Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 30 รวมพลังโจมตี
ตอนที่ 30 รวมพลังโจมตี
“หลินเยวียน”
ได้พบหลินเยวียนอีกครั้ง จ้าวเจวี๋ยก็พูดอย่างเป็นมิตร “จ้าวอิ๋งเก้อเซ็นสัญญากับฉันแล้ว เธอชอบ ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ มาก”
“ดีแล้วครับ”
หลินเยวียนช่วยเหลือจ้าวเจวี๋ยอย่างใจกว้าง
จ้าวเจวี๋ยพูดว่า “ฉันจะพาเธอไปเซ็นสัญญาก่อน ตามกฎเดิม บริษัทเก็บแปดส่วน ที่เหลืออีกสองส่วน เธอกับจ้าวอิ๋งเก้อแบ่งคนละครึ่ง”
“ได้ครับ”
จ้าวอิ๋งเก้อไม่ใช่ผู้ช่วยงานธรรมดา
ดังนั้นหลินเยวียนจึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าจะถูกหักส่วนแบ่งเพิ่ม และไม่ได้ออกความเห็นแต่อย่างใด คนละครึ่งก็คนละครึ่ง
ถึงหลินเยวียนจะปวดใจอยู่บ้างก็เถอะ
แต่ไม่ว่าอู๋หย่งจะสาธยายไปเท่าไหร่ ใจของหลินเยวียนก็ยังคงอยู่กับผู้ช่วยงาน เพราะในความคิดของหลินเยวียน ผู้ช่วยงานนั้นมีราคาถูกและคุ้มค่า
“เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
จ้าวเจวี๋ยตบบ่าของหลินเยวียน “น้ำใจครั้งใหญ่นี้ เอาไว้ฉันจะตอบแทนเธอ ในสตาร์ไลท์ ฉันยังมั่นใจที่จะพูดประโยคนี้”
หลินเยวียนพูด “พี่เลี้ยงข้าวผมแล้ว”
จ้าวเจวี๋ยหลุดหัวเราะ “อาหารง่ายๆ มื้อเดียวก็แลกกับ ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ ได้แล้ว งั้นฉันเลี้ยงข้าวเธออีกสักสามสี่มื้อไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยเหรอ นี่ไม่ใช่เรื่องของอาหารมื้อเดียว จะให้ฉันเอาเปรียบเด็กน้อยอย่างเธอไม่ได้หรอก หลังจากนี้เธอต้องการอะไรมาหาฉันได้เลย”
ก่อนหน้านี้จ้าวเจวี๋ยพูดประโยคนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่พูดครั้งที่สอง ความหมายกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ทว่าหลินเยวียนไม่ได้คิดมาก เพียงแค่พยักหน้า “ไปเซ็นสัญญาเถอะครับ”
จ้าวเจวี๋ยพยักหน้า
ผ่านไปห้านาที หลินเยวียนก็ตามจ้าวเจวี๋ยไปยังแผนกศิลปิน และได้พบกับจ้าวอิ๋งเก้อ
“สวัสดีค่ะ อาจารย์เซี่ยนอวี๋”
ขณะที่จ้าวอิ๋งเก้อยิ้มบางเอ่ยทักทายหลินเยวียน ในใจก็ตกตะลึงในความอ่อนเยาว์ของหลินเยวียน เดิมทีเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะอายุสามสิบขึ้นไปซะอีก
“สวัสดีครับ”
หลินเยวียนจับมือกับอีกฝ่ายตามกาลเทศะ
ที่จริงแล้วจ้าวอิ๋งเก้ออยากพูดคุยกับหลินเยวียนสักสองสามประโยค แต่หลินเยวียนดูคล้ายกับไม่อยากเสวนา
เธอลองหาหัวข้อสนทนาอยู่หลายครั้ง หลินเยวียนเพียงตอบตามมารยาท จ้าวอิ๋งเก้อจึงทำได้เพียงเงียบปาก เธอเองก็ทะนงตนเหมือนกัน
ทั้งสองเซ็นสัญญาเสร็จ
จ้าวอิ๋งเก้อเอ่ย “อาจารย์เซี่ยนอวี๋มีอะไรจะเสริมมั้ยคะ”
หลินเยวียนครุ่นคิด ตอบว่า “เวอร์ชันที่ปล่อยออกไปไม่ต้องแก้ เวอร์ชันอื่นๆ หลังจากนั้นแก้ได้ตามสบายครับ”
จ้าวอิ๋งเก้อพูดว่า “ทำนอง เรียบเรียง เนื้อร้อง ฉันไม่ได้คิดจะแก้อยู่แล้วค่ะ”
“อื้ม”
หลินเยวียนลุกขึ้นกล่าวลา
ครั้นหลินเยวียนออกไป จ้าวอิ๋งเก้อถึงพึมพำว่า “อาจารย์แผนกประพันธ์เพลงบริษัทเราเย็นชาแบบนี้ทุกคนเลย
เหรอคะ”
“ใช่”
จ้าวเจวี๋ยพูดอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจ “คนแผนกประพันธ์เพลงส่วนใหญ่เย็นชา นิสัยแบบเซี่ยนอวี๋นี่ถือว่าไม่เลวแล้ว อย่างน้อยก็มีมารยาทมาก”
“โอเคค่ะ”
จ้าวอิ๋งเก้อถามด้วยความคาดหวัง “ตอนนี้เซ็นสัญญาทั้งหมดแล้ว วันที่หนึ่งเดือนหน้าพวกเราก็ปล่อยเพลงได้แล้วใช่มั้ยคะ”
