Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 429 ซูเค่อเป้ยถ่า
ตอนที่ 429 ซูเค่อเป้ยถ่า
“เป็นค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและลมพัดแรง นักเขียนชื่อดังทั้งเก้าคนพากันส่งคำท้าถึงฉู่ขวง ปรากฏว่าฉู่ขวงกระดิกนิ้วเบาๆ เรียกนักเขียนทั้งเก้าคน กล่าวประโยคหนึ่งว่า ‘พวกคุณมาพร้อมกันเลย ผมรีบมาก ยังต้องไปเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนอีก’ ปรากฏว่าเก้านักเขียนพลันเดือดดาล ล้อมโจมตีฉู่ขวง ฉู่ขวงหยิบบางอย่างออกมาจากอ้อมแขนโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่สิ ต้องบอกว่าหยิบหนังสือแดนนิทานออกมา นักเขียนชื่อดังทั้งเก้าพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ฉู่ขวงทำศึกครั้งเดียวก็กลายเป็นเทพ และกลายเป็นราชานิทานสั้นซึ่งทรงพลังที่สุด”
บนโต๊ะอาหารในช่วงเย็น
หลินเซวียนเล่าเรื่องอย่างออกรสออกชาติ
หลินเหยาน้องสาวรู้สึกทึ่งจนหน้าแดง พลางปรบมือด้วยความชื่นชม
“ฉู่ขวงสุดยอดมาก”
หลินเยวียนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “พี่ควรไปเขียนนิยายกำลังภายในนะ”
“เฮ้อ ตอนนี้ยังมีใครอ่านแนวกำลังภายในบ้าง”
หลินเซวียนปัดมือ หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยความสงสัย “นายไม่คิดจะแนะนำฉู่ขวงให้พี่สาวรู้จักบ้างเหรอ”
“เหยาเหยากินผักไป”
หลินเยวียนคีบผักให้น้องสาวเป็นกอง
น้องสาวดันจานผักไปด้านหน้าของหลินเยวียน เอ่ยอย่างอ่อนโยน “พี่เองก็กินเถอะ”
หลินเซวียน “…”
เป็นความรักระหว่างพี่น้องที่ชวนซาบซึ้งใจจริงๆ
เธอไม่ได้ยอมแพ้ ถามซักไซ้หลินเยวียน “ฉู่ขวงแต่งงานหรือยัง?”
“ยังไม่แต่ง”
“อายุน้อยไหม?”
“อายุพอๆ กับผม”
“ฉู่ขวงยังหนุ่มแถมยังไม่แต่งงาน หน้าตาไม่มีทางหล่อเท่านาย แต่คนเขาเป็นเป็นถึงอัจฉริยะ ที่จริงพี่ก็ยังโสด หน้าตาก็ตรงตามมาตรฐานของคนสวย เรียกว่าเป็นนายเวอร์ชันผู้หญิงเชียวนะ”
“ไม่เหมาะสม”
หลินเยวียนส่ายหน้า ความคิดของพี่สาวอันตรายเกินไป
อีกอย่าง ฉันเวอร์ชันผู้หญิงไม่ใช่หลินเหยาหรอกหรือ?
ในครอบครัว คนที่เหมือนเขามากที่สุดคือหลินเหยา
หลินเซวียนพี่สาวไม่ว่าจะเป็นนิสัยและหน้าตา ก็ล้วนไม่เหมือนกับหลินเยวียนมากเท่าหลินเหยา
เมื่อกินข้าวเสร็จ
จู่ๆ หลินเซวียนก็บอกกับหลินเยวียน “ฝากขอบคุณฉู่ขวงแทนพี่ด้วย”
หลินเยวียนตอบ “เคยขอบคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินเซวียนส่ายหน้า “นายไม่รู้ว่าแดนนิทานมีความหมายต่อพี่มากแค่ไหน เพราะพี่รับผิดชอบผลงานชิ้นนี้ คุณสมบัติของของหัวหน้าบ.ก.ก็มีผลโดยตรงกับพี่ นั่นจะทำให้พี่ได้เปรียบในการแข่งขันในแผนกนิทานในอนาคต ตอนนี้รองบ.ก.คู่แข่งสองคนนั้นตกเป็นรองแล้วล่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว”
หลินเยวียนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “พี่มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้ตลอด”
“จริงเหรอ?”
