Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่92 มู่ซูวที่ถูกละเลย
บทที่92 มู่ซูวที่ถูกละเลย
ยินรั่วอวิ๋นก้มหน้ามองดูท้องที่ยังคงแบนราบของตัวเอง ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ! ค่อยๆใช้แรงมากขึ้นทีละนิดๆ เสื้อผ้าแบนราบที่หน้าท้องได้ดูดุร้ายขึ้นมาทันที ยินรั่วอวิ๋นเหมือนกำลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง!
ยินเสี้ยวเสี้ยว! ยินเสี้ยวเสี้ยว!
ฉันทำให้แกจมดินไปตลอกกาลไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก! ถึงแม้ฉันจะอยู่ไม่เป็นสุข แต่ฉันก็จะไม่ให้แกอยู่อย่างสบายแน่นอน!
“ยินรั่วอวิ๋น! คุณมันบ้าไปแล้วหรือ!” ทันใดนั้น เสียงตะคอกได้ดังมา ยินรั่วอวิ๋นยังไม่ทันดึงสติกลับมามือของตัวเองก็ถูกคนดึงขึ้นมาอย่างโหด ทันใดนั้น ความเจ็บปวดที่หน้าท้องได้ผ่อนคลายลงไม่น้อย หันหน้าไป ยินรั่วอวิ๋นก็ได้มองเห็นตาที่โมโหจนแดงก่ำของเซี่ยงเฉิง “ยินรั่วอวิ๋น นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่!”
เวลานี้ ยินรั่วอวิ๋นถึงดึงสติกลับมาได้ และมองไปที่หน้าท้องของตัวเอง และรู้สึกโล่งอกไปทีอย่างไม่รู้ตัว
เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เซี่ยงเฉิงไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าหากตัวเองเข้ามาช้ากว่านี้หน่อยภาพที่เห็นอาจจะเป็นภาพที่ยินรั่วอวิ๋นทำลูกตัวเองตาย เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ายินรั่วอวิ๋นตั้งใจหรือว่าทำไปโดยไม่รู้ตัวกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็ยากที่จะรับได้! พอเห็นยินรั่วอวิ๋นไม่เป็นไรแล้ว เซี่ยงเฉิงก็ได้เหวี่ยงตัวยินรั่วอวิ๋นลงไปบนเตียงอย่างไม่ลังเล
ยินรั่วอวิ๋นยังไม่ทันตั้งตัว คำพูดของเซี่ยงเฉิงก็มาแล้ว
“ยินรั่วอวิ๋น ตอนนี้คุณอยากทำอะไร? เสียใจแล้วใช่มั้ย? ไม่ยอมแล้วใช่มั้ย?” ความโมโหในใจของเซี่ยงเฉินเหมือนถูกคนยุโยงออกมาอย่างแรง ในสมองมีแต่ภาพที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่กับจิ๋นลี่ยวน! บาดตา! เสียหน้า! ไม่สนอะไรทั้งสิ้น เซี่ยงเฉิงคุกเข่าอยู่บนเตียงด้วยขาข้างเดียว มือหนึ่งคุมตัวของยินรั่วอวิ๋นไว้ในอ้อมกอดของตัวเองเพื่อไม่ให้เธอจากไป มืออีกข้างจับคางเธอไว้อย่างแรง และพูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย:“ยินรั่วอวิ๋น อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่นะ? ถูกกระทบจิตใจแล้วใช่มั้ย เพราะว่ายินเสี้ยวเสี้ยวได้แต่งงานกับจิ๋นลี่ยวน คุณชายสามของบ้านจิ๋น! แต่คนที่คุณแต่งงานด้วยเป็นแค่คุณชายของตระกูลธรรมดาๆคนหนึ่ง!”
