Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 104 ดื่มชา
ตอนที่ 104 ดื่มชา
“ยินดีด้วยนายได้เป็นมือทองคนใหม่ของชั้นสิบแล้ว!”
หลินเยวียนเดินออกจากห้องทำงานไม่ทันไร คนในแผนกประพันธ์เพลงก็กรูกันเข้ามาและเริ่มปรบมือให้ พวกอู๋หย่งและคนอื่นๆ ก็ยิ่งนำขบวนมาเฉลิมฉลอง
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนผุดยิ้มให้เข้ากับความคาดหวังของสังคม
หนึ่งในเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแซวว่า “เซี่ยนอวี๋จะเลี้ยงกาแฟทุกคนเพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองหน่อยมั้ย”
“ไม่เอากาแฟ”
หลินเยวียนส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ “เลี้ยงชาทุกคนก็แล้วกันครับ”
ผู้คนพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ดื่มชาก็ได้ ด้านล่างมีร้านน้ำชา พวกเราลงไปตอนนี้กันเลย หรือว่าจะโทรศัพท์ให้พวกเขามาส่ง?”
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น”
หลินเยวียนหันหลังกลับไปยังห้องทำงาน
จ้าวเจวี๋ยยังไม่ได้ออกไป เธอกำลังคุยกับเหล่าโจวอยู่ เมื่อเห็นหลินเยวียนเข้ามา ทั้งสองก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “หลินเยวียนมีเรื่องอะไรอีกเหรอ”
หลินเยวียนพูด “ใบชาล่ะครับ”
เหล่าโจวชะงัก ยิ้มตอบ “ด้านล่างลิ้นชักด้านซ้าย”
ดูท่าเด็กคนนี้จะเลิกกาแฟ แล้วติดอกติดใจชาแทน
หลินเยวียนพยักหน้า เปิดลิ้นชักของเหล่าโจว จากนั้นก็หยิบใบชาเดินออกไป
เหล่าโจวสะดุ้งโหยง ตื่นอกตกใจจนใบหน้าซีดเผือด “นี่ๆๆ เดี๋ยวนะๆ ทำไมนายดื่มเยอะขนาดนั้น”
หลินเยวียนตอบ “เลี้ยงทุกคนครับ”
เพื่อนร่วมงานด้านนอกเกาะประตูชะเง้อมอง เห็นหลินเยวียนไปหยิบใบชาชั้นดีที่เหล่าโจวเก็บไว้มาดื้อๆ ดวงตาก็เป็นประกาย ยกนิ้วโป้งมาให้หลินเยวียน!
“หลินเยวียนโหดแท้!”
“เหล่าโจวลงทุนโว้ย!”
“ใบชานี้แพงมากเลยสินะ!”
“เหล่าโจวดีกับหลินเยวียนมากเลยสินะ”
“ถ้านายมีความสามารถแบบเซี่ยนอวี๋ นายก็ได้เหมือนกัน”
“…”
ฝูงชนต่างตั้งหน้าตั้งตาคอย
เหล่าโจวกระวนกระวาย อยากจะเข้าไปแย่งกล่องชามาจากหลินเยวียน
จ้าวเจวี๋ยซึ่งนั่งอย่างสุขุมอยู่ด้านข้างกล่าวว่า “หัวหน้าโจวใจกว้างเหลือเกิน เสี่ยวจ้าวนับถือ”
เหล่าโจว “…”
จะเสียหน้าต่อหน้าเสี่ยวจ้าวได้ยังไงกันล่ะ
เขาฝืนแสร้งเป็นเยือกเย็น โบกมือให้หลินเยวียนอย่างอ่อนแรง
หลินเยวียนกลับไม่ได้คิดมากถึงขนาดนั้น เขาหยิบใบชาออกมา เริ่มชงชาแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมงาน ถึงอย่างไรด้านนอกก็มีน้ำร้อนให้กดอยู่แล้ว
“ให้ฉันด้วย!”
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาก็คือ เพื่อนร่วมงานดูคล้ายกับว่าจะชอบดื่มชามาก ท่าทางกระตือรือร้นมากกว่ากาแฟซะอีก ต่อแถวกันเข้ามาทีละคน
เขานี่ฉลาดจริงๆ
ร้านน้ำชาด้านล่างตึกแพงจะตายไป!
