Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 508 จะไปแข่งได้อย่างไร
วันรุ่งขึ้น
กู้ตงขับรถไปรับหลินเยวียนเพื่อไปส่งยังศูนย์ดนตรีกลาง
หลินเยวียนนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเบาะด้านหลัง
บนอินเทอร์เน็ตมีการถกเถียงมากมายเกี่ยวกับการแข่งขันในวันนี้
‘การแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้ว!’
‘การแข่งขันรอบท้าทาย!’
‘เวทีรอบวันนี้โหดแน่ๆ ทั้งหมดเป็นราชาราชินีเพลงกับแก๊งปลา!’
‘หมู่ปลารับมือเวทีนี้ไม่ไหวแน่’
‘ก็ไม่แน่นะ บางทีอาจมีปลาที่จัดการกับราชาราชินีเพลงก็ได้’
‘จะว่าไป หลานหลิงอ๋องนับว่าเป็นแก๊งปลาไหม?’
‘จากรูปลักษณ์แล้ว หลานหลิงอ๋องไม่ใช่แก๊งปลา แต่จากคุณสมบัติแล้ว หลานหลิงอ๋องก็เป็นปลาตัวหนึ่ง เพราะเพลงใหม่ทั้งหมดของหลานหลิงอ๋องทั้งหมดในการแข่งขัน เซี่ยนอวี๋เป็นคนเขียนให้!’
‘อู้ว’
‘ฮ่าๆๆๆ วัตสันคุณเจอจุดบอดแล้ว!’
‘…’
เมื่ออ่านถึงตรงนี้
จู่ๆ หลินเยวียนก็จามออกมา
กู้ตงซึ่งกำลังขับรถเอ่ยว่า “ตัวแทนหลินหนาวเหรอคะ เดี๋ยวฉันปิดหน้าต่างให้”
“หนาวนิดหน่อย”
หลินเยวียนตอบไปตามสัญชาตญาณ
แต่ถึงกระนั้น เมื่อเสียงของหลินเยวียนดังขึ้น ทั้งเขาและกู้ตงต่างชะงักไปพร้อมกัน
เสียงแหบแห้ง!
เสียงของหลินเยวียนแหบแห้งสุดๆ!
กู้ตงรู้สึกร้อนรน รีบปิดหน้าต่างทันที “ตัวแทนหลินเป็นอะไรคะ”
“แค่ก”
หลินเยวียนกระแอมเพื่อให้คอโล่ง จากนั้นจึงพบว่าคอรู้สึกไม่สบายเอาซะเอย เขาจึงดื่มน้ำ และขณะกลืนน้ำลงไปนั้นก็รู้สึกเจ็บเล็กน้อย
“คงไม่ได้เป็นหวัดใช่ไหมคะ?”
“เหมือนจะเป็นครับ”
เสียงของเขายังคงแหบพร่า
หลินเยวียนอดนึกถึงเรื่องน้ำอุ่นเมื่อคืนไม่ได้ ขณะนั้นก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อคืนฝืนล้างตัวด้วยน้ำเย็น ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ใครจะไปคิดว่าวันนี้จะเป็นหวัดซะได้!
เป็นหวัดยังไม่เท่าไหร่
ด้วยสภาพร่างกายของหลินเยวียนในปัจจุบันนี้ เป็นไข้หวัดเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา
แต่ปัญหาที่เสียงนี่สิเรื่องใหญ่
วันนี้เขาต้องร้องเพลง!
กู้ตงเริ่มตื่นตระหนก “งั้นต้องไปซื้อยาแก้หวัดให้คุณแล้ว…ยาแก้หวัดไม่มีประโยชน์ เสียงของคุณคงไม่หายดีในเวลาแค่ประเดี๋ยวเดียว การแข่งขันวันนี้ทำยังไงดีคะ”
“ใจเย็นๆ ครับ”
หลินเยวียนเอ่ยปลอบ ก่อนจะเอ่ยเรียกระบบในใจ “ไหนนายบอกว่าร่างกายแข็งแรงไง”
ระบบปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงดังติ๊งต่อง
“ก่อนหน้านี้เคยเตือนโฮสต์ไปแล้ว ว่าอาการจำพวกไข้หวัดไม่ได้ครอบคลุมอยู่ในการรับประกันของระบบ”
หลินเยวียนจนใจ
ระบบเคยเตือนเขาแล้วจริงๆ
ครั้งนี้ตนประมาทเกินไป
ต่อให้ความสามารถในการร้องเพลงจะดีแค่ไหน ก็ไม่อาจทนต่อความระคายคอได้
นอกจากนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งแรงมากแล้ว แข็งแรงจนหลินเยวียนไม่รู้สึกวิงเวียนหลังจากตื่นนอน
ถ้ารู้แต่แรก เมื่อคืนเขาล้างตัวให้หนานจี๋ก่อนดีกว่า
เขายังคงเยือกเย็น “มีวิธีแก้ไขเรื่องนี้ไหม”
ใช้เสียงแบบนี้ร้องเพลง การแสดงของเขาต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ถ้าตกรอบด้วยเหตุผลนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย
ระบบเอ่ย
“ในร้านค้าของระบบมียารักษาคอให้คงที่ แต่ไม่สามารถช่วยให้โฮสต์ฟื้นตัวได้ ทำได้เพียงแก้อาการไม่สบายของโฮสต์เท่านั้น”
“ยาชา?”
“จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้ ทำได้เพียงแก้ปัญหาอาการไม่สบายคอของโฮสต์ แต่เสียงแหบนั้นไม่สามารถรักษาได้”
“เท่าไหร่”
“หนึ่งหมื่นหยวน”
“ถูกขนาดนั้น?”
ในใจพูดประโยคนี้จบ จู่ๆ หลินเยวียนก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แต่เขาไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก ทำได้เพียงจ่ายเงินซื้อยาขนานนี้กับระบบ เข้าไปข้างในแล้วค่อยลองใช้
“ฉันจะไปซื้อยาแก้เจ็บคอให้ค่ะ”
กู้ตงจอดรถในลานจอดรถของศูนย์ดนตรี ก่อนหันไปมองหลินเยวียน
“ไม่ต้องครับ”
หลินเยวียนดื่มน้ำอีกครั้ง “ฝืนหน่อยก็ได้แล้ว”
“ไม่ได้นะคะ!”
กู้ตงตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม “เสียงแหบถึงขนาดนี้ เราไม่แข่งแล้วดีไหมคะ ถึงยังไงนักประพันธ์เพลงอย่างคุณก็ไม่ต้องหากินด้วยการแข่งนี้…”
“จะต้องมีวิธีครับ”
หลินเยวียนฝืนอาการระคายคอ “ผมขึ้นไปก่อนนะ”
“คุณไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร”
หลินเยวียนขึ้นไปชั้นบน
จะไม่เป็นไรได้ยังไง
เป็นหวัดจนเสียงแหบเสียงแห้ง ดื่มน้ำยังเจ็บคอ นับประสาอะไรกับการร้องเพลง แม้แต่เนื้อเสียงก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงมีหลายเพลงที่หลินเยวียนไม่สามารถร้องได้อย่างเต็มศักยภาพ
ตัวอย่างเช่นเพลงไม่เคยจากไป
เพลงประเภทนี้ต้องใช้เสียงที่พุ่ง ทว่าด้วยเสียงแหบแห้งเช่นนี้ หลินเยวียนจึงร้องเสียงพุ่งไม่ออก
ไม่มีวิธีอื่น
ตอนนี้ทำได้เพียงใช้ยาจากระบบมาบรรเทาอาการเจ็บคอ เพียงแต่การเลือกเพลง วันนี้ตนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ…
เดินออกจากลิฟต์
ถงถงเดินมาต้อนรับ ด้านข้างมีช่างกล้องตามมา “อาจารย์หลานหลิงอ๋อง เรื่องกฎได้แจ้งกับคุณไปแล้ว ก่อนการแข่งขันยังต้องการซ้อมอีกไหมคะ?”
“ไม่จำเป็น”
หลินเยวียนเอ่ยตอบ
หลายวันมานี้เขาซ้อมทุกอย่างที่ควรซ้อมแล้ว สามารถขึ้นเวทีได้เลย
อย่างไรก็ตาม
ทันทีที่หลินเยวียนอ้าปากพูด ถงถงก็ชะงักไปทันที
เธอเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “เสียงของอาจารย์หลานหลิงอ๋อง…แหบนิดหน่อยหรือเปล่าคะ?”
เพราะหลินเยวียนพูดเพียงสองคำ เธอจึงไม่มั่นใจว่าตนฟังผิดไปหรือเปล่า
“เป็นหวัด…นิดหน่อย…แค่ก…”
หลินเยวียนไออย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ
เขาร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่ป่วยมักอาการหนัก
ตอนนี้ทั้งที่เป็นหวัดอยู่แท้ๆ แต่นอกจากเจ็บคอแล้ว คล้ายว่าเขาจะไม่มีอาการอื่นเลย
“แบบนี้คุณเรียกว่าเป็นหวัดนิดหน่อย?”
ถงถงหน้าเปลี่ยนสี เสียงแหบเสียขนาดนี้จะร้องเพลงได้อย่างไร
“ฉันจะตามคนมาให้น้ำเกลือคุณนะคะ!”
