Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 448 เอื้อนเอ่ยขึ้นมาพาคนแตกตื่น
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 448 เอื้อนเอ่ยขึ้นมาพาคนแตกตื่น
“ละทิ้งการยึดติดความโด่งดัง วางอคติเรื่องหน้าตา ทิ้งการรับรู้เกี่ยวกับอาชีพ และมาเริ่มต้นการประกวดร้องเพลงที่บริสุทธิ์ที่สุดแห่งยุคสมัย ในบรรดาแขกรับเชิญลึกลับที่ใช้หน้ากากปิดบังตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ใครจะได้เป็นราชาหน้ากากนักร้องสมัยแรก!”
ม่านค่อยๆ เปิดออก
อันหงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพิธีกรอันดับหนึ่งของฉินโจวขึ้นมาบนเวที แสงไฟส่องประกายมารวมกัน เบื้องหลังของอันหงเร้าอารมณ์ผู้ชม “สวัสดีครับ ผมอันหง พิธีกรรายการ และนี่คือรายการราชาหน้ากากนักร้องโดยสมาคมวรรณศิลป์ ในยุคสมัยแห่งการตัดสินคนจากใบหน้า เรามาเล่นเกมที่ไม่ดูหน้ากันครับ!”
นี่คือราชาหน้ากากนักร้อง!
เกมที่ไม่ต้องดูหน้า!
ไม่จำเป็นต้องพูดยกยอ ทั้งห้องส่งต่างส่งเสียงเฮลั่นขึ้นมา ท่ามกลางแสงของแท่งไฟและป้ายไฟฟลูออเรสเซนต์ ผู้ชมโลกภายนอกต่างจับตามองด้วยความคาดหวัง และวันนี้คือเวลาที่ทุกคนจะได้ปลดปล่อย!
หลังเวที
ในพื้นที่รอของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์บนผนังอย่างอดไม่ไหว หลินเยวียนเองก็เช่นกัน เพราะด้านหลังเวทีไม่นับว่าอยู่ไกลจากเวทีการแสดง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงจากทั้งในทีวีและจากด้านนอก
เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
อันหงยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร “ผมไม่รู้ว่านี่นับว่าเป็นสัญญาณการเริ่มต้นยุคสมัยใหม่แห่งดนตรีหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่านี่เป็นรายการดนตรีซึ่งจะถูกจารึกในฐานะหมุดหมายการพัฒนาประวัติศาสตร์ดนตรี หลังจากนี้เราจะขอแนะนำคณะกรรมการตัดสินทั้งสี่ท่าน ท่านแรกคือราชาเพลงจากฉินโจวเพียงท่านเดียวซึ่งได้รับมงกุฎราชาเพลงถึงสามครั้ง ได้รับสมญานามว่าราชาแห่งราชาเพลง เขาคือราชาแห่งราชาเพลงซึ่งมีสไตล์การขับร้องที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็ยังเป็นหนึ่งในสามบุรุษเสียงสูงซึ่งผ่านการยอมรับจากสมาคมวรรณศิลป์ อาจารย์เหมาเสวี่ยวั่ง”!
อึก
เหมาเสวี่ยวั่ง[1]เหรอ…
หลินเยวียนกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าต่อมรับรสพร้อมทำงานขึ้นมาทันที
ทว่าถงถงซึ่งอยู่ด้านข้างกลับรู้สึกปลาบปลื้ม “ที่แท้ข่าวลือของทีมงานรายการก็เป็นความจริง อาจารย์เหมาเสวี่ยวั่งเป็นกรรมการตัดสินในตอนแรก เขาเป็นถึงนักร้องชายในตำนาน หนึ่งในสามบุรุษเสียงสูงของบลูสตาร์”!
บนเวที
เหมาเสวี่ยวั่งซึ่งปัจจุบันอายุ 40 ปีโบกมือให้กับผู้ชม ทำให้ผู้ชมด้านล่างเวทีตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม!
สมแล้วที่เป็นรายการดนตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุด แค่คณะกรรมการตัดสินคนแรกก็เด็ดดวงถึงขนาดนี้!
ขาใหญ่แนวหน้าแห่งวงการดนตรี ซึ่งได้รับตำแหน่งราชาเพลงติดต่อกันถึงสามครั้งอย่างเหมาเสวี่ยวั่งเชียวนะ!