เหล่าโจวมีชาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ถึงยังไงตนก็ไม่ได้หยิบใบชาของเหล่าโจวมาใช้ฟรี เดี๋ยวจะไปซื้อใบชามาคืนเหล่าโจว ยังไงก็คุ้มค่ากว่าร้านน้ำชาด้านล่างตึก
เมื่อคิดเช่นนี้
หลินเยวียนก็ชงให้ตนเองถ้วยหนึ่ง แต่ดื่มไปได้แค่ครึ่งเดียว จู่ๆ อู๋หย่งก็เข้ามา “นายหน้าใหญ่จริงๆ เลย ใบชานี้
อย่างต่ำๆ กล่องละหลายหมื่น ปกติแล้วเหล่าโจวไม่ค่อยกล้าดื่มเท่าไหร่หรอก พวกเราเองก็ยิ่งดื่มไม่ได้เลย นายถึงกับหยิบมาได้ เรียกว่าพวกเราได้อานิสงส์จากนายเลยนะเนี่ย”
หลินเยวียนมือสั่นเทา
อู๋หย่งไม่ได้สังเกตความผิดปกติของหลินเยวียน สีหน้ายังคงฉายแววดื่มด่ำสำราญใจ “ว่าไปแล้ว ใบชากล่องละหลายหมื่นนี่ดื่มแล้วแตกต่างมากเลยละ!”
หลินเยวียนหันหลังไปมองเหล่าโจว
เหล่าโจวกำลังนวดขมับอย่างแรง
หลินเยวียนมองน้ำชาในมือ จากนั้นก็มองไปยังกล่องใบชาซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า ทันใดนั้นก็หวนนึกถึงกาแฟแก้วละหกสิบหยวนขึ้นมา
……
จะชดใช้เหล่าโจวยังไงดีล่ะเนี่ย
หลินเยวียนขบคิดปัญหาใหญ่ในชีวิตจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนที่ดื่มชากล่องละหลายหมื่นแบบเหล่าโจวด้วย!
ไม่ไหวเลย!
ชาก็รสชาติเหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง ก็เหมือนกับกาแฟที่คล้ายกันหมด ต่างกันแค่ความหวานและความฝาด
เอาเงินนี้ไปซื้อไอศกรีมกับพุดดิงเยลลี่ไม่ดีกว่าเหรอ
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋”
ขณะที่หลินเยวียนกำลังสับสน จู่ๆ ข้างหูก็ได้ยินเสียงดังขึ้น จากนั้นเขาก็เห็นคนสองคนมาปรากฏตัวตรงหน้า ทางซ้ายคือเถาหรานซึ่งพบกันครั้งก่อน ส่วนคนทางขวาไม่คุ้นหน้าสักเท่าไหร่
“ผมชื่อจินซูอวี่!”
จินซูอวี่รีบเอ่ยทักทาย
หลินเยวียนชะงักไปชั่วขณะ “มีอะไรเหรอครับ”
เถาหรานพูดอย่างขึงขัง “เรื่องครั้งก่อนทำให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่พอใจ ดังนั้นพวกเราเลยมาขอโทษครับ ของขวัญเหล่านี้เป็นน้ำใจเล็กๆ จากพวกเรา โปรดรับไว้เถอะครับ!”
เถาหรานถือกล่องมาหลายใบ
หลินเยวียนไม่รับ “ไม่เป็นไรครับ”
จินซูอวี่ยิ้มขื่นกล่าว “อาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องครั้งก่อนผมเป็นฝ่ายทำผิด ที่ผ่านมาผมคิดทบทวนถี่ถ้วน ขอรับรองกับคุณว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!”
“งั้นก็ดีแล้วครับ”
ไม่ได้สร้างความดีความชอบ ย่อมไม่รับปูนบำเหน็จ
หลินเยวียนพยักหน้ากำลังจะเดินออกไป
จินซูอวี่ขยิบตาให้เถาหราน เถาหรานได้สติกลับมา ส่งกล่องหลายใบให้หลินเยวียน “ในนี้ไม่ได้มีอะไรเลิศหรูหรอกครับ ก็แค่ใบชาแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง”
ใบชา?
