Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 567 เผยแพร่ล่วงหน้า
ใช่แล้ว
หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกว่าคำโฆษณาของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูมีปัญหาอะไร
หากเป็นเมื่อก่อน บางทีหลินเยวียนอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการแก้ข้อความโปรโมตจริงๆ …
ทว่าหลังจากผ่านรายการราชาหน้ากากนักร้องมา หลินเยวียนจึงเปลี่ยนไปมาก
สถานการณ์ในครั้งนี้ ทำให้หลินเยวียนหวนนึกถึงประสบการณ์ของเขาขณะสวมหน้ากากในรายการราชาหน้ากากนักร้อง
ในเวลานั้น หลินเยวียนพูดความจริงออกมา
หลังจากนั้น หัวใจของแฟนคลับนักร้องหลายคนก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที
เพราะฉะนั้น หลินเยวียนจึงตระหนักได้ถึงความจริงประการหนึ่ง
บนโลกนี้ ใครมีอำนาจมา คนนั้นมีสิทธิ์ตัดสินใจ
ในครั้งนี้ คลังหนังสือซิลเวอร์บลูเพียงแค่บอกว่าบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศและบรรพกาลคือนิยายซึ่งอยู่ระดับเดียวกัน
หลังจากนั้นแฟนคลับนิยายเรื่องบรรพกาลก็รับไม่ได้
ราวกับว่าการหยิบยกบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศและบรรพกาลมีเรียบเทียบกัน จะเป็นการดูหมิ่นนิยายชุดบรรพกาลอย่างใหญ่หลวง
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ไม่เคยอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ!
ลองอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศก่อน ดีกว่าพูดขึ้นมาลอยๆ
แต่พวกเขากลับใช้ความรักที่มีต่อบรรพกาล มาเหยียดหยามเขาและบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ ว่าไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
ทำเช่นนี้ต่างอะไรกับคนเหล่านั้นซึ่งโจมตีหลานหลินอ๋อง เนื่องจากไอดอลของพวกเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์
สารัตถะของเรื่องราวล้วนเหมือนกัน
ตอนนี้เขาได้พบกับเรื่องแบบนี้อีกครั้ง หลินเยวียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องการลบ หรือแม้แต่แก้ไขข้อความโปรโมต
ต่อให้อยู่บนโลก
ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าบรรพกาลเหนือกว่าบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
ในทุกแง่มุม!
ดังนั้นคลังหนังสือซิลเวอร์บลูจึงเอาใจใส่ความรู้สึกของแฟนคลับบรรพกาลเป็นอย่างดี
ข้อความโปรโมตนี้นับว่าถ่อมเนื้อถ่อมตัวมากแล้ว
แน่นอน
มีเพียงส่วนน้อยที่คิดเช่นนี้
เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ภายในเวลาเพียงครึ่งวัน ทุกคนก็รู้เรื่องนี้
ไม่ทันไร ผู้คนนับไม่ถ้วนในแวดวงวรรณกรรมต่างถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นนี้
“ครั้งนี้ฉู่ขวงรีบร้อนเกินไปหน่อย”
“คงคิดจะขึ้นตำแหน่งเทพสูงสุดด้วยหนังสือเล่มเดียว แต่ก็ออกตัวแรงเกินไป”
“ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อความโปรโมตหนังสือเรื่องใหม่ชอบใช้คำคุยโว ถึงยังไงก็ทำกันมาแบบนี้ แต่ครั้งนี้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็วู่วามเกินไปที่ใช้บรรพกาลมาเป็นมาตรวัด”
“แต่เรื่องนี้กระจายเป็นไฟลามทุ่ง น่าจะมีคนคอยเติมเชื้อไฟด้วย”
“หลังจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูมีฉู่ขวง ผลงานก็ทะยานสูงขึ้นมาตลอด ต้องมีคนอิจฉาตาร้อนแน่ๆ ”
“มีอีกเหตุผลหนึ่งคือ หลายบริษัทอยากดึงตัวฉู่ขวง แต่กลับดึงมาไม่ได้”
“แต่ไม่ว่ายังไง คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็คุยโวเกินไป ถ้าพวกเขาไม่ยกบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศขึ้นมาเทียบกับบรรพกาล คู่แข่งจะนำช่องไปโจมตีไม่ได้”
“เทียบกับบรรพกาล ก็เพื่อให้ฉู่ขวงขึ้นชิงเทพสูงสุดสินะ”
“ท้ายที่สุดแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติ คงเป็นเรื่องยากสำหรับฉู่กวงที่จะขึ้นไปคว้าโควตาเทพสูงสุดคนที่สี่ในปีนี้”
“…”
ในขณะนั้น ในวงการก็มีคนเอ่ยขึ้นมากะทันหัน
“ให้ตายเถอะ เรื่องนี้ชักจะไปกันใหญ่แล้ว พวกคุณรีบไปดูเร็ว สมาคมวิจัยบรรพกาลออกโรงแล้ว!”
