Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 465 เปิดกล่องสมบัติทองคำ
“ทุกท่าน”
หลังจากเปิดหน้ากากหน้าเวที
ผู้กำกับถงซูเหวินก็ให้สัญญาณหยุดการถ่ายทำ จากนั้นจึงกล่าวว่า “พูดหัวข้อเมื่อกี้ของพวกเราต่อ ที่จริงต่อให้หลูอวี่เหมิงไม่พูดถึง ผมก็คิดว่าจะคุยกับพวกคุณเรื่องระบบการแข่งขันหลังจากนี้…”
หมูน้อยฉีฉีเปิดหน้ากากแล้ว
ถงซูเหวินจึงเผยไต๋ “หลูอวี่เหมิงไม่ได้เดาผิด หลังจากนี้รายการราชาหน้ากากนักร้องจะมีการแข่งขันระบบทีม ในการแข่งขันสองสัปดาห์หลังจากนี้ ถ้าพวกคุณยังไม่ตกรอบ จะถูกตั้งเป็นทีมที่หนึ่งของรายการเรา”
“สองสัปดาห์?”
หงส์ขาวจับประเด็นสำคัญ
ถงซูเหวินพยักหน้า “การคัดเลือกทีมจะผ่านการทดสอบสี่รอบ พวกคุณผ่านการทดสอบมาสองสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว อีกสองสัปดาห์ก็จะครบหนึ่งเดือน พอถึงตอนนั้นจะเป็นคิวในการคัดเลือกทีมที่สองแล้ว หลักการคัดเลือกของเราคือทุกทีมมีสมาชิกห้าคน และรับประกันว่าจะมีราชาราชินีเพลง แน่นอนว่าถ้าราชาราชินีเพลงถูกคัดออกไปก่อนก็ปล่อยไป เราจะไม่เพิกเฉยต่อหลักการเพียงเพราะสถานะราชาราชินีเพลง”
“น่าสนใจ”
หุ่นยนต์เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
ถงซูเหวินเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “นักร้องที่สมัครเข้ามาในรายการมีเยอะมาก และเรายังไม่ได้ปิดช่องทางการสมัคร ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วจะมีทั้งหมดกี่ทีมเรายังไม่มั่นใจ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ สัปดาห์ถัดไปจะมีนักร้องมาเสริมอีกสองคน ยังคงใช้รูปแบบการแข่งแบบจัดอันดับหกคน คนที่ได้อันดับสุดท้ายตกรอบ อีกห้าคนรอด”
“ไม่มีคนที่ต้องรอ?”
“อื้ม สัปดาห์ที่สามกับสี่จะไม่มีคนที่ต้องรอ แต่สัปดาห์ที่สี่จะเพิ่มการแข่งขันให้กับนักร้องที่จำนวนรอบการแข่งขันค่อนข้างน้อย จะให้นักร้องเสริมผ่านเข้ารอบทันทีเพียงเพราะทำผลงานได้โดดเด่นในรอบเดียวคงไม่ได้ อีกฝ่ายจะต้องผ่านการตัดสินจากคะแนนโหวตด้วยเพลงเสริม…”
ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
นักร้องเสริมเข้ามากลางทาง พวกหลานหลิงอ๋องแข่งมาตั้งหลายรอบ ถ้านักร้องเสริมผ่านเข้ารอบเพราะชนะเพียงรอบเดียวจะไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน ทีมรายการยังคงดำเนินระบบการแข่งขันที่ยึดมั่นในความยุติธรรม…
“…”
ถงซูเหวินอธิบายสถานการณ์ ทุกคนสนทนากันสักพักก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไป สัปดาห์แรกไม่มีช่วงสนทนา ทว่าหลังจากที่ทุกคนรู้ว่าต่อจากนี้จะมีการแข่งขันในรูปแบบทีม ต่างคนจึงต่างอยากรู้จักกันมากขึ้น เพราะหลังจากนี้ทุกคนอาจกลายเป็นเพื่อนร่วมทีม แต่มีเงื่อนไขคือจะต้องไม่ถูกนักร้องเสริมในสัปดาห์ที่สามและสี่เข้ามาแทนที่ได้
หลินเยวียนไม่ได้ไปบริษัท
แต่ตรงกลับบ้านในทันที
เขาจำเป็นต้องหาเวลาฝึกฝนทักษะในการร้องเพลง ถึงแม้จะแลดูคล้ายกับต้องรีบร้อนเพราะจวนตัว ทว่าทักษะการร้องเพลงที่จำเป็นต้องฝึกฝน ย่อมต้องฝึกฝน ต่อให้พัฒนาได้เพียงเล็กน้อยก็ตามแต่…
“หงส์ขาวแข็งแกร่งมาก”
“หุ่นยนต์ก็แข็งแกร่งเหมือนกัน”
“ต่อให้เป็นนักร้องที่มาเสริมในวันนี้อย่างปลาปักเป้า ลำพังแข่งกันด้านทักษะการร้อง ฉันก็ไม่ใช่คู่แข่งแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเป็นนักร้องแถวหน้าที่ถนัดการแข่งขันมาก คู่แข่งแบบนี้ต่อให้เป็นราชาราชินีเพลงก็ต้องระวัง บวกกับนักร้องเสริมที่ระดับฝีมือยังไม่แน่ชัด ทำให้ระดับความยากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ”
หลินเยวียนรู้อยู่แก่ใจดี
ทักษะการร้องเพลงของตนไม่เพียงพอจริงๆ ต่อให้ตอนนี้ยังมีโอกาสคว้าอันดับหนึ่ง แต่เมื่อระดับความยากของการแข่งขันเพิ่มขึ้น ไม่ช้าก็เร็วเขาคงต้องตกรอบ เพราะราชาราชินีเพลงยังไม่ได้สำแดงฝีมือที่แท้จริงออกมาทั้งหมด
ตนมีไพ่ตาย!
