For Some Reason, a Gal in My Class Became Friends With My Step-sister - ตอนที่ 0 อารัมภบท
เรื่องมันเริ่มขึ้นในช่วงเย็นวันหนึ่ง
ในตอนที่ผมเปิดประตูหน้าบ้านแล้วพบกับเด็กสาวที่มีผมยาวสีทองเกาลัดคนหนึ่งเข้า
“หวัดดี นากุโมะคุง”
“ขอปฏิเสธครับ”
“เดี๋ยวสิ ทำอะไรน่ะ?”
เด็กสาวสอดรองเท้าเข้ามาขวางประตูที่ผมกำลังจะปิดทัน ก่อนที่จะรีบพูด
“นี่คิดจะไล่กันงั้นเหรอ ก็สัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะให้ฉันมาช่วยทำงานบ้างให้ไง?”
“แบบนี้นี่เอง จำได้แล้ว”
มันเป็นความจริงที่ผมสัญญาแบบนั้นไว้
แต่ผมไม่ใช่ต้นคิดในเรื่องนี้ ก็เลยยังรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
สาวแกลหน้าตาน่ารักคนนี้…เธอชื่อว่า ทาคาราอิ ยุอา เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของผมเอง และด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนากุโมะแห่งนี้
“อ๊ะ ยุอาซังมาแล้วเหรอคะ!”
เสียงของซึมุกิดังขึ้นในขณะที่เธอรีบวิ่งลงมาจากบันได
และเหตุผลที่สาวแกลคนนี้ได้เข้ามาในบ้านก็คือ「น้องสาวบุญธรรม」ของผมคนนี้นี่แหละ
ซึมุกินั้นเป็นมิตรกับทาคาราอิไม่เหมือนกับผม เธอจึงดีใจจนแทบจะเต้นเมื่อได้เห็นทาคาราอิ
“ฉันกำลังจะโดนนากุโมะคุงไล่ออกจากบ้านล่ะ”
ทาคาราอิรีบฟ้องซึมุกิ
“พี่จ๋า?”
“…ขอโทษครับ”
เมื่อผมได้รับสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงของซึมุกิ ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอโทษอย่างจริงใจ
ผมไม่อยากทำให้ซึมุกิเสียใจ ดังนั้นผมจะไม่ทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามความตั้งใจของซึมุกิโดยเด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้น นากุโมะคุง วันนี้ขอรบกวนหน่อยนะ?”
ทาคาราอิหันมามองผมด้วยสายตาแสดงความเหนือกว่า
ดูเหมือนทาคาราอิกำลังสนุกอยู่ แต่ด้วยใบหน้าที่สวยน่ารักแบบนั้นทำให้พวกมืดมนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากเรื่องเรียนแบบผมจะสามารถมองตรงๆได้
“อา”
เมื่อเป็นแบบนี้ผมจะสามารถพูดอะไรได้อีกล่ะ
★★★★★★
หลังจากทานข้าวเย็นที่ทาคาราอิเป็นคนทำให้ ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่ที่บ้านคนอื่น แม่ว่าในขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านของตัวเองก็ตาม
อย่างน้อยทาคาราอิก็เป็นแขก ดังนั้นผมเลยกะว่าจะไปช่วยล้างจาน แต่ผมกลับโดนทาคาราอิที่อยู่ในครัวบอกว่า “ไปนั่งพักตรงนู้นเถอะ” ก่อนที่ผมจะโดนโยนออกมา แม้จะสัญญาเอาไว้ แต่ผมก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะปล่อยงานบ้านทั้งหมดให้คนอื่นทำแทนตัวเองอยู่ดี
ทาคาราอิมักจะมาที่บ้านนากุโมะอยู่เสมอ และคอยช่วยทำอาหาร ซักผ้า ทำความสะอาด หรือช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องงานบ้านอื่นๆ
เนื่องจากเนื้องานของพ่อกับแม่ ทำให้ผมต้องเป็นคนที่คอยดูแลซึมุกิมาโดยตลอด จนถึงขนาดที่ว่าผมต้องทำงานบ้านจนไม่มีพักผ่อน หรือมีเวลาทำอย่างอื่นเลย
แต่นั่นคือสิ่งที่ผมเต็มใจทำเพื่อซึมุกิ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากที่จะไปรบกวนคนอื่น แต่ผมก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะที่มันกลายมาเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะซึมุกิเป็นคนขอร้องทาคาราอินั่นเอง
“…ดูเหมือนว่าฉันจะยังแข็งแกร่งไม่พอสินะ”
ผมพึมพัมรู้สึกผิดหวังในความไร้ความสามารถของตัวเองจนทำให้ซึมุกิต้องมากังวลใจ แต่พอรู้ตัวก็เกิดกลัวว่าซึมุกิที่นั่งอยู่บนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับผมจะได้ยินเข้า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเล่นโทรศัพท์อยู่จึงไม่ทันได้ยิน
“อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
มีเสียงดังมาจากที่ด้านหลังของผม
ทาคาราอิในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียนเพราะไม่มีกลิ่นน้ำหอมหวานๆ แต่กลายมาเป็นกลิ่นมะนาวจางๆของน้ำยาล้างจาน แต่สำหรับผมออกจะชอบกลิ่นมะนาวของน้ำยาล้างจานมากกว่ากลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคยล่ะนะ
“เปล่านี่ ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย?”
