บทที่74 สิ่งที่ยังพูดไม่จบ
ในงานแต่งงาน จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกไปรับยินเสี้ยวเสี้ยวจากนั้นหันหน้าเผชิญเข้ากับสักขีพยานในงานแต่งงาน เพื่องานแต่งงานในครั้งนี้ตระกูลจิ๋นได้เชิญคนแก่อายุแปดสิบเก้าปีที่มีชื่อเสียงในเมือง T มาเป็นสักขีพยาน ถึงแม้ว่าผมจะขาวโพลนไปหมดทั้งหัวแต่กลับดูแข็งแรง ชายชรายิ้มตาหยีมองดูพวกเขาแล้วพูดขึ้น ทำให้ภายในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา…..
หลังจากที่เป็นสักขีพยานเรียบร้อยแล้วนั้นพิธีกรก็ขึ้นมาบนเวที เพียงแต่ไม่ว่ายังไงยินเสี้ยวเสี้ยวก็คิดไม่ถึง พิธีกรในงานแต่งงานนั้นเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลจิ๋น!ตอนที่ได้ยินจิ๋นลี่โป๋เอ่ยถาม:“คุณยินเสี้ยวเสี้ยวครับ คุณยินดีที่จะรับคุณจิ๋นลี่ยวนเป็นสามีไหมครับ?”
หัวใจของเธอสั่นเทา
เงยหน้าขึ้นมองจิ๋นลี่โป๋แล้วพูดตอบด้วยความจริงจัง:“ยินดีรับค่ะ”
เสียงปรบมือล่างเวทีดังสนั่น จนกระทั่งวินาทีนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งเชื่อว่าการแต่งงานของตนเองนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด เป็นงานแต่งงานที่ยากจะลืมเลือนที่สุด ทว่าวินาทีต่อมาเธอกลับพบว่าตนเองคิดผิดไปแล้ว ผิดมหันต์
จิ๋นลี่โป๋กระพริบตาให้กับยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นหันไปถามจิ๋นลี่ยวน:“คุณจิ๋นลี่ยวน คุณยินดีจะรับคุณยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นภรรยาหรือไม่ครับ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปมองชายหนุ่มที่สุดแสนจะสง่าผ่าเผยข้างกาย ภายในใจรู้สึกหวานชื่นแม้ว่าจะยังไม่ได้ยินคำตอบของเขา วินาทีที่มองดูริมฝีปากสุดเซ็กซี่ของเขาขยับไปมานั้นทำให้ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อขึ้นมา
“ผม…..” จิ๋นลี่ยวนที่เพิ่งเอ่ยพูดนั้นกลับถูกอีกเสียงพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“จิ๋นลี่ยวน!”
เสียงอ่อนหวานและไพเราะทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มของเธอยังไม่ทันได้หุบนั้น เธอก็ได้ยินคนที่มาเอ่ยถามขึ้น:“จิ๋นลี่ยวน คุณเคยบอกว่าจะแต่งงานกับฉันไม่ใช่หรอคะ?”
คำพูดเพียงประโยคเดียว ดังสะท้านไปทั่วทั้งงาน
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันกลับไปมองเห็นเพียงหญิงสาวที่ใบหน้าคุ้นเคยยืนอยู่ตรงปลายพรมแดง
เธอคือนักเต้นบัลเล่ต์หญิงบนเวทีนั่น…..
มือของยินเสี้ยวเสี้ยวที่คล้องแขนของจิ๋นลี่ยวนอยู่นั้นนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ถึงเวลานี้แล้วถ้าเธอยังไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นใครเธอคงจะโง่แล้วจริงๆ!ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่หันไปมองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างๆ
จิ๋นลี่ยวนยังคงยืนหันหลังให้กับมู่ซูว เงียบจนน่ากลัว ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเพียงว่าแสงแดดที่ส่องมาบนตัวให้ความอบอุ่นกับเธอนั้นเพียงชั่วพริบตาทำไมถึงรู้สึกหนาวสะท้านแบบนี้? หนาวจนฟันของเธอกระทบกัน
มู่ซูวยืนอยู่ตรงพรมแดง สวมใส่ชุดเดรสสีดำขับผิวขาวของเธอ ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงที่ดูสง่าทว่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นคนที่ถูกทำร้ายและน่าสงสาร เธอเดินขึ้นหน้าทีละก้าวๆ น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้ารูปไข่นั้นไม่หยุด เอ่ยถามเสียงเบา:“ลี่ยวน คุณเคยบอกว่าจะแต่งงานกับฉันไม่ใช่หรอคะ? แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างๆคุณตอนนี้ เธอคือใครคะ?”
