Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 473 กลับสู่อันดับหนึ่ง
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป และเหลิ่งเฉวียนเป็นเพียงฉากเล็กๆ ในรายการราชาหน้ากากนักร้อง หลังจากหลานหลิงอ๋องโค้งคำนับและเดินลงจากเวที เรื่องสนุกนี้ก็จบลงชั่วคราว…
“อาจารย์หลานหลิงอ๋อง!”
ใบหน้าของถงถงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น แววตาของหญิงสาวซึ่งมองหลินเยวียนในตอนนี้เต็มไปด้วยความชื่นชม เธอนึกไม่ถึงว่าภายใต้ความกดดันจากการประเดิมเวทีและเสียงวิจารณ์จากโลกภายนอก หลานหลิงอ๋องจะถึงกับระเบิดพลังได้เต็มที่!
“กลับกันเถอะ”
มุมปากภายใต้หน้ากากของหลินเยวียนยกขึ้น เขารู้สึกว่าตนอ่อนไหวขึ้นมากกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนบันทึกเทปรายการได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนคลับซึ่งอุตส่าห์มารอถึงหน้าประตู หรือเพราะความเป็นห่วงเป็นใยจากผู้คนรอบตัว
กลับมายังห้องรับรอง
นักร้องคนที่สองที่ขึ้นเวทีใช้ชื่อว่าหน้ากากสิงโต เพลงที่เลือกใช้นั้นเป็นเพลงซึ่งใช้เสียงสูงทรงพลัง อย่างไรก็สูงกว่าหลานหลิงอ๋องหลายคีย์ ปรากฏว่าหลังจากร้องจบ เสียงตอบรับในห้องส่งไม่ดีนัก เมื่อเปรียบเทียบกับหลานหลิงอ๋องซึ่งขึ้นแสดงเมื่อครู่ ย่อมให้ความรู้สึกว่าเป็นรองกว่า
สิงโตตัวนี้
ไม่ดุร้ายพอ
หยางจงหมิงซึ่งเป็นคณะกรรมการประเมินให้ความเห็นว่า “จุดแข็งของคุณที่พบเห็นได้ยากคือคุณกำจัดการแทรกแซงจากเวทีของหลานหลิงอ๋อง และถ่ายทอดพลังของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่จุดที่น่าเสียดายอยู่ที่ผู้ชมยังไม่ทันได้ลืมเวทีก่อนหน้า…”
สิงโตก็จนปัญญา
ในฐานะนักร้องเสริม ได้ขึ้นเวทีเป็นลำดับที่สองก็อเนจอนาถมากพอแล้ว แถมยังต้องมาแบกรับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวจากหลานหลิงอ๋องอีก ถ้าเขาทำการแสดงออกมาได้ในระดับเดียวกันก็ว่าไปอย่าง แต่เรื่องแบบนี้ทำง่ายเหมือนพูดซะที่ไหน?
การแข่งขันดำเนินต่อไป
นักร้องลำดับที่สามคือหุ่นยนต์ เมื่อมีสิงโตมาคั่นกลาง หุ่นยนต์จึงไม่ได้รับอิทธิพลจากหลานหลิงอ๋องมากนัก สามารถใช้เสียงสูงสั่นสะเทือนทั้งห้องส่งได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำแดงพลังออกมาได้ในระดับเดียวกับหลานหลิงอ๋อง
คนที่สี่
นักร้องเสริมหน้ากากดอกกุหลาบขึ้นเวที ปรากฏว่าทันทีที่ดอกกุหลาบเปล่งเสียงร้อง ทุกคนก็พบว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้ก็ร้องเสียงสูงเช่นเดียวกัน หากกล่าวว่าสัปดาห์ที่แล้วคือเวทีแสดงเปียโน วันนี้ก็คือเวทีประชันเสียงสูง
คนที่ห้า
หงส์ขาว
เสียงสูงอีกครั้ง!
ผู้ชมฟังเสียงสูงมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้สึกว่าอารมณ์เริ่มชินชา เมื่อปลาปักเป้านักร้องคนที่หกขึ้นเวที ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในสมองของทุกคนก็คือ…
เสียงสูงมาอีกแล้ว!
ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ ปลาปักเป้าซึ่งขึ้นเวทีครั้งแรกก็คว้าอันดับที่สองมาครอง ถึงกับเลือกร้องเสียงสูงต่อไปในการแข่งขันสัปดาห์นี้ และเพลงที่นำมาขับร้องให้ทุกคนฟังก็คือเพลงปลายักษ์!
เพลงที่หงส์ขาวร้องในสัปดาห์แรก!
ถึงแม้ว่าคีย์ของเพลงปลายักษ์จะไม่ต่ำ แต่ก็ต่างจากบทเพลงซึ่งใช้เพียงเสียงสูง ผู้ชมจึงรู้สึกว่าเพลงนี้ฟังสบายหู ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการถูกเสียงสูงกระตุ้นได้พอดี
“เก่งมาก”
หงส์ขาวเอ่ยชื่นชม
ผู้ช่วยซึ่งอยู่ด้านข้างคิดว่าหงส์ขาวกำลังชื่นชมว่าปลาปักเป้าร้องเพลงได้ดี ใครจะคิดว่าหลังจากนั้นหงส์ขาวจะพูดว่า “ปลาปักเป้ามีประสบการณ์ในการแข่งขันสูง หลังจากที่ผู้ชมฟังเพลงเสียงสูงมามากแล้ว สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเพลงที่ไม่น่าเบื่อ เหมือนกับเวลากินเนื้อมากเกินไป ก็จะอยากกินผักกับเต้าหู้มากเป็นพิเศษ ในการแข่งขันสด การเลือกเพลงก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ต้องใช้กลยุทธ์ของนักร้องสูงทีเดียว”
ห้องถัดไป
หุ่นยนต์ก็ผุดรอยยิ้มเช่นกัน “ปลาปักเป้าคนนี้ไหวพริบดีมาก ทำไมสัปดาห์นี้ร้องเสียงสูงกันหมด ไม่ใช่เพราะในสัปดาห์ก่อนเธอร้องเสียงสูงแล้วได้ที่สองหรอกเหรอ ปรากฏว่าในสัปดาห์ที่สามทุกคนเลยเทมาร้องเสียงสูงตามเธอ แต่เธอกลับใช้เพลงที่ค่อนข้างสงบมาแสดง รับมือความโหยหาของผู้ชมได้…”
และในห้องถัดไป
แม้แต่หลินเยวียนยังพยักหน้าเบาๆ “เพลงปลายักษ์เวอร์ชันนี้ของปลาปักเป้าถึงจะร้องได้ไม่ดีเท่าเจียงขุยกับหงส์ขาว แต่สำหรับผู้ชมที่ฟังเป็นครั้งแรก นับว่าให้รสชาติที่แตกต่าง บวกกับในสัปดาห์นี้มีเสียงสูงหลายครั้ง เธอไม่ใช้เสียงสูงถือเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด”
ถงถงจนคำพูด
สมแล้วที่เป็นคุณ
พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าปลาปักเป้าสู้หงส์ขาวกับเจียงขุยไม่ได้ ไม่มีใครตรงไปตรงมากว่าคุณพี่แล้ว ทว่าตอนนี้ถงถงก็ขี้เกียจเกินกว่าจะหยุดยั้งคำพูดซึ่งชวนให้ผู้คนอ้าปากค้างของหลานหลิงอ๋อง
ฉันเหนื่อยแล้ว
เชิญตามสบาย
