Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 449 ไหนเลยจะบอกได้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 449 ไหนเลยจะบอกได้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
“คัต คัต!”
ถงถงเข่าแทบทรุดลงตรงนั้น
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าหลานหลิงอ๋องเงียบๆ สงวนคำพูดประหนึ่งกลัวดอกพิกุลร่วงแบบเดิมดีกว่า!
คำพูดของเขาในจังหวะนี้น่ากลัวมาก!
ทีมงานรายการยังคงถ่ายทำต่อไป ถ้าหากฟุตเทจนี้ถูกเผยแพร่ออกไป น่ากลัวว่าแฟนคลับของหยวนซีต้องตามมาสาปส่งหลานหลิงอ๋องแน่นอน!
ไม่เพียงเท่านี้
หลังจากหงส์ขาวถอดหน้ากาก แฟนคลับของเธอจะมาโจมตีหลานหลิงอ๋องได้
คุณกล้าบอกว่าราชินีเพลงของพวกเราเทียบเคียงได้กับนักร้องแถวหน้ารึ?
ขอร้องเถอะ!
พี่ชายตื่นได้แล้ว!
คุณคิดว่านี่คือกลุ่มแช็ตที่ส่งข้อความในรูปแบบนิรนามหรือไง
ในรายการราชาหน้ากากนักร้อง ต่อให้คุณสวมหน้ากากไปก็ไม่มีประโยชน์!
สุดท้ายแล้วก็ต้องถอดหน้ากากอยู่ดี!
ถ้าส่วนนี้ถูกฉายออกไปจริงๆ พอคุณเปิดหน้าแล้ว แฟนคลับของราชินีเพลงทั้งสองคนจะไม่มาถ่มน้ำลายใส่คุณหรือ?
“มีอะไรหรือเปล่า”
หลินเยวียนรู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของถงถงออกจะเกินจริงอยู่สักหน่อย
ตนเพียงแค่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนักร้องทั้งสองคน ความคิดเห็นของเขาเหมือนกับอาจารย์หยางจงหมิงด้วยซ้ำไป
ปฏิกิริยาตอบสนองต้องเกินจริงขนาดนี้เชียว?
“…”
ยังจะถามอีกว่ามีอะไรหรือเปล่า
ถงถงปวดหัว หลานหลิงอ๋องคนนี้ความฉลาดทางอารมณ์ต่ำหรือเปล่านะ?
เขายังไม่ตระหนักถึงปัญหาของตัวเขาเองอีก
หยางจงหมิงอยู่ระดับไหน
คณะกรรมการตัดสินทั้งสี่ท่านเป็นบุคลากรระดับไหน
แน่นอนว่าพวกเขากล้าเอ่ยคำพูดล่วงเกินผู้อื่นกลางรายการ โดยเฉพาะหยางจงหมิง!
คนเขาเป็นถึงพ่อเพลงเชียวนะ!
พ่อเพลงพูดประโยคเดียวว่าราชินีเพลงสักคนหนึ่งมีความสามารถธรรมดาแล้วอย่างไร
ไม่ต้องคิด
ต่อให้หลังจากรายการออกอากาศไป แล้วหยวนซีรู้ว่าตนเองถูกหยางจงหมิงเหยียบย่ำ เธอก็ทำได้เพียงพูดอย่างจริงใจว่า ‘ขอบคุณอาจารย์หยางจงหมิงที่ชี้แนะ’ แม้แต่แฟนคลับของหยวนซีก็ไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ
ใช่แล้ว
ในวงการเพลงของสตาร์ไลท์ พ่อเพลงนั้นยอดเยี่ยมที่สุด พ่อเพลงคือคนที่สามารถทำตามอำเภอใจ
แล้วคุณล่ะ หลานหลิงอ๋อง?
คุณเองก็เป็นพ่อเพลงหรือไง?
นี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อย่างมากคุณก็เป็นราชาเพลง
แต่ต่อให้ใบหน้าหลังหน้ากากของคุณคือราชาเพลงก็ไม่มีประโยชน์!