เผชิญหน้ากับก้าวเดินมาทีละก้าวของมู่ซูว ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่อยากถอยหลังแม้สักก้าว แต่ความเป็นจริงนั้นเธอกลับถอยหลังไปแล้ว!
เพราะว่าเธอรู้มาโดยตลอด ในใจของจิ๋นลี่ยวนไม่เคยมีเธอ!แม้แต่การแต่งงานในครั้งนี้เธอยังเป็นคนขโมยมา เพียงแต่เธอคิดว่าอย่างน้อยตนเองยังมีเวลาหนึ่งปี ห้าปีหรือนานกว่านั้นที่จะสามารถเตรียมตัวรับมือกับการปรากฏตัวของเธอ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยคาดคิดว่า เธอจะปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าตนเองกะทันหันแบบนี้ อีกทั้งยังปรากฏตัวในการแต่งงานของเธอด้วย…..
งานแต่งงานในเวลานี้เงียบไปหมด ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว
มู่ซูวมีความหมายกับจิ๋นลี่ยวนมากแค่ไหน ไม่มีใครรู้แน่ชัด ดังนั้นไม่ว่าจะคนในตระกูลจิ๋นหรือคนในตระกูลยินล้วนไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูมู่ซูวที่เดินเข้ามาใกล้พวกเขาทีละก้าว เธอตื่นตระหนกกว่าที่เคยเป็นมาก่อน เผชิญหน้ากับมู่ซูว เผชิญหน้ากับจิ๋นลี่ยวน เผชิญหน้ากับเหรื่อที่มาในงาน ไม่รู้จะทำยังไง กระวนกระวายไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรทำอะไร เธอถึงขั้นกลัวการก้าวเดินมาทีละก้าวของมู่ซูว เธอกลัว กลัวว่ามู่ซูวจะขึ้นมาแย่งจิ๋นลี่ยวนไปแบบนี้ และกลัว กลัวว่าตนเองจะกลายเป็นคนที่ตนเองเกลียดที่สุด…..
ในที่สุดน้ำตาก็ตลอเบ้าอย่างห้ามไม่ได้ มีทีท่าจะไหลลงมา
ผ้าคลุมผมของเจ้าสาวบดบังความงดงามของเธอ และซ่อนใบหน้าซีดขาวของเธอเอาไว้ เวลานี้มีคนกำลังเยาะเย้ยสมน้ำหน้าเธอ และมีคนกำลังมองดูเธอด้วยความสงสารปวดใจกับการที่เธอก้าวถอยหลัง……
ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากจะดึงตัวจิ๋นลี่ยวนให้ถอยหลังไปพร้อมกับตน เพียงแต่ร่างตรงนั้นกลับยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวและไม่พูดสิ่งใด เดินอย่างโซเซ มือของยินเสี้ยวเสี้ยวปล่อยแขนของเขาที่จับเอาไว้ วินาทีนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าเหมือนหัวใจของตนเองตกลงไป…..
จิ๋นลี่โป๋เดินขึ้นหน้า คว้าจับยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังจะล้มลง ขมวดคิ้วมองดูจิ๋นลี่ยวน ทว่าคล้ายจิ๋นลี่ยวนจะไม่สังเกตุเห็นแม้แต่น้อยเสียอย่างนั้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากของตนเองแน่น วินาทีที่มือของตนเองปล่อยแขนของจิ๋นลี่ยวน จู่ๆเธอก็เข้มแข็งขึ้นมา เรื่องนี้ตระกูลจิ๋นไม่เคยบอกกับเธอ มีคนอื่นมาทำลายงานแต่งงานของเธอ!เธอไม่ควรที่จะถอยหลังและไม่ควรที่จะอ่อนแอ!
ร่างบางพยายามที่จะยืนตรง ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ห่างจากจิ๋นลี่ยวนหนึ่งก้าว มองดูเขาโดยไม่พูดอะไร รอให้เขาเลือกและตัดสินใจ
มู่ซูวที่ร้องไห้สะอื้นขยับเข้าใกล้จิ๋นลี่ยวน ปากของเธอเอาแต่พร่ำพูดเรื่องนี้อดีตมากมาย ทันใดนั้นเองก็มีมือสองมือยื่นออกมา มือที่ขาวนั้นคือมือของถาวหยี ส่วนมือสีแทนนั้นคือมือของยินจื่อเจิ้น
“คุณคะ รบกวนให้เกียรติกันด้วยค่ะ!” ถาวหยีเอ่ยพูดอย่างไม่เกรงจ คิ้วของเธอขมวดแน่น!
ร่างสูงใหญ่ของยินจื่อเจิ้นยืนขวางมู่ซูวเอาไว้ ยืนบังไม่ให้เธอมองเห็นจิ๋นลี่ยวน แม้ไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทีตักเตือนนั้นแสดงชัดเจน
เขาไม่มีวันยอมให้ใครใช้ไม่ว่าจะวิธีไหนมาทำลายความสุขของน้องสาวตนเอง!