พรึ่บๆๆ
ผู้คนมากมายรีบเข้าไปมุงดูทันที
บนปู้ลั่ว
สมาคมวิจัยบรรพกาลได้โพสต์ภาพหน้าจอของข้อความโปรโมตเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลู พร้อมทั้งแนบข้อความว่า
‘ข้อความโปรโมตในแวดวงวรรณกรรมปัจจุบันนี้ คุยโวโอ้อวดขึ้นทุกวัน มาถึงก็ตะโกนว่า หนังสือใหม่สะเทือนวงการจนผู้คนต้องหลั่งน้ำตา พวกคุณรีบมาอ่านกันเร็ว ช่างน่าขันราวกับบริษัทผลิตยาซึ่งนำยาราคาไม่กี่สิบหยวนมาอวดอ้างว่ารักษาโรคมะเร็งได้ ปรากฏการณ์นี้ถ้ายังไม่แก้ไข รังแต่จะทำให้บางบริษัทเสื่อมเสียความน่าเชื่อถือ’
สมาคมวิจัยบรรพกาลเรียกตนเองว่า ‘บรรพกาลศึกษา’
ว่ากันว่าเป็นสมาคมซึ่งก่อตั้งขึ้นจากลุ่มผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องบรรพกาลโดยเฉพาะ
ถึงแม้จะไม่ได้รับการรับรองจากทางการ แต่ก็นับว่ามีอิทธิพลระดับหนึ่งในหมู่ประชาชน
很多古代流传下来的经典小说,都有类似的民间协会。นิยายคลาสสิกหลายเรื่องซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ล้วนแต่มีสมาคมเอกชนที่คล้ายคลึงกัน
หนังสือเรื่องนี้นับว่าบ่มเพาะบุคลากรซึ่งได้ชื่อว่าผู้เชี่ยมชาญและนักวิชาการมาไม่น้อย
ต่อจากนั้น สมาคมวิจัยบรรพกาลจึงเมนชันถึงคลังหนังสือซิลเวอร์บลูและฉู่ขวง
‘ขณะที่คุณนำหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงมาเปรียบเทียบกับบรรพกาล รู้หรือไม่ว่าหนังสือเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงนิยายแฟนตาซีเหาะเหินเดินอากาศเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยมรดกทางวรรณกรรมมากเช่นไร นี่คือระดับที่สิ่งที่งานเขียนสมัยใหม่ไม่อาจบรรลุถึง’
ทันทีที่ข้อความนี้ออกมา หลายคนก็สีหน้าเปลี่ยน
ถูกต้อง
นิยายชุดบรรพกาลได้มีเพียงเรื่องราวที่โดดเด่น ขณะเดียวกันยังเขียนด้วยภาษาโบราณ พรั่งพร้อมไปด้วยบทกวีและลำนำ คุณค่าทางวรรณกรรมก็ได้รับการยอมจากสาธารณชนเช่นเดียวกัน
ทว่านิยายแฟนตาซีสมัยใหม่ มักไม่ได้ขบคิดถึงคุณค่าทางวรรณกรรม แต่ให้ความสำคัญเพียงการบรรยายเรื่องราวเพื่อกระตุ้นยอดขาย
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ขบคิดถึงคุณค่าทางวรรณกรรม มีนักเขียนเพียงไม่กี่คนที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วยบทกวี ลำนำ และบรรยายออกมาด้วยภาษาโบราณได้
ไม่ใช่อะไร
ฝีมือยังไม่ถึง
ต่อให้สามารถเขียนออกมาได้หลายบท พวกเขาจะรับประกันได้ไหมว่าจะเขียนเช่นนี้ได้ทั้งเล่ม
เป็นไปไม่ได้
ถ้าเขียนแบบนั้นคงขายไม่ออก
นิยายแฟนตาซีมักเดินตามเส้นทางทั่วไป ผู้อ่านในปัจจุบันนี้แทบอ่านภาษาโบราณกันไม่ออก
มีบางคนคิดว่านี่คือการลอบเปลี่ยนความคิด
ส่วนบางคนกลับยอมรับในคำพูดนี้
การนำหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงมาเปรียบเทียบกับบรรพกาลนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ
พรึบๆๆ !
หลังจากสมาคมวิจัยบรรพกาลออกโรง แฟนคลับบรรพกาลก็ราวกับมีเทพมาเกื้อหนุน!
ต่อให้แฟนคลับบรรพกาลเหล่านี้จะรู้จักเรื่องบรรพกาลผ่านทางอนิเมชันหรือละครโทรทัศน์ก็ตาม…
พวกเขาถาม!
‘พวกคุณมีคุณค่าทางวรรณกรรมไหม?’
‘พวกคุณมีคุณค่าทางศิลปะไหม?’
‘ถ้าไม่มีปัจจัยพวกนี้ จะเอาสิ่งที่เรียกว่าบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศมาเปรียบเทียบกับบรรพกาลได้ยังไง’
‘ฝั่งหนึ่งเป็นผลงานใหม่ของนักเขียนหนังสือขายดีคนหนึ่ง อีกฝั่งเป็นมหากาพย์ชิ้นเอกซึ่งตกทอดมานานนับร้อยปี จะนำสองฝั่งมาเปรียบเทียบกันได้จริงหรือ?’
