Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่99:ฉันกลัวว่าต่อไปฉันคงเต้นรำไม่ได้อีกแล้ว
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่99:ฉันกลัวว่าต่อไปฉันคงเต้นรำไม่ได้อีกแล้ว
บทที่99:ฉันกลัวว่าต่อไปฉันคงเต้นรำไม่ได้อีกแล้ว
พริบตาเดียว ต๋งไขก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวกับถาวหยีเดินออกมาจากห้องน้ำ บุหรี่ในมือถูกเขาทิ้งลงพื้นอย่างไม่ลังเล รองเท้าหนังเหยียบลงไปอย่างโหด มือทั้งสองเสียบเข้าไปในกระเป๋ากางเกงต่อหน้าทั้งสอง ต๋งไขยิ้มอย่างร่าเริงแจ่มใสมาก
สายตาของถาวหยีจ้องไปมาที่ระหว่างต๋งไขกับยินเสี้ยวเสี้ยว ทักทายกับต๋งไขด้วยรอยยิ้มเสร็จก็ได้เดินเข้าห้องไปก่อน เหลือยินเสี้ยวเสี้ยวกับต๋งไขสองคนไว้คุยกันอย่างสงบที่ริมทางเดิน
“ผมเห็นข่าวของวันนั้นแล้ว คุณสวยมาก” ต๋งไขพูดพร้อมยิ้มอ่อนๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ว่าที่เขาพูดถึงคือวันงานหมั้นของฉีเคอหานกับกู่ชูเหยา เธอยิ้มมุมปากอ่อนๆ
ต๋งไขหลุบตามองยินเสี้ยวเสี้ยว เธอก็ยังหน้าสดเหมือนสมัยที่อยู่โรงเรียนอีกเช่นเคย แต่กลับยังสวยจนไร้ที่ติ การแต่งตัวยังคงเป็นสีที่สวยใสและอบอุ่นอยู่ตลอด เวลายิ้มขึ้นมาที่ใบหน้ายังมีลักยิ้มเล็กๆสองข้าง ไร้เดียงสา ไม่มีพิษไม่มีภัย ใสซื่อ ไม่มีความร้ายกาจ……. ดังนั้นคำแบบนี้เขาเอามาเปรียบเทียบกับตัวเธอก็ไม่รู้สึกโอเวอร์เลยสักนิด แต่ว่า พอเห็นหน้าตาตอนที่เธอสวมชุดกระโปรงสีชมพูยืนอยู่ข้างกายของจิ๋นลี่ยวน เขาถึงช็อกและรู้สึกว่า ที่แท้ตัวเองไม่ได้เข้าใจเธอเหมือนที่คิดเอาไว้เลย…………
ผู้หญิงมีหน้ากากหลายหน้า หน้าที่ชอบใส่ที่สุดอาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอเสมอไป
“ยินดีด้วยนะคะ มาปุ๊บก็ได้เป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์เลย” ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือตัวเองออกมาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มช่างร่าเริงแจ่มใส
ต๋งไขมองดูมือที่ยื่นมาตรงหน้าแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทีนี้ถึงยื่นมือของตัวเองออกมากุมมือที่เรียวเล็กของเธอ
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าครั้งแรกที่จูงมือเธอ จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว คุณอย่าลืมดูแลฉันกับถาวหยีด้วยนะคะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดคุยกับอย่างชิวๆ ราวกับว่าทั้งสองได้เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี และมีความคิดบริสุทธิ์ต่อกัน
ต๋งไขพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ตอนที่อ้าปากกำลังจะพูดอะไรสักหน่อย จู่ๆกลับเห็นคนคุ้นเคยสองคน ทันใดนั้นอยากหันหลังเดินจากไปแต่กลับไม่ทันแล้ว
“ยินเสี้ยวเสี้ยว!” เสียงที่แหลมปรี๊ดก้องมา ด้วยจิตใต้สำนึกต๋งไขหันไปมอง ผู้หญิงสองคนที่บุคลิกภาพดูดีเดินมาทางพวกเขา เพียงแต่ดูหน้าตาแล้วเหมือนไม่ได้มาดี
วันนี้เซี่ยงหลินออกมาผ่อนคลายจิตใจกับมู่ซูว แต่ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ที่นี่! จึงได้เรียกเธอไว้อย่างไม่คิดเลย!
งานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น เธอก็เห็นข่าวแล้ว นาทีที่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนก็คือคุณชายสามของบ้านจิ๋น หัวใจของเธอแทบจะพังทลายและดีใจจนกระโดดโลดเต้น
ผู้ชายที่เชว่เยว่ชอบนั้นเกิดความคาดคิดว่าจะเป็นคนที่ดีเลิศขนาดนั้น ดีที่เขาไม่ได้อยู่กับมู่ซูว เพราะยังไงซะพูดรวมๆแล้วบ้านจิ๋นกับตระกูลมู่ก็เหมาะสมกันมาก ที่พังทลายคือผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้คนหนึ่งกลับแต่งงานกับผู้หญิงที่ใครๆก็วิพากษ์วิจารณ์ยับ เธอคิดยังไงก็รู้สึกไม่พอใจ! นี่ถึงได้นัดมู่ซูวออกมาดื่มเหล้าด้วยกัน
ไม่นาน เซี่ยงหลินกับมู่ซูวก็มายืนอยู่ที่ตรงหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวและต๋งไข
“ยินเสี้ยวเสี้ยว นังผู้หญิงที่ไร้ยางอาย ไม่นึกเลยว่าแกจะกล้ายั่วสวาทพี่ลี่ยวน! แกนี่ต่ำช้าจริงๆ!” พอมาปุ๊บ เซี่ยงหลินก็ไม่คิดจะปล่อยยินเสี้ยวเสี้ยวไป กระทั่งถึงขึ้นเปิดปากพูดต่อว่า: “ยินเสี้ยวเสี้ยว แกนี่โรคแพศยากำเริบอีกแล้วใช่มั้ย? ถึงได้มายั่วสวาทลูกค้าของแกอยู่ที่นี่?”
คำพูดเหล่านี้ ถึงยินเสี้ยวเสี้ยวที่นิสัยดีแค่ไหนก็ถูกยั่วจนโมโหจนได้ เธอขมวดคิ้วแน่นมองเซี่ยงหลินที่ชัดเจนมากว่าดื่มเหล้าอยู่ตรงหน้า
“เซี่ยงหลิน รบกวนคุณพูดจาระวังปากด้วย ไม่รู้อะไรเลยก็อย่ามาพูดมั่ว!” ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่อยากถือสาคนเมาเลยแม้แต่นิด หันหลังดึงต๋งไขไว้แล้วอยากเดินจากไป เธอไม่จำเป็นต้องให้ต๋งไขที่เป็นผู้บริสุทธิ์มาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ นี่มันไม่ยุติธรรมต่อต๋งไข
เซี่ยงหลินเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวจะจากไปปุ๊บ ก็ได้ยื่นมาดึงแขนของเธอไว้ และพูดถากถางว่า:“ทำไม? ฉันพูดถูกแล้วใช่มั้ยถึงได้เตรียมตัวเปลี่ยนที่ๆจะสานต่อ? ฉันไม่รู้จริงๆว่าพี่ลี่ยวนชอบแพศยาอย่างแกได้ยังไง!”
“คุณผู้หญิงท่านนี้ รบกวนคุณพูดจาระวังปากหน่อย ผมสามารถฟ้องคุณว่าหมิ่นประมาทได้นะ!” หลังจากต๋งไขฟังแล้วรู้สึกโกรธกริ้วมาก ในที่สุดก็ได้เปิดปากพูดออกมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับการปั่นป่วนราวีที่ยิ่งกำเริบเสิบสานของเซี่ยงหลิน
“เหอะๆ ฉันเหมือนได้ยินคำพูดที่ตลกที่สุดจริงๆ” พูดๆอยู่ เซี่ยงหลินยังได้ถามมู่ซูวที่อยู่ข้างกายว่า:“พี่ซูว พี่ได้ยินหรือยังว่ามีโสเภณีกับลูกค้าที่ใช้บริการ โสเภณีจะฟ้องฉัน? ช่างเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในสามโลกเลย!”
