Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่91 ตัดสินด้วยคำเดียว
บทที่91 ตัดสินด้วยคำเดียว
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่สนใจยินรั่วอวิ๋นกับเซี่ยงเฉิงเลยแม้แต่น้อย ในสายตาเธอ ทุกคนมีครอบครัวของตัวเองแล้วจะไม่มีอะไรเกี่ยวโยงกันอีก ยินรั่วอวิ๋นจะตั้งท้องหรือไม่สำหรับเธอแล้วไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น ยังไม่ได้เดินเข้าไปห้องป่วยของกู่ชูเหยา เธอก็ได้ยินเสียงในห้องผู้ป่วย ไม่ได้เสียงดังอะไร แต่กลับมีความรู้สึกที่เย็นชา
ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบโทรหาจิ๋นลี่ยวนอย่างไม่ลังเล
ต้องรู้ว่า เรื่องงานแต่งของตระกูลฉีกับตระกูลกู่คุณย่าจิ๋นได้ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด!
——อย่าให้ไอ้เด็กเลวอย่างฉีเคอหานไปก่อกวนจิ๋นลี่หยาวอีกเด็ดขาด!
ยินเสี้ยวเสี้ยวแทบจะรู้อยู่แล้วว่าในห้องผู้ป่วยตระกูลฉีกับตระกูลกู่กำลังเตรียมการเรื่องงานแต่งของลูกทั้งสองฝ่าย เลยรีบโทรหาจิ๋นลี่ยวน หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ตรงริมทางเดินอย่างเงียบๆ
ไม่นาน จิ๋นลี่ยวนที่ใส่เสื้อกาวน์ได้ปรากฏตัวที่สุดริมทางเดิน
เดินมาตรงหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนไม่พูดสักคำก็จูงมือยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปที่ห้องผู้ป่วย
เคาะประตูเบาๆ จิ๋นลี่ยวนก็ได้ก้าวเข้าไป เสียงที่วุ่นวายอยู่ในหูของยินเสี้ยวเสี้ยวเมื่อกี้นี้ได้เงียบลงทันที ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้สนใจแค่มองไปที่กู่ชูเหยาที่นอนอยู่บนเตียง
แค่พักที่โรงพยาบาลไม่กี่วันเองกู่ชูเหยาก็ผอมลงเยอะเลย ดูแล้วช่างอ่อนแอ ดูยังไงก็ช่างน่าสงสาร
เฉินฉินเห็นจิ๋นลี่ยวนมาปุ๊บ ก็รีบหันไปข้างกายของจิ๋นลี่ยวนแล้วพูดว่า:“ลี่ยวน คุณต้องช่วยคุณป้าหน่อยนะ งานแต่งของเคอหานกับชูเหยาได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว จู่ๆตอนนี้กลับแยกกันแล้ว คำนินทาจากภายนอกจะหยุดได้เสียที่ไหนกัน?”
จิ๋นลี่ยวนไม่พูดอะไร แค่มองคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วหันมาถามกู่ชูเหยาคำเดียวว่า:“ชูเหยา ตอนนี้คุณยังยอมที่จะหมั้นกับฉีเคอหานหรือเปล่า?”
แค่คำพูดเดียว ทุกคนเงียบไปหมด
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ที่จิ๋นลี่ยวนพูดคือ“หมั้น”แต่ไม่ใช่“แต่งงาน” แค่หมั้นกันหากจะทำลายสัญญาแต่งงานจะง่ายกว่าแต่งงานแล้วค่อยมาหย่ากันทีหลังเยอะเลยนะ เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นอกจากยินเสี้ยวเสี้ยวกับฉีเคอหานแล้วทุกคนเข้าใจความหมายกันหมด เขาขมวดคิ้วและมองกู่ชูเหยาที่อยู่บนเตียง
“จิ๋นลี่ยวน! ฉันไม่….” ฉีเคอหานได้โมโหขึ้นมา ตะโกนใส่จิ๋นลี่ยวน แต่กลับถูกขัดจังหวะ
“นายหุบปากไปเลย!”จิ๋นลี่ยวนจ้องฉีเคอหานอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง วินาทีนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกถึงบรรยกาศในห้องได้เปลี่ยนไปทันที จากนั้นจิ๋นลี่ยวนก็แค่รอคำตอบของกู่ชูเหยาอย่างเงียบๆต่อไป
ผ่านไปตั้งนาน กู่ชูเหยาแค่พูดคำเดียวว่า:“ฉันหวังว่าครอบครัวของฉันกับพี่ลี่หยาวจะมีชีวิตที่ดีก็พอแล้วคะ”
กู่ชูเหยาไม่ตอบคำถามของจิ๋นลี่ยวนโดยตรง แต่ก็ให้คำตอบของตัวเองออกมาแล้ว ขอแค่บ้านจิ๋นจะไม่พาลโกรธและทำร้ายตระกูลกู่เพราะเรื่องนี้ก็พอค่ะ ขอแค่จิ๋นลี่หยาวไม่แคร์ ถึงแม้จะมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ยังยอมให้โอกาสฉีเคอหานอีกครั้งหนึ่ง!
