Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 224 เยียวยาหัวใจอันเหี่ยวเฉา
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 224 เยียวยาหัวใจอันเหี่ยวเฉา
ตอนที่ 224 เยียวยาหัวใจอันเหี่ยวเฉา
ฉินฉีสองพื้นที่ผนวกรวม เว็บไซต์รายใหญ่สำหรับสตรีมวิดีโอมีหลากหลาย บริษัทที่ค่อนข้างทรงอิทธิพลได้แก่เพนกวินวิดีโอ เมาฉ่าง และฉีอี้กั่ว บริษัทเหล่านี้เป็นเว็บไซต์สตรีมวิดีโอขนาดใหญ่ซึ่งรับประกันยอดผู้เข้าชม
เสิ่นชิงพึ่งพาได้จริงๆ
เขาเจรจาร่วมมือกับเพนกวินวิดีโอและเมาฉ่าง เพราะเป็นวิถีทางที่ไม่ซื้อขาดและผูกขาดลิขสิทธิ์ ดังนั้นรายได้ส่วนแบ่งจึงไม่มาก
ส่วนแบ่งในนี้ไม่ได้มาจากเพียงส่วนแบ่งจากการสตรีมวิดีโอ แต่ยังรวมไปถึงส่วนแบ่งจากโฆษณาด้วย
ยกเมาฉ่างเป็นตัวอย่าง
ชื่อเต็มของเมาฉ่างคือเมาเมาฟิล์มแอนด์เทเลวิชัน เพียงแต่ผู้ชมชอบเรียกกันว่าเมาฉ่าง
ผู้ชมบนแพลตฟอร์มเมาฉ่าง เมื่อกดเข้าไปในภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มเมาฉ่าง หากรับชมนานหกนาทีขึ้นไปนับเป็นยอดเข้าชมหนึ่งครั้ง
ทำไมต้องหกนาทีน่ะหรือ? ก็เพราะการรับชมภายในเวลาห้านาทีเป็นการทดลองรับชมฟรี หากรับชมเกินหกนาที เห็นได้ชัดว่ามีการจ่ายเงิน
และทุกครั้งที่มีการรับชมหนึ่งครั้ง ถ้าหากเป็นการออกอากาศแบบไม่ผูกขาด จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 1.5 หยวน ถ้าหากเป็นการออกอากาศแบบผูกขาด ส่วนแบ่งอยู่ที่ 2 หยวนเป็นหลัก ส่วนราคาที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงวิดีโอกำหนดไว้คือ 5 หยวน
ค่าโฆษณาจะคำนวณแยกกันโดยอ้างอิงจากจำนวนครั้ง
เงื่อนไขสัญญาโดยละเอียด หลินเยวียนอ่านแล้ว
เขาไม่ได้สนใจวิธีการคำนวณที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพียงแต่พอจะรู้ว่าทุกๆ ห้าหยวนที่ผู้ชมกดสตรีมภาพยนตร์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนี้ เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1.8 หยวน เมื่อรวมกับค่าโฆษณาแล้วได้ประมาณสองหยวนกว่าๆ
แพลตฟอร์มรับรายได้ส่วนใหญ่ไป แต่ความสามารถในการดึงดูดนั้นด้อยกว่าโรงภาพยนตร์สักหน่อย ยังดีที่อยู่ในขอบเขตซึ่งหลินเยวียนสามารถยอมรับได้
เมื่อเซ็นสัญญาสำเร็จ
ช่วงเวลาฉายภาพยนตร์กำหนดเรียบร้อย
เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้เช่นเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเปิดตัวบนเว็บไซต์สองแห่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม
นี่เป็นข้อได้เปรียบตามแบบฉบับของภาพยนตร์ซึ่งใช้รูปแบบสตรีมมิง เพราะสามารถออกอากาศผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอได้โดยตรง ดังนั้นหลินเยวียนไม่จำเป็นต้องต่อคิวรอช่วงเวลาเข้าฉายอย่างภาพยนตร์และซีรีส์ ถ้าเขาตกลงเรื่องนี้แล้ว ต่อให้อยากออกอากาศในวันนี้ก็ยังทำได้…
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ดีไปเสียทั้งหมด
ต่อให้เป็นภาพยนตร์ออนไลน์ก็ยังต้องโปรโมตสักหน่อย แพลตฟอร์มสำหรับโปรโมตก็คือเว็บไซต์วิดีโอที่เจรจาร่วมมือกันไว้นี่เอง
เพนกวินวิดีโอและเมาฉ่างต่างก็ร่างข้อความ และเริ่มการโปรโมตด้วยความรีบเร่งในเย็นวันนั้น
การโปรโมตภาพยนตร์ออนไลน์น่ะ โดยปกติแล้วก็ไม่ได้อลังการสักเท่าไหร่หรอก
ข้อความโปรโมตของเมาฉ่างคือ [ภาพยนตร์ออนไลน์ต้นทุนสิบล้านหยวน ‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ’ กำลังจะลงจอให้รับชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ กดจองเพื่อเริ่มต้นการเดินทางสุดหรรษาช่วงฤดูร้อนของคุณ!]