พอพูดจบ เซี่ยงหลินไม่ได้ให้โอกาสยินเสี้ยวเสี้ยวกับต๋งไขดึงสติกลับมาด้วยซ้ำ ก็ยกมือตบไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวทีหนึ่ง ตอนที่ดึงสติกลับมา ใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ทิ้งรอยฝ่ามือที่ชัดเจนเอาไว้แล้ว ด้วยจิตใต้สำนึกต๋งไขได้เอายินเสี้ยวเสี้ยวมาปกป้องไว้ข้างหลัง ข้างหูคือเสียงที่ตะคอกอย่างคลุ้มคลั่งของเซี่ยงหลิน!
“ยินเสี้ยวเสี้ยว แกคิดว่าแกเป็นใคร? ก็ไม่ใช่แค่อาศัยความสวยไปยั่วยวนผู้ชายทุกคนเหรอ? ฉันจะบอกแกให้นะว่าฉันไม่พอใจ! แพศยาอย่างแกสามารถอาจเอื้อมคุณชายของบ้านจิ๋น อาจเอื้อมพี่ลี่ยวนของฉัน เป็นบุญวาสนาที่แกสั่งสมมาแปดชาติชัดๆ! ตอนนี้แกยังมีหน้ามายั่วสวาทผู้ชายอยู่ข้างนอกอีกหรอ? แกขาดผู้ชายวันหนึ่งก็จะรู้สึกคันเนื้อคันตัวใช่ไหม?” เซี่ยงหลินยิ่งพูดอารมณ์ยิ่งขึ้น เธอจ้องตาโต ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้หน้าแดงจนน่าตกใจ “แกมันได้เปรียบชัดๆ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่พี่ซูวมีเรื่องแคลงใจกับพี่ลี่ยวน ถ้าไม่ใช่ฉันไม่มีการเคลื่อนมาโดยตลอด แกนึกว่าจะถึงทีแกหรอ? แกคิดว่าแกใหญ่มาจากไหน! นังแพศยา!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งใจฟังทุกถ้อยคำ ดวงตากลมโตเพ่งมองผู้หญิงที่เหมือนบ้าไปแล้วที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เสี้ยววินาทีที่เธอพูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ผลักต๋งไขที่ปกป้องตัวเองอยู่ตรงหน้าออกอย่างไม่ลังเล เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วยื่นมือตบไปที่เซี่ยงหลิน ในขณะเดียวกันก็ได้พูดขึ้นมาว่า: “งั้นฉันจะบอกให้คุณตอนนี้ว่าฉันคือใคร!”
“เพี๊ยะ!”
ฝ่ามือที่โหดก็ตบเข้าให้อย่างนั้นเลย มู่ซูวที่ยืนอยู่ข้างกายของเซี่ยงหลินมองดูทุกท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยว คนทั้งคนอึ้งค้างไว้ เธอยังไงก็คิดไม่ถึงว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะลงมือตบคน!
“ยินเสี้ยวเสี้ยว! แก…….” ด้วยจิตใต้สำนึก มู่ซูวเตรียมตัวเปิดปากตำหนิเธอ
“คุณหุบปาก!” ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหน้าและตะคอกใส่โดยตรง จากนั้นก็พูดว่า:“ผู้หญิงที่โลภมากฟุ้งเฟ้ออย่างคุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉัน?”