แฟนคลับของราชินีเพลงสองท่านนี้จะกลัวพ่อเพลงอย่างคุณหรือไง
ยิ่งกว่านั้นคุณพูดจาล่วงเกินคนเขาขนาดนี้ วันใดวันหนึ่งต้องเจอหน้ากัน หลังจากนี้ในวงการใครจะกล้าเล่นกับคุณล่ะ
“คุณฟังฉันนะคะ”
ถงถงมีสีหน้าเศร้าหมองแทบร่ำไห้อยู่รอมร่อ ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหลินเยวียน
“ถึงแม้สิ่งที่คุณพูดจะไปเป็นเรื่องจริง…อ่าไม่ๆๆ ฉันถูกคุณชักนำไปแล้ว…ถึงแม้คุณจะมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น แต่คำพูดแบบนี้ล่วงเกินคนอื่นนะคะ อาจส่งผลเสียกับการเติบโตในวงการเพลงของคุณในอนาคต…”
“ไม่เป็นไร”
หลินเยวียนเอ่ยอย่างจริงจัง
เขาไม่ได้ไร้ซึ่งความฉลาดทางอารมณ์ เขาเองก็รู้ว่าคำพูดเหล่านี้อาจทำให้คนฟังไม่พอใจ
แต่หลินเยวียนคิดว่านักร้องที่ดีควรยอมรับคำวิจารณ์จากโลกภายนอก
ถึงแม้หยวนซีจะเนื้อเสียงบาง แต่ยังสามารถพัฒนาได้ เพียงแต่ราชินีเพลงคนนี้คล้ายว่าจะไม่มีความกล้าที่จะออกจากกรอบของตนเอง
แน่นอน
หลินเยวียนเข้าใจดีถงถงพูดเช่นนี้เพราะมีเจตนาดี ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองท่าทีกระวนกระวายของเธอ เพียงแต่เขาจะไม่เก็บงำสิ่งที่เขาควรพูดออกมา
เขาเองใช่ว่าจะไม่เคยโดนตำหนิมาก่อน
ทั้งเจ้าแก่เซี่ยนอวี๋ ทั้งเจ้าแก่ฉู่ขวง ‘เจ้าแก่’ สองคำนี้ก็กระดากหูเหมือนกันนั่นแหละ
“หลานหลิงอ๋องเตรียมตัว”
ในขณะนั้นเอง มีเสียงประกาศดังมาจากด้านนอก
ถงถงไม่มีเวลาสนใจสิ่งที่หลานหลิงอ๋องพูดเมื่อครู่อีกต่อไป ลุกขึ้นอย่างรีบร้อน
“อีกสักครู่จะถึงคิวเราขึ้นเวที อาจารย์หลานหลิงอ๋องจัดเสื้อผ้าก่อนค่ะ ฟุตเทจนั้นฉันจะให้คนตัดออกเอง”
“…”
หลินเยวียนลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ทั้งสองเดินไปยังทางออก
บนเวที
พิธีกรอันหงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “หลังจากที่ได้เห็นความตลกของหุ่นยนต์ ได้สัมผัสถึงความจริงใจของหงส์ขาว ผมก็สงสัยเหมือนกับทุกคนครับว่านักร้องท่านต่อไปจะนำพาเซอร์ไพรส์รูปแบบใดมาให้เราชม ขอเสียงปรบมือต้อนรับนักร้องท่านที่สามของวันนี้ หลานหลิงอ๋อง!”
แปะๆๆๆ!
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว!
หลินเยวียนหยิบไมโครโฟน เดินขึ้นไปบนเวที
ทันใดนั้นเองแสงสปอตไลต์นับไม่ถ้วนส่องมา
เสื้อคลุมพลิ้วอย่างอิสระตามการเคลื่อนไหว แกว่งไปมาอย่างสง่างาม และหน้ากากผีร้ายเปี่ยมไปด้วยความงดงามและพลังอันเหี้ยมโหด!
สายตาของผู้ชมทั้งหมดจับจ้องไปที่เขา!
“ใครน่ะ”
“รู้สึกว่าเท่มาก!”
“รูปร่างดีไปอีก!”
“จากการศึกษาจิตวิทยาของฉัน ใบหน้าใต้หน้ากากนี้จะต้องธรรมดามาก ยิ่งรูปลักษณ์ฉูดฉาดมากเท่าไหร่ ตัวก็ยิ่งธรรมดามากเท่านั้น ในทางกลับกัน บรรดานักร้องที่แต่งตัวดูน่าเกลียด ตัวจริงจะดูดี แต่ชุดนี้เท่จริงๆ หน้ากากก็ดูดีจนเพื่อนไม่คบ กลับไปจะไปหาในเน็ตดูว่ามีหน้ากากแบบนี้ขายไหม”
“ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นนักร้องชาย”
“ต้องเป็นนักร้องชายแน่ๆ นักร้องผู้หญิงที่ไหนหน้าอกแบนราบขนาดนี้”
“แต่ไม่รู้ว่าหลานหลิงอ๋องหมายความว่ายังไง มีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกไหม?”