คนอื่นก็มีเหมือนกัน!
สิ่งเดียวที่หลินเยวียนเสียดายก็คือ คลังเพลงของระบบมีเพลงที่สามารถระเบิดเวทีนับไม่ถ้วนแล้วแท้ๆ ถึงขั้นที่มีเพลงระดับปืนใหญ่ด้วยซ้ำ ถ้าปาออกไปสักลูกย่อมสามารถสั่นสะเทือนทั้งเวทีได้อย่างแน่นอน แต่เนื่องจากข้อจำกัดในทักษะความสามารถของเขาเอง จึงมีหลายเพลงที่หลินเยวียนรับมือไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงเลือกผลงานที่ใช้ทักษะการร้องไม่สูงนัก ที่เลือกเพลง ‘เด็กชาย’ มีหรือจะไม่ใช่เพราะจนใจเช่นนี้?
ภรรยาที่เฉลียวฉลาดยังทำอาหารไม่ได้หากปราศจากข้าวสาร[1]!
มีเครื่องบิน มีปืนใหญ่ได้ ถ้าจำเป็นต่อให้เป็นระเบิดปรมาณู พ่อเพลงคนนี้ก็สามารถผลิตออกมาได้ แต่ต่อให้หลินเยวียนสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ เขากลับใช้มันไม่ได้!
พูดไปใครจะเข้าใจ
มีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง!
บางครั้งหลินเยวียนก็รู้สึกสังเวชใจเช่นกัน “ถ้าเสียงฉันไม่พัง ใช้เวลาช่วงไม่กี่ปีนี้ฝึกฝน อาศัยพรสวรรค์ของเจ้าของร่างเดิม ต่อให้ตอนนี้ไม่ใช่ราชาเพลง อย่างน้อยคงต้องอยู่ระดับนักร้องแถวหน้า และนักร้องแถวหน้าก็สามารถรับมือกับเพลงที่ระดับความยากสูงพวกนี้ได้…”
ทักษะการร้องเพลงคือการบำเพ็ญตบะอย่างหนึ่ง
นักร้องคนอื่นฝึกฝนมาโดยตลอด ทักษะในการร้องเพลงของพวกเขาจึงพัฒนา พรสวรรค์ของหลินเยวียนน่ากลัวมาก มีทักษะการร้องเพลงเทียบเท่ากับนักร้องแถวสองตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ถ้าหากได้ฝึกฝนตามปกติ ตอนนี้ถ้าไม่ใช่ราชาเพลง อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักร้องแถวหน้า
แต่เสียงของเขาเสียหาย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เสียงของเขาพัง ทักษะการร้องเพลงของหลินเยวียนยังคงหยุดอยู่กับที่และยังอยู่ในระดับนักร้องแถวสอง แม้ว่าระบบจะชดเชยให้หลินเยวียนด้วยเสียงผู้หญิงและเสียงแหบ แต่สำหรับการแข่งขันหลังจากนี้ก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับทักษะในการร้องเพลงของเขา
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องขาดทุน
การชดเชยด้วยเสียงผู้หญิงและเสียงแหบอาจไม่ได้มีส่วนช่วยในการแข่งขันมากเท่าทักษะในการร้องเพลง แต่ทักษะการร้องเพลงสามารถพัฒนาได้ ทว่าเสียงผู้หญิงและเสียงแหบโดยธรรมชาตินี้ไม่สามารถเกิดขึ้นจากการฝึกฝนได้ คนเราต้องมองให้ไกล
หลินเยวียนปลอบใจตนเอง
เขาอยากถือโอกาสทำผลงานให้ดีในช่วงที่การแข่งขันยังไม่ดุเดือด หลินเยวียนยังไม่พอใจกับอันดับที่สามในสัปดาห์นี้ แต่ความผิดอยู่ที่หลินเยวียนเอง เพลงที่เลือกนั้นไม่เหมาะสมกับการแข่งขันบนเวที
นี่เป็นเรื่องปกติ
หงส์ขาวเป็นราชินีเพลง ในสัปดาห์นี้ถึงกับได้อันดับสี่ ต้นตอของปัญหานั้นคล้ายกับหลินเยวียน แต่คะแนนจากคณะกรรมการตัดสินของหงส์ขาวก็ต่ำเช่นกัน ปัญหานี้อยู่ที่เปียโน
ฝีมือเปียโนของหลินเยวียนยอดเยี่ยมมาก!
