Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 467 เพลงต่อไปสำเร็จแล้ว
วันต่อมา
หลินเยวียนไปยังกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมน
หลังจากมาถึงกองถ่าย ร่างอันคุ้นเคยก็วิ่งเข้ามาหา
“หลินเยวียน”
“ไม่เจอกันนาน”
หลินเยวียนคลี่ยิ้ม
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้า ก็คือนักแสดงนำเรื่องสไปเดอร์แมนซึ่งหลินเยวียนกำหนดไว้ตายตัว
เจี่ยนอี้
ชุดที่เจียนอี้สวมอยู่ในขณะนี้แลดูตลกมาก มีลายและจุดเต็มไปทั้งตัว
นี่คืออุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายทำด้วยกรีนสกรีน ใช้สำหรับจับการเคลื่อนไหวของเจี่ยนอี้
เจี่ยนอี้พูดติดตลก “ต้องให้ฉันเป็นพระเอกให้ได้ เพราะอยากแกล้งฉันหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่า”
หลินเยวียนตอบอย่างจริงจัง
เจี่ยนอี้ “…”
นายตอบซะจริงจังขนาดนี้ เล่นเอาฉันไปต่อไม่ถูกเลย
เขามองไปยังสตันต์แมนซึ่งอยู่ด้านข้าง เอ่ยอย่างอิจฉา “ชุดนี้นายออกแบบเองเหรอ?”
“อื้ม”
หลินเยวียนเองก็มองไปยังสตันต์แมนด้านข้าง
สตันต์แมนคนนั้นกำลังสวมชุดสไปเดอร์แมนเข้ารูป
ชุดนี้ใช้สีโทนแดงและน้ำเงินเป็นหลัก แซมด้วยใยแมงมุมและสัญลักษณ์ลายแมงมุมบนหน้าอก
หลินเยวียนรู้สึกว่าชุดนี้คือชุดที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของสไปเดอร์แมน
“เท่สุดๆ น่าเสียดายที่ฉันได้ใส่แค่ไม่กี่ครั้ง”
ส่วนมากสตันต์แมนจะเป็นคนสวมใส่ เพราะการเคลื่อนไหวของสตันต์แมนนั้นสวยงามกว่า นี่ไม่ใช่ระดับที่เจี่ยนอี้จะแตะถึงด้วยความพยายามของตน
อันที่จริง ชุดเกราะซึ่งปิดหน้าในมาร์เวล ก็มักจะถูกสวมใส่โดยสตันต์แมนในการถ่ายทำเช่นกัน
หลินเยวียนพยักหน้า
เท่จริงๆ นั่นแหละ
ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร สิ่งแรกที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบคือรูปลักษณ์
ทำไมฮัลค์ถึงไม่โด่งดัง
เพราะฮัลค์ไม่หล่อมากพอ ทั้งร่างมีแต่มัดกล้ามเนื้อสีเขียว
ดูสไปเดอร์แมน ไอรอนแมน แล้วก็กัปตันอเมริกา…
ไม่นับกัปตันอเมริกาแล้วกัน
ตัวละครนี้ค่อนข้างพิเศษ วันๆ ถือแต่โล่ต้องคำสาปที่ ‘สูสีกับทุกคน’
เมื่อมีโล่นี้ จึงต้านทานความเสียหายจากธานอสได้ชั่วขณะ
หลังจากชุดเท่แล้ว ก็เพิ่มเสน่ห์ของตัวละครเข้าไป เพื่อเสริมซึ่งกันและกัน
“จริงสิ”
จู่ๆ เจี่ยนอี้ก็เอ่ยขึ้น “นายดูราชาหน้ากากนักร้องใช่ไหม?”
“หืม?”
หลินเยวียนยังคิดว่าเจี่ยนอี้จะจำตนได้ซะอีก ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สักหน่อย
“ฉันอยากจะถามนายน่ะ ว่าหลานหลิงอ๋องคนนี้คือใคร เหมือนนายมาก แต่น่าจะไม่ใช่นาย แต่เป็นคนที่ชอบเสียงแบบนาย”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะนายร้องเสียงผู้หญิงไม่ได้”
หลินเยวียน “…”
เสียงนี้สร้างความสับสนได้มากจริงๆ
เจี่ยนอี้ก็ช่างอยากรู้อยากเห็น “คงไม่ได้เป็นผู้หญิงจริงๆ หรอกล่ะมั้ง?”