“…”
ผู้ชมต่างถกเถียงกัน
ไม่ว่าจะพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติแค่ไหน เมื่อหลานหลิงอ๋องขึ้นมาบนเวที อย่างน้อยรูปลักษณ์ของนักร้องคนนี้ก็ทำให้ทุกคนมีสุนทรีย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ต่อให้หน้ากากผีร้ายนี้จะเป็นความงดงามที่พิลึกพิลั่นอยู่บ้างก็ตาม
เพียงแต่ไม่รู้ว่าความสามารถเป็นอย่างไร
ผู้ชมรู้สึกคาดหวัง
นี่คือความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากหุ่นยนต์และหงส์ขาว
ผู้เข้าแข่งขันสองคนก่อนหน้ายอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศในห้องส่งจึงร้อนแรงขึ้น
หลังเวที
ถงถงมองไปยังหลานหลิงอ๋อง “คุณคือราชาเพลงคนนั้นหรือเปล่านะ”
คล้ายกับฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
จู่ๆ ถงถงก็หน้าเปลี่ยนสี!
หลานหลิงอ๋องน่าจะไม่ใช่ราชาเพลง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เดาว่าหุ่นยนต์คือราชาเพลงหรอก!
และรายการเคยเอ่ยถึงตอนโปรโมต ว่าในตอนแรกจะมีราชาราชินีเพลง!
ราชินีเพลงต้องเป็นหงส์ขาวคนเมื่อครู่แน่ๆ
แต่ราชาเพลง…
มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหุ่นยนต์!
เพราะนี่คือคำตัดสินของอาจารย์หยางจงหมิง!
หลายคนค่อนข้างเชื่ออาจารย์หยางจงหมิง รวมไปถึงหลังจากที่ถงถงครุ่นคิดดูแล้ว เธอเชื่อในการตัดสินของหยางจงหมิง เขาคือกรรมการตัดสินที่เก่งกาจที่สุด สายตาเฉียบขาดมากที่สุด!
แต่นั่นก็อาจบอกเป็นนัยว่าหลานหลิงอ๋องอาจเป็นเพียงนักร้องแถวหน้าหรือนักร้องแถวสอง!
“ฉันนี่โชคไม่ดีเอาซะเลย”
เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ ถงถงกัดริมฝีปาก
การปรากฏตัวเป็นลำดับที่สามไม่ใช่เรื่องที่ดี ถึงขั้นที่อาจเป็นลำดับในการปรากฏตัวที่แย่ที่สุดในวันนี้ก็ได้
อาจารย์หลานหลิงอ๋องจะรับสถานการณ์เช่นนี้ได้ไหม
จบสิ้นแล้ว
จะรับเวทีต่อจากราชาราชินีเพลงยังไงล่ะทีนี้
ในพื้นที่ของคณะกรรมการตัดสิน
อู่หลางขยับเข้าหาหยางจงหมิง “หุ่นยนต์คือราชาเพลงจริงหรือ?”
หยางจงหมิงยกยิ้มอย่างมั่นใจ บ่งบอกความหมายชัดเจน ‘เขาปิดบังพวกคุณได้ เขาปิดบังผู้ชมได้ แต่ปิดบังผมไม่ได้’
“งั้นก็น่าสนใจแล้ว”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของหลิ่วซวี่
เหมาเสวี่ยวั่งพึมพำ “ราชาเพลงปกปิดความสามารถที่แท้จริง แต่ราชินีเพลงไม่ได้ปกปิด หงส์ขาวทำให้บรรยากาศร้อนแรงขึ้น เวทีหลังจากนี้จึงรับมือได้ไม่ง่าย”
ถ้าไม่ดี จะตกม้าตาย
นักร้องไม่จำเป็นต้องพูดพล่ามไร้สาระก่อนการแสดง
หลินเยวียนซึ่งยืนอยู่บนเวทีปรับลมหายใจ หันไปพยักหน้าในนักดนตรี
กล้องนับไม่ถ้วนเล็งมา เขารู้สึกไม่ชินเอาซะเลย
แต่เมื่อมีชุดและหน้ากากห่อหุ้มร่างกายอยู่ เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก
ดนตรีค่อยๆ ดังขึ้น
ผู้ชมเงียบลง
กรรมการตัดสินหยุดสนทนากัน
นี่คือการแสดงความเคารพต่อนักร้อง
เสียงประสานของฟลูตและฮาร์ป ตามมาด้วยเสียงไวโอลิน ระคนกับการสนับสนุนจากเสียงสังเคราะห์
หลินเยวียนยกไมโครโฟนขึ้น เริ่มร้องเพลง
“ยามราตรีเหน็บหนาว
น้ำค้างจับบนบุปผา
เจ้ามองมาจากแสนไกล
ห้วงเวลาเราหมดลง
ลืมอย่างไร เมื่อใจคะนึง…”
ดวงตาของผู้ชมเบิกกว้างขึ้นฉับพลัน!
