Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 516 ครั้งหนึ่ง
เฟ่ยหยางเดือดดาล!
ในบรรดาเพลงทั้งหมดซึ่งเคยปรากฏบนเวทีนี้ เฟ่ยหยางล้วนมั่นใจว่าเขาจะชนะ อันที่จริงเขาเอาชนะหงส์ขาวในการแข่งขันได้แล้วจริงๆ ทว่าบทเพลงที่เขาต้องเผชิญต่อจากนั้นคือ
เพลง ‘เกินจริง’ ยังไงล่ะ!
เพลง ‘เกินจริง’ ของหลานหลิงอ๋อง!
เพลงที่เขาดันต้องมาเผชิญหน้า ก็คือเพลงที่น่ากลัวที่สุด!
ด้านล่างเวที
ผู้ชมบางคนตะโกนว่า “มหาราชา!”
ด้วยความน่าเกรงขามของมหาราชาหลังจากเอาชนะหงส์ขาวเมื่อครู่ เสียงมากมายปะปนกันเป็นคำว่า
“มหาราชา!”
“มหาราชา!”
“มหาราชา!”
อันที่จริงมีคนตะโกนว่า “ทุกคนไม่มีหวังกับเพลงเกินจริง มีแค่มหาราชาเท่านั้นที่มีหวังกลับมา มหาราชาของพวกข้าฝีมือเลิศล้ำ!”
บนหน้าจอเริ่มมีคอมเมนต์
‘มหาราชาของพวกข้าฝีมือเลิศล้ำ!’
‘มหาราชาของพวกข้าฝีมือเลิศล้ำ!’
‘มหาราชาของพวกข้าฝีมือเลิศล้ำ!’
เฟ่ยหยาง “…”
พวกคุณอย่าพูดพล่อยๆ นะ!
ผมไม่มีหวังจริงๆ !
เฟ่ยหยางแทบล้มทั้งยืน!
แต่ว่า…
นี่คือกฎ
บทเพลงซึ่งได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการตัดสินจะกลายเป็นเพลงซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในทันที หลานหลิงอ๋องไม่ต้องร้องเพลงอีกแล้ว
เฟ่ยหยางต้องร้องอีกหนึ่งเพลง เพื่อแข่งขันกับเพลงเกินจริง
ถ้าหากเขาแพ้ จะเท่ากับว่าหลานหลิงอ๋องใช้เพลงเกินจริงเพียงเพลงเดียว จัดการทั้งเทพีแห่งการล้างแค้นและมหาราชาได้ในคราวเดียว!
เฟ่ยหยางรู้สึกว่างเปล่า…
จะไม่ให้ว่างเปล่าได้อย่างไร ก็เพลงเกินจริงแข็งแกร่งเกินไป!
ในเวลานั้น
พิธีกรอันหงเอ่ยอย่างยิ้มแย้มขึ้นมาทันใด “อันที่จริงรายการเรามีความยืดหยุ่นสำหรับกฎผู้ถูกเลือกนะครับ ตอนนี้อาจารย์หลานหลงอ๋องมีสองทางเลือกครับ ไม่ทราบว่าอาจารย์หลานหลิงอ๋องต้องการร้องเพลงเกินจริงเมื่อครู่เป็นเพลงสำหรับการแข่งขันรอบชิงแชมป์ หรืออยากร้องเพลงอื่นครับ?”
กฎที่ซ่อนไว้!
เอกสิทธิ์ของผู้ถูกเลือก!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหลินเยวียนสามารถเลือกที่จะไม่ร้องเพลงอีก และใช้เพลงเกินจริงเพื่อดวลกับคู่ต่อสู้ และสามารถร้องเพลงอื่นเพื่อเริ่มการต่อสู้ครั้งใหม่กับมหาราชา!
แต่ว่า…
ยังต้องเลือกอีกหรือ?
คนโง่เขลายังรู้ว่าเพลงนี้ดีแค่ไหน หลานหลิงอ๋องไม่ต้องอะไรมาก ก็มากพอให้ดับเบิลคิลล์ได้!