“กู่ชูเหยา คุณมันบ้า!” วินาทีนั้น ฉีเคอหานก็โมโหใหญ่เลย ชี้หน้ากู่ชูเหยาแล้วด่าว่า:“กู่ชูเหยา คุณโง่หรอ? ต้องให้ถึงวันที่ผมเผลอฆ่าคุณไปคุณถึงจะยอมปล่อยมือใช่มั้ย? ผมก็บอกแล้วว่าผมชอบจิ๋นลี่หยาว คุณยังจะหน้าด้านมาเสนอตัวทำไม?”
เพี๊ยะ!
ยินเสี้ยวเสี้ยวแทบเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแค่มือของกู่เฉิงยู่ยกขึ้นมาแล้วเก็บมือลงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวปากของฉีเคอหานก็มีเลือดไหลออกมา เฉินฉินกับฉีเฉิงผิงเห็นแล้วรู้สึกสงสาร แต่มองดูคนของตระกูลกู่แล้วก็ทนเอาไว้
ฉีเคอหานโดนตบแค่ทีเดียวมันไม่ได้มากไปเลยด้วยซ้ำ!
“ฉีเคอหาน แกคิดว่าแกเป็นคุณชายของตระกูลฉีเลยใหญ่มากใช่มั้ย? ลูกสาวของตระกูลกู่เป็นคนที่แกจะมาทำยังไงก็ได้หรือ? ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะแต่งงานที่ได้ตกลงกันระหว่างตระกูลฉีกับตระกูลกู่ล่ะก็ แกถูกฉันเตะออกนอกประตูไปตั้งนานแล้ว แกไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าชูเหยาเลยด้วยซ้ำ! ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับบ้านจิ๋น แกคิดจริงๆหรือว่าแกจะสามารถหมั้นกับลูกสาวฉันได้? กู่เฉิงยู่โมโหจริงๆ นั้บตั้งแต่คืนที่กู่ชูเหยาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลความโมโหของเขาก็ได้สะสมไว้ในใจ จนระเบิดออกมาในเมื่อกี๊ “ตอนนี้ฉันจะบอกแกอย่างกระจ่างแจ้ง แกกับชูเหยาแค่หมั้นกันเท่านั้น หลังหมั้นกันครึ่งปีก็ถอนหมั้นกันทันที! อย่าคิดว่าตระกูลกู่อย่างเราจะรั้งตระกูลฉีไว้ไม่ยอมปล่อย ลูกเขยอย่างแก ตระกูลกู่ไม่อยากได้หรอก!”
ทุกถ้อยคำที่เสียงดังชัดเจนและหนักแน่น แต่ละถ้อยคำกระทบกระเทือนจนฉีเคอหานเอ๋อไปเลย
เขาไม่เข้าใจ คนของตระกูลกู่ไม่ใช่ชอบตัวเองมาโดยตลอดหรือ? แม้แต่คุณลุงกู่เฉิงยู่ก็พาเขาไปออกงานต่างๆอยู่เป็นประจำ และสอนเรื่องต่างๆให้เขาเยอะแยะ แต่ตอนนี้คำพูดเหล่านี้มันฟังแล้วเหมือนตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจขนาดนี้?
จิ๋นลี่ยวนชายตามองไปที่ฉีเคอหานอย่างจนปัญญา แต่ก็ได้ส่งคำพูดของคุณย่าจิ๋นมาถึงจุดหมายแล้ว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฉีเคอหาน ฉันจะบอกนายเป็นครั้งสุดท้าย นายกับจิ๋นลี่หยาวเป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนไม่มองหน้าฉีเคอหานเลยด้วยซ้ำ หันหลังไปคุยกับกู่เฉิงยู่:“คุณลุงกู่ งานหมั้นของชูเหยาคุณย่าได้สั่งไว้แล้ว บ้านจิ๋นจะให้ความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังครับ”
กู่เฉิงยู่พยักหน้าถือว่าได้ตอบตกลงแล้ว แต่ทางเยี่ยนยังไม่รู้สึกค่อยพึงพอใจ สุดท้ายแล้วลูกสาวตัวเองก็ยังต้องหมั้นกับฉีเคอหาน งานหมั้นนี้ถึงบ้านจิ๋นจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยพวกเขาก็ต้องทำอย่างนี้อยู่แล้ว เพราะว่าทั้งสองตระกูลเพื่อเรื่องแต่งงานของลูกทั้งสองคนนี้ได้เกี่ยวโยงกันจนแยกจากกันไม่ได้แล้ว ณ เวลานี้ถ้าจะแยกกันไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย ประโยชน์ของบ้านจิ๋น แค่ทำให้เรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในอีกสามปีห้าปีข้างหน้ามันเกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้นแค่นั้นเอง………..