“ท่านที่สอง…”
อันหงแนะนำต่อไป
กรรมการตัดสินท่านที่สองคือสุภาพสตรีซึ่งมีชื่อว่าหลิ่วซวี่!
เธอสุดยอดยิ่งกว่าเหมาเสวี่ยวั่งเสียอีก ได้รับรางวัลราชินีเพลงถึงสี่ครั้ง ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีเพลงพ็อปที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฉี เธอคือเจ้าของสถิติยอดดาวน์โหลดเพลงเดียวสูงที่สุดของฉีโจว ปัจจุบันเธออายุ 50 ปี
กรรมการตัดสินท่านที่สามมีชื่อว่าอู่หลง
อู่หลงได้รับการขนานนามว่าเทพแห่งเพลงประกอบ!
เพลงประกอบอนิเมชันยอดเยี่ยมทั้งหลายโดยมากแล้วมาจากปลายปากกาของอาจารย์อู่หลง!
แต่ดนตรีของอู่หลงจะมีแนวโน้มไปทางเชิงพาณิชย์ เพราะฉะนั้นเขาจึงยังไม่ได้เป็นพ่อเพลงสักที ทว่าสำหรับผู้คนทั่วไปแล้ว อู่หลงคือบุคลากรระดับพ่อเพลง
กรรมการตัดสินคนที่สี่…
ครั้งนี้คือพ่อเพลงตัวจริงเสียงจริง!
แต่เมื่อหลินเยวียนได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าภายใต้หน้ากากของเขากลับฉายแววแปลกประหลาด
เพราะคนผู้นี้หลินเยวียนไม่เพียงเคยได้ยินชื่อ แต่ในมุมหนึ่ง อีกฝ่ายยังนับว่าเป็นอาจารย์ของหลินเยวียนด้วย
พ่อเพลงหยางจงหมิง!
ใบหน้าของถงถงแดงระเรื่อ ตื่นเต้นจนมือไม้อยู่ไม่สุข “สำหรับฉัน อาจารย์หยางจงหมิงคือหนึ่งในพ่อเพลงที่ไร้เทียมทานที่สุด เขาคือความภาคภูมิใจของชาวฉิน นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาตั้งแต่ตอนแรก!”
ในห้องส่ง
ผู้ชมต่างตะโกนเรียกชื่อของหยางจงหมิงอย่างบ้าคลั่ง!
ยากที่จะจินตนาการว่าพ่อเพลงผู้อยู่เบื้องหลังจะมีบารมียิ่งใหญ่กว่าดารานักแสดงซึ่งอยู่หน้าเวที มีเพียงบลูสตาร์ที่สามารถมอบมาตรฐานในการดูแลเช่นนี้ให้แก่พ่อเพลงได้สินะ?
หลินเยวียนคิดเช่นนี้
และหลังจากความครึกครื้นสงบลง อันหลงก็เอ่ยแนะนำกฎของรายการอีกครั้ง
หลังจากผู้ชมเข้าใจแล้ว เขาจึงประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันคนแรกขึ้นเวทีอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนเห็นท่าทางของผู้เข้าแข่งขันคนแรก ก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
เป็นชุดหุ่นยนต์!
นักร้องคนนี้แลดูถนัดการเล่นมุกตลก เดินแกว่งไปไกวมาบนเวที ดูท่าทางแล้วน่าจะมีทักษะด้านการเต้น
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่า กลับเป็นความสามารถในการร้องเพลง เพียงแค่อ้าปากก็ชนะใจทั้งห้องส่งได้ทันที!
“เก่งมาก!”
