Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 113 นิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในขึ้นใหม่
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 113 นิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในขึ้นใหม่
ตอนที่ 113 นิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในขึ้นใหม่
แม้ว่าเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสก่อนหน้านี้จะตีพิมพ์ติดต่อกันเพียงไม่กี่เดือน ถึงขั้นที่ไม่ถึงครึ่งปีก็จบแล้ว แต่ฉู่ขวงก็นับว่าได้กอบโกยแฟนคลับจากนิยายเรื่องนี้มาบ้าง แฟนคลับกลุ่มนี้ติดตามคลังหนังสือซิลเวอร์บลูมาโดยตลอด เพื่อรอข่าวสารเกี่ยวกับหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าฉู่ขวงจะปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ คนกลุ่มนี้ก็ทั้งตื่นเต้นและคาดหวังมากทีเดียว
‘เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีกแฮะ’
นับจากวันที่เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจบจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปได้ไม่นาน นักเขียนคนอื่นๆ เมื่อเขียนนิยายจบส่วนมากก็จะพักไปหลายเดือน แต่ฉู่ขวงคล้ายว่าจะไม่ได้พัก เร่งเครื่องเขียนหนังสือเรื่องใหม่อย่างไม่ลดละ
‘ชอบความตรงเวลาของฉู่ขวงนี่แหละ!’
‘ที่มาชอบนิยายแนวกีฬาก็เพราะปรินซ์ออฟเทนนิสเลย ผลงานของฉู่ขวงจบลงแล้วฉันก็ยังตามอ่านนิยายแนวนี้อีกหลายเรื่อง คนที่ตามกระแสเขาในตลาดนิยายมีเยอะแยะ แต่เทียบกับฉู่ขวงแล้ว ฉันว่านิยายแนวกีฬาของคนอื่นยังให้ความรู้สึกสนุกน้อยกว่าหน่อย’
‘ถึงยังไงฉู่ขวงก็เป็นปรมาจารย์!’
‘หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงก็คงจะเป็นการแข่งขันกีฬาสินะ’
‘น่าจะต้องถามว่านิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเป็นวายหรือเปล่า’
‘ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ชมรมเทนนิสโรงเรียนชิงชุนอยู่ดีๆ ก็โดนพวกเธอแซวจนน่วมแล้วเนี่ย เอาแต่จับคนเขามาชิปกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นนิยายแนวการแข่งขันเทนนิส /สีหน้าจริงจัง/’
‘…’
เพราะเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจะค่อนไปทางนิยายผู้ชาย แต่ละคนในชมรมเทนนิสโรงเรียนชิงชุนถูกถ่ายทอดออกมาในนิยายได้อย่างสมบูรณ์แบบ กอปรกับในนิยายเรื่องนี้มีเรื่องราวประจำวันที่น่าสนใจ ชายหนุ่มเหงื่อโทรมกายคลุกคลีกันทุกวัน ทำให้นักอ่านจำนวนมากขนานนามนิยายเรื่องนี้ว่าเป็นนิยายวายในคราบนิยายแนวแข่งขันกีฬา
เพราะคุณลักษณะนี้เอง
ทั้งๆ ที่ปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นนิยายผู้ชาย แต่ก็ยังดึงดูดแฟนคลับวัยรุ่นผู้หญิงได้ไม่น้อย แน่นอนว่าแฟนคลับผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้สนใจว่าในนิยายจะแข่งขันอะไรกัน พวกเขาสนใจปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันของตัวละครมากกว่า ใช้จินตนาการของสาววาย ก็อ่านได้อย่างเพลิดเพลินใจเช่นกัน
