Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 447 หลุมดำรายการบันเทิง
วันที่ 2 กุมภาพันธ์
ศูนย์ดนตรีกลาง
ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
ชุดและหน้ากากหลานหลิงอ๋องสวมใส่บนร่างกายของหลินเยวียนเป็นอย่างดี กู้ตงซึ่งนั่งในตำแหน่งคนขับรถเอ่ยขึ้น “ฉันติดตามตัวแทนหลินไปตลอดทั้งรายการไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเดาตัวตนของคุณได้เพราะฉัน หลังจากคุณเข้าไปข้างในแล้ว จะมีผู้จัดการชั่วคราวที่ทางรายการจัดหาไว้ให้ อีกฝ่ายจะอยู่กับคุณตลอดทั้งกระบวนการซ้อมและบันทึกเทป จนกระทั่งคุณถอดหน้ากากออกจากรายการอย่างเป็นทางการ…”
หลินเยวียนพยักหน้า
ราชาหน้ากากนักร้องมาแล้ว!
รายการบันทึกเทปในวันนี้ บริเวณศูนย์ดนตรีกลาง รวมไปถึงลานจอดรถใต้ดินถูกปิดทั้งหมด วันนี้ผู้ที่ไม่มีจดหมายเชิญจากทีมงานรายการจะเข้ามาไม่ได้ ทีมงานรายการรับผิดชอบรักษาตัวตนของนักร้องเป็นความลับได้อย่างดีเยี่ยม
หลังจากบอกลากู้ตง
หลินเยวียนเดินไปยังลิฟต์ หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังรออยู่ เมื่อเห็นชุดของหลินเยวียน แววตาของเธอพลันเป็นประกาย ออกตัวเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าคุณคืออาจารย์หลานหลิงอ๋องใช่ไหมคะ”
“อื้ม”
หลินเยวียนตอบ
เสียงของเขาถูกดัดแปลงผ่านเครื่องเปลี่ยนเสียง เพราะในตอนที่เขาเข้ามาในลานจอดรถ เจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งเครื่องเปลี่ยนเสียงให้แล้ว หลังจากใส่เครื่องนี้แล้วจะไม่ได้ยินเสียงเดิม แน่นอนว่าต่อให้ไม่ใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงก็ไม่เป็นไร คนทั่วไปไม่เคยได้ยินเสียงของหลินเยวียน ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนพูดน้อยประหนึ่งกลัวดอกพิกุลร่วง เป็นเรื่องอยากเหลือเกินที่จะได้ยินเขาพูดมาก
“สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวแนะนำตัว “ฉันชื่อถงถง เป็นผู้จัดการของคุณ ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่รายการราชาหน้ากากนักร้อง ในรายการนี้ ฉันจะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ ฉันจะพาคุณเข้าไปยังพื้นที่ฝึกซ้อมที่ทีมงานรายการเตรียมไว้สำหรับอาจารย์แต่ละท่าน”
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนตอบอย่างมีมารยาท
ถงถงเตือนหลินเยวียน “เวลาในการฝึกซ้อมค่อนข้างกระชั้น เนื่องจากเราจะเริ่มบันทึกเทปอย่างเป็นทางการในช่วงเย็น นอกจากนั้นหลังจากที่เราออกจากลิฟต์ ทีมงานจะเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ เมื่อออกอากาศจะใช้ฟุตเทจที่น่าสนใจจากการถ่ายทำนี้”
หลินเยวียนพยักหน้า
การซ้อมมีความสำคัญมากจริงๆ ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายโมง การแข่งขันอย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นขึ้นเวลาหกโมงเย็น ตามธรรมเนียมทีมงานรายการต้องเผื่อเวลาสักสองสามชั่วโมงเพื่อให้นักร้องฝึกซ้อม จุดประสงค์หลักเพื่อซ้อมกระบวนการบันทึกเทปทั้งหมดหนึ่งรอบ ฝึกซ้อมบล็อกกิง แสงไฟ รวมไปถึงเอฟเฟ็กต์เสียง แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการร่วมงานกับนักดนตรี ส่วนเพลงที่หลินเยวียนจะร้องนั้นได้ส่งไปยังทีมงานเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ การเรียบเรียงเพลงล้วนเป็นไปตามที่เขากำหนดเอง รายการไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าทางวงดนตรีมีคำแนะนำที่ดี หลินเยวียนจะพิจารณาและนำไปปรับใช้
แค่เปิดดนตรีประกอบหรือ?