ยินรั่วอวิ๋นดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย เงยหน้ามองเซี่ยงเฉิงที่กำลังโมโห ในใจสับสนวุ่นวายไปหมด แต่ก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างว่องไว ทำสีหน้าน่าสงสาร บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล และค่อยๆยื่นแขนมาควงไหล่ของเซี่ยงเฉิงไว้ แล้วพูดเสียงเบาอยู่ข้างหูเขา:“เซี่ยงเฉิงคะ คุณอย่าทำให้ฉันกลัวสิคะ คุณอย่าทำให้ฉันกลัวเลยนะคะ…….. เมื่อกี้ฉันไม่ดีเอง เป็นเพราะฉันปวดท้องแต่ไม่อยากให้คุณกับพ่อและแม่เป็นห่วงก็เลยทนเอาไว้เอง แต่คุณก็อย่าทำให้ฉันกลัวสิคะ เซี่ยงเฉิง……”
พอได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนแล้ว เซี่ยงเฉิงเหมือนกับได้สติกลับมา หลังจากกระพริบตาปริบๆแล้ว แววตาที่แฝงด้วยความเสียใจและสับสนได้มองสาวน้อยที่ตกใจจนตัวสั่น
เขา เมื่อกี้เขาเป็นอะไรไป?
ยินรั่วอวิ๋นอยู่ระยะประชิดกับเซี่ยงเฉิงมาก บวกกับระหว่างทั้งสองอยู่ด้วยกันมานานก็รู้นิสัยของเขาพอสมควร เวลานี้จะไม่รู้ได้ไงว่าเซี่ยงเฉิงได้ใจอ่อนแล้ว น้ำตาไหลพรากลงมาเรื่อยๆ แขนที่ควงไหล่ของเซี่ยงเฉิงไว้ยิ่งแรงขึ้น หน้าตานั้นราวกับว่าวินาทีต่อไปเซี่ยงเฉิงจะหายสาบสูญไป…………
“เซี่ยงเฉิง คุณอย่าทำฉันกลัวสิคะ คราวหน้าฉันไม่ฝืนทนตัวเองอีกแล้วค่ะ คุณอย่าทำฉันกลัวอีกนะคะขอร้อง……….” ยินรั่วอวิ๋นอ้อนวอนด้วยน้ำตาอย่างเสียงเบา เซี่ยงเฉิงได้ยื่นมือไปลูบที่หลังเธอเบาๆอย่างไม่รู้ตัว ลูบแบบเต็มไปด้วยความอ่อนโยน จากนั้นได้ยินยินรั่วอวิ๋นพูดว่า:“เป็นความผิดของฉันเอง หลังจากรู้ข่าวว่าพี่สาวท้องก็ทั้งช็อกและเป็นห่วง เรื่องที่พี่สาวยังเป็นสาวบริสุทธิ์รู้กันทั่วเมืองTนี่น่ะ ถ้าหากเวลานี้ถูกพวกเค้ารู้ว่าข่าวที่พี่สาวตั้งครรภ์ยาวกว่าข่าวที่เธอแต่งงานเข้าบ้านจิ๋นล่ะก็ นั่นไม่เท่ากับว่าหลอกคนทั้งเมืองTหรือ? พี่สาวต้องทำตัวลำบากแน่ๆเลย…….”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้มือของเซี่ยงเฉิงที่ลูบหลังของยินรั่วอวิ๋นอยู่นั้นหยุดไปอย่างแรงทันที
ยินเสี้ยวเสี้ยว ตั้งครรภ์แล้ว!
ใช่สิ เขาลืมเรื่องนี้ไปได้ไง?
เธอเพิ่งจะแต่งงานไปนานเท่าไหร่เอง? ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับท้องแล้ว! ยินรั่วอวิ๋นแต่งงานกับตัวเองเดือนกว่าๆถึงรู้ว่าตัวเองตั้งท้องได้สามอาทิตย์ แต่ตอนนี้ถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวตั้งท้องแล้ว อย่างงั้นก็แสดงว่าจริงๆแล้วก่อนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวจะแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว?