คำพูดเดียว ก็สามารถอุดทุกคำพูดของมู่ซูวได้สำเร็จ
ไม่สนใจสีหน้าที่มู่ซูวใกล้จะกลั้นใจตายเพราะคำพูดที่อัดอั้นไว้เลยสักนิด ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหน้ามามองเซี่ยงหลินและพูดทีละถ้อยคำ:“เซี่ยงหลิน คุณมีปัญญาคุณก็ไปจีบสิ อย่าบอกว่าฉันไม่เตือนเลยนะ คนอย่างคุณเนี่ยเป็นแบบที่จิ๋นลี่ยวนเกลียดที่สุดพอดีเลย! หมาที่อ้าปากกัดคนเป็นอย่างเดียว ไม่ว่าเจ้าของคนไหนก็ไม่ชอบหรอก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหมาที่พูดคล่องแคล่วโน้มใจคนเก่งอย่างคุณแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอยู่ไหนก็มีแต่จะทำให้คนรังเกียจ!”
“ยินเสี้ยวเสี้ยว แกว่าใครเป็นหมา!” เซี่ยงหลินถูกตบไปทีหนึ่งยังดึงสติกลับมาไม่ได้ก็ได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวด่าตัวเองว่าหมา ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมาเลย
“ใครตอบฉันก็ว่าคนนั้นแหละ” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดไปคำหนึ่งอย่างไม่แคร์ หันหลังแล้วเตรียมเดินจากไป เธอไม่มีความชอบที่จะมานั่งพูดกับผู้หญิงสองคนที่เมาเหมือนคนบ้าจริงๆ!
“นี่แกกล้าด่าฉันหรอ นังแพศยา!” จู่ๆ เซี่ยงหลินได้พุ่งมาข้างหน้ากระชากผมของยินเสี้ยวเสี้ยวและลากไปเธอไปด้านหลังเหมือนคนบ้า หน้าตานั้นเหมือนนางมารร้ายไม่มีผิด!
มู่ซูวเห็นเซี่ยงหลินลงมือแล้ว รีบเดินไปข้างหน้าทำท่าเหมือน’เกลี้ยกล่อมให้หยุดตีกัน’ กลับให้ยินเสี้ยวเสี้ยวได้รับความทรมานอยู่ลับๆไม่น้อย ต๋งไขมองภาพที่จู่ๆก็เสียการควบคุมตรงหน้าอย่างค่อนข้างเอ๋อ
“เซี่ยงหลินคุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ยินเสี้ยวเสี้ยวกำผมของตัวเองไว้แน่นและตะคอกเสียงดัง ภาพที่พวกเธอตบตีกันขึ้นอย่างกะทันหันได้ดึงดูดผู้ชมมาไม่น้อย บางคนถึงขั้นเอามือถือออกมาถ่ายคลิปวิดีโอด้วย:“เซี่ยงหลิน ฉันไม่บ้าตามคุณหรอก คุณปล่อยมือเดี๋ยวนี้! คุณไม่กลัวกลับไปถูกพ่อแม่และพี่ชายคุณด่าหรือไง?”
เจอกับคนที่เมาแล้วบ้า ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกหมดคำพูดจริงๆ แต่เธอดันให้คนอื่นถ่ายโดนหน้าของตัวเองไม่ได้ พรุ่งนี้ถ้าให้บ้านจิ๋นปรากฎอยู่บนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งล่ะก็ เธอต้องเจอเรื่องปวดหัวแน่ๆ เหมือนกับว่าต๋งไขก็นึกถึงจุดนี้เหมือนกัน เขาได้ใช้ร่างกายของตัวเองบังกล้องของคนอื่นอยู่เป็นประจำ ส่วนเซี่ยงหลินกับมู่ซูวก่อนมาที่นี่ก็ยิ่งแต่งหน้าเข้มจนทำให้คนอื่นแทบจะจำหน้าไม่ได้ บวกกับดื่มเหล้าไปด้วย ตอนนี้เป็นเวลาที่กำลังใจกล้าเลย!