หลินเยวียน “ความลับ”
เพศของหลานหลิงอ๋องเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์มาโดยตลอด
ร้องทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิงได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนทุกคนแยกไม่ออกว่าเสียงไหนเป็นเสียงจริง
เจี่ยนอี้เบ้ปาก
ในขณะนั้น กองถ่ายก็เรียกเจี่ยนอี้ไป
เจี่ยนอี้ขานรับ ก่อนจะรีบวิ่งไป
ส่วนผู้กำกับอี้เฉิงกงก็เข้ามาหาหลินเยวียน กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“เขาเหมาะกับบทสไปเดอร์แมนมาก ยังหนุ่มยังแน่น มีชีวิตชีวา สนุกสนานร่าเริง”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาควานหาภาพยนตร์เรื่องนี้ในคลังภาพยนตร์ และรู้สึกว่าเจี่ยนอี้แสดงบทนี้แล้วไม่รู้สึกขัดเขิน
หลินเยวียนอยู่ในกองถ่ายจนถึงบ่ายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังบริษัท
เข้าไปในห้องทำงาน
หลินเยวียนเริ่มขบคิดเกี่ยวกับเพลงในเวทีต่อไป
ตอนนี้ทักษะในการร้องเพลงพัฒนาขึ้นแล้ว ทั้งยังมีเสียงสูงเป็นอาวุธลับ เพลงที่หลินเยวียนสามารถเลือกได้นั้นมีมากเหลือเกิน
ทว่า…
นั่นไม่ได้หมายความว่าหลินเยวียนสามารถเลือกเพลงได้ตามใจชอบ
เหมือนกับที่หลินเยวียนรอบคอบมากในการปล่อยเพลงช่วงแรกๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกชำแหละเพื่อศึกษา หลินเยวียนจึงจงใจควบคุมความถี่
จนกระทั่งหลังจากกลายเป็นพ่อเพลงตัวน้อยที่ทุกคนยอมรับ จึงปล่อยผลงานได้อย่างอิสระ
เช่นเดียวกับการร้องเพลง
เป็นไปไม่ได้ที่หลินเยวียนจะแสดงความสามารถในการร้องเพลงที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่การเซอร์ไพรส์แต่เป็นชวนตกใจเสียมากกว่า
ง่ายกว่าที่จะอธิบายอย่างคลุมเครือ
ตนจำเป็นต้องมีวิถีทางในความก้าวหน้า และพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกว่า ‘หลานหลิงอ๋องเก็บซ่อนความแข็งแกร่งไว้’ อีกทั้งกำลังก้าวหน้าอยู่เรื่อยๆ
นั่นทำให้ขอบเขตการเลือกเพลงของหลินเยวียนแคบลง
แต่ว่า…
ไม่ว่าคุณจะจำกัดขอบเขตให้แคบลงแค่ไหน จำนวนเพลงที่เข้าข่ายตอนนี้ก็สูงกว่าสองประเด็นก่อนหน้านี้มาก
“งั้นจะใช้เสียงแบบไหนดีล่ะ…”
หลินเยวียนเขียนสามคำลงบนกระดาษ
‘เสียงผู้ชาย’ ‘เสียงผู้หญิง’ ‘เสียงแหบ’
สุดท้าย หลินเยวียนเลือกวงคำว่า ‘เสียงแหบ’
เสียงผู้หญิงและเสียงผู้ชาย ทุกคนเคยได้ยินมากเกินไปจะขาดความรู้สึกสดใหม่
เสียงแหบถึงแม้ว่าจะได้แสดงเพลงเด็กชายมาแล้ว แต่ผู้ชมยังสัมผัสได้ไม่เต็มที่
เมื่อการแสดงจบลง หลินเยวียนคอยสังเกตปฏิกิริยาของผู้ชม
เขาพบว่า ผู้ชมหลายคนล้วนมีท่าทีสับสน ต่างจากกรรมการตัดสินซึ่งมีท่าทีตกตะลึง
ทุกคนคล้ายกับว่าไม่สามารถแบ่งแยก ‘เสียงผู้ชาย’ และ ‘เสียงแหบ’ ได้อย่างชัดเจน
เพราะนี่เป็นเสียงผู้ชายเหมือนกัน?
บางทีนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้อันดับของหลินเยวียนไม่สูง
หลินเยวียนจำเป็นต้องเพิ่มส่วนของ ‘เสียงแหบ’ เข้าไป ให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงเสียงที่สามของตนในทันที!
เพื่อเน้นย้ำความรู้สึกนี้ หลินเยวียนถึงขั้นคิดว่าในเวทีต่อไปจะใช้เพียงเสียงแหบ และไม่ใช้อีกสองเสียง
“นอกจากนั้น…”
“เพลงในเวทีต่อไป จะต้องมีศักยภาพในการแข่งขันสูงมากพอจนผู้ชมชอบ!”
“ระบบเปิดคลังเพลง”
หลินเยวียนคิด พลางเข้าไปในคลังเพลงของระบบ และเริ่มหาเพลง
เขามองข้ามเพลงผู้หญิงในทันที
สุดท้ายแล้วหลินเยวียนก็เลือกเพลงเก่าจากโลกเดิม แววตาของเขาฉายแววหวนคิดถึง ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง
เหมือนว่ามีบางอย่างยังไม่เพียงพอ
ถึงแม้เพลงนี้จะยอดเยี่ยมมาก แต่รูปแบบของเวอร์ชันนี้เก่าเกินไป ผู้ชมฟังแล้วอาจไม่สนุกตาม
ค้นหากันต่อไป
ทันใดนั้นหลินเยวียนก็ดวงตาเป็นประกาย “ที่นี่มีเวอร์ชันดัดแปลงใหม่ ผลลัพธ์ดีทีเดียว นับว่าเป็นหนึ่งในผลงานคัฟเวอร์ที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ เพียงแค่ส่วนภาษาถิ่นในแร็ปจะเก็บไว้ดีไหมนะ…”
ขบคิดอยู่หลายที
หลินเยวียนตัดสินใจไม่เก็บไว้
เพลงเวอร์ชันต้นฉบับ เรียบเรียงเพลงให้มีชีวิตชีวามากขึ้นเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น!
เพลงต่อไป จะเป็นเพลงเก่าจากโลกเดิมซึ่งนำมาเรียบเรียงใหม่!
และความบังเอิญก็คือ เพลงนี้เคยปรากฏบนเวทีการแข่งขันมาแล้ว!
และที่สำคัญที่สุดก็คือ!
หลินเยวียนชอบเนื้อเพลงนี้มาก!
“เพลงนี้น่าจะระเบิดเวทีได้มากพอ ร่องรอยของเสียงแหบถึงแม้จะเบาบาง แต่อารมณ์ได้ ต่อให้ผู้ชมได้ฟังครั้งแรก ก็จะต้องชอบแน่ๆ นอกจากนั้นยังไม่ต้องใช้มาตรฐานในการร้องสูงมากนัก แค่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าฉันมีพัฒนาการในทักษะการร้องก็พอ”
หลินเยวียนตัดสินใจ
จึงเริ่มทำเพลง
ไม่กี่วันหลังจากนั้น หลินเยวียนยังคงรักษาความถี่ในการแวะเวียนไปยังกองถ่าย ช่วงบ่ายทำเพลงในบริษัท และกลับบ้านไปกินอาหารเย็นในช่วงเย็น
ไม่ทันไร
วันอาทิตย์ก็มาถึง
ในวันนี้เพลงของหลินเยวียนสำเร็จ และส่งให้ทีมงานรายการแล้ว ส่วนตนก็เลิกงานกลับบ้าน
ขณะกินอาหารเย็น
หลินเซวียนพี่สาวเปิดโทรทัศน์ เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ในที่สุดราชาหน้ากากนักร้องตอนที่สองก็ออนแอร์แล้ว!”
“ได้ฟังเพลงแล้ว!”
พี่สาวและน้องสาวแววตาเป็นประกาย สมาชิกในครอบครัวเป็นแฟนรายการตัวยงของราชาหน้ากากนักร้อง ผู้ที่ชื่นชอบรายการนี้มีมากเหลือเกิน และไม่แบ่งแยกอายุด้วยซ้ำไป
………………………………………………..