“เขาคือใครกัน”
บรรดานักร้องในห้องรับรองแต่ละห้องพูดคุยกับผู้ประสานงานรายการของตน มีเพียงห้องของหลานหลิงอ๋องซึ่งเงียบสนิท กลับเป็นถงถงซึ่งอดไม่ไหวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “นักร้องท่านนี้น่าจะเป็นนักร้องแถวหน้า”
“ไม่ใช่”
หลินเยวียนเอ่ย
ถงถงชะงัก “คุณหมายถึงหน้ากากหุ่นยนต์เป็นนักร้องแถวสองเหรอคะ ฝีมือระดับนี้น่าจะพอเป็นนักร้องแถวหน้าได้อยู่นะคะ รู้สึกว่าร้องเพลงเก่งมาก นักร้องแถวสองส่วนมากความสามารถยังไม่ถึงขั้นนี้”
หลินเยวียนพูด “หมายถึง เขาคือราชาเพลง”
“ราชาเพลง?” ถงถงยิ้ม เธอไม่เชื่อ แต่กล้องกำลังถ่ายอยู่ เธอจึงไม่กล้าถามไปตรงๆ
ถงถงกระแอมครั้งหนึ่ง พลางสนทนาอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่ว่าจะเป็นราชาเพลงหรือนักร้องแถวหน้า ฟังจากเสียงแล้วยังไงก็เป็นผู้ชาย แต่นักร้องที่มีความสามารถในการเต้นมีหลายคน อาจารย์หลานหลินอ๋องเดาออกไหมคะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”
“เดาไม่ออก”
หลินเยวียนไม่ได้สนทนาต่อ
ถงถงมองไปยังตากล้อง บรรดาตากล้องตอบกลับด้วยสายตาเห็นใจ
ห้องรับรองอื่นต่างคาดเดาว่าภายใต้หน้ากากคือใครกันอย่างคึกคัก ห้องรับรองของหลานหลิงอ๋องกลับมีเพียงเสียงลมหนาวพัดหวิว
หน้ากากหุ่นยนต์ร้องจบแล้ว
คณะกรรมการตัดสินเริ่มแสดงความเห็น
ทว่าฉากที่ทำให้ผู้คนสะดุ้งโหยงก็คือ คณะกรรมการตัดสินคล้ายว่าจะไม่พึงพอใจ เหมาเสวี่ยวั่งกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าไม่ใช่เพราะวงดนตรี คุณคงร่วงตั้งแต่สามสี่ประโยคแรกแล้ว”
“เรียบเรียงเพลงใหม่”
หลิ่วซวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไอเดียดีทีเดียว แต่ไม่สามารถกลบข้อบกพร่องในท่อนแรกได้ นอกจากนั้นเสียงที่สั่นในตอนท้ายเหมือนจะจงใจ น่าจะเป็นนักร้องแถวหน้าสินะคะ สิ่งที่นักร้องแถวหน้าชายอย่างพวกคุณยังสู้ราชาเพลงไม่ได้ ก็คือความเป็นธรรมชาติ”
“…”
กรรมการตัดสินคนที่สามเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่สักพัก “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณคงเป็นนักร้องจากเยี่ยนโจว แต่นั่นก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ว่าคุณจงใจเรียนรู้วิธีการร้องแบบนี้ ผมจึงไม่ค่อยแน่ใจในความสามารถที่แท้จริงของคุณ”
“น่าสนใจ”
หยางจงหมิงเอนกายเล็กน้อย จ้องมองหน้ากากหุ่นยนต์ “คุณเล่นได้สนุกดี มีแค่ราชาเพลงเท่านั้นที่สามารถใช้ระดับการร้องของนักร้องแถวหน้าที่ตนเองไม่คุ้นเคย ทั้งยังจงใจเลียนสำเนียงการร้องของชาวเยี่ยน เพียงแต่การเลียนแบบยังไม่ค่อยแยบยล แต่ผมชื่นชมที่คุณท้าทายตัวเอง”
กรรมการตัดสินเข้มงวดมาก!
ผู้ชมล้วนอึ้งไป ผู้เข้าแข่งขันในห้องรับรองต่างงุนงงเช่นกัน
ความคิดเห็นของปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เมื่อเอ่ยถึงนักร้องแถวหน้า น้ำเสียงของพวกเขาผ่อนคลายเป็นปกติ แม้แต่ขณะที่เอ่ยถึงราชาเพลง น้ำเสียงก็ยังเรียบเฉยเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ข้อสรุปนั้นแตกต่างกัน
นอกจากหยางจงหมิง กรรมการตัดสินอีกสามคนล้วนคิดว่าหุ่นยนต์คือนักร้องแถวหน้า สรุปแล้วใครถูกต้องกันแน่…
ในห้องรับรองด้านหลังเวที ถงถงชำเลืองมองหลานหลิงอ๋อง มีเพียงข้อสรุปของเขากับหยางจงหมิงที่เหมือนกัน
หลังจากนั้นเหล่าคนดังในคณะกรรมการประเมินก็มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ราวกับว่าหน้าที่ของคณะกรรมการประเมินไม่ได้มีเพียงการลงคะแนนโหวตในฐานะผู้ชมมืออาชีพเท่านั้น ขณะเดียวกันยังคอยชี้แนะให้ทุกคนคาดเดาตัวจริงของนักร้องอีกด้วย
บรรยากาศสบายๆ!
