Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 524 วิธีเปิดเพลงที่ถูกต้อง
ความรู้สึกซาบซึ้งนี้ยังคงเวียนวนอยู่ในใจของทุกคน
แฟนคลับซึ่งชื่นชอบเซี่ยนอวี๋ ไม่อาจต้านทานได้เมื่อเผชิญกับฉากเรียกน้ำตาเช่นนี้
หลังจากนั้นมีคนนึกถึงเพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์
อย่างที่ควรจะเป็น
‘ถ้าจำไม่ผิดละก็ ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์น่าจะเขียนจากความรู้สึกของหลินเยวียนในช่วงนั้นสินะ’
‘ไม่ผิดแน่’
‘ท่อนคอรัสของเพลงนี้ร้องว่า ฉันคือช่วงเวลาอันเจิดจรัส ฉันคือเปลวไฟที่ผ่านพัดเส้นขอบฟ้า เพื่อให้เธอมองมา ฉันไม่สนใจสิ่งใด
ฉันจะมอดมลายไป ไม่หวนคืนมา…ตอนนั้นน้อยคนจะเชื่อมโยงเพลงนี้เข้ากับความตาย’
ไม่จีรังดั่งหมู่หงส์โบยบิน!
งามตระการเหมือนมวลผกายามคิมหันต์!
ความหมายซึ่งถ่ายทอดผ่านบทเพลงนี้ ที่จริงแล้วคล้ายคลึงกับเพลงเส้นทางธรรมดา แต่ก็มีความแตกต่างอยู่บ้าง
ความแตกต่างอยู่ที่เพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์คือการสูญเสียความหวังไป และอยากกลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง
ส่วนเพลงเส้นทางธรรมดานั้นเปิดกว้างมากขึ้น
‘ครั้งหนึ่งฉันเคย’ ในท่อนคอรัสของเพลง ก็คือเพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์
แต่นั่นก็เป็นเพียง ‘ครั้งหนึ่งเคย’
ประโยคสุดท้ายว่า ‘เรื่องราวของเธอเป็นอย่างไรแล้ว’ เป็นการแสดงออกถึงความคาดหวังในอนาคต
เพราะเขายังอยู่บนเส้นทางนี้
เขายังคงนำบทเพลงใหม่มาสู่แฟนๆ
ในตอนนี้
หลายคนวางใจลงแล้ว
โชคดีที่สุขภาพของเซี่ยนอวี๋ฟื้นตัว
โชคดีที่เขายังคงสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้
โชคดีที่เขาได้ทำตามความฝันในการร้องเพลงแล้ว
ชั่วขณะนั้น
หลายคนรู้สึกเศร้า
และในการสัมภาษณ์เหล่านี้ ในการถกเถียงกันเหล่านี้ แพร่สะพัดไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาอันสั้น
ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ รับรู้เรื่องราวในอดีตอันเปราะบางไปจนถึงสิ้นหวัง ภายใต้แสงเรืองรองของเซี่ยนอวี๋ในฐานะพ่อเพลงตัวน้อย
‘ไม่กล้านึกภาพเลย’
‘ในเนื้อเพลงเหล่านี้ อันที่จริงมีแนวโน้มหนึ่งปรากฏอยู่ เซี่ยนอวี๋คิดสั้นอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน’
‘โชคดีที่เขาไม่ได้ยอมแพ้’
‘ฉันเชื่อว่าสวรรค์ยังคุ้มครองเขาอยู่ โอกาสที่จะฟื้นตัวจากโรคที่รักษาไม่หายนั้นมีน้อยจริงๆ ’
‘ไม่พูดแล้ว ผมจะไปดาวน์โหลดสองเพลงนี้’
‘ที่แท้นี่คือวิธีการเปิดเพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’
‘ที่แท้…นี่คือวิธีการเปิดเพลงเส้นทางธรรมดา’
‘ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเซี่ยนอวี๋ถึงใช้เพลงเส้นทางธรรมดาในรอบตัดสิน เพราะมีแค่เพลงนี้ มีแค่เพลงนี้ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของเขาในตอนนั้นได้’
‘…’
ถ้าหากเปรียบเทียบด้านความสามารถในการแข่งขันและสถานการณ์ในตอนนั้น เพลงเกินจริงน่าจะมีศักยภาพในการแข่งขันมากที่สุด และสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้มากที่สุด!
เพราะฉะนั้นเมื่อเซี่ยนอวี๋ตัดสินใจว่าจะนำอีกหนึ่งเพลงออกมาแข่งกับมหาราชา หลายคนจึงไม่เข้าใจ
ต่อให้ได้ฟังเพลงเส้นทางธรรมดาแล้ว ก็ยังคงไม่เข้าใจ
เพลงนี้ดีมาก
แต่กลับไม่มีพลังเท่าเพลงเกินจริง!
