Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 167 ส่งมอบออเดอร์
ตอนที่ 167 ส่งมอบออเดอร์
ในคืนนั้น
กู้เฉียงอวิ้นเรียกเปิดประชุมกะทันหัน และแถลงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนต่อหน้าที่ประชุม “บริษัทต้องถูกจัดระเบียบใหม่”
จ๊อกแจ๊กๆ!
หลังจากกู้เฉียงอวิ้นประกาศกร้าวเรื่องการจัดระเบียบบริษัทแล้ว ชั่วขณะนั้นทุกคนก็เกิดรู้สึกหวาดหวั่นใจ ทุกคนต่างก็เดาได้ไม่ยาก ว่ากู้เฉียงอวิ้นกำลังจะปลดพนักงานออก
น้ำแข็งหนาสามฉื่อมิได้เกิดขึ้นเพราะเหมันต์เพียงวันเดียว[1]
ปัญหาของสตาร์ไลท์มิวสิกสะสมมานานอย่างอย่างเห็นได้ชัด
อันที่จริงกู้เฉียงอวิ้นคิดอยากจัดระเบียบบริษัทมานานแล้ว แต่ก็อับจนหนทางเพราะก่อนหน้านี้อาการของบริษัทนั้นสาหัสสากรรจ์พอดู ไม่อาจทนโต้คลื่นระลอกใหญ่ได้เลย ฉะนั้นแล้วในฐานะกรรมการผู้จัดการจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ ทำได้เพียงพยายามอย่างเชื่องช้าราวกับใช้มีดทื่อค่อยๆ หั่นเนื้อ
แต่สถานการณ์ปัจจุบันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
หลังจากการมาถึงของตัวแทนหลิน สถานการณ์ของบริษัทก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ถึงขั้นที่เหยียบเข้าสู่หนึ่งร้อยอันดับแรกในการจัดอันดับผู้รับงาน!
ดังนั้นกู้เฉียงอวิ้นจึงรู้สึกว่าตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะสมที่จะจัดระเบียบบริษัท!
ตอนนี้บริษัทมีตัวแทนหลินมาประคับประคองสถานการณ์ ถ้าหากยังดึงดันต่อไปเช่นนี้ เมื่อตัวแทนหลินกลับฉินโจวไป เขาก็อาจไม่มีโอกาสได้จัดระเบียบบริษัทอีก
ฉะนั้นหลังจากที่กู้เฉียงอวิ้นปิดการประชุมแล้ว ในวันต่อมาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด!
เขาเรียกคนมาเจรจาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มีคนออกไปจากที่นี่แทบทุกวัน
การปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากทำให้ผู้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะทางแผนกประพันธ์เพลง หลังจากที่เห็นว่าเพื่อนร่วมงานที่ถูกปลดออกไปมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอดรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอย่างอดไม่ได้
กรรมการผู้จัดการพูดจริงทำจริง!
มีพนักงานบางส่วนซึ่งถูกปลดออกตั้งใจมาขอร้องกู้ตง โดยหมายมุ่งว่าจะบรรลุข้อตกลงความร่วมมือลับ
เมื่อเผชิญหน้ากับพนักงานเก่าแก่ที่เข้ามาขอร้อง กู้ตงก็อดใจอ่อนไม่ได้ จึงอยากไปถามความเห็นจากกู้เฉียงอวิ้น
กู้เฉียงอวิ้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ลูกคิดว่าพ่อไม่รู้สึกเสียดายพนักงานเก่าหรือไง แต่ถ้าทำให้บริษัทเติบโตในระยะยาวก็จำเป็นต้องตัดใจ ตัวอย่างเช่นเหล่าจางที่ครั้งนี้มาขอร้อง อันที่จริงความสามารถก็นับว่าไม่แย่ แต่ยังขาดการประเมินตนเอง บอกว่าตัวเองรับแค่ออเดอร์มูลค่าห้าแสนหยวนขึ้นไป ออเดอร์สองสามแสนหยวนเขาไม่ชายตามองด้วยซ้ำ…”
กู้ตงนิ่งเงียบ
สิ่งที่กู้เฉียงอวิ้นพูดนั้นเป็นความจริง
พนักงานในบริษัทหลายคนมีปัญหาเรื่องนี้
ทำออเดอร์ชิ้นใหญ่ไม่ไหว ก็ยังไม่ยอมลดทิฐิไปทำออเดอร์ชิ้นเล็ก
แต่ถ้าไม่มีใครทำออเดอร์ชิ้นเล็ก แล้วใครจะรับผิดชอบผลงานโดยภาพรวมของบริษัทล่ะ
กู้เฉียงอวิ้นถอนหายใจ “ที่คนในวงการพูดคุยกันลูกก็คงได้ยินมาใช่มั้ยล่ะ บริษัทเราถึงแม้จะได้ขึ้นไปอยู่บนชาร์ตให้คนเห็นหน้าค่าตาแล้ว แต่ในสายงานก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่บอกว่าพวกเราถ่วงแข้งถ่วงขาตัวแทนหลิน ที่จริงตัวแทนหลินกำลังพยายามอย่างหัวเดียวกระเทียมลีบ ถึงเรื่องนี้จะเป็นความจริง แต่พวกเราจะทนบากหน้าทำต่อไปได้ยังไง…”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