‘เทพปกรณัมอย่างบรรพกาล คือหนังสือที่คนบลูสตาร์นับไม่ถ้วนต่างยอมรับ!’
‘นี่คือผลงานชิ้นเอกฉบับดั้งเดิมซึ่งตกทอดมาเป็นร้อยปี ไม่ใช่สิ่งที่นักเขียนหนังสือขายดีอย่างพวกคุณจะมาเล่นด้วยง่ายๆ !’
‘นี่คือความดั้งเดิม!’
‘ความดั้งเดิมคืออำนาจ!’
‘ถ้าคลังหนังสือซิลเวอร์บลูยกผลงานยุคสมัยเดียวกันขึ้นมาเทียบ คงไม่มีใครพูดอะไร นิยายของฉู่ขวงยอดขายสูงมากก็จริง แต่ตอนนี้ฉู่ขวงโอหังถึงขั้นที่เอาผลงานของตัวเองไปเทียบกับผลงานคลาสสิกระดับตำนานอย่างบรรพกาล ช่างตลกสิ้นดี!’
‘…’
เหล่าผู้เชี่ยวชาญบรรพกาลศึกษาออกโรงมากขึ้นเรื่อยๆ !
พวกเขาสาปส่งบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศไปพลาง เสริมเกร็ดความรู้ถึงความยอดเยี่ยมของบรรพกาลศึกษาไปพลาง การตีความหลากหลายรูปแบบของพวกเขาทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาตะลึงงัน
ด้วยกระแสในขณะนี้ เสียงสนับสนุนฉู่ขวงจึงถูกกดทับไว้!
อิทธิพลของบรรพกาลศึกษาช่างน่าสะพรึงกลัว!
เนื่องจากมันไม่ใช่เพียงนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นกำลังเสริมด้านชื่อเสียงซึ่งมาจากผลงานที่เกิดขึ้นตามมา หลังจากเผยแพร่มานานหลายปี ผู้คนจึงคุ้นเคยกับบรรพกาลเป็นอย่างดี!
ในความเป็นจริง แม้แต่แฟนคลับของฉู่ขวงก็ยังกระจ่างดี…
ในแง่ของคุณค่าทางวรรณกรรม เป็นเรื่องยากที่นิยายแฟนตาซีจะเปรียบเทียบกับบรรพกาลได้
และเห็นได้ชัดว่าในเวลานี้สมาคมวิจัยบรรพกาลกำลังยึดติดกับพลังอำนาจของความเป็นมรดกทางวรรณธรรมโบราณ รวมไปถึงอิทธิพลและความดั้งเดิมจนไม่ยอมปล่อย!
พลังอำนาจประเภทนี้ ต่อให้เป็นนิยายที่ยอดขายจะสูงแค่ไหนก็ยากจะทำลายล้าง!
‘ยังไม่ขอโทษอีก?’
‘ยังไม่ลบข้อความโปรโมตอีก?’
แฟนคลับบรรพกาลมีความยิ่งใหญ่และสมัครสมานสามัคคีกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงขั้นที่ก่อตั้งเป็นกลุ่มแฟนคลับบรรพกาล และไปร้องเรียนต่อสมาคมวรรณศิลป์เกี่ยวกับปัญหาในการโปรโมตบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ…
พวกเขาจับตามองฉู่ขวง!
พวกเขาจับตามองคลังหนังสือซิลเวอร์บลู!
พวกเขาต้องการเพียงบีบให้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูและฉู่ขวงก้มหัว ลบข้อความโปรโมต และขอโทษแต่โดยดี!
อย่างไรก็ตาม
แฟนคลับบรรพกาลเป็นต้องผิดหวัง
เพราะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูไม่ขอโทษ และฉู่ขวงยิ่งไม่มีวันขอโทษ!
ถึงขั้นที่
คลังหนังสือซิลเวอร์บลูยังโพสต์โปรโมตเพิ่มอีกด้วย
และภาพซึ่งใช้ในการโปรโมตคือภาพของพญาวานรโสภาซึ่งสวมรัดเกล้าสีสองรูปปีกหงส์ฟ้า บนร่างสวมเกราะสีทอง เท้าเหยียบอยู่บนเมฆวิเศษ และถือกระบองทองไว้ในมือ!
เขานั่งอยู่บนยอดเขา!
พร้อมผ้าคลุมสีแดงตัวใหญ่!
ราวกับกำลังไล่ล่าบางสิ่งจากเสียงลม!
และรอบกายของวานรตัวนี้ เต็มไปด้วยทหารและขุนพลสวรรค์ท่าทางเหี้ยมโหดนับไม่ถ้วน!
สไตล์ภาพวาดวิจิตรงดงาม!
ทักษะการวาดภาพเหนือชั้น!
ผลงานซึ่งล้ำเลิศเช่นนี้มาจากปลายพู่กันของอิ่งจืออย่างแน่นอน
‘เช้าวันพรุ่งนี้ บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเผยแพร่ล่วงหน้า ฉีเทียนต้าเซิง จะมาเหยียบสวรรค์!’
วานรตัวนี้ ดื้อรั้นมาตั้งแต่เกิด!