รายการเพลงระดับสูงไม่ใช่ห้องคาราโอเกะราคาประหยัด ไม่มีคำว่าเปิดดนตรีประกอบ เพราะถ้าหากร้องและเปิดดนตรีประกอบเพียงอย่างเดียวจะนับว่ากระจอกงอกง่อยเกินไปสำหรับรายการเพลงชั้นนำ นักร้องจะรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อยขณะขับร้อง ยิ่งกว่าละครโบราณที่ใช้น้องหมาแสดงเป็นสัตว์วิเศษเสียอีก
ความยอดเยี่ยมตกต่ำถึงหุบเหว
เพื่อให้การแสดงดนตรีสดได้ตื่นตาตื่นใจที่สุด ทีมงานรายการจำเป็นต้องให้การสนับสนุนวงดนตรีชั้นนำ เสียงกระหน่ำรัวของกลองเพิ่มความตื่นเต้น การแสดงเช่นนี้จึงจะปลุกเร้าอารมณ์และความเข้าถึงบทเพลงของผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น ในแง่หนึ่ง การใช้ดนตรีสดคล้ายคลึงกับการฉายภาพยนตร์ ดูคล้ายกับว่ามีเพียงนักแสดงที่แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ทั้งที่จริงงานนี้เกิดจากความร่วมมืออันทรงพลังของทีมงานเบื้องหลังอีกนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับอุปกรณ์เครื่องเสียงทั้งหลายซึ่งใช้สำหรับประกาศในรายการ สุ่มหยิบขึ้นมาสักชิ้นก็ล้วนราคาสูงลิบเกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ มาตรฐานสำคัญของรายการราชาหน้ากากนักร้องคือเอฟเฟ็กต์ในการขับร้องและการแสดงที่ดีที่สุดซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถทำได้!
ส่วนการถ่ายทำ…
แม้ว่าจะกลัวกล้อง แต่ตอนนี้เขาห่อตนเองด้วยชุดอย่างมิดชิด ไม่ว่ากล้องจะถ่ายอย่างไร ย่อมไม่ส่งผลต่อหลินเยวียนมานัก เขาควรทำอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น
เสียงติ๊งต่องดังขึ้น
ลิฟต์เปิดออก
กล้องเล็งมาที่เขาแล้ว ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่สวมชุดสูทสองคนเข้ามาพยุงหลินเยวียน เนื่องจากหลินเยวียนสวมหน้ากากปิดหน้าไว้ ทั้งร่างยังห่อหุ้มด้วยชุดอย่างแน่นหนา ขณะเดินเหินจึงไม่สะดวกนัก เขาจึงไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่
“เหนื่อยไหมคะ”
“พอไหว”
“ชุดของคุณสวยมากเลยค่ะ ฉันว่าคุณต้องเป็นคนที่หล่อมากแน่ๆ โดยเฉพาะหน้ากาก คุณหาคนมาทำหน้ากากให้โดยเฉพาะใช่ไหมคะ นักร้องหลายคนก็สั่งผลิตหน้ากากเองเหมือนกัน”
“อื้ม”
ถงถงพยายามชวนสนทนา แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ต้องผิดหวัง ไม่ว่าเธอจะเปิดประเด็นอย่างไร หลานหลิงอ๋องคนนี้ก็กลัวดอกพิกุลร่วงอยู่เสมอ
……
ทีมงานรายการห้ามถ่ายทำระหว่างกระบวนการซ้อม การซ้อมนั้นราบรื่นกว่าที่หลินเยวียนคิดไว้ อาจารย์นักดนตรีฝีมือยอดเยี่ยม เพียงแต่หลังจากการฝึกซ้อมจบลง มิวสิกไดเร็กเตอร์ของรายการได้เข้ามาพูดคุยกับหลินเยวียนอย่างอดไม่ไหว “เพลงนี้ อาจารย์หลานหลิงอ๋องเขียนเองหรือครับ”
มิวสิกไดเร็กเตอร์มีชื่อว่าหูย่าเผิง