“ไม่ต้องหรอก”
หลินเยวียนชำเลืองมองกล้อง “ถ้ายังคุยกันอยู่จะไม่ทันเวลา”
ช่างกล้องกำลังดำเนินการถ่ายทำ
การถ่ายทอดสดใกล้จะเริ่มต้นขึ้น
ถงถงกัดฟัน “ฉันจะไปปรึกษาผู้กำกับสักหน่อย ให้คุณขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้าย”
หลินเยวียนโบกมือ “ปฏิบัติตามกฎการแข่งขันเถอะ”
“แต่ว่า…”
“อาจารย์หลานหลิงอ๋อง”
ปลาปักเป้าซึ่งอยู่ด้านข้างเพิ่งมาถึง เมื่อเห็นหลานหลิงอ๋องจึงรุดมากล่าวทักทาย จากนั้นเธอคล้ายกับกลัวว่าเสียงของตนจะตื่นเต้นเกินไป หลังจากนั้นจึงกดเสียงท้ายซึ่งดังอย่างห้ามไม่อยู่ให้เบาลง
หลินเยวียนตอบ “สวัสดี”
“เสียงของคุณ…” ปลาปักเป้าประสาทสัมผัสต่อเสียงไวมาก
ถงถงเอ่ยอย่างจนใจ “อาจารย์หลานหลิงอ๋องเป็นหวัดค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ารอบนี้จะทำยังไงดี ต้องส่งผลกระทบกับการร้องเพลงแน่เลย”
ปลาปักเป้าร้อนรน “ฉีดยา!”
“ไม่ได้นะ!”
หลินเยวียนสะดุ้งโหยง
เขาไม่กลัวอะไรนอกจากการฉีดยา เมื่อเห็นเข็มฉีดยาแล้วมีปมในใจ “ก่อนออกมาฉีดยาไปแล้ว”
พูดจบ
หลินเยวียนรีบปรี่เข้าไปในห้องรับรองราวกับกำลังวิ่งหนี
ปรากฏว่าผ่านไปไม่นาน ปลาปักเป้าถึงกับพาหุ่นยนต์ หงส์ขาว และนางเงือกมาพร้อมกัน
ทั้งหมดล้วนมาจากทีมที่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ข่าวว่าหลานหลิงอ๋องเป็นหวัดและเสียงแหบ
“จะร้องได้ไหม”
หงส์ขาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
หลินเยวียนตอบ “พอไหว”
หุ่นยนต์ไม่ได้ทำท่าทางตลกขบขันอีก “อย่าฝืนนะ”
ปลาปักเป้าเอ่ยอย่างจนใจ “คุณฉีดยามาแล้วจริงๆ ใช่ไหม”
“ฉีดมาแล้ว”
หลินเยวียนเอ่ย อันที่จริงนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการฉีดหรือกินยา ร่างกายของตนไม่มีปัญหา
ที่มีปัญหาคือเสียง
ไม่มียาที่ทำให้เสียงฟื้นตัวได้ทันทีหรอก
“การแข่งขันของวันนี้เดิมทีก็หนักอยู่แล้ว”
นางเงือกเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะหันไปมองหน้าจอโทรทัศน์บนฝาผนัง “การถ่ายทอดสดเริ่มแล้ว”
……
ใช่
การถ่ายทอดสดเริ่มแล้ว
บนเวที อันหงเริ่มพูด ยังคงมีผู้ชม 700 คน กรรมการ 50 คน และกรรมการตัดสินระดับพ่อเพลงสี่คนจากรอบที่แล้ว
ทั้งห้องส่งส่งเสียงเชียร์!
บนหน้าจอ ผู้ชมต่างกระหน่ำคอมเมนต์กันเข้ามานับไม่ถ้วน
‘มาแล้วๆ!’
‘รอบนี้ต้องปังกว่ารอบทีมแน่!’
‘ปลาทอด…’
‘ความสามารถของแก๊งปลานับว่าเสียเปรียบในบรรดาผู้ท้าชิงสิบสองคน’
‘ราชาราชินีเพลงจากทั้งสี่ทีมเข้าสิบสองคนสุดท้ายทั้งหมด’
‘มหาราชาไร้เทียมทาน!’
‘เชียร์หมาป่าเดียวดาย!’
‘หงส์ขาวนัมเบอร์วัน!’
‘หลานหลิงอ๋องสู้ๆ!’
‘รอบนี้นั่งรอดูหลานหลิงอ๋องตุ้บ!’