จนกระทั่งทุกคนได้รับรู้อดีตของเซี่ยนอวี๋ ได้รับรู้ทุกสิ่งที่เขาประสบมา จึงได้เข้าใจเพลงเส้นทางธรรมดาอย่างถ่องแท้
‘บางทีเซี่ยนอวี๋อาจไม่ได้สนใจว่าจะแพ้หรือชนะ’
‘การแข่งขันนี้คือความฝันที่เป็นจริง ราชาหน้ากากนักร้องคนสุดท้ายคือรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับเขา ความฝันของเขาเบ่งบาน เขาคือผู้เข้าแข่งขันซึ่งควรค่าแก่การเป็นราชาหน้ากากนักร้องมากที่สุด’
ซีซันหน้าได้โปรดมาเป็นกรรมการตัดสิน!’
‘ไม่ต้องถึงซีซันหน้าหรอก ไม่มีซีซันไหนทำได้เหนือกว่าซีซันหนึ่งที่เซี่ยนอวี๋เข้าร่วมในฐานะหลานหลิงอ๋องแล้ว ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายของรายการ’
ใช่แล้ว
ซีซันหนึ่งกลายเป็นแบบฉบับของรายการ ต่อให้รายการเพิ่งจบลงได้ไม่นาน
หลายคนยังไม่อาจลืมช่วงเวลาที่เซี่ยนอวี๋ถือถ้วยรางวัล และภาพที่พ่อเพลงทั้งห้าขับร้องบทเพลงผืนน้ำเย้ยเยาะ
……
แน่นอนว่าหลินเยวียนก็อ่านการสนทนาบนโลกออนไลน์เช่นกัน
เมื่อเขาเต็มใจถอดหน้ากากต่อหน้ากล้อง เรื่องราวในอดีตซึ่งถูกเปิดเผยจึงไม่ได้มีความสำคัญมากมายอีกต่อไป
ในครั้งนี้
ยังมีผู้คนอีกมากมายตีความเพลงของเขา
และมีเพียงครั้งนี้ ที่ร้อยละแปดสิบของการตีความนั้นถูกต้อง
อย่างน้อยความคิดจิตใจระหว่างกระบวนการเลือกเพลงเส้นทางธรรมดาก็เป็นเช่นนั้น ไม่ต่างจากที่ทุกคนจินตนาการไว้มากนัก หลินเยวียนมีเหตุผลที่จะร้องเพลงนี้ในรอบชิงชนะเลิศ
ในขณะนี้
รถของกู้ตงเคลื่อนมาจอดยังหน้าประตูบ้านของหลินเยวียน
ถึงบ้านแล้ว
หลังจากถอดหน้ากาก หลินเยวียนไม่ได้กลับไปยังบริษัท แต่กลับเลือกกลับบ้าน
เพราะเขารู้ว่าในเวลานี้ คนในครอบครัวคงกำลังรอเขาอยู่
หลินเยวียนลงจากรถ พร้อมกับบอกลากู้ตง
เมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นหนานจี๋วิ่งควบมาแต่ไกล แลบลิ้นออกมาราวกับกำลังตื่นเต้น
ด้านหลังหนานจี๋
แม่ พี่สาว และน้องสาวกำลังยืนมองเขาอยู่ที่หน้าประตู
เขาลูบหัวหนานจี๋อย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะก้าวไปด้านหน้า
“เข้าไปคุยข้างในเถอะ”
“เสียงพี่หายดีตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลินเหยาเอ่ยถามด้วยความสงสัยจากด้านหลังของหลินเยวียน
หลินเยวียนครุ่นคิด เอ่ยว่า “วันที่เธอกินผักน้อยกว่าพี่”
หลินเซวียน “…”
แม่ “…”
หลินเหยาตระหนักได้ทันใด “ที่แท้ก็เป็นวันที่ยี่สิบเจ็ดมกรา!”
จำแม่นขนาดนั้นเชียวหรือ?
หลินเซวียนคลึงขมับ จากนั้นจึงพูดด้วยความจนใจ “นี่คืออยากเซอร์ไพร์สพวกเรา?”
“เซอร์ไพร์สแบบนี้ใหญ่เกินไป!”
หลังจากแม่ดูรายการจบก็เอาแต่ร้องไห้ จนตอนนี้ดวงตาแห้ง ไม่มีน้ำตาเหลือสักหยด
“ไม่เคยบอกใครมาก่อนว่าเสียงฟื้นตัวแล้ว?”