กรรมการตัดสินทั้งสี่สบตากัน!
เสียงผู้หญิง!
เป็นนักร้องหญิงหรอกหรือ?
ดูจากการแต่งกายแล้ว อย่างไรก็เหมือนกับนักร้องชายมากกว่า!
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
นักร้องหญิงแต่งกายเป็นผู้ชายเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ อาจต้องการแสดงออกถึงจิตวิญญาณความห้าวหาญ เป็นความคิดที่ดีมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้กังวานใส ไม่มีความห้าวหาญเลยสักนิด
ประเด็นสำคัญที่แท้จริงก็คือ…
นี่คือบทเพลงใหม่!
ผู้ฟังไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเท่ากรรมการตัดสิน จึงไม่มั่นใจเต็มร้อยว่านี่คือเพลงใหม่หรือไม่ แต่กรรมการตัดสินทั้งสี่กลับมั่นใจมาก!
ว่านี่คือบทเพลงใหม่!
นักร้องหญิงคนนี้น่าสนใจทีเดียว ถึงกับกล้าใช้เพลงใหม่ในการแข่งขันราชาหน้ากากนักร้องรอบแรก มิหนำซ้ำทำนองยังไม่เลว เพียงแต่ทักษะการร้องมีข้อบกพร่องเล็กน้อย…
สีหน้าของคณะกรรมการประหลาดใจ
แต่ถ้ามีเพียงเท่านี้ คณะกรรมการก็แค่รู้สึกประหลาดใจ ไม่มีทางเกิดความรู้สึกไปมากกว่านี้
เนื่องจากทักษะการร้องของนักร้องคนนี้ คือมาตรฐานของนักร้องแถวสอง
กล่าวได้เพียงว่าคุณภาพของเพลงนี้ได้เพิ่มคะแนนพิเศษให้กับนักร้องคนนี้ นับว่าเป็นทีเด็ดได้เลย
แต่ว่า..
ในขณะนั้นเอง ท่อนเวิร์สสองดังขึ้น ยังคงเป็นหลานหลิงอ๋องคนนี้ เพียงแต่เสียงร้องกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นอย่างสิ้นเชิง แถมยังเป็นผู้ชาย
ดอกท้อเย็นจับใจ
เรื่องเก่าไยเจ้าปล่อยวาง
หัวใจดวงนี้อ้างว้าง
ซ่อนงำพรางว่าไม่ยึดติดไม่ปวดร้าว
เป็นเพียงภาพลวง…
เสียงผู้ชาย!
จากเสียงผู้หญิง เปลี่ยนผ่านเป็นเสียงผู้ชายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับมีผู้ชายและผู้หญิงกำลังขับร้องเพลงรักคู่กันบนเวที
แต่เห็นชัดๆ ว่าบนเวทีมีนักร้องอยู่คนเดียว!
คณะกรรมการตัดสินหน้าเปลี่ยนสี!
ในขณะนั้นเอง!
ด้านล่างเวที สีหน้าของผู้ชมมีสีหน้าตกตะลึงในชั่วพริบตา บางคนถึงกับอุทานขึ้น
“แม่เจ้า!”
ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกหรือ?
ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชายได้ล่ะ!
สรุปว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันนะ!
เสียงของหลินเยวียนมั่นคงมาก เปลี่ยนจากเสียงผู้หญิงเป็นเสียงผู้ชายได้อย่างฉับพลัน ฟังไม่ออกถึงร่องรอยของฟอลเซตโตเลย!
นี่คืออาวุธที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของหลินเยวียน
กระต่ายตัวผู้มักกระโดดและวิ่ง กระต่ายตัวเมียมักนิ่งและจ้องมอง
แต่เมื่อกระต่ายสองตัววิ่งเคียงข้างกัน ไหนเลยจะบอกได้ว่าเป็นกระต่ายตัวผู้หรือตัวเมีย[1]!!
…………………………………………….
[1] กระต่ายตัวผู้มักกระโดดและวิ่ง กระต่ายตัวเมียมักนิ่งและจ้องมอง แต่เมื่อกระต่ายสองตัววิ่งเคียงข้างกัน ไหนเลยจะบอกได้ว่าเป็นกระต่ายตัวผู้หรือตัวเมีย มาจากบทกวี ‘ลำนำมู่หลาน’ โดยกลอนวรรคนี้เปรียบเปรยถึงสิ่งที่ซับซ้อน ยากแก่การเข้าใจได้ในทันที