คณะกรรมการตัดสินทั้งสี่คนมีความเป็นมืออาชีพอย่างไม่ต้องสงสัย อธิบายปัญหาในการร้องเพลงของนักร้องได้อย่างเรียบง่ายและรัดกุม
ส่วนทางดาราศิลปินในคณะกรรมการประเมินรับหน้าที่เดาตัวตนของนักร้องเพื่อสร้างบรรยากาศ ขณะเดียวกันก็สนทนาและถามคำถามกับหุ่นยนต์ด้วย
ทั้งสองฝั่งโต้ตอบกันด้วยไหวพริบและความกล้าหาญ ฝั่งหนึ่งต้องการขุดคุ้ยข้อมูลสำคัญ อีกฝั่งหนึ่งต้องการปกปิดตัวตน พลอยให้ผู้ชมหัวเราะตามนับครั้งไม่ถ้วน
……
นักร้องท่านที่สองเป็นนักร้องผู้หญิง มาในชุดหงส์ขาวแสนสวย
เพลงที่เธอใช้ขับร้องคือเพลงปลายักษ์
เมื่อฟังจบ กรรมการตัดสินทั้งสี่ผุดยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ “นี่คือเสียงสวรรค์ของราชินีเพลง”
ใช่แล้ว ราชินีเพลง!
คณะกรรมการตัดสินมีมติเป็นเอกฉันท์!
หงส์ขาวคนนี้ชนะใจทั้งห้องส่งได้ทันทีที่เปล่งเสียง แม้แต่คณะกรรมการตัดสินยังเอ่ยปากชื่นชม
เพียงแต่เมื่อคณะกรรมการประเมินคุยกัน หงส์ขาวผู้นี้ก็มีท่าทีเย่อหยิ่งขึ้นมา
ยามที่คณะกรรมการประเมินเดาว่าหงส์ขาวอาจเป็นราชินีเพลงคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า ‘หยวนซี’ หงส์ขาวก็โพล่งออกมาประโยคหนึ่ง
“เธอร้องเพลงนี้ไม่ได้”
ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น ทั้งห้องส่งก็ฮือฮากันยกใหญ่!
ถงถงยกมือขึ้นปิดปาก “ราชินีเพลงคนนี้กล้ามาก ถึงกับพูดออกมาตรงๆ ว่าอาจารย์หยวนซีร้องเพลงนี้ไม่ได้ บุคลิกที่แสดงออกของนักร้องหลังจากปิดหน้ากากตรงไปตรงมามาก!”
“อืม…”
หงส์ขาวราวกับตระหนักได้ว่าคำพูดเมื่อครู่ไม่ดีนัก จึงเอ่ยเสริม “จุดเด่นของหยวนซีต่างกับฉัน บางเพลงที่เธอร้องได้ ฉันร้องไม่ได้ นั่นคืออะไรพวกคุณคงรู้ดี”
เป็นคำแก้ต่างที่ฉาบฉวยเหลือเกิน
ผู้ชมในห้องสดหัวเราะครืน แต่กลับไม่ได้เกลียดชังหงส์ขาวผู้เย่อหยิ่งคนนี้ เพียงแต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จริงใจ
หยางจงหมิงเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะ กล่าวเสียงเรียบ “คุณเหนือกว่าหยวนซีจริงๆ หยวนซีเนื้อเสียงบางเกินไป แต่กลับไม่อยากเปลี่ยนแปลง อืม ที่ผมพูดถึงไม่ใช่แค่เพลงนี้”
กรรมการตัดสินอีกสามคนหลุดหัวเราะ
“ตรงไปอีก”
“แต่ก็เป็นความจริง”
“ผมเคยเจอกับหยวนซีสองสามครั้ง เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่ดี แต่พึงพอใจในตัวเองง่ายเกินไป ประสบความสำเร็จนิดหน่อยก็ได้ใจ แต่กลับไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ระดับต่ำสุดของราชินีเพลง”
แม่เจ้าโว้ย!