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองจิ๋นลี่ยวน ในใจรู้สึกหนาวๆ……
บ้านจิ๋นช่างเผด็จการจริงๆ!
นี่แหละคือความรู้สึกของเธอ
แค่เพื่อไม่ให้ฉีเคอหานไปราวีจิ๋นลี่หยาวอีก คนของบ้านจิ๋นก็สามารถ“ฝืนใจ”ให้ฉีเคอหานกับกู่ชูเหยาอยู่ด้วยกัน ไม่สนใจความรู้สึกของเขาสองคนเลยแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่เผด็จการแล้วคืออะไร? ตอนนี้ตระกูลกู่กับตระกูลฉีถูกบีบบังคับ แต่กลับยังต้องซาบซึ้งวิธีของบ้านจิ๋น!
ตระกูลฉีกับตระกูลกู่อยู่ในเมืองTมักจะอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เรื่องนี้แม้จะเป็นคนนอกอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังรู้ดี ที่ๆมีตระกูลฉีก็ต้องมีตระกูลกู่อย่างแน่นอน ที่ๆมีตระกูลกู่ก็ต้องมีตระกูลฉีเช่นกัน เปรียบเสมือนคู่แฝดที่ร่างติดกันที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันถึงจะอยู่รอด เพียงแต่การที่เผด็จการและมีอำนาจใหญ่โตอย่างนี้ก็ยังทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกขนลุก
ถ้าหาก วันหนึ่งเธอก็ได้กระทบถึงผลประโยชน์ของบ้านจิ๋น ถ้าอย่างนั้นเธอจะถูกประพฤติแบบนี้เหมือนกันไหม?
จิ๋นลี่ยวนพูดจบเขาก็จูงมือยินเสี้ยวเสี้ยวเดินออกจากห้องป่วย เรื่องต่อจากนี้เขาไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เขาได้ทำตามคำสั่งของคุณย่าจิ๋นแล้ว ก็เลยรู้สึกเบาตัวไม่น้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวตามหลังจิ๋นลี่ยวนอย่างเชื่อฟัง จะแอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา
ผู้ชายคนนี้ เป็นผู้ชายที่เธอเข้าใจจริงๆหรือ?
ครั้งแรก ยินเสี้ยวเสี้ยวเกิดความรู้สึก“เกรงกลัว”จิ๋นลี่ยวน
ผู้มีอิทธิพลใหญ่อย่างบ้านจิ๋น อยู่ในเมืองTเป็นสิ่งที่สะเทือนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอดันได้เดินเข้าไปในนั้นแล้ว…………
เรื่องงานหมั้นของตระกูลกู่กับตระกูลฉีได้ตกลงกันแล้ว กู่ชูเหยารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ฉีเคอหานถูกบังคับให้มาเยี่ยมเธอทุกวัน ไม่นานข่าวก็ได้ค่อยๆแพร่ออกไป
— ตระกูลฉีกับตระกูลกู่ ใกล้จะมีเรื่องมงคลแล้ว
— คู่ที่รักกันมาตั้งแต่เด็ก จะอยู่ร่วมกันและดูแลซึ่งกันและกัน
— คุณชายของตระกูลฉีกับคุณหนูของตระกูลกู่ช่างเป็นคู่ที่ฟ้าลิขิต
……….
เรื่องงานหมั้นของฉีเคอหานกับกู่ชูเหยาได้ออกเป็นข่าวทุกวันอย่างไม่ขาดสาย แม้แต่เรื่องที่กู่ชูเหยาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้แพร่ออกไป เพียงแต่สาเหตุกลับถูกปกปิดอย่างดีมาโดยตลอด ไม่มีใครรู้ คิดแค่ว่าเรื่องที่กู่ชูเหยารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลกระตุ้นให้ฉีเคอหาน เตรียมที่จะแต่งงานกับกู่ชูเหยา แล้วดูแลเธออย่างดี……
ภายในค่ำคืนเดียว ฉีเคอหานถึงกับกลายเป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญในความรัก แม้แต่หุ้นของตระกูลฉีและตระกูลกู่ทั้งสองได้พุ่งขึ้นไม่น้อย ทันใดนั้น เหมือนกับว่าทุกคนได้กำลังรอการมาถึงของงานหมั้นที่ใหญ่โต
สองวันผ่านไป มีข่าวออกมาอีก ครั้งนี้ยิ่งทำให้งานหมั้นที่ยังไม่ได้หมั้นร้อนแรงถึงขีดสุด!