ทุกคนในงานแต่งงานรออย่างเงียบๆ แม้กระทั่งหายใจก็ยังไม่กล้าหายใจเสียงดัง กลัวว่าจะรบกวนเรื่องตรงหน้าเสียอย่างนั้น
มู่ซูวยืนอยู่ตรงหน้ายินจื่อเจิ้นและถาวหยีละสายตาที่มองดูจิ๋นลี่ยวน กล่าวพูดอย่างยืนหยัด:“พวกคุณรู้ไหมคะ ฉันต่างหากที่เป็นแฟนของจิ๋นลี่ยวน ฉันคือคุณหนูสองตระกูลมู่ และตระกูลมู่กับตระกูลจิ๋นนั้นได้มีการหมั้นหมายกันเอาไว้!”
ก้อนหินเพียงก้อนเดียวทำให้เกิดขึ้นเป็นพันๆคลื่น งานแต่งงานแปรเปลี่ยนเป็นวุ่นวายขึ้นมาในทันที มีเพียงครอบครัวเดียวที่แลดูมีความสุขนั้นก็คือครอบครัวยิน คนจำนวนไม่น้อยหันไปถามหลี่หมึ้งเกี่ยวกับเรื่องของยินเสี้ยวเสี้ยว หลี่หมึ้งถึงกับ‘ไม่รู้จะพูดอะไร’
——คุณหนูใหญ่ตระกูลยินเป็นอะไรไป? รู้ทั้งรู้ว่าเขามีคู่หมั้นคู่หมายแต่กลับแต่งงานด้วย?
——ใครจะไปรู้กัน คุณหนูใหญ่ตระกูลยินไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ไม่รู้ว่าตระกูลจิ๋นยอมตกลงได้ยังไง
——พวกเธอไม่รู้หรอว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลยินยังเป็นสาวบริสุทธิ์? บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ตระกูลจิ๋นยอมรับในตัวเธอก็ได้
——ต่อให้เป็นแบบนี้ แล้วจะทำไมล้ะ? จะใช้นี่เป็นเหตุผลในการถีบหัวไล่ส่งคู่หมั้นคู่หมายก็ไม่ใช่?
——คุณหนูใหญ่ตระกูลยินคนนี้ดูไม่ออกจริงๆ ที่แท้ก็เป็นมือมี่สามไปแย่งว่าที่เจ้าบ่าวของคนอื่น!
——ไร้ยางอายสิ้นดี เป็นผู้หญิงดีๆไม่ชอบ ชอบจะเป็นมือที่สาม
……
คำพูดหยาบคายของคนที่อยู่รอบดังในหูของยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว ทำเพียงมองดูคนตระกูลยินที่อยู่หน้าเวที คุณย่าจิ๋นหลบสายตาหันไปมองทางอื่น แม้แต่หยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงเองก็ก้มหน้าลง มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกขึ้นเธอเข้าใจทุกอย่างในทันที……
จริงด้วย ต่อให้ตระกูลจิ๋นจะชอบเธอมากแค่ไหนแล้วเธอจะทำอะไรได้? ต่อให้คุณย่าเอาแต่ปกป้องเธอแล้วจะทำอะไรได้? แต่ทั้งหมดนั่นต้องไม่กระทบต่อชื่อเสียงของครอบครัวจิ๋น!เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ขอเพียงแค่คนในตระกูลจิ๋นยืนออกมาแล้วพูดปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องพูดอะไรมาก อย่างน้อยๆก็ผิดต่อตระกูลมู่!ในเวลาเดียวกันนั้นก็ส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูลจิ๋น เพียงแค่สองข้อนี้ คนในตระกูลจิ๋นก็ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นพูดแล้ว!
หลี่หมึ้งฟังบทสนทนารอบๆ อดไม่ได้ที่จะพูดเสริม:“เฮ้อ ตอนนั้นดิฉันก็เตือนเธอแล้ว บอกให้เธอไม่ต้องเอาแต่ใจแบบนั้น ดูตอนนี้สิ คุณหนูมู่บุกมาหาถึงที่ น่าขายหน้าจริงๆ……”
คำพูดประโยคนี้ของหลี่หมึ้งเป็นเครื่องยืนยันว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนยืนกรานจะแต่งงานกับคนในตระกูลจิ๋น!ทำให้สายตาของทุกคนที่อยู่รอบๆมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวเปลี่ยนไปไม่น้อย……
จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกขมขื่น ขมขื่นมากจริงๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้าลงเล็กน้อยหัวเราะเยาะตัวเองจากนั้นเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า ถึงขั้นนี้แล้ว ถูกทุกคนเข้าใจผิดแต่เธอก็ยืนกรานที่จะรอคำตอบจากจิ๋นลี่ยวน ก่อนหน้านี้เธอหนีมานานแล้ว ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้คงเป็นการลงโทษเธอ……
เพียงแต่เธอไม่มีความกล้าที่จะเอ่ยถาม:“จิ๋นลี่ยวน ภรรยาของคุณคือฉันหรือเธอคะ?”