ฝีมือเปียโนของหุ่นยนต์ก็ดีมากเช่นกัน!
เมื่อเปรียบเทียบกันทั้งสามคน ทักษะการบรรเลงเปียโนของหงส์ขาวซึ่งเดิมทีนับว่าใช้ได้ เป็นอันลดฮวบขึ้นมาทันตาเห็น คณะกรรมการตัดสินจึงไม่ได้โหวตให้หงส์ขาวด้วยเหตุผลนี้
คาดการณ์ได้ว่า
ในการแข่งขันรอบต่อไป หงส์ขาวจะไม่เลือกเพลงที่มีศักยภาพในการแข่งขันต่ำเช่นเดียวกับหลินเยวียน จะ ขายหน้ามากถ้าหากราชินีเพลงตกรอบก่อนการคัดเลือกทีม
เมื่อได้ข้อสรุป
หลินเยวียนกำลังจะเข้ามิติเสมือนของระบบเพื่อฝึกร้องเพลง ปรากฏว่าจู่ๆ ก็พลันได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้า เสียงจักรกลของระบบดังขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่บรรลุเงื่อนไขในการเปิดกล่องสมบัติทองคำ…”
หลินเยวียนตะลึงงัน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลืมว่าตนยังมีกล่องสมบัติทองคำอยู่หนึ่งใบ แต่กล่องสมบัติทองคำไม่สามารถเปิดเองได้ จำเป็นต้องบรรลุเงื่อนไขบางประการจึงจะได้ แต่ระบบเจ้ากรรมดันไม่ยอมบอกหลินเยวียนว่ากล่องนี้ต้องใช้เงื่อนไขอะไร
“หัวใจในการแข่งขัน!”
ระบบคล้ายว่าจะเดาความคิดของหลินเยวียนออก จึงอธิบายว่า “นี่เป็นเพราะโฮสต์ปรารถนาชัยชนะ ดนตรีอาจไม่มีแบ่งแยกสูงต่ำ แต่การแข่งขันถูกลิขิตมาให้มีการแพ้ชนะ ความรักและการแสวงหาที่โฮสต์มีต่อดนตรี ก็คือเงื่อนไขในการเปิดกล่องสมบัติทองคำใบที่สอง ไม่ทราบว่าโฮสต์จะเปิดตอนนี้เลยหรือไม่?”
“เปิดเลย!”
หลินเยวียนตอบโดยไม่ลังเล!
ครั้งนี้คือสายฝนที่ตกทันการณ์ เงื่อนไขเกี่ยวข้องกับดนตรี เพราะฉะนั้นรางวัลในกล่องสมบัติทองคำจะต้องเกี่ยวข้องกับดนตรีเช่นกัน ตอนนี้หลินเยวียนต้องการไพ่ตายมากกว่าเดิม!
ใช่แล้ว!
ต่อให้รู้แต่แรกว่าเพลงเด็กชายคงคว้าอันดับหนึ่งไม่ได้ แต่อันดับสามที่ได้มาในท้ายที่สุดกลับทำให้หลินเยวียนเศร้าใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความรู้สึกของเฟ่ยหยางและเฉินจื้ออวี่ขึ้นมา
“วาบ!”
เบื้องหน้าของหลินเยวียนมีแสงสีทองสว่างวาบ จากนั้นเสียงลมหายใจของใครบางคนถี่กระชั้นขึ้น รางวัลในกล่องสมบัติทองคำใบที่สองปรากฏขึ้นแล้ว…
………………………………………………….
[1] ภรรยาที่เฉลียวฉลาดยังทำอาหารไม่ได้หากปราศจากข้าวสาร เปรียบเปรยว่า ถ้าหากปราศจากเงื่อนไขที่จำเป็น ต่อให้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดก็ยังไม่สามารถทำสำเร็จ