“แน่นอน”
จ้าวเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “ฉันบอกแล้วว่าบริษัทเราเน้นผลสัมฤทธิ์สูง ตั้งแต่วินาทีที่เธอเซ็นสัญญากับบริษัท แผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทก็เริ่มโปรโมตเพลงใหม่ให้เธอแล้ว ตอนนี้แฟนคลับของเธอรู้เรื่องที่เธอจะปล่อยเพลงใหม่เดือนหน้ากันแล้ว”
จ้าวอิ๋งเก้อเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ‘สะพรั่ง’
รายการนี้ได้จบลงไปแล้ว ความร้อนแรงของผู้ชนะอย่างจ้าวอิ๋งเก้อก็ยังคงอยู่ ฉะนั้นบริษัทจึงอยากตีเหล็กตั้งแต่ยังร้อน หยิบยืมกระแสจาก ‘สะพรั่ง’ มาปล่อยเพลงได้พอดิบพอดี
ถ้าหากรั้งรอเวลานานเกินไป
ความร้อนแรงของผู้ชนะก็จะหายไปได้
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ของจ้าวเจวี๋ยก็ดังขึ้น
เธอรับโทรศัพท์ได้ไม่ทันไร สีหน้าก็ดำทะมึน น้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นมา “เซวี่ยนล่านอิ๋นกวงกับซาไห่ร่วมมือกัน?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง จ้าวเจวี๋ยก็วางสาย
จ้าวอิ๋งเก้อนึกสงสัย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ”
จ้าวเจวี๋ยหงุดหงิดใจอยู่บ้าง “วันที่หนึ่งเดือนหน้าซาไห่กับเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงจะมีนักร้องแถวหน้าสองคนปล่อยเพลง เดิมทีนักร้องสองคนนี้จะปล่อยเพลงเดือนมีนาปีหน้า อยู่ๆ ก็มาเปลี่ยนตาราง เห็นได้ชัดว่าจะให้ชนกับเธอ”
“งั้นพวกเราต้องเปลี่ยนตาราง?” จ้าวอิ๋งเก้อขมวดคิ้ว
แม้เธอจะมั่นใจกับเพลง ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ มาก
อะไรคือนักน้องแถวหน้าน่ะเหรอ
สิ่งที่เรียกว่านักร้องแถวหน้าก็คือ ต่อให้เพลงใหม่ของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีแฟนคลับมากมายยอมจ่ายเงินให้
ก็เหมือนกับเฉียนซิงอวี่ในชาร์ตดาวรุ่งนั่นละ
ถึงแม้ทุกคนจะรู้อยู่เต็มอกว่าเพลงของเฉียนซิงอวี่ไม่ได้เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชาร์ตดาวรุ่ง แต่ด้วยความร้อนแรงของเฉียนซิงอวี่ ก็น่าจะทำให้เพลงของเขามีกระแสเพิ่มขึ้นมหาศาล
“ไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ”
จ้าวเจวี๋ยส่ายหน้า “สถานการณ์โดยทั่วไปแน่นอนว่าพวกเราเปลี่ยนตารางได้ ทำให้สองบริษัทนั้นคว้าน้ำเหลว จากนั้นก็ค่อยไปสู้ในเดือนหน้า แต่ที่แย่ก็คือเธอประวิงเวลาไปกว่านี้ไม่ได้! เพราะกระแสของเธอมาจากการชนะการประกวด ‘สะพรั่ง’ ถ้าเลื่อนไปอีกหนึ่งเดือน กระแสของเธอก็จะลดลงหนึ่งในสาม”
จ้าวอิ๋งเก้อกัดฟันกรอด “หนึ่งในสามฉันยังรับไหวค่ะ”
สองบริษัทร่วมมือกันขวางทาง เห็นได้ชัดว่ากำลังแก้แค้นที่จ้าวอิ๋งเก้อไม่เลือกพวกเขา
เรื่องนี้ถึงจะไม่น่าฟังแต่ก็เป็นความจริง ถ้าก่อนหน้านี้จ้าวอิ๋งเก้อเลือกเซ็นสัญญากับซาไห่ บริษัทที่วันนี้จะร่วมมือกับเซวี่ยนล่านอิ๋งกวงก็คงเป็นสตาร์ไลท์
เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ทำให้เธอโมโห แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่หนึ่งเดือน”
สายตาของจ้าวเจวี๋ยฉายแววเย็นเยียบ “ถ้าในเดือนมกราเธอไม่ปล่อยเพลง เดือนกุมภาก็ปล่อยไม่ได้แล้ว ทำได้แค่รอเดือนมีนา เพราะเดือนกุมภาเป็นเทศกาลตรุษจีนของบลูสตาร์”
“ตรุษจีน…”
จ้าวอิ๋งเก้อหน้าถอดสีทันใด
ตนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท!