‘…’
อันหงเริ่มกล่าวแนะนำกฎการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน ต่อหน้าผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วน จอใหญ่ก็เริ่มจับสลากเพื่อตัดสินลำดับการประลองรอบแรกของวันนี้
ปลาหัวโต vs หลานหลิงอ๋อง
หุ่นยนต์ vs เทพีแห่งการล้างแค้น
มหาราชา vs ปลาปักเป้า
หงส์ขาว vs หมาป่าเดียวดาย
นางเงือก vs ดอกเดซี
เอล์ฟ vs นางเงือก
“หลานหลิงอ๋องขึ้นเวทีคู่แรกเลย!”
“หุ่นยนต์มือไม่ค่อยขึ้นแฮะ จับได้คู่ต่อสู้เป็นราชินีเพลงอีกแล้ว!”
“หงส์ขาวกับหมาป่าเดียวดายให้ความรู้สึกเหมือนแข่งรอบชิงกันล่วงหน้า หมาป่าเดียวดายเป็นผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในว่าที่แชมป์!”
“อยากให้หลานหลิงอ๋องจับได้ราชาราชินีเพลง”
“อยากเห็นหลานหลิงอ๋องตกรอบก็บอกมาตามตรง”
“ก่อนหน้านี้หลานหลิงอ๋องก็เจอกับราชาเพลงมาแล้ว คนเขาก็ยังอยู่บนเวทีไม่ใช่หรือไง”
“ปลาหัวโตน่าจะสู้หลานหลิงอ๋องไม่ได้”
“…”
แม้ว่าแฟนคลับของนักร้องหลายคนจะไม่พอใจหลานหลิงอ๋อง แต่ต้องยอมรับว่าความสามารถที่หลานหลิงอ๋องแสดงออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าปลาหัวโต
ในขณะนั้นเอง
รายการเริ่มฉายเนื้อหาซึ่งบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ รวมไปถึงส่วนที่หลานหลิงอ๋องเป็นหวัดด้วย
เพียงชั่วพริบตาเดียว!
คอมเมนต์ก็คึกคักขึ้นมา
‘ไม่มั้ง?’
‘หลานหลิงอ๋องเสียงแหบแล้ว!’
‘งั้นก็หมายความว่า เสียงที่สามของเขาใช้ไม่ได้แล้ว?’
‘งั้นเขาจะแข่งยังไง’
‘ฮ่าๆๆๆ หลานหลิงอ๋องจมน้ำแล้ว’
‘แนะนำให้หลานหลิงอ๋องไปซ้อมเพลงเหน็บหนาวอีกสักรอบ ตอนถอดหน้ากากอาจได้ใช้’
‘หลานหลิงอ๋องเป็นหวัดได้ไงล่ะเนี่ย เสียงแบบนี้ฟังแล้วไม่โอเคเลย’
‘…’
ขณะเดียวกัน
ผู้ชมด้านล่างเวทีเห็นสถานการณ์ด้านหลังเวทีผ่านหน้าจอใหญ่ ทั้งห้องส่งก็พลันตกอยู่ในความโกลาหล
“หลานหลิงอ๋องเสียงพังแล้ว!”
“เป็นหวัด เสียงก็แหบง่าย”
“บ้าน่า ประเด็นคือหลานหลิงอ๋องแข่งเป็นคู่แรก!”
“หลานหลิงอ๋องคนนี้มาเหนือความคาดหมายตลอด แม้แต่ป่วยยังเหนือความคาดหมาย!”
“จะร้องยังไงล่ะทีนี้!”
“…”
คณะกรรมการประเมินต่างมองหน้ากัน
ทางคณะกรรมการตัดสิน อิ่นตงขมวดคิ้ว “แย่แล้ว”
เจิ้งจิงส่ายหน้า “ถ้าแพ้เพราะเรื่องนี้ก็ออกจะน่าเสียดายไปหน่อย ฉันคิดว่าเขาสู้กับราชาราชินีเพลงอีกได้”
เยี่ยจือชิวยิ้มขื่น “สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก”
หยางจงหมิงไม่ได้พูดอะไร
เหตุการณ์เช่นนี้ในการแข่งขันร้องเพลงไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และเรื่องทำนองนี้ส่งผลต่อการแสดงของนักร้อง
แต่ในฐานะคณะกรรมการตัดสิน ต้องรักษาความเป็นกลาง ไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจแก่นักร้องเนื่องจากเหตุผลส่วนตัวได้
พ่อหนุ่ม…
ยังไหวอยู่ไหม
หยางจงหมิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ในเวลานั้น
ผู้ชมมีอารมณ์แตกต่างกันไป
แต่ไม่ว่าจะรู้สึกสะใจ หรือแอบเสียดาย หรือเพียงแค่อยากรับชมความสนุก ทว่าความคิดที่ทุกคนมีต่อหลานหลิงอ๋องล้วนเหมือนกันคือ
จะไปแข่งได้อย่างไร?
………………………………………………….