Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 474 เปิดเผ
“จริงสิ…”
หลังจากหัวเราะอย่างไร้ปรานี ทันใดนั้นถงซูเหวินก็กล่าว “หลังจากอัดรายการรอบที่สี่จบเราก็ได้พักกันแล้ว หลังจากนี้จะมีบันทึกเทปอีกหลายกลุ่ม หวังว่าทุกท่านจะเตรียมตัวเป็นอย่างดี การอัดรายการหลังจากนี้ทีมงานจะแจ้งให้ทราบภายหลัง”
ผู้ชมพยักหน้า
ตราบใดที่แน่ใจว่าจะไม่ตกรอบในสัปดาห์หน้า ก็จะเข้าร่วมการแข่งขันรอบทีมได้ หลังจากการแข่งขันภายใต้แรงกดดันมาสี่สัปดาห์ ทุกคนย่อมต้องการใช้โอกาสนี้ในการพักผ่อน และเตรียมเพลงสำรองมากขึ้น…
สนทนากันต่อสักพัก
ก่อนที่ทุกคนต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไป
ปลาปักเป้าเข้าไปยังรถอาร์วี ลากม่านรถปิด ขณะกำลังจะถอดหน้ากากออก ผู้จัดการซึ่งรับหน้าที่ขับรถตกใจ “ระวังหน่อยสิคะ อย่าให้คนอื่นเห็น”
“สวมหน้ากากแล้วอึดอัดจริงๆ”
“งั้นคุณสวมแว่นตา”
ปลาปักเป้าพยักหน้า ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยสะคราญ ถ้ามีคนอื่นอยู่ตรงนั้นด้วย จะต้องจำนักร้องคนนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเธอคือ
จ้าวอิ๋งเก้อ!
จ้าวอิ๋งเก้อสวมแว่นตาดำขนาดใหญ่ที่ผู้จัดการส่งให้ สวมหน้ากากอนามัยทับอีกชั้นหนึ่ง เอ่ยอย่างกระหยิ่มใจ “ทุกคนเดาตัวจริงของฉันกันหมด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครกล้ายืนยัน”
“แข่งเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็พอได้”
“ดีแล้วค่ะ”
ผู้จัดการไม่ถามมาก ไม่ตกรอบก็ดีแล้ว จากนั้นเธอก็พลันรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่ได้ทะเลาะกับหลานหลิงอ๋องใช่ไหม”
“เปล่า”
จ้าวอิ๋งเก้อเบ้ปาก
“ถึงจะไม่ค่อยชอบใจคนคนนี้ แต่ฉันก็ยังรู้จักประเมินสถานการณ์ ไม่เหมือนหมอนั่น กล้องจ่ออยู่ตั้งเยอะแยะยังจะพูดอะไรตามอำเภอใจ ถึงกับวิจารณ์ว่าฉันใช้แค่เสียงสูงกับโชว์สกิล ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะเดาไม่ออกว่าคนที่เขาวิจารณ์จะเป็นคนที่กำลังแข่งกับเขาอยู่”
“ทำไมฉันถึงสัมผัสได้ถึงความอิจฉานิดๆ นะ”
ผู้จัดการหัวเราะ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณโกรธที่เขาพูดถึงคุณเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว? หรือเป็นเพราะอาจารย์เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงให้เขาตลอด แต่กลับไม่ยอมเรียกคุณมาร่วมงานด้วย”
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย!”
จ้าวอิ๋งเก้อรู้สึกหดหู่เหลือเกิน “คุณไม่รู้อะไร วันนี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงให้เขาอีกแล้ว! เขามีความสัมพันธ์อะไรกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋กัน ทำไมอาจารย์เซี่ยนอวี๋ถึงรักเขาถึงขนาดนี้!”
ผู้จัดการหยอกล้อ “อิจฉาแล้วสินะ”
จ้าวอิ๋งเก้อแค่นเสียง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลานหลิงอ๋องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย…”
“เพศอะไรไม่สำคัญ คุณ ซุนเย่าหัว เจียงขุยแล้วก็คนอื่นๆ ก็เหมือนกับอยู่ในวังหลังของเซี่ยนอวี๋ ช่วงนี้เซียนอวี๋เขียนเพลงอะไรให้ใคร พวกคุณก็อิจฉา ถึงยังไงที่พวกคุณโด่งดังขึ้นมาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อเพลงคนนี้ ไม่งั้นทำไมคุณถึงตั้งชื่อตัวเองให้เกี่ยวกับปลาล่ะ”
“ฉันแค่จะพิสูจน์ให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋เห็น!”
แววตาของจ้าวอิ๋งเก้อแน่วแน่ “ว่าเพลงที่เขาเขียนให้คนอื่น ฉันก็ร้องได้!”