เดือนธันวาคมของทุกปี ชาร์ตเพลงใหม่จะฟาดฟันกันอย่างดุเดือด และในเดือนที่มีเทศกาลตรุษจีนถึงแม้จะไม่ได้สู้กันรุนแรงเท่าเดือนธันวาคม แต่เพราะชาวบลูสตาร์มีความรู้สึกลึกล้ำต่อเทศกาลตรุษจีน จึงมีตัวท็อปในวงการไม่น้อยที่เลือกปล่อยเพลงในเดือนนี้เหมือนกัน!
ฉะนั้นแล้ว ถ้าจะเลือกเดือนกุมภาพันธ์ เลือกเดือนมกราคมดีกว่า
ส่วนถ้าจะเลื่อนไปปล่อยเพลงเดือนมีนาคม นั่นยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่
เดือนมีนาคมนั้นห่างจากวันที่ ‘สะพรั่ง’ จบหลายเดือน กระแสความนิยมของผู้ชนะอย่างจ้าวอิ๋งเก้อเกรงว่าจะหายไปมากแล้ว
“งั้นก็ทำได้แค่สู้แล้ว?”
จ้าวอิ๋งเก้อประหม่าอยู่บ้าง
เธอมั่นใจใน ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’
แต่สถานการณ์ของชาร์ตเพลงใหม่นั้นซับซ้อนเกินไป
ยกตัวอย่างจากชาร์ตเพลงใหม่เดือนธันวาคม เพราะในเดือนธันวาคมนั้นมีคนเก่งๆ ลงสนามมาก ดังนั้นแม้แต่เพลงอย่าง ‘ปลายักษ์’ ก็ไม่มีทางเบียดขึ้นไปถึงอันดับหนึ่ง
แน่นอน
เรื่องนี้เกี่ยวกับที่ ‘ปลายักษ์’ ลงสนามในช่วงกลางเดือนด้วย
แต่เรื่องนี้เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่งก็เห็นได้ชัดว่าปัจจัยที่ตัดสินอันดับของเพลงนั้นไม่ได้อยู่แค่ที่คุณภาพ แต่ยังอยู่ที่ชื่อเสียงของคนร้องและคนแต่งเพลงด้วย
เซี่ยนอวี๋เริ่มมีชื่อเสียงมาบ้างแล้ว
แต่หากเทียบกับนักแต่งเพลงมือทองก็ยังห่างไกลอยู่ดี
ตนเองก็พอมีชื่อเสียงเล็กน้อย เป็นผู้ชนะใน ‘สะพรั่ง’ ก็พอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง
ทว่าเมื่อเทียบฐานแฟนคลับของนักร้องแถวหน้า ก็ยังแตกต่างกันไม่น้อย
“ไม่มีทางถอยแล้ว”
จ้าวเจวี๋ยหรี่ตา “พวกเขากล้าส่งนักร้องแถวหน้าสองคนมาโจมตีเธอ ก็เพราะแน่ใจว่าพวกเราไม่มีทางถอยแล้ว ทำได้แค่กัดฟันสู้”
การโจมตีแบบนี้เห็นได้น้อยมาก
ถ้าไม่บากบั่นสู้ต่อ ก็คงต้องถูกผู้โจมตีบีบให้เปลี่ยนตาราง
แต่เซวี่ยนล่านอิ๋นกวงกับซาไห่ฉลาดก็ตรงที่พวกเขามองสถานการณ์ของจ้าวอิ๋งเก้อออก และคว้าโอกาสพิเศษนี้ ทำให้จ้าวอิ๋งเก้อหมดโอกาสเปลี่ยนตาราง!
ถ้าไม่ได้มาก็ทำลายทิ้งซะ
นี่เป็นการต่อสู้ของสามความยิ่งใหญ่ในฉินโจว
ถ้าหากพวกเขาขัดขวางเพลงแรกของจ้าวอิ๋งเก้อได้สำเร็จ ผู้ชนะรายการ ‘สะพรั่ง’ อย่างจ้าวอิ๋งเก้อก็ไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไรอีกต่อไป
จ้าวอิ๋งเก้อก็เข้าใจเหตุผลข้อนี้
เพราะฉะนั้นเธอจึงประหวั่นพรั่นพรึงอยู่บ้าง
…………………………………..