หลินเยวียนตอบ “อ้อ เคยบอกหนานจี๋”
“แล้วทำไมหนานจี๋ไม่บอกพวกเราล่ะ! ” หลินเหยาเอ่ยถาม เธอชักจะไม่สบอารมณ์แล้ว “รักพี่หรือรักฉันมากกว่ากัน?”
หนานจี๋ “…”
คำถามนี้ ฉันก็ตอบเธอไม่ได้อยู่ดี
ถึงยังไงฉันก็เป็นหมาตัวหนึ่ง
หมาดารา
หลังจากเข้าไปในห้องรับแขก จู่ๆ แม่ก็เหลือบไปเห็นแกนแอปเปิ้ลบนพื้น “ใครมาแทะแอปเปิ้ลเนี่ย”
หนานจี๋รีบเผ่นหนีไปทันที
พี่สาวพูดกลั้วหัวเราะ “พี่เป็นแฟนคลับของหลานหลิงอ๋อง พูดไปก็แปลกดี ถึงว่าสิครั้งแรกที่พี่เห็นหลานหลิงอ๋องแล้วถึงรู้สึกคุ้นเคย ที่แท้ก็เป็นน้องชายสุดที่รักที่เอง!”
“พี่ชอบหลานหลิงอ๋องตั้งแต่เพลงไม่เคยจากไปต่างหาก”
เหยาเหยาบอก
แม่หัวเราะ เธอคือคนที่รู้สึกคุ้นเคยกับหลานหลิงอ๋องทันทีที่เห็น
ถึงแม้จะจำลูกชายไม่ได้ตั้งแต่เริ่มต้น
“จริงสิ!”
พี่สาวมองไปยังหลินเยวียนด้วยความสงสัย “นายกับเฟ่ยหยางมีความแค้นต่อกัน?”
“ไม่มีหนิ”
หลินเยวียนนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่ามหาราชาคือเฟ่ยหยาง
พี่สาวยิ้ม “งั้นทำไมนายถึงทำให้คนเขาได้ที่สองล่ะ ก่อนหน้านี้นายให้ราชวงศ์ปลาจัดการ ครั้งนี้นายลงมือเองเลย!”
หลินเยวียน “…”
เรื่องนี้เป็นแค่ความบังเอิญ
ใครจะไปคิดว่าเฟ่ยหยางจะเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้องในฐานะ ‘มหาราชา’?
ผลปรากฏว่าถึงแม้การแสดงเพิ่งจบลง ในคอมเมนต์ต่างก็เคารพเฟ่ยหยาง และไม่ได้พิมพ์คำว่า ‘สอง’ มากนัก
แต่ว่า
นิสัยรักสนุกของชาวเน็ตยังไม่เคยเปลี่ยนไป
บนโลกออนไลน์
นอกเหนือจากการสนทนานับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋
บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเฟ่ยหยางก็อ่วมไปด้วยคำว่า ‘สอง’
และในขณะเดียวกัน
ในวิลลาซึ่งหรูหราไม่แพ้กันแห่งหนึ่ง
หน้ากากและชุดของมหาราชาถูกวางทิ้งไว้บนโซฟา
เฟ่ยหยางมองไปยังพื้นที่แสดงความคิดเห็นด้วยความสิ้นหวัง “เพื่อให้ฉันเป็นลูกคนรองตลอดกาลต่อไป เขาถึงกับลงมือด้วยตัวเอง!”
“ที่จริงแล้ว…”
ผู้จัดการซึ่งยืนอยู่ด้านข้างลังเลที่จะพูด
เฟ่ยหยางถลึงตาใส่ “มีอะไรก็รีบพูดมา!”
ผู้จัดการเอ่ยอย่างระมัดระวัง “บริษัทเพลงรายใหญ่หลายแห่งในอดีตได้เปลี่ยนแปลงไปทีละบริษัท และมุ่งเน้นไปที่ภาพยนตร์ มีแค่สตาร์ไลท์ที่ทำภาพยนตร์ โดยที่ยังคงให้ความสำคัญกับดนตรี…”
“พูดให้รู้เรื่อง!”
“พอมานึกถึงคำถามว่าลูกคนรองตลอดกาลรุ่นแรกอย่างเฉินจื้ออวี่ถอนคำสาปได้ยังไง บางทีนี่อาจเป็นหนึ่งในข้อมูลอ้างอิงของคุณได้จริงๆ ”
เฟ่ยหยาง “…”
ถ้าสู้ไม่ได้ ก็เข้าร่วมซะเลย?