ผู้จัดการถอนหายใจ
“เฮ้อ คุณไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ฉันพูด มองตัวเองเป็นวังหลังของเซี่ยนอวี๋จริงๆ ใช่ไหม ใครๆ ก็อยากเป็นสนมเอกวังหน้ากันทั้งนั้น ตอนนี้ดูแล้วเห็นจะเป็นหลานหลิงอ๋องที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุด…”
“เรื่องนั้นคุณไม่รู้ล่ะมั้ง”
จ้าวอิ๋งเก้อพูดอย่างจริงจัง “ในนิยายรักพวกนั้น แรกเริ่มนางเอกก็ไม่ได้เป็นที่สนใจ ถึงขั้นที่ถูกพระเอกกลั่นแกล้งสารพัดด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้วพอเล่นสนุกจนหนำใจ กลับต้องมาตามง้อนางเอก…”
“เบาได้เบาค่ะ”
ครั้งนี้เป็นผู้จัดการที่เบ้ปาก “ไม่ว่าเซี่ยนอวี๋จะทรมานคุณอย่างไร เมื่อใดที่เซี่ยนอวี๋ยอมตกลงเกี่ยวก้อย คุณก็จะคลานเข้าไปหาเหมือนเด็กเสี่ยอย่างงี้เหรอ”
“ว้าย! พูดอะไรของคุณเนี่ย!”
จ้าวอิ๋งเก้อใบหน้าแดงก่ำ เด็กเสี่ยอะไรน่าอายจริงๆ
ถึงจะขยายความได้เข้ากับบริบทก็เถอะ…เฮ้อ
ผู้จัดการไม่ได้ใส่ใจกับจินตนาการของจ้าวอิ๋งเก้อ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ได้ล้อเล่นนะคะ เมื่อกี้ฉันเห็นนักร้องเสริมในรอบต่อไปที่ลานจอดรถ”
“นักร้องเสริมในรอบต่อไป? มาซ้อมล่วงหน้าเหรอ?”
“น่าจะใช่”
“เห็นหน้าไหม”
“จะเห็นได้ยังไงล่ะคะ”
“งั้นคุณจะเปิดประเด็นเพื่ออออ?”
“ฉันรู้สึกว่าน่าสนุก เพราะหน้ากากของนักร้องเสริมคนต่อไปชนกับคุณเล็กน้อย เป็นนางเงือก รูปร่างดูไม่เลวเลย น่าจะเป็นนักร้องผู้หญิง!”
“นักร้องผู้หญิง นางเงือก?”
จ้าวอิ๋งเก้อรู้สึกโกรธ “รอบหน้าฉันจะจัดการเอง ราชาหน้ากากนักร้องมีปลาได้แค่ตัวเดียว!”
“คุณก็โหดเกินไป…”
ผู้จัดการหัวเราะ ในขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขับผ่านมา
ผู้จัดการเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจ จู่ๆ เสียงหัวเราะก็หยุดลงกะทันหัน ทั้งร่างนิ่งงันราวกับถูกฟ้าผ่า!
“มีอะไรเหรอ”
จ้าวอิ๋งเก้อเอ่ยด้วยความสงสัย
ผู้จัดการพึมพำ “เหมือนมีอะไรแปลกๆ…”
“มีอะไร”
“รถคันเมื่อกี้ ฉันรู้จักคนขับ กู้ตงคุณก็รู้จักใช่ไหม?”
“รู้จักสิ ผู้หญิงทั้งบริษัทรู้จักกู้ตงกันทั้งนั้น ผู้ช่วยของเซี่ยน…”
จ้าวอิ๋งเก้อพูดยังไม่ทันจบก็พลันชะงัก ผ่านไปชั่วครู่เธอถึงร้องเสียงแหลมออกมา
“กู้ตงมาอยู่ที่นี่ได้ไง!”
ผู้จัดการมีสีหน้าแปลกพิกล “เรื่องเดียวที่ฉันเชื่อมโยงได้คือหลานหลิงอ๋อง…แล้วก็มีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง คือเซี่ยนอวี๋อาจมาเป็นกรรมการตัดสินของรายการ แต่ก็ไม่ควรมาวันนี้”
จ้าวอิ๋งเก้อเอ่ยอย่างร้อนรน “งั้นคนที่อยู่ในรถของกู้ตงคือหลานหลิงอ๋อง?”
“แปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์…”
“เซี่ยนอวี๋ดูแลหลานหลิงอ๋องถึงขั้นนี้เชียวเหรอ ให้ผู้ช่วยของตัวเองมาขับรถรับส่งหลานหลิงอ๋อง?!”
อิจฉา ริษยา ผิดหวัง
ความรู้สึกต่างๆ นานา พลุ่งพล่านในหัวใจของจ้าวอิ๋งเก้อ
“ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้น…”
เสียงของผู้จัดการสั่นเครือ “คุณนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งออกไหม ถึงความเป็นไปได้นั้นจะฟังดูเหลือเชื่อก็เถอะ…”
“คุณบอกมาเลยดีกว่า!”