— คุณชายสามของบ้านจิ๋นจะมาร่วมงานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่!
— ปรากฎตัวครั้งแรก จะน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน?
—ปริศนาของคุณชายสามบ้านจิ๋น ใกล้จะเปิดเผยแล้ว! ทุกคนโปรดรอคอยงานหมั้นที่จะถึงในสิ้นเดือนนี้ให้ดี!
……………
คนของบ้านจิ๋นได้ปล่อยข่าวที่จิ๋นลี่ยวนจะไปร่วมงานหมั้นของฉีเคอหานกับกู่ชูเหยาออกไป ณ เวลานั้นในเมืองTได้พูดคุยแต่เรื่องคนที่ถ่อมตนที่สุดอย่างคุณชายสามของบ้านจิ๋น! จนกลายเป็นเรื่องร้อนแรงไปเสียแล้ว
หลายวันมานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็สามารถได้ยินผู้คนพูดคุยถึงสองเรื่องนี้ ทุกที่เต็มไปด้วยคำพูดที่เกี่ยวกับ “งานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่” “คุณชายสามของบ้านจิ๋น” แม้แต่ถาวหยียังอดถามไม่ได้ สุดท้ายแม้แต่ยินจื่อเจิ้นยังโทรมาถาม แต่กลับถามยินเสี้ยวเสี้ยวว่าจะไปร่วมงานด้วยมั้ย?
หลังวางสายจากยินจื่อเจิ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวได้นั่งอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย
เวลาห่างจากงานหมั้นของฉีเคอหานกับกู่ชูเหยาแค่สองวันเท่านั้น แต่ถึงตอนนี้แล้วเธอยังไม่รู้เลย ว่าถึงตอนนั้นแล้วเธอจะไปงานหมั้นหรือไม่?
ตามหลักแล้ว จิ๋นลี่ยวนเป็นสามีของตัวเอง แถมยังเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แต่ข่าวที่แพร่กระจายออกไปตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวกับภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกับคุณชายสามของบ้านจิ๋นเลย ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้มั้ยที่ครั้งนี้บ้านจิ๋นเพียงแค่อยากจะให้จิ๋นลี่ยวนแยกตัวออกไป?
จิ๋นลี่ยวนออกมาจากห้องน้ำ ก็มองเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่มีสีหน้าสงสัย แล้วเดินไปนั่งที่ข้างกายเธอ ยื่นมือไปหยิบมือถือในมือเธอมาวางไว้บนตู้หัวเตียงแล้วถามเสียงเบาว่า:“กำลังคิดอะไรอยู่?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบตามความจริง:“จิ๋นลี่ยวน งานหมั้นฉันต้องไปด้วยมั้ยคะ?”
จิ๋นลี่ยวนอึ้ง เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะเครียดเพราะเรื่องนี้ หรือว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกกับเธอหรือ? วินาทีแรก จิ๋นลี่ยวนก็ได้ตอบว่า:“คุณเป็นภรรยาของผม ทำไมจะไม่ไปร่วมงานล่ะครับ?”
พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ หน้าที่สะสวยของยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ไม่มีใครบอกได้ว่า จริงๆแล้วในใจเธอก็รู้สึกแอบกังวล ถ้าหากจิ๋นลี่ยวนไม่ยอมพาเธอไปด้วย อารมณ์เธอจะเป็นยังไง? จะคิดฟุ้งซ่านหรือ? หรือว่าจะรู้สึกไม่พอใจจนโมโหมั้ย? น่าจะเป็นไปได้หมดมั้ง……..
แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เขาบอกว่า เธอเป็นภารยาของเขา ยังไงก็ต้องไปร่วมงานหมั้นด้วยกันอยู่แล้ว…….
ณ บ้างเซี่ยง ยินรั่วอวิ๋นนั่งอยู่ในห้องตัวคนเดียว มือที่ขาวซีดกำนิตยสารในมือไว้อย่างแน่น มองดูงานหมั้นที่ใช้แค่สองสามคำพูดก็สามารถสื่อออกมาได้แล้วแต่กลับเขียนสักยาวเหยียด โมโหจนสั่นไปทั้งตัว มือเรียวเล็กได้ลูบจับที่หน้าท้องของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว มือได้ค่อยๆใช้แรงมากขึ้น…..
ยินเสี้ยวเสี้ยว แกมีสิทธิอะไรที่จะสามารถได้ทุกสิ่งอย่างที่ดีขนาดนี้?
ตอนนี้แกยิ่งได้ดี สุดท้ายฉันก็จะยิ่งทำให้แกล้มอย่างไม่เป็นท่า!
ทุกสิ่งทุกอย่าง แกไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครอง!