Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 46 ผู้บุกเบิก
ตอนที่ 46 ผู้บุกเบิก
‘รับทราบ’
‘รับทราบ’
‘รับทราบ’
‘คืนนี้จะไปอ่านค่ะ’
บรรณาธิการของสำนักพิมพ์เฟลอริชในกลุ่มต่างตอบกลับไป
ส่วนความคิดว่า ‘บ.ก.บริหารไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม’ แน่นอนว่าพวกเขากล้าแค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น ไม่มีใครกล้าป่าวประกาศออกไป
หลังเลิกงาน
บรรดาบรรณาธิการของเฟลอริชก็มุ่งหน้าไปยังร้านหนังสือด้วยความสับสน แต่กลับพบว่าบนป้ายหน้าประตูล้วนแต่เขียนข้อความประกาศเหมือนๆ กัน
เนื้อหาในป้ายคือ
‘ปรินซ์ออฟเทนนิสของร้านเราขายหมดแล้ว พรุ่งนี้เติมของเข้าสต็อก ขออภัยในความไม่สะดวก’
ขายหมดแล้ว?
ร้านหนังสือทำป้ายขึ้นมาโดยเฉพาะ?
ในตอนนี้ บรรณาธิการของเฟลอริชถึงลอบเอะใจว่าสถานการณ์นั้นแปลกชอบกล!
เป็นเพราะถ้าทำให้ร้านหนังสือทำป้ายมาแปะได้ เห็นได้ชัดว่านักอ่านที่ต้องการซื้อปรินซ์ออฟเทนนิสนั้นมีมาก นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนังสือเรื่องดัง!
หมายความว่า…
หนังสือเรื่องนี้ดังแล้ว?
หนึ่งในบรรณาธิการของเฟลอริชมองไปยังเพื่อนร่วมงานด้วยความตกตะลึง “เธอเคยได้ยินนิยายแนวการแข่งขันกีฬาที่ดังมาก่อนหน้านี้บ้างมั้ย”
“ไม่เคยอะ”
เพื่อนครุ่นคิดอยู่นานทีเดียว ในที่สุดก็ส่ายหน้า จากนั้นก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่า “ครั้งแรกในประวัติศาสตร์!”
ยอดขายในร้านหนังสือคือตัวชี้วัดกระแส
หนังสือเล่มไหนดัง หนังสือเล่มไหนไม่ได้เรื่อง ร้านหนังสือรู้ดีที่สุดเสมอ!
และด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของสำนักพิมพ์ใหญ่แต่ละแห่งกับร้านหนังสือ ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะล่วงรู้ยอดขายของปรินซ์ออฟเทนนิส
ดังนั้น อีกหลายวันต่อมา!
สายตาของทั้งวงการล้วนจับจ้องไปยังหนังสือเล่มนี้ รวมไปถึงตัวฉู่ขวงซึ่งเป็นนักเขียนด้วย!
‘นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย’
แม้แต่บรรณาธิการอาวุโสในวงการซึ่งผ่านโลกมามากก็ยังส่งเสียงด้วยความตกใจออกมาอย่างเซ็งแซ่ ‘นิยายแนวการแข่งขันกีฬาถึงกลับทำยอดขายได้มากขนาดนี้’
‘เหลือเชื่อ’
‘นักเขียนหน้าใหม่ชื่อฉู่ขวงคนนี้ที่เขียนปรินซ์ออฟเทนนิสพิสูจน์แล้วเรื่องหนึ่ง ขอแค่เขียนดี ถึงจะเป็นแนวการแข่งขันกีฬาก็จะได้ผลตอบรับที่ดี!’
‘เรียกว่าเป็นผู้บุกเบิกได้เลยสินะ?’
‘แนวการแข่งขันกีฬาก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนเขียน แต่ว่าไม่เคยมีคนเขียนแล้วดังมาก่อน จากเกณฑ์ในวงการแล้ว ใครทำให้นิยายแนวหนึ่งดังได้ คนนั้นก็เป็นผู้บุกเบิกของแนวนั้นเลย เพราะงั้นจะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอก’
‘ใช่แล้ว’
‘ต่อไปน่าจะมีนักเขียนนิยายเขียนแนวการแข่งขันกีฬาตามกระแสอีกมาก ต่อให้เป็นกลุ่มนี้ก็คงยอมรับฉู่ขวงใน ฐานะผู้บุกเบิกนิยายแนวการแข่งขันกีฬา’
‘…’
ไม่เพียงแวดวงบรรณาธิการ
แวดวงนักอ่านก็ถกเถียงเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นวงกว้างเช่นเดียวกัน โพสต์จำนวนมากเกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้สามารถพบเห็นได้ตามเว็บบอร์ดนิยาย
‘แนะนำปรินซ์ออฟเทนนิส!’
‘หนังสือเล่มนี้ผมก็อ่านแล้ว ดีจริงๆ นั่นแหละ’
‘อ่านนิยายแนวแฟนตาซีเยาวชนมาเยอะ ชอบแนวผจญภัยในต่างโลกมาก พอได้อ่านปรินซ์ออฟเทนนิส ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เกิดความสนใจนิยายแนวนี้’
‘ผมคิดว่านิยายแนวผมมันเฉพาะกลุ่มมาก นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ชอบปรินซ์ออฟเทนนิสจะมากขนาดนี้!’
‘ฮ่าๆๆ ผมก็เหมือนกัน เมื่อวานผมแนะนำปรินซ์ออฟเทนนิสกับพรรคพวก ตอนแรกพวกนั้นก็ไม่อยากอ่าน แนวเทนนิสอะไรไม่สนใจเลย จนผมต้องบังคับให้อ่านบทที่หนึ่ง แล้วหนังสือผมก็กลายเป็นของมันเฉยเลย…’
ตลาดหนังสือของฉินโจวก็ร้อนแรงโดยมาตลอด
ถ้าหากพูดถึงเรื่องยอดขายเพียงอย่างเดียว เรื่องที่ยอดขายสูงกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสมีอยู่บ้าง
นักเขียนนิยายเรื่องดังจำนวนมาก ยอดขายเพียงแค่เดือนเดียวก็น่ากลัวมากแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นปรินซ์ออฟเทนนิสก็น่ากลัวตรงที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นนิยายแนวการแข่งขันกีฬาเรื่องหนึ่ง หากใช้
สายตาทั่วไปในวงการมอง นับว่าเป็นแนวเฉพาะกลุ่มเสียยิ่งกว่าเฉพาะกลุ่มอีก แต่ดันได้รับความนิยมจากนักอ่านเหมือนแนวดังๆ แนวอื่น!
นี่เป็นลูกระเบิดของวงการนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะโลกถูกระเบิดราบเป็นหน้ากลอง พลังการสนับสนุนและผลักดันนิยายแนวการแข่งขันแต่ละสำนักพิมพ์ก็ทบทวีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
……
ฮั่นฉีเป็นนักกีฬาเทนนิสคนหนึ่ง
เขาเป็นนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพที่มีชื่อเสียงในฉินโจว
การซ้อมภายในจบลงแล้ว ฮั่นฉีกำลังเดินเล่นอยู่ข้างนอก อยู่ๆ ก็ได้รับข้อความจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งว่า ‘ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเทนนิสสนุกขนาดนี้ พรุ่งนี้นายมีแข่งใช่มั้ย ฉันจะไปดูนายแข่ง อย่าลืมเก็บตั๋วไว้ให้ฉันด้วยนะ!’
‘ได้ ว่าแต่ทำไมจู่ๆ นายก็พูดแบบนี้’
ฮั่นฉีสับสนมาก เพื่อนของเขาคนนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสนใจเทนนิส
หลังจากที่คนเองได้เป็นนักกีฬามืออาชีพ ก็ลากอีกฝ่ายไปดูการแข่งขันเทนนิสสองครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับหาววอด
นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะออกตัวว่าจะดูการแข่งขันเทนนิสอาชีพ
‘ว่าแล้วเชียวว่านายไม่รู้เรื่องนี้!’
เพื่อนพูดว่า ‘ช่วงนี้ฉันอ่านนิยายเรื่องหนึ่งชื่อปรินซ์ออฟเทนนิส นิยายเรื่องนี้เขียนเกี่ยวกับเทนนิส โคตรสนุก ถ้านายว่างก็ไปอ่านได้!’