กู้ตงพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยโน้มน้าวอีก
การจัดระเบียบของกู้เฉียงอวิ้น ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ
จนกระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน การจัดระเบียบของกู้เฉียงอวิ้นจึงหยุดลงในที่สุด
และในตอนนี้
พนักงานแผนกประพันธ์เพลงของบริษัทจากเดิม 126 คน ลดลงเหลือเพียง 70 คนถ้วน
ใช่แล้ว
เมื่อหลินเยวียนกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าพื้นที่ในบริษัทกว้างขวางขึ้นถนัดตา
เขากลับไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่เริ่มการสอนแก่เซวียเหลียงดังเช่นที่ผ่านมา
เซวียเหลียงไม่ได้โดนลูกหลงจากการปลดพนักงานในครั้งนี้
เหตุผลสำคัญก็เพราะความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์ระหว่างเซวียเหลียงกับหลินเยวียน
ต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์นี้ เซวียเหลียงก็ไม่มีทางถูกบริษัทเขี่ยออก เพราะผลงานของเขาไม่เลวมาโดยตลอด
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ได้ตั้งเป้าหมายสูงเกินตัว และไม่เคยปฏิเสธออเดอร์เล็กๆ เหล่านั้น
หลังจากจบการเรียนการสอน
หลินเยวียนจึงเปิดดูค่าความสามารถของเซวียเหลียงสักหน่อย
ความสามารถในการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียงถึง 514 แล้ว
เห็นได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา เซวียเหลียงไม่ได้มาเข้าเรียนกับหลินเยวียนอย่างเสียเปล่า
ทว่าสิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ…
หลังจากที่ค่าความสามารถของเซวียเหลียงทะลุเกิน 500 ไปแล้ว หลินเยวียนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าค่าความสามารถของเซวียเหลียงนั้นเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่ลดลง
หลังจากที่ขบคิดอยู่เล็กน้อย
หลินเยวียนก็เข้าใจเหตุผล
ที่เมื่อก่อนความสามารถของเซวียเหลียงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก็เพราะเซวียเหลียงนั้นพื้นฐานอ่อนเกินมาก
แต่หลังจากที่ความสามารถของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้าย ต่อให้คิดอยากดึงกราฟความสามารถให้สูงขึ้นอีกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอีกต่อไป
หลินเยวียนไม่ได้ดูอนาทรร้อนใจแต่อย่างใด
เขาเพียงแค่ให้เซวียเหลียงทำออเดอร์ที่มีอยู่ในมือเสร็จก่อน
นั่นก็คือออเดอร์ราคาเจ็ดแสนหยวน หลินเยวียนคิดว่าถ้าออเดอร์นี้สำเร็จ ก็จะมีส่วนช่วยในการดึงค่าความสามารถของเซวียเหลียงขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่อาจกลายเป็นจุดเป็นสำคัญที่ทำให้เซวียเหลียงจบหลักสูตรนี้อย่างเป็นทางการเลยก็ได้!
……
หลังจากกู้เฉียงอวิ้นจัดระเบียบบริษัทได้สำเร็จ ก็ไม่ได้เปิดรับสมัครคนเพิ่ม เจ็ดสิบคนของแผนกประพันธ์เพลงในตอนนี้นับว่าเพียงพอ
ความจริงก็เป็นเช่นนี้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพจากการจัดระเบียบ ซึ่งทำให้พนักงานที่เหลืออยู่เกิดความกดดัน หรือว่าความสามารถของนักประพันธ์เพลงอีกเจ็ดสิบคนที่เหลืออยู่นั้นยอดเยี่ยม สรุปแล้วยามที่เวลาล่วงเลยมาถึงปลายเดือนพฤศจิกายน สตาร์ไลท์มิวสิกก็ส่งออเดอร์ได้ถึงสามชิ้น
กู้เฉียงอวิ้นปลาบปลื้มสุดๆ!