เพนกวินวิดีโอก็ไม่น้อยหน้า
ข้อความโปรโมตของพวกเขาแขวนไว้ในตำแหน่งที่นับว่าสะดุดตา [ภาพยนตร์ออนไลน์ก็มีการเข้าฉายช่วงฤดูร้อนเหมือนกันนะ ‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ’ เข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม เยียวยาหัวใจอันเหี่ยวเฉา ความสุขของคุณให้เราดูแล]
ประมาณนี้แหละ
ถึงอย่างไรผู้ชมที่สนใจภาพยนตร์ออนไลน์ก็สังเกตเห็นสิ่งที่ควรสังเกตเห็นแล้ว แต่ภาพยนตร์ก็คล้ายกับว่ายังคงขาดกระแสดุดันไป เพราะหลังจากที่โปรโมตออกไป จำนวนผู้ชมที่กดจองก็ไม่มีท่าทีว่าจะสูงขึ้นสักเท่าไหร่
“เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่”
เสิ่นชิงเซ็นสัญญาภาพยนตร์ออนไลน์ ย่อมหวังว่าภาพยนตร์จะกลายเป็นที่สังเกตเห็นของผู้คนจำนวนมาก
เขาติดต่อหลินเยวียน “ตัวแทนหลินโอเคไหมครับถ้าผมจะใช้ชื่อเซี่ยนอวี๋มาโปรโมต ส่วนมากเวลาเราโปรโมตหนังจะต้องใช้หัวข้อที่เรียกกระแสหรือประเด็นถกเถียงจากโลกภายนอก นักแต่งเพลงมือทองมานั่งแท่นนักเขียนบท เดินทัพบุกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็เป็นหัวข้อที่ใช้ได้เลยนะครับ”
ใช้ชื่อ ‘เซี่ยนอวี๋’ มาโปรโมต?
หลินเยวียนลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบตกลงกับเสิ่นชิง
เพราะทางสตาร์ไลท์ก็รับรู้กันอยู่แล้วว่าเซี่ยนอวี๋เป็นคนถ่ายทำเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ปิดบังเรื่องนี้ไปก็ไม่ได้มีความหมายสักเท่าไหร่ ต่อให้ตนสร้างนามแฝงใหม่ในฐานะนักเขียนบท นานวันเข้าก็รังแต่จะถูกแพร่งพรายไปเรื่อยๆ ไม่สู้ใช้ชื่อให้เซี่ยนอวี๋ควบรวมนักเขียนบทไปด้วยอย่างเปิดเผยจะดีกว่า
วันรุ่งขึ้นหลังจากหลินเยวียนตอบตกลง
บนเว็บไซต์สตรีมมิงปรากฏข้อความโปรโมตใหม่
ครั้งนี้ข้อความโปรโมตของทั้งสองเว็บไซต์ใกล้เคียงกันมาก ไม่รู้ว่าผู้เขียนคำโฆษณาเป็นใคร
[นักประพันธ์เพลงมือทองของฉินฉี ผู้ทรงอิทธิพลของวงการเพลง ครั้งแรกในการนั่งแทนนักเขียนบทของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ภาพยนตร์เรื่อง ‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ’ จะเข้าฉายออนไลน์อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้!]