ถึงอย่างไรการแสดงในสัปดาห์แรกของหลานหลิงอ๋องก็ยอดเยี่ยมพอปิดปากใครหลายคน ส่วนการกลายเป็นประเด็นถกเถียงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะกลายเป็นประเด็นถึงได้โด่งดังไม่ใช่หรือ อย่างไรเสียขอแค่ไม่ได้มีคำพูดเชิงลบเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว
การแข่งขันจบลง
นักร้องทุกคนรวมตัวในห้องหนึ่งด้านหลังเวที รวมไปถึงนักร้องเสริมในสัปดาห์นี้ สายตาของทุกคนแทบเบนไปหยุดรวมกันที่หลานหลิงอ๋องโดยไม่ได้นัดหมาย
ผู้เข้าแข่งขันหกคน
ใช้เสียงสูงไปแล้วสี่คน
มีเพียงปลาปักเป้าและหลานหลิงอ๋องที่ไม่ได้ใช้เสียงสูง เสียงของหลานหลิงอ๋องใช้จุดตันเถียนร้องออกมาได้ดี เพราะฉะนั้นพลังในการขับร้องจึงมากเพียงพอ นี่คือแนวคิดที่แตกต่างจากเสียงสูงอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ยิ่งตะโกนมากเท่าไร เสียงจะยิ่งสูงมากเท่านั้น
“พลาดแล้ว”
หุ่นยนต์เอ่ยลั่นทันทีที่เดินเข้าประตูมา และมีแนวโน้มที่จะพูดจาเรื่อยเปื่อย “พวกเราเลือกเพลงที่ใช้เสียงสูง ผู้ชมฟังเยอะจนหูชา เพราะงั้นรอบนี้กลับเป็นเพลงอย่างปลายักษ์ที่มีโอกาสมากกว่า”
“ใช่!”
“พลาดแล้ว!”
นักร้องเสริมอีกสองคนเอ่ยขึ้น ในคำพูดระคนความรู้สึกจนใจ พวกเขาคิดว่าถ้าหากใช้เสียงสูงแล้วผู้คนจะตกตะลึง ปรากฏว่าต่างคนต่างใช้เสียงสูง แถมสูงกว่าคนก่อนหน้า แต่ต่อให้เสียงสูงแค่ไหน เมื่อมาเผชิญหน้ากับ ‘ผืนน้ำเย้ยเยาะ[1]’ แล้วคล้ายกับหมดความน่าสนใจไปทันที
คนเขาฟาดดาบหนักอย่างแยบยล!
อวดฝีมือขั้นเทพ!
ปลาปักเป้าคลี่ยิ้มบาง เธอเดาออกว่าในสัปดาห์นี้จะมีเพลงเสียงสูงปรากฏขึ้น เพราะเห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์และหงส์ขาวล้วนเป็นนักร้องที่ค่อนข้างสันทัดการร้องเสียงสูง ดังนั้นเธอจึงเลือกเดินสวนทาง เลือกเพลงบัลลาดอย่างเพลงปลายักษ์ แน่นอนว่าที่เธอเลือกเพลงนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้
เธออยากพิสูจน์บางอย่าง!
ในเวลานี้ เธอมองไปยังหลานหลิงอ๋อง ในแววตาระคนความหดหู่และไม่พอใจ ราวกับอยากพูดบางอย่าง ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่กลับไปนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ขณะนั้นผู้กำกับเข้ามา
แน่นอนว่าถงซูเหวินเข้ามาประกาศอันดับ เขายิ้มกว้าง กล่าวว่า “การแข่งขันในสัปดาห์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอ้างอิงในการจัดระบบการแข่งขันหลังจากนี้ ขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่แสดงฝีมือออกมาได้อย่างเต็มที่”
ระบบการแข่งขันหลังจากนี้?
มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอ้างอิง?