หลินเยวียนสมองแล่นปลาบ หยุดฝีเท้าอย่างอดไม่ได้ ลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ขยับเข้าไปหาเถาหราน กระซิบถามหนึ่งประโยค “ใบชาราคาเท่าไหร่เหรอครับ”
“ไม่แพงครับ ไม่แพง”
เถาหรานโบกมือรัวๆ
หลินเยวียนขมวดคิ้ว “งั้นไม่ได้”
เถาหรานชะงักงัน กระแอมออกมาเสียงหนึ่ง “กล่องละสามสี่หมื่นหยวนครับ ถ้าคุณไม่พอใจ ผมสามารถหาใบชาที่ดีกว่านี้ให้ได้ แต่ชาชั้นดีจะต้องจองล่วงหน้า คุณให้เวลาผมสักหน่อย…”
“พอใจมากครับ!”
หลินเยวียนรับกล่องของขวัญมาเร็วรี่ คิดว่าเดินจากไปแบบนี้ไม่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเอ่ยปากอย่างจริงจัง “ผมไม่ได้โทษพวกคุณหรอก ครั้งหน้าไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ครับ”
“ครับ!”
ทั้งสองคนเต็มตื้นไปตามกัน
จินซูอวี่ผ่อนลมหายใจ มองตามแผ่นหลังของหลินเยวียน พูดด้วยความรู้สึกหวั่นผวา “พี่เถาต้องจำไว้ว่าในบริษัทนี้ คนที่ห้ามล่วงเกินที่สุดก็คือนักประพันธ์เพลง แน่นอนว่าผมหมายถึงนักประพันธ์เพลงระดับเซี่ยนอวี๋”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
เถาหรานพยักหน้าอย่างแรง
จินซูอวี่หัวเราะ “แต่ก่อนหน้านี้ผมน่าจะคิดมากเกินไป ยังไงซะเซี่ยนอวี๋ก็เป็นคน ของขวัญพวกนี้เขาก็รับไปแล้วใช่มั้ยล่ะ ทุกคนก็เป็นปุถุชน ถ้าชอบเงิน หลังจากนี้จะสานสัมพันธ์ก็ไม่ยากแล้ว”
“งี่เง่า!”
เถาหรานหันกลับมาพูด
จินซูอวี่ “หา?”
เถาหรานส่ายหน้า “อาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ใช่คนที่ถูกเงินชักจูงแน่นอน เพลงกุหลาบแดงฉันเสนอราคาไปสองล้าน เขาไม่เหลือบมองด้วยซ้ำ นายคิดว่าเขาจะใส่ใจกับของขวัญแค่ไม่กี่หมื่นหรือไง”
“แบบนี้เองเหรอ”
จินซูอวี่พูด “งั้นเขา…”
เถาหรานพูดพลางทอดถอนใจ “นี่คือจุดที่น่ายกย่องของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ เขาน่าจะกลัวว่าพวกเราจะกังวลแล้วก็รู้สึกอึดอัดใจ เลยรับของขวัญพวกเราไว้ แถมยังจงใจถามราคาใบชาฉัน นี่เป็นการทดสอบฉันหรือเปล่านะ สามสี่หมื่นเป็นตัวเลขที่กำลังพอดีไม่มากไม่น้อย ถูกไปก็เห็นได้ชัดว่าไร้ความจริงใจ แพงไปก็ดูเหมือนมีนัยยะอีก ดังนั้นก็ทำแบบนี้ไปเพื่อให้พวกเราสบายใจ เพื่อบอกพวกเราว่าเขาให้อภัยแล้วจริงๆ”
“เข้าใจแล้วครับ!”
จินซูอวี่มองแผ่นหลังของหลินเยวียน ในใจก็ซาบซึ้งขึ้นมา เขามองอาจารย์เซี่ยนอวี๋เป็นปุถุชนคนธรรมดาเกินไปเองสินะ!
…………………………………………………………………….
.
.