หูย่าเผิงคนนี้ไม่ธรรมดา เขาคือโปรดิวเซอร์เพลงระดับแนวหน้าของบลูสตาร์ มีฝีมือการบรรเลงเปียโนระดับปรมาจารย์ ขณะเดียวกันยังถนัดเครื่องดนตรีอีกหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดหรือกีตาร์ ทักษะการเรียบเรียงเพลงของเขาได้รับการยอมรับว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยมเหนือมนุษย์ ราชาราชินีเพลงมากมายมักเชิญเขารับหน้าที่มิวสิกไดเร็กเตอร์ในคอนเสิร์ตของตน รายการราชาหน้ากากนักร้องเชิญเขามานับว่าสมศักดิ์ศรี
“อื้ม”
หลินเยวียนจำเป็นต้องหาหนทางเพิ่มคะแนนให้กับตัวตนของหลานหลิงอ๋อง ดังนั้นก่อนถอดหน้ากากอย่างเป็นทางการ นอกจากวงดนตรีแล้ว ด้านหลังช่องของผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลง เขาแทบเขียนไปว่า ‘หลานหลิงอ๋อง’ รวมไปถึงช่องเนื้อร้อง เรียบเรียง รวมไปถึงขับร้องด้วย นี่คือวิธีหนึ่งซึ่งใช้เรียกคะแนนโหวตให้ตนเอง ตามกฎของรายการ
“ร้ายกาจ”
หูย่าเผิงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ถึงจะไม่รู้ว่าหลังหน้ากากนี้คืออาจารย์ท่านไหน แต่การเขียนเพลงเองและนำมาขับร้องด้วยเสียงของตัวเองแบบนี้หาได้ยากจริงๆ นักร้องสายผลิตอย่างคุณมีน้อยเหลือเกิน”
นักร้องสายผลิต!
นี่คือคาแรกเตอร์ซึ่งหลินเยวียนมอบให้หลานหลิงอ๋อง ถึงแม้นักร้องและนักประพันธ์เพลงส่วนมากบนบลูสตาร์จะแบ่งหน้าที่กัน แต่ก็มีนักร้องมากพรสวรรค์บางคนที่ทั้งประพันธ์เพลงและขับร้องเพลงได้ หากอยู่ในนิยายแฟนตาซีตะวันตกคงเรียกว่า ‘ผ่านการบ่มเพาะทั้งด้านเวทมนตร์ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้’
พบเห็นได้น้อยจริงๆ
แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี
หลินเยวียนพยักหน้า
ถงถงพาหลินเยวียนเข้าไปในห้องพักผ่อน จากนั้นก็ชี้ไปยังโทรทัศน์บนกำแพง “อาจารย์หลานหลิงอ๋อง เราสามารถรับชมการแสดงสดได้จากเวที…”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ถงถงเดินไปเปิดประตู
ที่แท้ก็เป็นทีมงานรายการนำสลากมาให้นักร้องจับ เพื่อกำหนดลำดับการแสดงในวันนี้ ถงถงรู้สึกกังวลขึ้นมา “อาจารย์หลานหลิงอ๋องจะจับสลากด้วยตัวเอง หรือจะให้ฉันจับคะ”
“ให้คุณจับ”
หลินเยวียนตอบ
ถงถงพยักหน้า จากนั้นจึงสูดลมหายใจลึก หยิบสลากของหลินเยวียนขึ้นมา หลังจากเปิดดู เธอก็คลี่ยิ้มกว้าง “อาจารย์หลานหลิงอ๋องอยากขึ้นเวทีเป็นคนที่เท่าไหร่คะ”
“ได้หมด”
หลินเยวียนรู้สึกว่าเหมือนกัน
เขาไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายเพราะขึ้นเวทีก่อนคนอื่น สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดไม่ใช่ผู้คนจำนวนมหาศาล หากแต่เป็นกล้องที่จับภาพเขา แต่ถ้าสวมหน้ากาก ความอึดอัดนี้จะหายไปแทบทั้งหมด ดังนั้นจะขึ้นแสดงเป็นลำดับที่เท่าไหร่ก็ได้
“ลำดับที่สามค่ะ!”