ผู้ชมเฝ้ารอคำตอบของหลานหลิงอ๋อง
ผู้ชมหน้าจอนับไม่ถ้วนก็เฝ้ารอคำตอบของหลานหลิงอ๋องเช่นกัน
ในช่วงเวลานี้
อารมณ์ของผู้ชมกำลังย้อนแย้ง
ด้านหนึ่ง ทุกคนหวังว่าหลานหลิงอ๋องจะร้องอีกสักเพลง
อีกด้านหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกว่าการร้องอีกเพลงหนึ่งนั้นเสี่ยงเกินไป ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาคงน่าเสียดายแย่?
ใช้เพลงเกินจริงจะปลอดภัยกว่ามาก ใช้เพลงนี้เป็นเพลงในรอบตัดสิน ที่จริงแล้วมีโอกาสการันตีชัยชนะได้มากกว่า!
อย่างไรก็ตาม
ขณะที่ทุกคนคิดว่าหลานหลิงอ๋องจะเลือกร้องเพลงเกินจริง หลานหลิงอ๋องกลับให้คำตอบที่เหนือความคาดหมายของทุกคน
“ร้องอีกเพลงหนึ่งแล้วกัน”
ฮะ!
ทั้งห้องส่งแตกตื่น!
“พระเจ้าช่วย!”
“หลานหลิงอ๋องโหดแท้!”
“แข็งแกร่งของจริง!”
“เห็นชัดๆ ว่าเลือกใช้เพลงเกินจริงไปชิงแชมป์ก็ชนะแล้ว!”
“ครั้งนี้ยอมเลย!”
“นี่สิลูกผู้ชายตัวจริง!”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าหลานหลิงอ๋องเป็นผู้ชาย”
“ก็พูดไป ตั้งแต่หลานหลิงอ๋องแข่งมา ทุกเพลงที่เขาร้องใช้เสียงผู้ชายเป็นหลัก เห็นได้ชัดว่าเสียงผู้หญิงใช้เสียงหลบ เขาต้องเป็นนักร้องชายอย่างแน่นอน!”
“…”
ชาวเน็ตต่างฮือฮากัน!
‘ยังจะร้องอีกเหรอ!’
‘ไม่ใช้เพลงเกินจริง’
‘นี่คือโอกาสของมหาราชา!’
‘ฉันรู้สึกว่ามหาราชาชนะเพลงเกินจริงไม่ไหว เพลงนั้นโหดเกินไป แต่หลานหลิงอ๋องกลับเลือกแข่งกับมหาราชาอีกครั้ง!’
‘หลานหลิงอ๋องไม่กลัวมหาราชาจริงๆ !’
‘คิดอะไรของเขาครับเนี่ย!’
‘เทพีแห่งการล้างแค้นแพ้การแข่งขัน และแพ้เรื่องพฤติกรรมด้วย!’
‘…’
หลินเยวียนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากลำบาก
ถึงแม้การเลือกเพลงเกินจริงเป็นเพลงสำหรับแข่งในรอบตัดสินจะปลอดภัย แต่หลินเยวียนไม่ได้ต้องการความปลอดภัย เขายังหวังว่าเขาจะได้หยิบเพลงใหม่ออกมาในการแข่งขันทุกรอบ
ยิ่งไปกว่านี้…
การแข่งขันใกล้จะจบลงแล้ว
ถ้าได้ร้องอีกสักเพลง ทำไมเขาจะไม่ทำล่ะ?
ในแง่หนึ่ง นี่คือสิ่งที่สำคัญกว่าการคว้าแชมป์
นอกจากนั้น…
ใครบอกว่าถ้าหลินเยวียนไม่ใช้เพลงเกินจริงแล้วจะคว้าแชมป์ไม่ได้
…
มหาราชาตกตะลึง!
เขานึกไม่ถึงว่าหลานหลิงอ๋องจะไม่ใช้เพลงเกินจริงในรอบตัดสิน แต่ยังอยากดวลกับตนอีกหนึ่งเพลง!
