Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 202 โศกนาฏกรรมจากการดัดแปลงเป็นอนิเมชัน
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 202 โศกนาฏกรรมจากการดัดแปลงเป็นอนิเมชัน
ตอนที่ 202 โศกนาฏกรรมจากการดัดแปลงเป็นอนิเมชัน
ในแง่หนึ่ง จินตนาการของฮั่นจี้เหม่ยก็ไม่ได้ผิดอะไร
เพราะถึงอย่างไรในชีวิตจริง ฉู่ขวง อิ่งจือ และเซี่ยนอวี๋ก็ไม่สามารถแยกจากกันได้ พวกเขาใช้แปรงสีฟันอันเดียวกันด้วยซ้ำไป!
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญคือ ในคืนที่โทรศัพท์สายนั้นวางไป ก็มีข้อความแจ้งเตือนของการ์ตูนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสบนปู้ลั่วดังขึ้น
ติ๊ง
ผู้ใช้ปู้ลั่วจะได้รับข้อความแจ้งเตือนนี้กันถ้วนหน้า
‘การ์ตูนดัดแปลงจากนิยายเรื่องดังของฉู่ขวง ปรินซ์ออฟเทนนิส กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น พร้อมด้วยลายเส้นสุดเท่!’
คนที่ใช้มือถือล้วนเคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
ถ้าไม่ได้เปิดดูโทรศัพท์นาน เมื่อเปิดเข้ามาก็จะสังเกตเห็นข้อความแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันใหญ่ๆ แต่ละแอป
คนทั่วไปอ่านข้อความเหล่านี้ ถ้าไม่ได้สนใจ ก็ปัดทิ้งหรือลบทิ้งไป
ส่วนคนที่สนใจ ก็จะกดตามเข้าไป
คนที่ปัดข้อความทิ้งนั้นเป็นส่วนมาก แต่ก็มักจะมีคนจำนวนหนึ่งที่กดเข้าไปดู
สิ่งที่ปู้ลั่วส่ง ก็คือข้อความแจ้งเตือนในลักษณะเดียวกัน
เมื่อเทียบกับจำนวนบัญชีผู้ใช้ในฐานข้อมูลของปู้ลั่วแล้ว ต่อให้ท้ายที่สุดมีคนเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ยอมกดตามลิงก์เข้าไป กระแสความร้อนแรงก็นับว่าชวนตกตะลึงแล้ว!
‘มีโนติแนะนำด้วยแฮะ’
‘การ์ตูนสนุกมาก’
‘เห็นประโยคอินโทรก็โดนตกแล้ว’
‘รีบอัปเดตหน่อยค้าบ!’
‘ชอบลายเส้นมาก’
‘นี่คือปรินซ์ออฟเทนนิสไม่ใช่เหรอ ผมเคยอ่านนิยาย นึกไม่ถึงว่าจะมีเวอร์การ์ตูนออกมาด้วย เก็บต้นฉบับไว้ดีมาก!’
‘นึกไม่ถึงว่าในปู้ลั่วจะมีการ์ตูนที่สนุกขนาดนี้’
‘โดนตกไปแล้วจ้า!’
‘…’
หากบอกว่าในระยะแรกเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสดึงดูดผู้อ่านนิยายต้นฉบับได้เป็นส่วนมาก และเมื่อถึงตอนนี้ กลุ่มหลักที่การ์ตูนเรื่องนี้นำพามาได้ก็คือคนที่ไม่ใช่แฟนหนังสือ
นอกจากนั้นแล้ว ในบรรดาผู้อ่านการ์ตูน จำนวนคนที่ไม่เคยอ่านนิยายต้นฉบับก็ยังค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนในตอนนี้มากกว่าแฟนนิยายไปแล้ว
“ดังแล้วๆๆ!”
เมื่อเห็นกับตาตนเองว่ากระแสของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสดีขึ้นเรื่อยๆ หลัวเวยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา!
ก่อนหน้านี้หลินเยวียนมาขอให้เธอเป็นผู้ช่วยวาดการ์ตูน เธอยังไม่ยอมตอบตกลงอีก นึกดูแล้วรู้สึกตลกเหลือเกิน
ต่อให้หลินเยวียนชนะเธอในท้ายที่สุด จนทำให้เธอต้องทำตามสัญญาโดยการเป็นผู้ช่วยวาดการ์ตูนของหลินเยวียน หลัวเวยก็ยังคงมีจุดประสงค์ซ่อนเร้นอยู่
เธออยากใช้โอกาสนี้ร่ำเรียนวาดภาพพู่กันโบราณกับหลินเยวียน
เพราะบนบลูสตาร์มีคนที่เรียนการวาดภาพพู่กันโบราณมากเกินไป คนที่โด่งดังได้จึงมีน้อยเหลือเกิน
การแข่งขันไม่ว่าจะอยู่ในวงการอาชีพไหนก็ดุเดือดทั้งนั้น
และในแวดวงการ์ตูนนี้ ปัจจัยสำคัญไม่ได้มีแค่ฝีมือการวาดภาพของนักวาดการ์ตูน แต่ยังต้องดูเรื่องราวและการแบ่งสตอรีบอร์ดด้วย นี่เป็นด่านทดสอบประสบการณ์ของนักวาด
เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสต้นฉบับน่าตื่นเต้นชวนติดตามก็จริง แต่การ์ตูนจะโด่งดังได้ สิ่งสำคัญกลับเป็นเพราะลายเส้นและการออกแบบการเล่าเรื่อง…
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นน้ำพักน้ำแรงของหลินเยวียน!