นับตั้งแต่ที่ตัวแทนหลินมาประจำที่บริษัทย่อย นี่เป็นครั้งแรกซึ่งนักประพันธ์เพลงของบริษัทย่อยทำออเดอร์สำเร็จโดยไม่พึ่งพาตัวแทนหลินเลย
แถมยังเป็นสามออเดอร์ติดๆ กันด้วย!
ถึงแม้สามออเดอร์รวมกันแล้วจะมีมูลค่าแค่หนึ่งล้านห้าแสนหยวนก็ตามแต่ ไม่มีทางเทียบได้กับออเดอร์คุณภาพสูงก่อนหน้านี้ของหลินเยวียน ทว่ากรรมการผู้จัดการอย่างกู้เฉียงอวิ้นก็ผ่อนคลายในที่สุด ถึงอย่างไรก็ปลดพนักงานออกไปรวดเดียวถึงหนึ่งในสาม ผู้จัดการอย่างเขาเองก็มีความกดดันในการทำงานเช่นเดียวกัน ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาเขาก็จะถูกสำนักงานใหญ่กล่าวโทษได้
ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นมากแล้ว
อย่างน้อยบนการจัดอันดับผู้รับงาน ตัวแทนหลินก็ไม่ได้หัวเดียวกระเทียมลีบ นักประพันธ์เพลงคนอื่นๆ ก็พยายามอย่างเต็มที่ อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำได้แค่ถ่วงแข้งถ่วงขา!
ไปพูดคุยกับตัวแทนหลินสักหน่อยดีกว่า!
ก่อนหน้านี้กู้เฉียงอวิ้นคิดมาตลอดว่าบริษัทเป็นตัวถ่วงของตัวแทนหลิน ดังนั้นจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจ นานแล้วที่เขาไม่ได้ไปทักทายตัวแทนหลิน
“ผู้จัดการ”
หลินเยวียนเห็นกู้เฉียงอวิ้นเข้ามาในห้องทำงานของตน เงยหน้ามองอีกฝ่าย “ออเดอร์แข่งขันของชีซิง สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ชีซิง?”
กู้เฉียงอวิ้นชะงักไป ก่อนจะคลี่ยิ้มพลางเอ่ย “ผมแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย ออเดอร์แข่งขันของชีซิง ตัวแทนหลินทำเสร็จแล้วเหรอครับ?”
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
ตอนนี้เป็นเวลาผ่านมาแล้วเกือบสองเดือนหลังจากที่ชีซิงปล่อยออเดอร์นี้ออกไป หลินเยวียนรู้สึกว่าจะส่งออเดอร์ตอนนี้ไม่น่าจะดูพิรุธเกินไป
“เดี๋ยวผมส่งอีเมลไปให้ครับ”
กู้เฉียงอวิ้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจัดแจงเสียเสร็จสรรพ
เขาคิดเพียงว่าหลินเยวียนต้องการค่าแรง ถึงอย่างไรค่าแรงก็ควรรับไว้อยู่แล้ว ก็เหมือนกับชีซิงออกข้อสอบมาฉบับหนึ่ง ไม่ว่าจะทำโจทย์ได้หรือไม่ ก็ไม่ควรส่งกระดาษคำตอบเปล่าๆ คืนไป “ตัวแทนหลินส่งผลงานไปที่อีเมลนี้ได้เลยครับ”
นี่เป็นไหวพริบของกู้เฉียงอวิ้น
เขาคิดว่าในเมื่อตัวแทนหลินเคยบอกใบ้มาว่ายอมแพ้กับออเดอร์ของชีซิงแล้ว ก็ย่อมต้องเขียนเพลงไปอย่างสุกเอาเผากิน ตนในฐานะผู้จัดการ ไม่ต้องฟังคงจะเป็นการดีที่สุด นับว่าเป็นการไว้หน้าตัวแทนหลินสักหน่อย
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดในตอนนี้ของกู้เฉียงอวิ้น ต่อให้รู้ก็คงไม่อธิบายให้มากความ ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่รู้ว่าออเดอร์ของเขาจะตรงกับความต้องการของผู้ว่าจ้างหรือเปล่า จึงทำได้เพียงส่งเพลงพรมจูบซึ่งตระเตรียมไว้แต่แรกเข้าไปในอีเมลที่กู้เฉียงอวิ้นส่งมา
……………………………………………..
[1] น้ำแข็งหนาสามฉื่อมิได้เกิดขึ้นเพราะเหมันต์เพียงวันเดียว เปรียบเปรยว่าเรื่องใดๆ ไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ทว่าต้องใช้เวลาสั่งสม