หลินเซวียนแววตาเป็นประกาย
หลินเยวียนพยักหน้า มือของเขาพิมพ์เร็วมาก หนึ่งวันก็พิมพ์ได้ตั้งหลายหมื่นตัวอักษร
สำหรับคนที่ต้องพิมพ์งานแล้ว นี่คือความเร็วที่พวกเขาใฝ่ฝัน
ทว่าความได้เปรียบนี้ของหลินเยวียนมาจากระบบ คนอื่นต้องคิดไปพลางพิมพ์ไปพลาง เขากลับไม่จำเป็นต้องขบคิดพล็อตเรื่องแต่อย่างใด
แค่พิมพ์ตัวอักษรไปเรื่อยๆ
มีเพียงแค่เมื่อต้องเขียนผลงานต่างประเทศ เขาจำเป็นต้องปรับแก้ฉากหลังบ้าง
เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักหน่อย
ถ้าหากเป็นสำเนาฉบับสมบูรณ์ จำนวนตัวอักษรที่เขาพิมพ์ได้ก็อาจเหลือเชื่อยิ่งกว่านี้ รายละเอียดอาจไม่สามารถคำนวณได้ เนื่องจากหลินเยวียนชอบเขียนวันละเล็กละน้อย พลางทำงานอื่นไปด้วย
“งั้นพี่จะพูดตามตรงเลยนะ”
พี่สาวพูดอย่างคาดหวัง “ในเพลงแดนนิทาน ฉู่ขวงพูดถึงผลงานที่จะปล่อยในอนาคตใช่ไหมล่ะ พอถึงตอนนั้นส่งผลงานพวกนี้มาให้ทางพี่ส่งตีพิมพ์นะ”
“เรื่องนั้นสบายมาก”
หลินเยวียนพลันตื่นเต้นขึ้นมา “พี่ก็ฟังเพลงแดนนิทานแล้วใช่ไหม งั้นพี่เลือกเรื่องมาเลยดีกว่า ผมจะให้ฉู่ขวงเขียน”
นิทานซึ่งมีแผนจะปล่อยในอนาคตมีตั้งหลายเรื่อง หลินเยวียนยังไม่ได้คิดว่าจะปล่อยเรื่องไหนก่อน
“เลือกเรื่อง?”
พี่สาวดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันใด
นี่มันสวัสดิการระดับเทพเซียนอะไรเนี่ย เลือกผลงานของฉู่ขวงได้ด้วย ถ้าพูดออกไป แฟนคลับของฉู่ขวงคงอิจฉาแย่
หลินเยวียนบอก “เลือกมาเลย”
พี่สาวลังเล ถึงขั้นรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะตอนนี้เธอสามารถตัดสินใจผลงานเรื่องต่อไปของฉู่ขวงได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
“นึกออกแล้ว!”
พี่สาวหวนระลึกถึงตัวละครใหม่ซึ่งปรากฏในแดนนิทาน ตอบด้วยความลังเล “งั้นพี่เลือกซูเค่อเป้ยถ่าแล้วกัน”
“ซูเค่อกับเป้ยถ่า?”
“เอ๊ะ ซูเค่อเป้ยถ่าคือสองคนเหรอ?”
“เป็นหนูสองตัวที่พูดได้น่ะ”
“จริงด้วย ในเนื้อเพลงก็ร้องไว้อย่างนั้น พวกเขาเป็นหนูจริงๆ?”