ขาใหญ่ก็โหดไปอีก!
ผู้ชมทั้งห้องส่งส่งเสียงเชียร์!
ความตรงไปตรงมาคือสิ่งที่เราต้องการ!
เป็นขาใหญ่พูดอะไรไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของผู้อื่นเลยสินะ แค่พูดความจริงก็พอ!
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กรรมการตัดสินในรายการเพลงส่วนใหญ่จะคิดเช่นนี้ ก็ไม่กล้าบอกออกไปตามตรง มีเพียงกรรมการซึ่งเป็นบุคลากรระดับแนวหน้าเท่านั้นถึงจะกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ นี่คือหนึ่งในเสน่ห์ของรายการราชาหน้ากากนักร้อง!
ในห้องรับรองแต่ละแห่ง
ปฏิกิริยาของนักร้องแต่ละคนต่างกันออกไป
บ้างก็เงียบ
บ้างก็อุทานว่า “กล้าจริงๆ”
บ้างก็กลัวว่าตนจะต้านทานคำวิจารณ์ของกรรมการตัดสินไม่ไหว แม้แต่หยวนซีซึ่งไม่ได้อยู่ตรงนั้นยังถูกโจมตี!
อเนจอนาถ!
แต่ถึงกระนั้น คำวิจารณ์ซึ่งคณะกรรมการตัดสินมีต่อหยวนซีทำให้นักร้องในห้องรับรองหลายคนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
และในห้องรับรองของหลานหลิงอ๋อง
ถงถงตัวสั่นสะท้าน “อาจารย์หยางจงหมิงโหดกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะคะ…”
“อืม”
ถงถงคิดว่าหลานหลิงอ๋องเป็นคนเงียบเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอไม่อยากทำให้บรรยากาศในห้องนี้เย็นยะเยือกเกินไป
ทว่า สิ่งที่ทำให้ถงถงประหลาดใจก็คือ หลานหลินอ๋องคนนี้กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม
“หยวนซีนับว่าอยู่ระดับกลางถึงอ่อนในบรรดาราชินีเพลงจริงๆ หงส์ขาวจัดอยู่ในกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของราชินีเพลง ร้องได้ดีมาก เวอร์ชันนี้เทียบเคียงกับเจียงขุยได้เลย”
เงียบกริบ!
ถงถง “…”
ตากล้อง “…”
ทั้งห้องต่างตกตะลึง
เมื่อกี้หลานหลิงอ๋องพูดว่าอะไรนะ
เขากล้าพูดตามตรงว่าระดับของหยวนซีสู้หงส์ขาวไม่ได้?
แถมยังบอกว่าเพลงปลายักษ์ราชินีเพลงอย่างหงส์ขาวขับร้อง เทียบเคียงได้แค่ระดับเดียวกับนักร้องแถวหน้าอย่างเจียงขุย?
ตายแล้ว!
ปากคอเราะร้ายไม่เบา!
ต้องมีวาทศิลป์ระดับไหน ถึงล่วงเกินราชินีเพลงถึงสองคนได้พร้อมกันในประโยคเดียว
นี่สินะคือสิ่งที่เรียกว่า ยามปกติสงวนวาจา…
เอื้อนเอ่ยขึ้นมาพาคนแตกตื่น!?
…………………………………………………………..
[1] เหมาเสวี่ยวั่ง คืออาหารพื้นถิ่นมณฑลเสฉวน มีต้นกำเนิดจากเมืองฉงชิ่ง มีลักษณะเป็นต้มเลือดเป็ดใส่เครื่องในวัว มีรสเผ็ดชาของหมาล่า และชื่อเหมาเสวี่ยวั่ง (毛血旺) พ้องเสียงกับชื่อของอาจารย์เหมาเสวี่ยวั่ง (毛雪望)