“แต่ฉันเหมือนได้ยินคนพึมพัมอะไรสักอย่างอยู่นี่นา~?”
ทาคาราอินั่งลงถัดจากผม มันเป็นโซฟาสำหรับสองคนก็จริง แต่ระยะมันไม่ใกล้ไปหน่อยเหรอ เกือบจะโดนตัวกันอยู่แล้วนะ…อยากไปนั่งข้างๆซึมุกิจัง…
“อ๊ะ!”
ทันใดนั้นซึมุกิก็เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะหันมามองที่ผม
“หนูพึ่งนึกได้ว่ามีธุระบางอย่างต้องไปทำ”
ซึมุกิยืนขึ้นก่อนที่จะยิ้มกว้าง
“ถ้างั้นพี่จ๋านั่งเล่นเป็นเพื่อนกับยุอาซังไปก่อนนะ~”
ในขณะที่ผมกำลังสับสน ซึมุกิก็รีบวิ่งออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างรวดเร็ว
“อะ แต่ฉันอยากนั่งเล่นกับซึมุกินี่…”
อย่าทิ้งพี่ไว้ข้างหลังสิ…ผมเอื้อมมือออกไป แต่ซึมุกิก็ไม่กลับมา
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันควรตามไปที่ห้องของซึมุกิสินะ?”
ผมพยายามยืนขึ้น แต่ทาคาราอิก็คว้าแขนของผมเอาไว้ก่อนที่จะดึงเข้าไปหาตัวเธอ
“อย่าไปรบกวนซึมุกิจังสิ”
ผมเสียการทรงตัวก่อนจะล้มลงไปนอนหนุนอยู่บนตักของทาคาราอิ…แขนเรียวๆนั่นไปเอาพลังมากขนาดนี้มาจากไหนกัน?
“เหมือนว่าตัวฉันจะมีเหงื่อนิดหน่อยนะ?”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”
ทาคาราอิพูดก่อนที่จะค่อยๆลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน
“อย่าทำแบบนี้สิ มันน่าอายนะ…”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่มีใครเห็นสักหน่อย”
ก็ที่อายมันก็เพราะทาคาราอิกำลังดูอยู่นี่แหละ
จริงๆผมควรที่จะผลักมือของทาคาราอิที่กำลังลูบหัวของผมอยู่ออก แต่ร่างกายของผมกลับไม่สามารถขยับได้เลยสักนิด จะว่าร่างกายเหนื่อยล้าเกินก็ไม่น่าใช่ หรือนี่จะเป็นสัญชาตญาณทำให้ผมไม่อยากที่จะผลักมือของทาคาราอิออกไปกันนะ? มันค่อนข้างน่ากลัวราวกับว่าผมกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป….
สถานการณ์แบบนี้พึ่งจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
ที่ห้องเรียน สถานการณ์ของผมนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดกับคนอื่นได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการนอนหนุนตักของทาคาราอิซังเลย
แต่มันก็เกิดอุบัติเหตุเล็กๆที่ทำให้ผมได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับทาคาราอิซังขึ้น
จะว่าไปในตอนแรก เหตุการณ์ที่ซึมุกิย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเรานั้นค่อนข้างซับซ้อน…มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมไม่สามารถทำได้ และตอนนี้ผมก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าตัวเองรู้สึกขอบคุณทาคาราอิจริงๆที่เข้ามาช่วยในเรื่องเหล่านั้น