ไม่อย่างนั้นนิยายสนุกๆ ชวนติดตามมีตั้งมากมาย ทำไมการ์ตูนที่ดัดแปลงมาจากนิยายจำนวนมากกลับไม่ได้สปอตไลต์ล่ะ
ก็เหมือนกับ นิยายซึ่งสร้างปรากฏการณ์ถูกนำไปถ่ายทำเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ แต่ภาพยนตร์หรือซีรีส์กลับไม่ได้รับความนิยม
เพราะภาพยนตร์หรือซีรีส์มีผู้กำกับและนักเขียนบทเป็นองค์ประกอบร่วมด้วย
การผลิตผลงานที่ต้องทำงานสองต่อ เพื่อนำเสนอผลงานออกมาในรูปแบบที่ต่างออกไปเช่นนี้ เดิมก็เป็นการทดสอบความสามารถของฝ่ายผลิตถึงสองครั้ง
ดังนั้นถ้าบอกว่าคนที่ทำให้นิยายเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสประสบความสำเร็จคือฉู่ขวงก็ถูกต้องแล้ว
แต่คนที่ทำให้ปรินซ์ออฟเทนนิสเวอร์ชันการ์ตูนประสบความสำเร็จ กลับมีเพียงหลินเยวียนภายใต้นามแฝงว่า ‘อิ่งจือ’!
และหลัวเวย…
เธอโชคดีได้เข้าร่วมทีมผลิตการ์ตูนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเพราะแพ้เดิมพัน แน่นอนว่าเธอเองก็มีเหตุผลให้รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้!
ถึงอย่างไรเดิมทีเธอก็คิดว่า ตนจะต้องมาวาดการ์ตูนกระจอกงอกง่อยกับหลินเยวียนสองสามปี ลึกๆ ในใจไม่ได้คาดหวังว่าการ์ตูนของหลินเยวียนจะโด่งดัง…
ปรากฏว่าโด่งดังขึ้นมาจริงๆ แล้ว
นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
การ์ตูนโด่งดังเป็นพลุแตก หลัวเวยในฐานะผู้ช่วยหลักของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็มีความดีความชอบเช่นกัน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มหาศาลต่อการเติบโตในวงการการ์ตูนของเธอเช่นกัน
ยังไม่ต้องถามว่าจะมีโอกาสได้เรียนวาดภาพพู่กันโบราณกับหลินเยวียนหรือไม่…
ลำพังแค่ได้ผลิตการ์ตูนฮ็อตฮิตอย่างปรินซ์ออฟเทนนิสกับหลินเยวียน หลัวเวยก็ไม่ขาดทุนแล้ว ต่อให้เธอเป็นเพียงผู้ช่วยก็เถอะ!
ถ้ารู้แต่แรกว่าการ์ตูนที่หลินเยวียนทำจะโด่งดัง หลัวเวยคงขบคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการเป็นผู้ช่วยของหลินเยวียน ถึงจะไม่มีเงื่อนไขใดเลยก็ตาม
ทีนี้ก็จะมาพูดถึงแผนการในอาชีพของหลัวเวยเอง
หลัวเวยในฐานะนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ ในอนาคตจะต้องทำงานในแวดวงจิตรกรรมอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะชื่นชอบภาพวาดพู่กันโบราณที่สุด แต่หลัวเวยไม่อยากจำกัดกรอบของตนไว้เพียงภาพวาดพู่กันโบราณ
เช่นเดียวกับนักศึกษาสาขาศิลปะทั้งหลาย
เธอเองก็สนใจการ์ตูนเหมือนกัน
ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่รับออเดอร์ในอินเทอร์เน็ตหรอก วาดผลงานในรูปแบบการ์ตูนบ้าง แถมเธอเองก็ยังแอบเป็นนักวาดโดจินระดับพระกาฬด้วย
อนาคตในอุดมคติของเธอ คือสามารถเจิดจรัสในอุตสาหกรรมการ์ตูน และประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมภาพวาดพู่กันโบราณได้ด้วย
และแนวทางในการเดินสายอาชีพนี้ จะต้องยากเย็นแสนเข็ญมากแน่ๆ
อยากวาดภาพไปซะทุกประเภท จนทำให้ผลสุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าไม่ได้โดดเด่นในประเภทไหนเลย
แต่ในตอนนี้
เมื่อมีประสบการณ์จากการเป็นผู้ช่วยเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส อย่างน้อยเธอจะสามารถเติบโตในแวดวงการ์ตูนได้ในอนาคต จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเพราะเดินผิดทางหรืออ้อมเส้นทางด้วย
ส่วนเรื่องวาดภาพพู่กันโบราณ หลินเยวียนรับปากแล้วว่าหลังจากนี้จะสอนให้ตน
เมื่อนึกถึงฝีมือระดับปรมาจารย์ของภาพกุ้งหกตัวของหลินเยวียนแล้ว หลัวเวยจึงตั้งหน้าตั้งตารอการสอนวาดภาพพู่กันโบราณของหลินเยวียนมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลัวเวยก็ตระหนักได้ทันที ว่าสภาวะของหลินเยวียนในตอนนี้ ก็คือเป้าหมายที่ตนจะต้องพากเพียรทำให้ได้!