คำพูดของยินรั่วอวิ๋นทำให้เซี่ยงเฉิงนึกถึงช่วงเวลาสี่ปีนั้นที่เขาคบกับยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวได้รักษาปกป้องฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้อย่างสุดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้พอเปลี่ยนเป็นผู้ชายอีกคน เธอก็รีบทำตัวต่ำไปตั้งท้องกับเขา?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องแบบนี้สำหรับผู้ชายแล้ว มันเป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง!
“เซี่ยงเฉิง จะทำยังไงดีคะ? ฉันเป็นห่วงพี่สาวมากเลยค่ะ…….” ยินรั่วอวิ๋นร้องไห้ไปและพูดอย่างเสียงเบา:“ถ้าเรื่องนี้ของพี่สาวถูกแพร่ไหลออกไปจะทำยังไงคะ?เซี่ยงเฉิง เราต้องหาวิธีช่วยพี่สาวนะคะ….”
สุดท้าย ยินรั่วอวิ๋นพูดอะไรที่ข้างหูเขา เขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง เขาจำได้เพียงยินเสี้ยวเสี้ยวได้ตั้งท้องกับคนอื่นแค่นั้น!
ยังไงเขาก็คิดไม่ตก หรือว่าอยู่ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยว เขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้นเลยหรือ? ทำให้เธอไม่กล้าฝากเนื้อฝากตัวไว้กับเขาเลยด้วยซ้ำ? แต่ยังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่า ไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เชื่อใจเขา แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่เคยเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว!
ใน’เก๋อหลิน’ ยินเสี้ยวเสี้ยวมาที่นี่ก็ได้สักพักแล้ว เพื่อนร่วมงานในบริษัทส่วนใหญ่ก็ได้สนิทบ้างแล้ว แน่นอนคนที่สนิทที่สุดก็ยังเป็นถาวหยีอยู่แล้ว โต๊ะทำงานของทั้งสองคนอยู่ติดกัน ทั้งสองคนยังชอบเม้าท์มอยกันอยู่เป็นประจำ
ดูแล้วใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวเลยเริ่มจัดเก็บของของตัวเอง เพิ่งเก็บเสร็จโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอดี จิตใต้สำนึกของยินเสี้ยวเสี้ยวคิดว่าเป็นจิ๋นลี่ยวน ไม่ดูเลยด้วยซ้ำก็รับสายทันที แต่กลับนึกไม่ถึงว่าคนในสายเป็นคนที่อยู่เงียบๆมาตลอดตั้งแต่ที่เธอแต่งงานมาคือคนของบ้านยินนั่นเอง
“เสี้ยวเสี้ยวจ๊ะ นี่แม่เองนะ วันนี้แม่ทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่ลูกชอบกินที่สุดด้วยนะ และยังตุ๋นซี่โครงผสมฮ่วยซัวกับข้าวโพดอีกต่างหาก ลูกกับลี่ยวนกลับมากินข้าวด้วยกันสักมื้อสิ”ในสาย เสียงของหลี่หมึ้งแฝงด้วยความอ่อนโยนอย่างหนึ่งที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่คุ้นเคย ความรู้สึกที่ยิ้มซ่อนมีดแบบนี้ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกฝ่ามือมีเหงื่อออกเล็กน้อย
“วันนี้ฉัน…..”สัญชาตญาณของเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวอ้าปากก็จะปฏิเสธ แต่หลี่หมึ้งจะไม่รู้นิสัยเธอได้ยังไง?