ผู้ชมขบคิด
ถงซูเหวินไม่ได้เปิดเผยมากนัก แต่เขาอ่านรายชื่อก่อน แน่นอนว่ายังมีจังหวะของการอุบเรื่องสำคัญ ในการแข่งขันสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ถงซูเหวินก็เล่นมุกนี้ ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ทุกคนทั้งรักทั้งชังผู้กำกับอย่างถงซูเหวิน
อุบอิบก็น่ารักอยู่หรอก
แต่ถ้าอุบอิบทุกครั้งก็น่าหงุดหงิด
วันนี้เริ่มประกาศจากอันดับที่สอง อันดับที่สองในวันนี้เป็นของหงส์ขาว เห็นได้ชัดว่าถึงแม้วันนี้จะมีเพลงเสียงสูงหลายครั้ง แต่ผู้ชมก็ยังชื่นชอบ และอันดับที่สามคือปลาปักเป้าซึ่งมีกลยุทธ์ในการเลือกเพลง
“…”
ผู้ชมปรบมือ
หุ่นยนต์ปรบมือพลางพึมพำ “จู่ๆ ผมก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ผมคงไม่ตกรอบใช่ไหม ถ้าตกรอบขึ้นมาจริงๆ ผมอายไปถึงบ้านยายเลยนะ ผมยังมีไม้เด็ดอีกหลายอย่างยังไม่ได้งัดออกมาใช้”
แน่นอนว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ตกรอบ
ท้ายที่สุดแล้วเขาได้อันดับที่สี่ เหมือนกับหงส์ขาวในสัปดาห์ที่แล้วทุกประการ และอันที่จริงในเวลานี้อันดับหนึ่งชัดเจนมากแล้ว สายตาของทุกคนเบนกลับไปยังหลานหลิงอ๋องอีกครั้ง
“ยินดีด้วยครับ!”
ถงซูเหวินคลี่ยิ้ม “อาจารย์หลานหลิงอ๋องกลับมายืนบนบัลลังก์อันดับหนึ่งอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีอันดับหนึ่งร่วม และในครั้งนี้คะแนนโหวตรวมของอาจารย์หลานหลิงอ๋องก็เป็นครั้งที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันมา คะแนนโหวตจากผู้ชมได้สี่ร้อยเจ็ดสิบคะแนน คะแนนโหวตจากคณะกรรมการประเมินสี่สิบห้าคะแนน คะแนนโหวตจากคณะกรรมการตัดสินหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนน รวมทั้งสิ้น 710 คะแนน!”
หลินเยวียนลุกขึ้นยืน
คะแนนโหวตในครั้งนี้สูงมาก คะแนนโหวตสูงสุดในสองรอบแรกนั้นไม่เกินเจ็ดร้อยคะแนน เห็นได้ชัดว่าเพลงซึ่งตนเลือกในครั้งนี้ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอย่างแท้จริง
ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชม
ถงซูเหวินมองไปยังนักร้องเสริมอีกสองคน นักร้องทั้งสองนั่งหน้าเศร้าบนโซฟาอย่างเงียบเชียบ เดิมทีคิดจะมาสร้างความตกตะลึง แต่นึกไม่ถึงว่านักร้องที่นี่แต่ละคนล้วนมีฝีมือระดับปีศาจ
ถงซูเหวินทนไม่ไหวแล้ว
แต่ต่อให้ทนไม่ไหวไปก็ป่วยการ ต้องเคารพกฎของการแข่งขัน ท้ายที่สุดสิงโตตกรอบไป ทั้งที่คะแนนโหวตของสิงโตนั้นน้อยกว่านักร้องเสริมอีกคนหนึ่งอย่างดอกกุหลาบเพียงนิดเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
ถ้าผู้เข้าแข่งขันซึ่งขึ้นเวทีเป็นคนที่สองในรอบนี้คือดอกกุหลาบ ผู้ที่จะตกรอบในสัปดาห์นี้ก็คือดอกกุหลาบ ไม่ใช่สิงโต วันนี้ไม่ว่าใครขึ้นเวทีต่อจากหลานหลิงอ๋องล้วนเสียเปรียบทั้งนั้น
“ไปละ”
สิงโตลุกขึ้นยืน
ตกรอบตั้งแต่ครั้งแรกในรายการราชาหน้ากากนักร้อง สำหรับผู้เข้าแข่งขันแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนทีเดียว ทว่าในเมื่อสู้คนอื่นไม่ได้ ย่อมต้องถอดหน้ากากแต่โดยดี ทุกคนต่างสงสัยว่าหน้ากากสิงโตคือใคร ปรากฏว่าหลังจากถอดหน้ากากจึงพบว่า เขาคือมู่สือนักร้องแถวหน้าซึ่งมีชื่อเสียงคนหนึ่ง
สือ-ซือ[2] ออกเสียงคล้ายกัน
เมื่อพิธีกรถามมู่สือว่ามีอะไรอยากพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม มู่สือยังคงทำตามธรรมเนียมของรายการ ร้องเพลงออกมาทันที “ค่ำคืนเหน็บหนาวถวิลหาเพียงแต่เจ้า…”
ทั้งห้องส่งหัวเราะลั่น
เหน็บหนาวอีกคนแล้ว
ผู้ชมอดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นมู่สือ ดอกกุหลาบเอ่ยชื่นชมว่ามู่สือร้องเพลงได้ดี ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลานหลิงอ๋องก็ส่ายหน้า
“อาจารย์หลานหลิงอ๋องคะ!”