และเป็นเพราะโลกนี้ให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์
หากไม่มีข้อผูกมัดด้านลิขสิทธิ์ เกรงว่าโดจินคงบินว่อนเต็มไปหมดตั้งแต่แรกแล้ว อย่าได้ดูถูกความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของสาววายเชียว ถ้าให้พวกเขาเขียนได้อย่างเปิดเผย การหล่อเลี้ยงอุ้มชูเว็บไซต์นิยายที่ผู้ชายไม่คลิกเข้าไปดูก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
แต่กระนั้นแล้ว สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ
แฟนคลับแทบทุกคนล้วนคิดว่าฉู่ขวงจะเขียนแนวการแข่งขันกีฬาต่อ ถึงอย่างไรตลาดของนิยายแนวนี้ฉู่ขวงเองก็เป็นคนบุกเบิก หลังจากบุกเบิกตลาดครั้งใหญ่ เขาคงไม่มีทางปล่อยผลงานของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสที่เขาฝ่าฟันมาทิ้งไปง่ายๆ หรอกล่ะมั้ง
นี่คือตรรกะอันสมเหตุสมผล
ยิ่งไปกว่านั้น นักเขียนก็ยังใส่ใจกับความเหนียวแน่นของฐานแฟนคลับด้วย นามปากกาฉู่ขวงอยู่ในสายแฟนตาซี และเชื่อมโยงกับนิยายแนวการแข่งขันกีฬา ถ้าเขาอยากเปลี่ยนแนวขึ้นมาจริงๆ แฟนคลับก็อาจไม่เห็นดีเห็นงามด้วยก็ได้
ไม่เพียงแฟนคลับคิดแบบนี้
บริษัทอื่นๆ ในวงการสำนักพิมพ์ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน อย่างไรซะในตอนนี้แนวการแข่งขันกีฬาไม่นับว่าเป็นนิยายเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แม้จะยังเป็นกลุ่มเล็กอยู่เมื่อเทียบกับนิยายกระแสหลัก แต่ในตลาดนิยายเฉพาะกลุ่มจะมีนิยายขายดีสักสองสามเรื่องย่อมไม่ใช่ปัญหา
ตราบใดที่ยังเขียนแนวนี้ต่อไป
ต่อให้ฉู่ขวงเหลวไหลกว่านี้ก็น่าจะทำยอดขายได้ไม่เลว นอกจากนั้นแล้วด้วยความสามารถในการเขียนแนวการแข่งขันกีฬาของฉู่ขวง จะแค่ได้ยอดขายที่ไม่เลวหรือไงกัน สำนักพิมพ์ในอุตสาหกรรมนี้ไม่มีทางดูแคลนฉู่ขวงอีกต่อไป ทุกคนล้วนมองฉู่ขวงด้วยสายตายกย่องอย่างที่สุด
ไม่แน่อาจมีปรินซ์ออฟเทนนิสออกมาอีกก็ได้!
ทุกคนถึงกับตกประหม่า โดยเฉพาะสำนักพิมพ์ที่แข่งขันกับคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอย่างดุเดือด เพราะความเร็วในการปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงออกจะเร็วไปสักหน่อย มีที่ไหนกันเรื่องเก่าเพิ่งจบยังไม่ทันได้พักก็เปิดเรื่องใหม่แล้ว
เป็นยอดฝีมือหรือไงกัน
ถ้าปล่อยผลงานที่ขายดีออกมาอีก เช่นนั้นสำหรับคลังหนังสือซิลเวอร์บลูแล้ว การที่เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจบลงจะไม่เพียงไม่ใช่เรื่องแย่ หนำซ้ำยังเป็นเรื่องดีซะอีก เพราะนั่นหมายความว่าคลังหนังสือซิลเวอร์บลูจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาอีกชิ้นหนึ่งแล้ว!
……
ฉู่ขวงเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งไม่ผิดแน่ จุดนี้ในวงการเดาไม่ผิด แต่เรื่องหนึ่งที่ทุกคนเดาผิดกันก็คือหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงไม่ได้เขียนแนวการแข่งขันกีฬาต่อ หากแต่เป็นแนวที่ทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคย
นิยายเทพเซียนกำลังภายใน!