ภายใต้หน้ากาก
เฟ่ยหยางไม่ได้ตกใจเพราะเรื่องนี้เหนือความคาดหมาย
เฟ่ยหยางคิดว่าตนจะตกใจ เพราะนี่คือโอกาสที่คู่ต่อสู้ให้เขากลับมา
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงดีใจไม่ออก
ตอนนี้เขาพลันนึกถึงคำวิจารณ์ซึ่งหลานหลิงอ๋อง หยางจงหมิง และคนในวงการมีต่อเขาในเวลาไม่กี่ปีมานี้ และยังรวมไปถึงข้อความส่วนตัวจากแฟนคลับบางคน
‘ไร้ความรู้สึก’
‘โชว์เทคนิคมากเกินไป’
‘ราชาเพลงเฟ่ยนับวันยิ่งเหมือนหุ่นยนต์ร้องเพลง’
‘เสียงสูงของเฟ่ยหยางสูงขึ้นทุกวัน แต่ฉันฟังจบแล้วกลับรู้สึกว่างเปล่า ลองกลับมาคิดดูแล้ว ฉันขำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้เขาร้องอะไร ทั้งที่ตอนฟังรู้สึกตื่นเต้นมากเลยนะ’
‘ราชาเพลงเฟ่ยเทคนิคอลังการมากเลย แต่รู้สึกว่าผลงานคลาสสิกของเขาลดลงเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา’
‘ทักษะการร้องเพลงของราชาเพลงเฟ่ยยอดเยี่ยมมาก!’
‘…’
ทักษะการร้องเพลงของเฟ่ยหยางยอดเยี่ยมมาก?
แต่ไม่ใช่เฟ่ยหยางร้องเพลงได้ดี?
จู่ๆ เฟ่ยหยางก็รู้สึกตื่นตระหนก ฉันฝึกฝนการร้องเพลงอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ฉันทำอะไรผิดไป
ในขณะนั้น
จู่ๆ เฟ่ยหยางก็นึกถึงเพลงเกินจริงซึ่งหลานหลิงอ๋องร้องเมื่อครู่
เสียงของนักร้องคนนี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มร้อย
เมื่อกี้เขาร้องเพลงจนเสียงแหบแห้ง
เมื่อกี้ตอนที่เขาร้องจนถึงเนื้อเพลงท่อนสุดท้าย เขาพลาดไปสองจังหวะด้วยซ้ำ
เสียงของเขาแตกไปแล้ว
ถ้าหากตัดสินจากมุมมองของมืออาชีพ นี่คือความล้มเหลว เป็นความล้มเหลวในความล้มเหลว!
แต่ทำไมไม่มีใครคิดว่ามีปัญหา
ไม่มีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป
เพราะทุกคนไม่รู้หรือ?
ไม่ใช่หรอก
ทุกคนเขารู้กันหมด
คนที่หูฟังเสียงได้ต่างก็รู้กันหมด
แต่เขายังคงได้รับเสียงปรบมืออันอบอุ่นจากทั้งห้องส่ง ได้รับความเคารพจากผู้ชม และได้รับสถิติสูงสุดจากคะแนนโหวตที่ผ่านมา!
ถึงขั้นที่ทำสถิติได้สูงกว่าสถิติของตนเองด้วยซ้ำ!
ต้องเข้าใจว่าในเวทีซึ่งตนทำสถิติได้นั้น คู่แข่งเป็นเพียงนักร้องแถวหน้า!
แต่เมื่ออีกฝ่ายสร้างสถิติใหม่ คู่แข่งกลับเป็นเพียงราชินีเพลงคนหนึ่ง!