ถงถงเปิดเผยความลับ
เมื่อเห็นว่าหลินเยวียนไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง เธอจึงทำได้เพียงพยายามสร้างบรรยากาศ “ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง นักร้องคนแรกก็จะขึ้นเวทีแล้ว วันนี้อาจารย์หลานหลิงอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ระดับไหนคะ…”
“เข้ารอบ”
หลินเยวียนไม่อยากตกรอบ
ถงถงล่าถอยในทันที เธอหนักใจจริงๆ หลานหลิงอ๋องพูดน้อยราวกับกลัวดอกพิกุลทองจะร่วง ต่อให้สนทนากับมิวสิกไดเร็กเตอร์ เขาก็ไม่สะทกสะท้าน
ด้านข้าง
สีหน้าของทีมถ่ายทำก็เต็มไปด้วยความจนใจเช่นกัน นักร้องคนอื่นล้วนแต่ช่างจำนรรจา หลานหลิงอ๋องกลับเงียบเป็นเป่าสาก ราวกับเป็นหลุมดำของรายการ ไร้ซึ่งอรรถรสของรายการบันเทิง
และด้านหลังเวที
ผู้ช่วยผู้กำกับมองดูการถ่ายทำของหลานหลิงอ๋องอย่างจนปัญญา “ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหลานหลิงอ๋องคนนี้เป็นหลุมดำของรายการบันเทิง ถึงเราจะเป็นรายการดนตรี ยังไงก็ต้องฟังเสียงเพลง แต่อาจารย์หลานหลิงอ๋องแทบเก็บฟุตเทจสนุกๆ ไม่ได้เลย…”
ผู้ช่วยผู้กำกับให้ความสนใจกับหลานหลิงอ๋องมาก
เพราะถงถงเป็นญาติกับผู้กำกับถงซูเหวิน ถงซูเหวินจัดสรรให้หลานสาวของตนไปดูแลหลานหลิงอ๋อง ต้องเป็นเพราะหลานหลิงอ๋องคนนี้มีสถานะไม่ธรรมดา ผลปรากฏว่าผู้ช่วยผู้กำกับสังเกตการณ์อยู่นานโข จึงพบว่าหลานหลิงอ๋องคนนี้ไม่ชอบพูดจาเอาเสียเลย ทุกครั้งมีเพียง
“อื้ม อ้อ โอเค…”
แก้ปัญหาได้ด้วยคำสั้นๆ หลานหลิงอ๋องพูดน้อย ท่าทางเย็นชา แต่จะขาดอรรถรสของรายการวาไรตี นั่นทำให้ผู้ช่วยผู้กำกับรู้สึกร้อนใจ ต่อให้นี่เป็นรายการเพลง แต่ก็ต้องมีความสนุกบ้างใช่ไหมล่ะ
หลานหลิงอ๋อง?
ผู้กำกับถงซูเหวินซึ่งจับตาดูการถ่ายทำผ่านจอมอนิเตอร์กลับผุดยิ้ม ผู้ช่วยผู้กำกับยังเด็กเกินไป สิ่งที่เรียกว่า ‘หลุมดำรายการบันเทิง’ ถ้าเกิดขึ้นจนถึงขีดสุด อันที่จริงนี่คืออรรถรสอันทรงพลังของรายการ
ทันใดนั้นเอง
เสียงในหูฟังดังขึ้น สีหน้าของถงซูเหวินเคร่งขรึมขึ้นมา “ผู้ชมประจำที่แล้ว แต่ละฝ่ายเตรียมพร้อม นับถอยหลังครึ่งชั่วโมงก่อนการบันทึกเทปการแสดงเริ่มต้น ยี่สิบนาทีหลังจากนี้จะเชิญนักร้องท่านแรกเตรียมขึ้นเวที พิธีกรทดสอบไมโครโฟนอีกครั้ง…”
“ฝ่ายจัดแสงพร้อม”
“ฝ่ายกล้องพร้อม”
“ฝ่ายเสียงพร้อม”
เสียงรายงานจากแต่ละฝ่ายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงของพิธีกรดังขึ้น “เสียงไม่มีปัญหา ผู้กำกับควรส่งคนขึ้นมาช่วยดึงม่านสองคน ม่านนี้หนักมาก…”
“ฝ่ายสถานที่ขึ้นไปหน่อย”
ผู้กำกับเอ่ยปากพลางมองดูเวลาอย่างตกประหม่า เมื่อเวลาหกโมงเย็นตามที่กำหนดไว้มาถึง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “เริ่มนับถอยหลัง ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง!”
การนับถอยหลังสิ้นสุดลง!
ราชาหน้ากากนักร้องเริ่มต้นขึ้น!
………………………………………………………