“นังแพศยา อยากยั่วยวนผู้ชายดีนัก อยากมารับแขกดีนัก!” เซี่ยงหลินฟังไม่เข้าสักคำ เธอแค่กำผมของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ ยกเท้ากระทืบเธออย่างโหด และตบตีเธอทีแล้วทีเล่าอย่างโหด ความโหดนี้มองจนคนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกใจจนพูดไม่ออก “วันนี้ฉันจะตีแกให้ตายเลย ดูซิว่าแกยังจะมีปัญญาอะไรอีก!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวทนกับการทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่าของเซี่ยงหลิน ยังมีมู่ซูวที่หยิกเธอเป็นประจำ พฤติกรรมที่ผลักเธอเข้าไปหาเซี่ยงหลิน ในที่สุดก็โจมตีขึ้นมาด้วยความโกรธ เพ่งมองเท้าที่มู่ซูวยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วเหยียบลงไปอย่างโหด! มู่ซูวควรรู้สึกว่าโชคดีที่วันนี้ตัวเองไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง ถ้าไม่อย่างนั้นต่อไปเธอก็อย่าคิดจะเต้นรำได้อีกเลย!
มู่ซูวกรีดร้องเสียงหนึ่งแล้วล้มลงที่พื้น ยินเสี้ยวเสี้ยวอาศัยท่าทางที่เซี่ยงหลินกำผมของตัวเองไว้พาเธอไปที่ทิศทางของมู่ซูว เท้าที่ยกขึ้นมาก็ได้กระทืบไปที่บนตัวของมู่ซูวอย่างโหดเลย ยินเสี้ยวเสี้ยวทนความเจ็บปวดไว้เอาผมของตัวเองสลัดจากมือของเซี่ยงหลิน แค่เสียการทรงตัวทีหนึ่ง ผู้หญิงสามคนก็ล้มอยู่ที่เดียวกันแล้วตบตีขึ้นมาอีก………….
กระถางดอกไม้ที่อยู่ข้างๆมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับไว้อยู่ ตอนที่เซี่ยงหลินกำก้อนหินก้อนนั้นจะทุบไปที่ศรีษะของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างโหด ในที่สุดข้างๆก็มีคนทนดูไม่ไหวและโทรแจ้งตำรวจอย่างไว……….
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเซี่ยงหลินที่ตาแดงก่ำและเอาก้อนหินจะทุบมาที่ศรีษะของตัวเองอย่างเซ่อๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเย็นเฉียบไปหมด ยังไม่ทันดึงสติกลับมาก็ถูกโอบเข้าไปในอ้อมกอดที่อบอุ่น จากนั้นก็ได้ยินคนๆนี้ร้องโอ๊ยทีหนึ่ง ข้างหูยังเต็มไปด้วยเสียงตะคอกอย่างบ้าคลั่งของเซี่ยงหลิน………
ฤดูร้อนต๋งไขก็ใส่เสื้อแขนสั้นอยู่แล้ว ที่นี้ถูกจุดที่แหลมคมของก้อนหินข่วนใส่ก็มีเลือดไหลออกมาอย่างไว คนที่มุงดูรอบๆรีบดึงคนออก ห้ามปรามการสานต่อของยกต่อไป และรอการมาถึงของตำรวจ………
โรงพยาบาลหนันหยูในยามดึก จิ๋นลี่ยวนเพิ่งออกมาจากห้องผู้ป่วยมือถือก็ได้ดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์ไม่รู้จักเลยตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเล แต่เบอร์นี้ดันโทรอย่างไม่หยุด สงสัยไปครู่หนึ่ง จิ๋นลี่ยวนก็ได้รับสายขึ้นมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสายที่โทรมาจะเป็นมู่ซูว……….
“ลี่ยวน คุณช่วยฉันด้วยค่ะ……..” มู่ซูวร้องไห้อยู่ในสาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ลี่ยวน ขาของฉันได้รับบาดเจ็บ คุณช่วยฉันหน่อยได้มั้ยคะ ขอร้องคุณล่ะ ฉันกลัว ฉันกลัวต่อไปฉันจะคงเต้นรำไม่ได้อีกแล้ว……..