ถงถงยังทนไม่ไหว
เธอคิดว่าถ้าเธอไม่ห้าม น่ากลัวว่าหลานหลิงอ๋องจะเอ่ยคำพูดล่วงเกินผู้อื่นอีก แต่ถึงกระนั้นถงซูเหวินก็ดูเหมือนกำลังพยายามยุแยงตะแคงรั่ว “อาจารย์หลานหลิงอ๋องมีอะไรจะพูดครับ”
“…”
หลินเยวียนมองไปยังถงถง จากนั้นจึงมองไปยังถงซูเหวิน แต่ยังเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “งั้นขอพูดสักนิดแล้วกัน เสียงสูงของอาจารย์มู่สือมีพลังมาก แต่หายใจบ่อยครั้งเกินไป เพลงนี้ไม่เหมาะกับเขา”
ถงถงกลอกตา
หุ่นยนต์เดาะลิ้น
หงส์ขาวยิ้มบาง
ปลาปักเป้าเงียบ
ดอกกุหลาบตกประหม่า
บรรดาผู้จัดการต่างแสร้งว่าตนไม่มีตัวตน หลานหลิงอ๋องคนนี้ยังคงเป็นหลานหลิงอ๋องคนเดิมที่ยังพูดจาตรงไปตรงมา แม้ว่าปากของเขาจะนำพาความวุ่นวายมาให้ไม่น้อยก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็แฟนคลับของหยวนซี จากนั้นก็แฟนคลับของจ้าวอิ๋งเก้อ ตอนนี้มีแฟนคลับของมู่สือเพิ่มขึ้นมาอีก คุณคิดว่าตัวเองจะไม่ต้องถอดหน้ากากไปตลอดกาลหรือไง…
มีหนี้มากขนาดนี้ไม่กลัวต้องชดใช้?
มีเหาเพิ่มขึ้นแล้วไม่รู้สึกคัน?
ถงซูเหวินหัวเราะลั่น ให้ห้องนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลานหลิงอ๋อง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า ไม่ว่าตอนนี้หลานหลิงอ๋องจะล่วงเกินไปกี่คน เมื่อถึงเวลาถอดหน้ากาก ปัญหาทุกอย่างจะหมดไป!
ราชาหน้ากากนักร้อง!
มี ‘ราชา’ ซ่อนอยู่ในนี้จริงๆ…
………………………………………………….
[1] ผืนน้ำเย้ยเยาะ หรือมักรู้จักกันในชื่อว่า ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ บทเพลงประกอบภาพยนตร์จีนกำลังภายในเรื่องเดชคัมภีร์เทวดา โดยบทเพลงนี้มีฉบับภาษากวางตุ้งและภาษาจีนกลาง
[2] ซือ มาจากคำว่า ‘ซือจื่อ’ ซึ่งหมายถึงสิงโต