ทำไมอีกน่ะหรือ
เพราะความรู้สึกอย่างไรล่ะ
เพราะความรู้สึกของเขา ล้วนถูกปลดปล่อยในบทเพลง
ด้วยฝีมือของอีกฝ่าย สามารถควบคุมไม่ให้เสียงแตกได้ ด้วยความสามารถของนักร้องมืออาชีพ ไม่มีทางถึงขั้นตามจังหวะไม่ทัน
เพราะฉะนั้นจึงมีเพียงคำตอบเดียว
หลานหลิงอ๋องไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ที่แท้บทเพลงที่ซาบซึ้งที่สุดไม่เพลงซึ่งใช้เทคนิค เสียงสูง หรือทักษะระดับมืออาชีพใดๆ
ปัจจัยเหล่านั้นสำคัญ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึก คือการถ่ายทอดความรู้สึก เหตุผลในการร้องเพลง
คือเจตจำนงดั้งเดิมในการร้องเพลง
เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครสนใจข้อบกพร่องช่วงนั้น เพราะนั่นไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่คืออีกหนึ่งความสมบูรณ์แบบ และเป็นเพราะข้อบกพร่องนั้น บทเพลงจึงสะเทือนอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้น
ตนก็รู้สึกสะเทือนอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?
มหาราชาคลี่ยิ้ม
เขาโค้งคำนับให้กับด้านล่างเวที “บทเพลงต่อไปนี้ ขอมอบแด่ตัวผมเอง”
เขาคิดในใจ
แด่ตัวผมที่ยินดีแผดเสียงบนท้องถนนในฤดูหนาว แม้จะไม่มีใครอยากหยุดฟังเพลงก็ตาม เพื่อทำตามความฝัน
แด่ตัวผมที่ยินดีอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินเป็นเวลาสองปี ถือกีตาร์ซอมซ่อตัวหนึ่งโดยไม่สนใคร เพื่อทำตามความฝัน
แด่ตัวผมที่ยอมกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหลายเดือนจนเอียนเต็มทน
เพื่อเก็บเงินซื้อกีต้าร์ตัวใหม่
แด่ตัวผมที่ยืนร้องเพลงที่ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินจนคอเจ็บและน้ำตาริน เพียงเพื่อเศษเหรียญของผู้คนที่ผ่านไปมา
มหาราชาขับร้องบทเพลง
บทเพลงนี้มีชื่อว่า ‘คุณ’
เพลงนี้ไม่มีเสียงสูง ไม่ต้องใช้เทคนิค มีเพียงการถ่ายทอดตัวตนอันเรียบง่าย บางประโยคในเนื้อเพลง เฟ่ยหยางไม่จำเป็นต้องร้องด้วยซ้ำ เพียงแค่อ่านออกมา
เมื่อร้องเพลงจบ มหาราชาก็พบว่าผู้ชมบางคนร้องไห้
แต่ตัวเขาเอง ก็มีน้ำตานองหน้าไม่ใช่หรือ?
เขาโค้งคำนับ เอ่ยด้วยเสียงสาก “ขอบคุณอาจารย์หยางจงหมิงสำหรับเพลงนี้ ครั้งหนึ่งเพลงนี้เคยทำให้ผมมีกำลังข้ามผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากที่สุดในชีวิต…”
ขอบคุณหลานหลิงอ๋อง
คุณพูดไว้ไม่ผิด
เพลงของคุณ สอนผมได้มาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาวางทุกอย่างลง นับตั้งแต่ได้ชื่อว่ามหาราชา และส่งเสียงเฉกเช่นตัวเขาซึ่งเป็นศิลปินข้างถนนในเวลานั้น
เขาไม่ได้เก็บซ่อน
เขาไม่ได้หวาดกลัว
เขาไม่ได้กังวลว่าทุกคนจะพูดว่า
ดูสิ เฟ่ยหยางกลายเป็นลูกคนรองตลอดกาลไปแล้ว
เขาเพียงแค่ขับร้องบทเพลง ทำให้ผู้คนซาบซึ้ง และทำให้ตัวเขาซาบซึ้ง
เวทีนี้ไม่ปราศจากความรู้สึกแพ้ชนะ
เฟ่ยหยางถอยลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