‘…’
ฮั่นฉีส่งจุดจุดจุดไป จากนั้นตอบ ‘นิยายเกี่ยวกับเทนนิสน่าจะเป็นคนนอกสายอาชีพเขียน นิยายเทนนิสที่
คนนอกสายอาชีพเขียนพรรค์นี้ก็น่าจะหลอกนักอ่านคนนอกสายอาชีพอย่างพวกนายได้’
‘ก็ยังดี’
เพื่อนตอบ ‘ถึงยังไงฉันก็รู้สึกว่าบทบรรยายเกี่ยวกับเทนนิสในเรื่องออกจะโปรอยู่นะ เหมือนกับที่นายบอกฉันเมื่อก่อนเลย’
ฮั่นฉีส่ายหน้า ‘แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ความรู้เรื่องเทนนิสพื้นฐานเสิร์ชนิดเดียวก็เจอแล้ว ในเมื่อคนเขากล้าเขียนนิยายเกี่ยวกับเทนนิส ก็ต้องทำการบ้านมาบ้างแล้วล่ะมั้ง ไม่แน่ว่านักเขียนคนนี้อาจเป็นคนชอบตีเทนนิสก็ได้ ในฉินโจวมีคนตั้งเยอะแยะที่เล่นเทนนิสเป็นงานอดิเรก’
‘ช่างเขาเถอะ’
เพื่อนของเขาไม่คิดจะสนทนาแล้ว ‘ยังไงนายไปอ่านนิยายดูก็รู้ พรุ่งนี้เดี๋ยวทักไป‘
‘ก็ได้’
ฮั่นฉีหลุดหัวเราะ ตนเองเป็นนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพแต่ทำให้เพื่อนรักสนใจเทนนิสไม่ได้ นิยายเรื่องหนึ่งกลับทำได้
ขณะนั้นฮั่นฉีเดินผ่านร้านหนังสือพอดี
ในใจฉุกคิดขึ้นได้ เขาเดินตรงเข้าไปซื้อปรินซ์ออฟเทนนิสที่เพื่อนพูดถึง
ในฐานะนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพ อันที่จริงเขาก็ดีใจที่ได้เห็นผู้คนยินดีอ่านนิยายซึ่งเขียนเกี่ยวกับเทนนิส ใครจะไม่อยากให้อาชีพของตนเองได้รับความนิยมมากขึ้นล่ะ
นักเขียนนิยายแบบนี้ต้องสนับสนุนสักหน่อย
เมื่อกลับถึงหอพัก ฮั่นฉีก็หยิบปรินซ์ออฟเทนนิสออกมาพลิกอ่านอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
“เอ๊ะ?”
อ่านไปได้สองนาที ฮั่นฉีก็ตระหนักได้ด้วยความประหลาดใจ ความรู้เกี่ยวกับเทนนิสในนิยายนั้นมืออาชีพมาก นักเขียนไม่ได้หลอกคนนอกสายอาชีพนี้
ทว่าความรู้เหล่านี้ค่อนข้างพื้นฐาน
ดังนั้นฮั่นฉีจึงลองพลิกดูด้านหลัง ก็พบว่าต่อให้ในนิยายจะเกี่ยวโยงถึงความรู้เรื่องเทนนิสในระดับสูงสักหน่อย เนื้อเรื่องก็บรรยายได้อย่างละเอียดรอบคอบมาก ไม่มีจุดที่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ดูท่านักเขียนจะรอบคอบมาก”
คนที่เล่นเทนนิสเป็นงานอดิเรกทั่วไปไม่มีทางมีความรู้เรื่องเทนนิสมากขนาดนี้!
เขาเริ่มสนใจใคร่รู้ขึ้นมาอีกหลายส่วน จึงเปิดบทที่หนึ่งอ่านอย่างเป็นทางการ เริ่มอ่านตั้งแต่ต้น
ตอนยังเป็นนักเรียน ฮั่นฉีก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการอ่านนิยาย
เพียงแต่หลังจากเรียนจบก็ยุ่งอยู่กับการเล่นเทนนิส เขาเลยไม่ได้อ่านนิยายสักเท่าไหร่ วันนี้ได้มาอ่านนิยายก็คิดเสียว่าเป็นการผ่อนคลายก่อนการแข่งขันก็แล้วกัน
พรึ่บ
หน้าหนังสือซึ่งส่งกลิ่นจางของหมึกพิมพ์พลิกไปทีละหน้าๆ ฮั่นฉียิ่งถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ ถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ …
ในตอนนั้น ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงของนาฬิกาปลุก ฮั่นฉีถึงได้สติกลับมา “เชี่ย กี่โมงแล้วเนี่ย พรุ่งนี้ยังมีแข่งอีก!”
เศร้าจริงๆ ฉันละอยากจะร้องไห้!
ฮั่นฉีถูกปรินซ์ออฟเทนนิสดึงดูดเข้าเต็มเปา แทบอยากอ่านให้จบรวดเดียวให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ถ้าหากอ่านนิยายเรื่องนี้จนจบ คืนนี้ก็อาจพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อฟอร์มในการแข่งขันได้ง่าย
“แข่งจบค่อยอ่าน!”
ฮั่นฉีกัดฟันกรอดด้วยความฝืนทน ปิดหนังลือลง ก่อนจะปิดไฟนอนด้วยพลังความอดกลั้นอันมหาศาล
……………………………………