อีกฝ่ายทั้งสามารถโลดแล่นในวงการการ์ตูน ทั้งยังเป็นปรมาจารย์ด้านภาพวาดพู่กันโบราณที่เร้นกายอยู่ด้วย…
ชั่วขณะนั้น หลัวเวยก็ยิ่งรู้สึกนับถือหลินเยวียนขึ้นมา!
และสิ่งที่ทำให้หลัวเวยรู้สึกชื่นชมมากที่สุดก็คือ หลังจากที่การ์ตูนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มีเพียงแค่ตนที่ตื่นเต้นดีใจ ส่วนหลินเยวียนกลับสุขุมเยือกเย็น
หลัวเวยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วหลินเยวียนได้สนใจว่าการ์ตูนโด่งดังหรือเปล่า หรือว่าเขารู้แต่แรกแล้วว่าจะโด่งดัง
สรุปก็คือ หลินเยวียนเยือกเย็นมาก เยือกเย็นเสียจนดูไม่เหมือนคนที่มีผลงานที่เพิ่งโด่งดัง
เขาเพียงแต่เข้าออฟฟิศไป แล้วเรียกให้หลัวเวยมาวาดการ์ตูนต่อเฉกเช่นที่ผ่านมา
“ได้ค่ะ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยวียน หลัวเวยว่าง่ายเหลือเกิน
และขณะที่หลินเยวียนเริ่มลงมือวาดภาพ ก็พลันขบคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา
วันนี้ เขาล็อกอินเข้าบัญชีผู้ใช้ของอิ่งจือ และเป็นอย่างที่คาดไว้ เขาพบว่าตนได้รับข้อความส่วนตัวเป็นจำนวนมาก
และในนั้น มีข้อความส่วนตัวข้อความหนึ่ง ส่งมาจากบริษัทอนิเมชันแห่งหนึ่ง อีกฝ่ายต้องการซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส!
นอกจากนั้นอีกฝ่ายไม่ได้ติดต่อไปเพียงอิ่งจือ แต่ยังติดต่อไปที่บัญชีของฉู่ขวงอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าลิขสิทธิ์อยู่ในมือของฉู่ขวง แต่ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็อยากได้ภาพการ์ตูนของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสด้วย…
ทั้งสองตัวตนก็คือหลินเยวียน ดังนั้นเขาจึงควบคุมลิขสิทธิ์ทั้งหมดไว้
สิ่งที่เขาพิจารณาอยู่ก็คือ จะขายลิขสิทธิ์อนิเมชันเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสดีหรือไม่
ได้เงินเป็นเรื่องหนึ่ง
สิ่งที่หลินเยวียนกังวล หลักๆ แล้วก็คืออีกฝ่ายมีความสามารถพอที่จะผลิตเรื่องเจ้าชายลูกสักหลาดออกมาได้ดีหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รีบตัดสินใจในทันที
เขาคิดว่าจะกลับไปค้นข้อมูล เช็กความสามารถในการผลิตผลงานของบริษัทนี้ซะก่อน ถ้าความสามารถไม่ผ่านก็ทำได้แค่ปฏิเสธไป
เขาไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมของปรินซ์ออฟเทนนิสเพราะการดัดแปลงเป็นอนิเมชัน
ทุกวันนี้ ตัวอย่างของต้นฉบับที่ถูกทำพังมีให้เห็นตั้งเยอะแยะไป
ถ้าเกิดอีกฝ่ายเกิดคันไม้คันมือปรับเรื่องราวจนจำเค้าเดิมไม่ได้ขึ้นมาล่ะ
หลินเยวียนจะต้องเป็นคนรับผิดชอบผลงานเหล่านี้
ก็เหมือนกับการร้องเพลงของนักร้อง เขามักจะอดไม่ได้เป็นต้องเข้าร่วมการอัดเสียง เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจะต้องเป็นบริษัทผลิตอนิเมชันที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้
………………………………………………..