คลังหนังสือซิลเวอร์บลูไม่ได้อุบเงียบ พวกเขาประกาศข่าวว่าฉู่ขวงจะปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ในคืนนั้น บนแบนเนอร์ของเว็บไซต์ในวันต่อมาก็ประกาศประเภทนิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวง แถมยังโปรโมตตามช่องทางต่างๆ เสียยิ่งใหญ่ ทำเอาแฟนคลับของฉู่ขวงอึ้งไปตามกัน
‘อะไรฟระเนี่ย’
‘นิยายเทพเซียนกำลังภายใน?’
‘ไม่ใช่การแข่งขันกีฬาเหรอ’
‘ทำไมไม่เขียนแนวการแข่งขันกีฬาต่อแล้วล่ะ เห็นอยู่ว่าฉู่ขวงมีพรสวรรค์ในการเขียนแนวนี้ ต่อให้ไม่เขียนเกี่ยวกับเทนนิส แล้วเปลี่ยนไปเขียนกีฬาอย่างบาสหรือฟุตบอลแทนฉันก็รับได้นะ!’
‘ข้ามแนวเกินไปล่ะมั้ง?’
‘ก็คือกระโดดจากการแข่งขันกีฬาดุเดือดเลือดพล่านไปเป็นมหาศึกเซียนปะทะมารแล้ว ปัญหาคือพวกผมไม่ชอบอ่านเทพเซียนกำลังภายใน แนวแปลกประหลาดแบบนี้ตกยุคไปแล้ว ฉู่ขวงคิดอะไรอยู่กันแน่’
‘…’
แนวเทพเซียนกำลังภายในไม่มีคนเขียนก็จริง แต่อิทธิพลของเรื่องมหาศึกเซียนปะทะมารยังหลงเหลืออยู่ไม่น้อย นิยายเรื่องนี้ถึงขั้นถูกฉายเป็นภาพยนตร์ เป็นความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายคน กรอบความคิดที่ทุกคนมีต่อแนวเทพเซียนกำลังภายใน โดยทั่วไปล้วนมาจากผลงานเมื่อหลายปีก่อน
แฟนคลับงงกันถ้วนหน้า
อันที่จริงคนในวงการก็งงเช่นกัน พวกเขาอ่านแบนเนอร์โปรโมตของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูโดยละเอียด ในนั้นเขียนว่านิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเป็นแนวเทพเซียนกำลังภายในจริงๆ คำโฆษณายังอวดอ้างสรรพคุณเสียยกใหญ่ เขียนไว้สองประโยคว่า
‘กระบี่เทพสังหารวางขายในวันที่ 1 กรกฎาคม!’
‘แล้วมาดูกันว่าฉู่ขวงจะนิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในใหม่ว่าอย่างไร!’
ในใจของคนในวงการจำนวนมากพลันเต้นโครมขึ้นมา จะบอกว่าไม่ถูกใจก็ไม่ถึงขั้นนั้น คลังหนังสือซิลเวอร์บลูไม่ได้โง่ ถ้างานที่ฉู่ขวงเขียนออกมาไม่ได้เรื่องจริงๆ บริษัทพวกเขาจะลงทุนโปรโมตหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงขนาดนั้นทำไม ฝังกลบต้นฉบับไปเลยก็สิ้นเรื่อง
แต่ถ้าจะให้บอกว่าฉู่ขวงเขียนได้ดีขนาดไหน
นิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในจะเขียนให้ดีได้แค่ไหนกัน
ส่วนที่บอกว่านิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในใหม่ คนที่คร่ำหวอดในวงการล้วนรู้ดีว่าคำพูดประเภทนี้แค่ดูก็พอ มีที่ไหนกันคำโฆษณาอวดอ้างไปสองประโยค หนังห่วยๆ บางเรื่อง ก่อนฉายก็บอกว่าหนังของตนจะเป็นมหากาพย์แห่งยุคเหมือนกันนั่นแหละ
“ฉันเข้าใจแล้ว”
คนในสายงายคนหนึ่งคาดเดา “น่าจะเป็นเพราะนิยายที่ชื่อว่ากระบี่เทพสังหารนี้เขียนพอใช้ได้ พวกคุณก็รู้ว่ามักจะมีนิยายที่ถูกจัดให้อยู่ในระดับกลาง จะฝังทิ้งไปก็น่าเสียดาย จะตีพิมพ์ก็ขายไม่ดี บวกกับคนแต่งนิยายเรื่องนี้คือฉู่ขวง คลังหนังสือซิลเวอร์บลูคงไม่อยากล่วงเกินฉู่ขวง เพราะถึงยังไงความสามารถของฉู่ขวงก็เป็นที่ประจักษ์ทั่วกัน ก็เลยให้โอกาสฉู่ขวงอีกสักครั้ง?”