คำโฆษณาเจ้าเล่ห์มาก
คำว่า ‘เซี่ยนอวี๋’ ในข้อความโปรโมตทั้งใส่ตัวหนาทั้งเพิ่มขนาด ประหนึ่งกลัวว่าบรรดาไทยมุงที่เข้ามาส่องจะมองไม่เห็น
ด้านล่างข้อความโฆษณายังมีตัวหนังสืออีกสามสี่บรรทัด ระบุว่าจนถึงปัจจุบันเซี่ยนอวี๋มีผลงานสุดคลาสสิกชิ้นใดบ้าง จงใจใช้อิทธิพลของเพลงมาเรียกกระแสให้กับภาพยนตร์
นอกจากนั้นยังเปลี่ยนโปสเตอร์ของภาพยนตร์ด้วย
โปสเตอร์เดิม เป็นรูปหมู่ของครอบครัวตัวละครเอกชายหญิงและตัวละครอื่นๆ ไม่มีตรงไหนสะดุดตาเลย
ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นภาพซึ่งมีตัวละครเอกชายและหญิงแยกกันยืนฝั่งซ้ายและขวา
ตัวเอกชายไม่จำเป็นต้องพูดถึง ท่วงท่าคล้ายกับขับขานบทเพลง
ส่วนนักแสดงนำหญิงนั้นต่างออกไป ทรวดทรงองค์เอวสุดเซ็กซี่ องคาพยพบนใบหน้าสะสวยได้รูป แถมยังเผยเรียวขายาวขาวผ่องให้เห็นเล็กน้อย
กล่าวง่ายๆ คือมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้หลงใหล
อันที่จริงภาพนี้แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของภาพยนตร์
นักแสดงนำหญิงคนนี้มีชื่อว่าอวี๋ซีลู่ เป็นนักแสดงของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเพียงคนเดียวซึ่งมีชื่อเสียง
แม้ว่าจะเป็นนักแสดงแจกันดอกไม้ที่รูปลักษณ์ภายนอกงดงามแต่ฝีมือการแสดงยังไม่ถึงขั้น ซึ่งพบเห็นกันบ่อยในวงการบันเทิง แต่โชคดีที่นับว่ายังมีชื่อเสียง
โปสเตอร์นี้ใช้รูปร่างและหน้าตาของเธอดึงดูดเหล่าสิงสาราสัตว์ ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกว่า ‘นักเขียนบทตาถึงมาก’
ทำได้ยอดเยี่ยมมาก
จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์ให้ความสำคัญกับภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาเล็กน้อย
ต้องเข้าใจว่า แรกเริ่มเดิมทีทั้งสองเว็บไซต์ให้ความสำคัญกับเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนี้ในระดับปานกลาง
เพราะในตอนแรกเสิ่นชิงไม่ได้บอกว่าคนเขียนบทคือเซี่ยนอวี๋
เรื่องนี้เป็นความย้อนแย้งมากทีเดียว
ในสายตาของบริษัท การสร้างภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี แต่ความไร้สาระประเภทนี้กลับสอดคล้องกับความสำคัญของหัวข้อในกลเม็ดการโปรโมตภาพยนตร์
ไม่น่าแปลกที่มีภาพยนตร์บางเรื่องยอมสร้างข่าวฉาวเผ็ดร้อนหรือประเด็นที่นำมาซึ่งการถกเถียง เพื่อเรียกกระแสติดตาม
ทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าจะเป็นคำชื่นชมหรือคำตำหนิ มีคนติดตามย่อมดีกว่าความอ้างว้างร้างผู้คนเป็นไหนๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…
หลังจากที่ยกเซี่ยนอวี๋ขึ้นมา จำนวนผู้ชมที่กดจองเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเซี่ยนอวี๋ก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
แน่นอนว่าหลังจากที่ทีมงานตกแต่งภาพหน้าปกเสร็จ อวี๋ซีลู่ซึ่งงามสะคราญก็มีความดีความชอบในเรื่องนี้ไม่น้อยเลย
หลินเยวียนก็ให้ความร่วมมือ ล็อกอินเข้าไปในบัญชีผู้ใช้ของเซี่ยนอวี๋ โพสต์ภาพนักแสดงเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมหน้าผมสวยพริ้ง
มีเก้าช่อง โพสต์เก้ารูป
อาการย้ำคิดย้ำทำของเขารู้สึกพึงพอใจกับสิ่งนี้
เขายังแนบข้อความไว้ว่า [ภาพยนตร์เรื่อง ‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ’ ซึ่งผมเป็นคนเขียนบท กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 1 กรกฏาคม ขอแรงสนับสนุนจากทุกคนด้วยนะครับ]
หลังจากนั้น หลินเยวียนก็ใช้บัญชีของฉู่ขวงรีโพสต์ พร้อมทั้งเขียนข้อความง่ายๆ ลงไป
[สนับสนุนครับ]
บัญชีผู้ใช้ของอิ่งจือมีหลัวเวยเป็นผู้ดูแล จำนวนแฟนคลับที่ติดตามมีไม่มาก หลินเยวียนไม่ได้สนใจ
ปรากฏว่าความคิดเห็นก็เริ่มร้อนแรงขึ้นมา
ในครั้งนี้ทุกคนไม่ได้เข้ามาแซวกันเรื่อง ‘เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ’ สิ่งที่พวกเขาสนใจมากกว่าก็คือเรื่องที่เซี่ยนอวี๋สร้างภาพยนตร์
‘คนเขียนบทคือเซี่ยนอวี๋?’