“หลายวันก่อนพ่อของลูกป่วย วันนี้เพิ่งดีขึ้นมาหน่อย ก็เลยคิดว่าอยากให้ลูกๆกลับมาเยี่ยมหน่อย ลูกสาวทั้งสองคนก็ได้แต่งออกไปแล้ว พริบตาเดียวบ้านก็รู้สึกเงียบเหงาลงไม่น้อย เขาบ่นอยู่ตลอกว่าไม่คุ้นชินเลย……” หลี่หมึ้งพูดชักจูงอย่างเสียงเบา แต่ละถ้อยคำจี้แต่จุดอ่อนของยินเสี้ยวเสี้ยว ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวคนของบ้านยินก็มีแต่ยินจื่อเจิ้นกับยินไป่ฝันเท่านั้นที่ยังจะมีความสำคัญต่อเธอ ใช้ยินจื่อเจิ้นมาเป็นข้ออ้างไม่มีปัญหาแน่นอน “หลังจากลูกแต่งงานแล้ว ก็ไม่เคยได้กลับมาเยี่ยมเลย พอดีเลยฉวยโอกาสนี้กลับมาเยี่ยมที่บ้าน?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากไม่พูดอะไร คอยฟังหลี่หมึ้งพูดอย่างเงียบๆ
พ่อป่วยหรือ? ทำไมเธอไม่รู้เลย……
เถาหยีก็ยังไม่ได้ไปอยู่แล้ว เห็นยินเสี้ยวเสี้ยถือโทรศัพท์ยืนอยู่เฉยๆก็เลยเข้าไปฟังดูใกล้ๆ คิดๆแล้วก็ตัดสินใจเขียนข้อความบนกระดาษโน๊ต“กลับไปเยี่ยมที่บ้านหน่อยก็ดี เพราะยังไงซะตอนนี้เธอก็แต่งงานแล้วไม่ต้องกลัว” หลังจากยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูข้อความแล้วถึงได้ตอบตกลงหลี่หมึ่ง……
ออกมาจาก’เก๋อหลิน’ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้โทรหาจิ๋นลี่ยวนทันที แต่กลับไม่มีคนรับสาย ไม่มีทางเลือกแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวก็เลยนั่งรถไปที่โรงพยาบาลหนันหยู คิดว่าถึงเวลานั้นกลับไปพร้อมกับจิ๋นลี่ยวนก็ยังดีกว่ากลับไปตัวคนเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอมาเจอมู่ซูวที่นี่!
เพิ่งเดินออกจากประตูลิฟต์ของแผนกศัลยแพทย์ห้องที่หนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินพยาบาลที่ยืนรอลิฟต์อยู่ข้างๆคุยกันว่า
—— คนไข้ที่ห้องสิบเจ็ด ได้ยินมาว่าเธอก็คือแฟนสาวที่เคยคบกับคุณหมอจิ๋นมาสองปี
—— เขาแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมีแฟนสาวโผล่ออกมาอีกคนได้ล่ะ?
——ได้ยินมาว่าเจ้าสาวเปลี่ยนคนแล้ว สรุปก็คือคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยคนนั้นคือแฟนเก่านั่นแหละ ตอนนี้รู้สึกเจ็บใจเลยหวนกลับมาอีก……..
—— ผู้ป่วยห้องสิบเจ็ดน่ะหรอ ฉันจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นบุคลิกภาพดูดีมากๆเลยนะ ได้ยินมาว่าเธอเป็นนักเต้น…….
—— บัลเล่ต์ภูตน้อยที่ชื่อโด่งดังเชียวนะ จะไม่สวยได้ยังไง?
…….
หลังจากยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูพยาบาลทั้งสองเข็นเครื่องใช้ทางการแพทย์เดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว อดที่จะส่งเสียงเชอะเย็นชาไม่ได้
ไม่นึกเลยว่ามู่ซูวจะทำได้ถึงขั้นนี้เชียวเหรอ?
คิดว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟรึไง? ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะ! โรงพยาบาล!
หายใจแรงๆทีหนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินตรงไปทางห้องทำงานของจิ๋นลี่ยวน ตลอดทางเธอได้เจอกับคุณหมอและพยาบาลที่รู้จักไม่น้อยและได้ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม สีหน้านั้นดูเหมือนว่าจะไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่ามู่ซูวพักอยู่ที่นี่
เลี้ยวผ่านริมทางเดินจุดนึง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นผู้ชายที่สวมเสื้อขาวพริ้วไหว เสื้อคลุมสีขาวที่เรียบง่าย ทั้งๆที่เป็นเสื้อที่ดูธรรมดามาก แต่เมื่อสวมอยู่ที่ตัวเขาแล้วช่างดูดีเช่นนี้ ด้านหลังเขายังมีหมอฝึกงานที่เหมือนจะชื่อเถียนหรงเดินตามหลังอยู่ จิ๋นลี่ยวนดูประวัติผู้ป่วยไปด้วยและก็สอนอะไรบางอย่างให้กับหมอฝึกงานไปด้วย หน้าตาแบบนั้นช่างดูสง่าเหลือเกิน…..
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มตาหยีไปครู่หนึ่ง ดูแล้วช่างแวววาวและน่าหลงใหล ในขณะที่เธอเตรียมจะก้าวเท้าเดินไปหากลับเห็นประตูห้องผู้ป่วยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของจิ๋นลี่ยวนถูกเปิดออก จากนั้นก็คือมู่ซูวที่ใส่เสื้อคนไข้เดินออกมา……
ทันใดนั้น ในสมองของยินเสี้ยวเสี้ยวได้ปรากฏออกมาคำนึง ——คนชั้นสูงที่พฤติกรรมแย่!
ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล ทุกย่างก้าวรอยยิ้มตรงมุมปากไม่เคยจางหาย ยังไม่ทันเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของมู่ซูวกำลังพูดอะไรสักอย่าง
“ลี่ยวนคะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะ คุณช่วยตรวจดูให้ฉันหน่อยได้มั้ยคะ?” คำพูดเดียวแฝงไปด้วยความหมายอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
จิ๋นลี่ยวนสีหน้านิ่งเฉย เหมือนกับว่ามองไม่เห็นเธอและคุยจุดสำคัญที่ต้องระมัดระวังกับเถียนหรงแต่กลับได้ยินเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างกะทันหัน และไม่ทันคิดอะไรก็หันหน้าไปมองผู้หญิงที่ยิ้มอย่างร่าเริงคนนั้น
“คุณหนูมู่ไม่สบายเหรอคะ?ที่นี่เป็นแผนกศัลยแพทย์นะคะ คุณแน่ใจหรือว่าโรคของคุณมาที่มันเหมาะสมแล้วหรือ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดด้วยรอยยิ้ม ร่างที่ผอมบางได้เข้าไปยืนข้างกายของจิ๋นลี่ยวน แต่กลับไม่ได้มองหน้าเขา แค่เพียงพูดโดยตรงว่า:“คุณหนูมู่เป็นถึงคุณหนูรองของตระกูลมู่เชียวนะ ร่างกายที่สูงส่งเช่นนี้หมอมือใหม่อย่างจิ๋นลี่ยวนจะสามารถรักษาหายได้ซะที่ไหน ฉันว่านะต้องให้คุณหมอฉิงมาช่วยคุณตรวจดูจะดีกว่านะ?”
เพิ่งพูดจบ ก็เห็นจิ๋นลี่ยวนส่งซิกให้พยาบาลที่ดูเฮฮาอยู่รีบไปหาคุณหมอฉิงมา
“คุณหนูยินกลายมาเป็นหมอตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ถึงได้มายุ่งเรื่องของโรงพยาบาลอย่างซึ่งๆหน้าแบบนี้? มูซูวเห็นหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็หน้าห้อยลงมาทันทีเลย!”
เพียงแต่ว่าที่นี่ไม่มีใครสนใจสีหน้าเธออยู่แล้ว เพราะว่าการกระทำของมู่ซูวในเวลานี้ทำให้คนส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลไม่ชอบหน้าเธอ ความรู้สึกที่สูงส่งกว่าคนอื่นมันยังไงกันแน่? คิดจริงๆว่าทุกคนต้องเอาใจเธอไปหมดทุกอย่างจริงๆ….