ผู้จัดการสูดลมหายใจเข้าลึก “หลานหลิงอ๋อง ก็! คือ! เซี่ยน! อวี๋!”
หลานหลิงอ๋องก็คือเซี่ยนอวี๋!!!?
จ้าวอิ๋งเก้อตะลึงงัน
พรึบๆๆ!
ภาพทั้งหมดในสัปดาห์ที่สามของรายการฉายวาบขึ้นมาในห้วงสำนึกของจ้าวอิ๋งเก้ออย่างรวดเร็ว
บุคลิกของหลานหลิงอ๋อง…
วิธีการพูดของหลานหลิงอ๋อง…
ทันใดนั้นเธอก็ร้องออกมาดังลั่น “อ๋าาา!”
“เบาหน่อยค่ะ…คุณลองคิดดู…หลานหลิงอ๋องเป็นแค่นักร้องนะ! ขนาดราชาเพลงอย่างหุ่นยนต์ เขายังไม่กล้าวิจารณ์คนอื่นตามอำเภอใจเลย! ต่อให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำแค่ไหนก็ต้องรู้สถานะของตัวเองและรู้ว่าควรพูดอะไรใช่ไหม…ถ้าจะบอกว่าเรียกกระแส ใครเขาเรียกกระแสกันแบบนี้! นอกเสียจากว่าเขาไม่สนโลก แบบไม่สนโลกแม้แต่นิดเดียว! และสามารถเพิกเฉยต่อความคิดของนักร้องคนอื่นๆ คนที่อยากจะวิจารณ์ยังไงก็วิจารณ์ ทั้งรายการนี้ก็มีแค่คณะกรรมการตัดสิน…แล้วก็หลานหลิงอ๋อง!”
คนทั่วไปไม่มีทางคิดมาทางนี้อย่างแน่นอน
แต่…
ผู้จัดการของจ้าวอิ๋งเก้อเป็นคนของสตาร์ไลท์!
เธอรู้จักกู้ตง และเธอจึงเชื่อมโยงความคิดผ่านกู้ตง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องแสนจะปกติ!
ชั่วขณะนั้นผู้จัดการถูกปัวโรต์เข้าสิง ถึงกับดันแว่นตาขึ้นตามสัญชาตญาณ “ยิ่งไปกว่านั้นคุณเองก็ฟังออก ว่าหลานหลิงอ๋องไม่ใช่ซุนเย่าหั่วอย่างแน่นอน งั้นทำไมเซี่ยนอวี๋ต้องคอยช่วยหลานหลิงอ๋องอยู่ตลอดด้วยล่ะ?”
จ้าวอิ๋งเก้อไม่ใช่คนโง่เขลา เสียงของเธอสั่นเทา
“เพราะว่า…หลานหลิงอ๋อง ก็คือเซี่ยนอวี๋! เพียงแต่พวกเราไม่รู้เลยว่าเซี่ยนอวี๋ร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้! เราทุกคนคิดไปว่าหลานหลิงอ๋องเป็นนักร้อง…ฉันเข้าใจแล้ว อ้อออออออ ฉันเข้าใจแล้ว!”
จู่ๆ จ้าวอิ๋งเก้อก็กำหมัดด้วยความตื่นเต้น แสดงท่าทางค่อนข้างเกินจริง
“คุณจะทำอะไรคะ ฉันบอกคุณไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ” ผู้จัดการตกใจจนแทบสะดุ้ง
“ฉันไม่ได้สมองกลับนะ! มีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะพูดออกไป คนอื่นไม่รู้ว่าหลานหลิงอ๋องคือใคร มีแค่ฉันที่รู้ คุณว่านี่เป็นโอกาสที่ดีขนาดไหน!”
จ้าวอิ๋งเก้อถือหน้ากากปลาปักเป้า “ไม่ต้องให้เขามาเกี่ยวก้อย ฉันนี่แหละจะปีนขึ้นไปเอง!”
ในบริษัทมีใครไม่รู้บ้างว่าซุนเย่าหั่วประจบเซี่ยนอวี๋จนได้ดิบได้ดี?
สุดท้ายก็ต้องใช้การประจบอยู่ดีใช่ไหม?
แล้วใครจะไม่ทำล่ะ!
ทันใดนั้น
จ้าวอิ๋งเก้อหน้าถอดสี “แฟนคลับฉันด่าหลานหลิงอ๋องในอินเทอร์เน็ต?”
ผู้จัดการได้ยินดังนั้นก็นิ่งไป จากนั้นก็มองไปยังจ้าวอิ๋งเก้อด้วยความเห็นใจ
แม่หนูที่น่าสงสาร…
คุณแน่ใจใช่ไหมว่าถ้าคุณปีนไปตอนนี้ จะไม่ถูกคนเขาเตะกระเด็น?
………………………………………..