‘เคยได้ยินว่านักแสดงมาเป็นผู้กำกับ หรือไม่ก็นักร้องมาแสดงหนัง แต่ไม่เคยได้ยินว่านักประพันธ์เพลงจะมาเขียนบท…’
‘นี่คือ??’
‘เซี่ยนอวี๋กลับไปตั้งใจเขียนเพลงไม่ได้เหรอ…’
‘อยากเตือนอาจารย์เซี่ยนอวี๋ด้วยความหวังดี ไม่ใช่ว่าใครจะมาทำหนังก็ทำได้นะครับ’
‘สนับสนุนก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้วค่ะ แต่อยากให้คุณทุ่มเทกับการเขียนเพลงมากกว่า’
‘นักประพันธ์เพลงทำหนัง ทำไมรู้สึกเหมือนผิดที่ผิดทางแฮะ เห็นแก่ที่คุณคือเซี่ยนอวี๋ จะช่วยสนับสนุนสักครั้งก็แล้วกัน’
‘อาจารย์เซี่ยนอวี๋มีพรสวรรค์รอบด้าน เขียนบทได้ด้วย ฉันสนับสนุนหนังเรื่องนี้ของคุณแน่นอนค่ะ!’
‘เนื้อเพลงของเซี่ยนอวี๋ก็เป็นเรื่องราว เพราะพอเขามาเขียนบท ผมเลยสนใจ’
‘เฮ้อ ฉันชอบเซี่ยนอวี๋นะ แต่ไม่หลับหูหลับตาสนับสนุนหรอก’
‘…’
ศิลปะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ต่อให้เซี่ยนอวี๋มีชื่อเสียงในวงการประพันธ์เพลงแล้ว แต่แฟนคลับจำนวนมากยังคงมีลางสังหรณ์ว่า ‘เรื่องนี้ไม่เข้าท่าเอาซะเลย’
แต่ก็ไม่มีใครตำหนิให้เสียหาย เพียงแค่แสดงความคิดเห็นของตน
และมีแฟนคลับส่วนน้อยที่สนับสนุน กล่าวได้ว่าเป็นรักแท้
แต่กลับไม่ได้มีใครจุดประเด็นมากเกินไป
โดยพื้นฐานแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านักประพันธ์เพลงคนหนึ่งข้ามสายงานไปเขียนบทภาพยนตร์เลย
ฉินฉีผนวกรวม มีคนลองคำนวณคร่าวๆ ไว้
ภาพยนตร์ออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จในแต่ละปีนั้นมีมากกว่าห้าพันเรื่อง
หมายความว่ายังไงน่ะหรือ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือภาพยนตร์เหล่านี้ต่อให้คำนวณแยกแต่ละเดือน ก็ยังมีภาพยนตร์ออนไลน์ที่เข้าฉายสี่ห้าร้อยเรื่อง
เดือนกรกฎาคมเป็นช่วงเวลาที่ปิดเทอมฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น
ภาพยนตร์ออนไลน์ซึ่งปล่อยฉายของทั้งฉินและฉี อาจไม่ได้มีเพียงเท่านี้
ท่ามกลางวงล้อมของภาพยนตร์มากมาย เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศจึงไม่ได้สะดุดตาเป็นพิเศษ
เพียงแต่เมื่อรวมฉินและฉีเข้าด้วยกัน ผู้ชมก็เพิ่มขึ้นถนัดตา ฉะนั้นจึงให้พื้นที่สำหรับการมีตัวตนของภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ
ถ้าหากไม่มีชื่อเสียงของเซี่ยนอวี๋ ภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่แม้แต่จะกลายเป็นประเด็นถกเถียงของผู้คนด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น
เวลาก็ดำเนินเข้าสู่เดือนกรกฎาคม ตลาดภาพยนตร์ออนไลน์เงียบสงบเหลือเกิน
ส่วนทางโรงภาพยนตร์
สงครามสารพัดรูปแบบของการโฆษณาของแต่ละบริษัทใหญ่ โรมรันพันตูกันจนอลหม่านไปหมด
นั่นทำให้หลินเยวียนรู้สึกดีใจที่ไม่ได้เลือกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์
ครั้นเดือนกรกฎาคมมาถึง
ภาพยนตร์เรื่องดังซึ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ก็เฮละโลกันเข้าฉาย การแข่งขันของตลาดโรงภาพยนตร์ก็ดุเดือดขึ้นมาในที่สุด!