“ใช่”
พี่สาวรีบส่ายหน้า “งั้นเปลี่ยนเรื่องก็แล้วกัน พี่ไม่ชอบหนู นี่เป็นเรื่องสำคัญ นายให้ฉู่ขวงตัดสินใจเองแล้วกัน”
“ขออภัยด้วย”
หลินเยวียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านได้สั่งอาหารไปแล้ว ไม่สามารถส่งคืนได้ โปรดอดทนรอ อาหารของท่านจะเสิร์ฟในไม่ช้า”
……
ในเมื่อเขียนนิทาน และมีการเปิดเผยตัวอย่างของผลงานส่วนหนึ่งในเพลงแดนนิทาน หลินเยวียนย่อมต้องมีแผนการที่เกี่ยวข้อง
ด้วยความเร็วในการพิมพ์ของเขา เขาสามารถรับผิดชอบแผนดังกล่าวได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ผลงานซึ่งถูกเอ่ยถึงในเพลงล้วนมีความยาวระดับกลางถึงสูง หลินเยวียนจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักจึงจะเขียนเสร็จ
เรื่อง ‘ซูเค่อกับเป้ยถ่า’ ซึ่งพี่สาวพูดถึงนั้น เป็นทิศทางของการเริ่มต้นที่ดีจริงๆ
อย่างเรื่องราวของปีเตอร์แพน แฮร์รี พ็อตเตอร์ หรือพิน็อกคิโอ จำเป็นต้องผ่านการปรับแก้ฉากหลัง ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก
แต่เรื่องซูเค่อกับเป้ยถ่า กลับไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือราชานิทานตัวจริงจากแดนมังกร เจิ้งเยวียนเจี๋ย
นอกจากนั้น เรื่องนี้ยังนับว่าเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงของอาจารย์เจิ้ง
วัยเด็กของหลายๆ คน จะขาดเจ้าหนูน่ารักทั้งสองตัวนี้ไปไม่ได้
เนื่องจากฉากหลังคือแดนมังกร ฉะนั้นหลินเยวียนจึงไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร หนำซ้ำอิทธิพลของนิทานเรื่องนี้ยังได้รับการพิสูจน์มาแล้วบนดาวอีกดวงหนึ่ง
จะว่าไป ผลงานชิ้นนี้อาจช่วยให้ค่าความโด่งดังของฉู่ขวงทะลุหนึ่งล้านก็ได้!
ใช่แล้ว
เนื่องจากการเผยแพร่นิยายชุดปัวโรต์และความนิยมของแดนนิทาน ระยะนี้ค่าความโด่งดังของฉู่ขวงพุ่งสูงขึ้นมาก!
และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้รับสมญานามว่า ‘ราชานิทานสั้น’ ค่าความโด่งดังด้านวรรณกรรมก็ทะยานขึ้นแตะ 950,000!
เข้าใกล้หนึ่งล้านมากขึ้นเต็มที
นั่นทำให้หลินเยวียนตระหนักได้ว่า สมญานามอันสวยหรูอย่าง ‘ราชานิทานสั้น’ คงจะทำหน้าที่คล้ายกับรางวัล มันประกอบด้วยคำยกย่องนับไม่ถ้วน ดังนั้นผลตอบแทนของค่าความโด่งดังจึงสูงมาก
“ระบบ แสดงรายการภารกิจ”
“ติ๊งต่อง แสดงแล้ว”
เบื้องหน้าของหลินเยวียนปรากฏตัวหนังสือแต่ละบรรทัด และดวงตาของเขามองไปยังภารกิจแรกสุดซึ่งอยู่ในบรรทัดแรก และเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดสำหรับหลินเยวียนด้วย
[ชื่อภารกิจ: สุขภาพคือต้นทุนของการปฏิวัติ]
[เนื้อหาภารกิจ: ชื่อเสียงด้านวรรณกรรมและดนตรีทะลุหนึ่งล้านทั้งสองหมวด]
[รางวัลภารกิจ: โฮสต์จะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีชีวิตอยู่อย่างร่างกายแข็งแรงจนถึงอายุสามสิบ]
หลินเยวียนผุดยิ้ม
เขาไม่ต้องสนใจว่าเกณฑ์การคำนวณค่าความโด่งดังของระบบเป็นอย่างไร
บางทีอาจต้องอาศัยการยอมรับจากหลายคนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้มั่นคง แต่แล้วอย่างไรล่ะ
ตอนนี้ค่าความโด่งดังด้านวรรณกรรมอยู่ที่ประมาณ 950,000!
และค่าความโด่งดังด้านดนตรี ในช่วงนี้เพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ 930,000!
ถ้าหากภารกิจมีแถบแสดงความคืบหน้า ภารกิจสุขภาพของหลินเยวียนคงใกล้สำเร็จอย่างเป็นทางการแล้ว
การฟื้นฟูสุขภาพเป็นสิ่งที่หลินเยวียนปรารถนามาโดยตลอด
ตอนนี้เห็นที ในปีนี้หลินเยวียนจะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จอย่างไร้กังวล และได้รับสุขภาพที่แข็งแรง
“ภารกิจสุขภาพควรครอบคลุมทุกด้าน รวมไปถึงการฟื้นฟูเสียงด้วย…”