นักเขียนนิยายขายดีย่อมมีสิทธิ์มีเสียง
ต้นฉบับของนักเขียนผลงานที่ขายไม่ดี บรรณาธิการจัดการฝังกลบแล้วก็จบเรื่อง ทว่าต้นฉบับของนักเขียนผลงานขายดี ต่อให้เขียนไม่ได้เขียนดี บรรณาธิการก็ไม่มีทางฝังกลบไปง่ายๆ โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่นักเขียนผลงานขายดียืนกรานจะตีพิมพ์ให้ได้ ส่วนมากสำนักพิมพ์ก็จะให้โอกาส เพื่อไม่ให้ผิดใจกับอีกฝ่าย
ถ้าเกิดว่าดังขึ้นมาล่ะ?
สายตาของบรรณาธิการไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ มีตัวอย่างของต้นฉบับบางส่วนที่ถูกสำนักพิมพ์แรกปฏิเสธ เมื่อนำไปตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ที่สองกลับขายดิบขายดี อีกอย่างเมื่อก่อนนิยายประเภทเดียวกับปรินซ์ออฟเทนนิสก็ไม่ถูกใจคนวงการไม่ใช่หรือไง
ฉู่ขวงคงชอบอะไรแบบนี้
เขาต้องเขียนแนวที่ท้าทายตลอด
คนในวงการส่วนมากล้วนยอมรับคำพูดเหล่านี้
บรรณาธิการบริหารของสำนักพิมพ์เฟลอริชกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายปานนั้น เพราะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูโปรโมตซะอลังการงานสร้างซะขนาดนั้น ถ้าคิดจะปฏิบัติต่อฉู่ขวงอย่างขอไปทีก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงระดับนี้
“หรือว่าในนั้นจะซ่อนระเบิดเอาไว้?”
จะโทษที่บรรณาธิการบริหารของสำนักพิมพ์เฟลอริชสงสัยมากก็ไม่ได้ เพราะที่สำคัญก็คือพวกเขาเคยถูกเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสตบหน้ามาครั้งหนึ่งแล้ว คนระดับเขาถูกคนตบหน้ามาครั้งหนึ่งก็จำฝังใจ ไม่เหมือนกับบางคนที่ถูกตบหน้ามาครั้งหนึ่งก็ยังใช้มุมมองเก่าๆ มองเรื่องนี้อยู่ เขาเชื่อว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่กังวลเรื่องนี้
“ไม่ได้การแล้ว!”
“มีปัญหาแล้ว!”
“หลี่ว์เป่ยไม่ได้โง่!”
“เขาซ่อนระเบิดไว้!”
หัวหน้าบรรณาธิการของเฟลอริชยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตนมีเหตุผล เดินไปๆ มาๆ อยู่ในห้องทำงาน แต่ไม่ว่าจะขบคิดอย่างไร เขาก็จินตนาการไม่ออกว่าแนวเทพเซียนกำลังภายในจะกลายเป็นระเบิดในตลาดหนังสือไปได้อย่างไร ดังนั้นหนังตาเขาถึงได้กระตุกอยู่ตลอดเวลา
ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายใจเอาซะเลย
ครั้งนี้ฉู่ขวงเขียนอะไรกันแน่
………………………………………………………………….