ถาวหยีที่ได้ยินคำพูดของมู่ซูวถึงกับทนไม่ได้ที่จะตกใจ ทว่ายังคงทนพูดต่อไป:“คุณมู่คะ ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณบอกว่าตระกูลจิ๋นและตระกูลมู่รู้เรื่องนี้ดี แต่ว่าทำไมตระกูลจิ๋นจัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ ตระกูลมู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยล้ะคะ? ไม่อย่างก็คือว่าคุณกำลังพูดโกหก ไม่อย่างนั้นก็คือว่าการหมั้นหมายของพวกคุณถูกยกเลิกไปนานแล้ว!”
ถาวหยีไม่เปิดโอกาสในมู่ซูวพูดแม้แต่น้อย จนกระทั่งยินเสี้ยวเสี้ยวเดินออกมาจากห้องเจ้าสาวเธอก็เพิ่งรู้ว่าผู้ชายที่ยินเสี้ยวเสี้ยวจะแต่งงานด้วยนั้นคือคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋น เธอตกใจมาก หลังจากที่ตกใจนั้นกลับกลายเป็นคำอวยพร ในสายตาของเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวคู่ควรกับของที่ดีที่สุดทุกอย่างบนโลกใบนี้!
ยินจื่อเจิ้นมองดูถาวหยีแล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย:“คุณมู่ครับ ไม่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น คล้ายว่าเรื่องนี้จะเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่ต้องมาคุยกัน ทำไมพอคุณพูดมันกลับเป็นเรื่องที่เด็ดขาดขนาดนั้นละครับ? เท่าที่ผมรู้ ถึงแม้ว่าตระกูลมู่จะไม่ได้มาร่วมงานแต่งงานแต่ก็ได้มีการส่งของขวัญมาให้ คุณรู้ไหมครับว่าแบบนี้มันหมายความว่าอะไร?”
สีหน้าของมู่ซูวตอนที่ฟังยินจื่อเจิ้นพูดนั้นซีดขาว เธอเซจนน่าสงสาร
“สิ่งนี้หมายความว่าตั้งแต่ต้นจนจบตระกูลมู่รับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ถึงขั้นเห็นชอบให้มันเกิดขึ้น!” น้ำเสียงของยินจื่อเจิ้นเย็นชาจนน่าตกใจ เสียงพูดของผู้คนล่างเวทีค่อยๆเงียบลง พวกเขาลืมกันไปหมดแล้วว่ายินเสี้ยวเสี้ยวมีคนที่คอยหนุนหลังที่แข็งแรงซึ่งก็คือยินจื่อเจ้น!“สำหรับการหมั้นหมายที่คุณพูดถึงนั้น ใครจะไปรู้ว่าหมายถึงใครกับใคร? ตระกูลมู่ของคุณไม่ได้มีคุณเป็นลูกสาวแค่คนเดียว เช่นเดียวกันตระกูลจิ๋นที่ไม่ได้มีจิ๋นลี่ยวนเป็นลูกชายแค่คนเดียว เรื่องบางเรื่องถ้ายังไม่รู้แน่ชัดอย่าเพิ่งพูด ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องร้องคุณ!วันนี้เป็นวันแต่งงานของน้องสาวผม หวังว่าคุณจะให้เกียรติพวกเขาด้วย!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ได้ยินคำพูดของยินจื่อเจิ้นและถาวหยีนั้นรู้สึกอบอุ่นในใจ เพียงแต่เธอรู้ดีว่า ต่อให้ยินจื่อเจิ้นและถาวหยีจะพูดร่ายยาวแค่ไหน ขอเพียงจิ๋นลี่ยวนไม่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้ก็ไม่ง่ายขานดนั้น เห็นได้ชัดว่าทุกคนในงานก็เข้าใจหลักการนี้เป็นอย่างดี เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ สายตาของทุกคนมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำนับตั้งแต่การปรากฏตัวของมู่ซูว…….
ทุกคนเอาแต่คาดเดา คำพูดที่ยังไม่ทันพูดจบของจิ๋นลี่ยวน‘ผม……’ คือ‘ผมยินดีรับครับ’หรือว่า‘ผมไม่ยินดีรับครับ’