การแย่งชิงยอดบ็อกซ์ออฟฟิศเริ่มต้นขึ้น!
เทียบกันแล้ว เมื่อเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศขึ้นฉายบนเมาฉ่างกับทางเพนกวินกลับเงียบสงบไร้กระแส
แน่นอน
ต่อให้เงียบสงบมากกว่านี้ ด้วยจำนวนประชากรมากมายมหาศาลของมณฑลฉินและมณฑลฉี ก็มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งอยากรู้อยากลอง กดเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ดี
พวกเขาอาจกดเข้ามาด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
ตัวอย่างเช่นเติ้งฉือ
เติ้งฉือเป็นทายาทนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
ขับรถสปอร์ต ที่พักอาศัยสุดหรู เปลี่ยนแฟนเดือนละครั้ง ใช้ชีวิตอู้ฟู่หรูหราจนหลายคนต้องอิจฉา
แต่ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงเป็นโรคซึมเศร้าขั้นต้น
สาเหตุค่อนข้างซับซ้อน
บางทีอาจเป็นเพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน?
ถึงแม้เงินค่าขนมที่พ่อแม่ให้เขาในแต่ละเดือนจะสูงลิบ และสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับไม่มีความสุข
สรุปได้ว่า เนื่องจากอาการของโรคซึมเศร้านี้ เติ้งฉือจึงมักจะขังตัวเองอยู่ในวิลลาหลายชั้น และดูภาพยนตร์อยู่เงียบๆ คนเดียว
เขาดูภาพยนตร์แนวคอมเมดีค่อนข้างเยอะ
เพราะจิตแพทย์ของเขาบอกว่า ให้ดูภาพยนตร์ตลกตอนที่รู้สึกเบื่อ จะช่วยทำให้อารมณ์ของเขาผ่อนคลายลงได้
ในวันที่ 1 กรกฎาคม เติ้งฉือก็เปิดเว็บไซต์สตรีมมิงดังเช่นทุกวัน และเริ่มต้นหาภาพยนตร์ที่ตนรู้สึกสนใจ
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็น ‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ’
ข้อความโปรโมตของภาพยนตร์เรื่องนี้มีประโยคหนึ่งเขียนว่า ‘เยียวยาหัวใจอันเหี่ยวเฉา’
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เติ้งฉือถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
อาจเป็นเพราะเติ้งฉือดูภาพยนตร์ตลกมามาก แต่ก็ยังรู้สึกเหี่ยวเฉาอยู่ดี
ภาพยนตร์ตลกเหล่านี้คุยโวว่าตลกนักตลกหนา หลอกลวงเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขาไม่เชื่ออีกต่อไป
ถึงแม้จิตแพทย์จะอธิบายว่า
เขาไม่ใช่คนเส้นตื้น
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จะมีอารมณ์อ่อนไหวไม่มากก็น้อย
แน่นอนว่าเติ้งฉือไม่มีทางกดเข้าไปดู
แต่ขณะที่เขากำลังจะเลื่อนผ่าน ก็เผลอไปกดปุ่มเล่นโดยไม่ทันระวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเริ่มเล่น…
…………………………………………..